อินเดียไปก็หลายครั้ง ก็ยังตื่นเต้นอยู่ เพราะไม่เคยเดินทางไปซ้ำที่เดิมเลย แต่ครั้งนี้ตั้งใจจะไปให้ตรงกับช่วงเทศกาล Holi ที่เป็นประเพณีเล่นสาดสี คล้ายสงกรานต์บ้านเรา ไหนๆ ก็จะไปในแนวสีสันกันแล้ว ต้องเลือกเมืองที่มีแลนด์มาร์คมีสีสันให้เข้ากับบรรยากาศงาน Holi กันหน่อย กับ 2 เมือง แห่งราชสถาน คือ Jodhpur (เมืองสีฟ้า) Jaipur (เมืองสีชมพู)


ตามไปเที่ยวด้วยกันนะคะ อินเดียไม่ค่อยเพลีย เที่วแล้วยัง 🙂

อินเดียครั้งนี้ไปกันเองตามประสา 2 ชะนี ไม่ค่อยมีแผนอะไร ตามสะดวกและตามสภาพ ส่วนเรื่องที่พักและเที่ยวก็ไปชิลๆ ตามสภาพหน้างาน ไปได้เรื่อยๆ สบายๆ ไม่รีบ แต่ให้เอาตัวรอดปลอดภัยกลับมาครบ 32 ก็พอ ถึงแม้จะไปอินเดียหรือเดินทางต่างประเทศกันบ่อย เราก็ต้องดูแลตัวเองและระมัดระวังตัวด้วยนะ


*** ก่อนเดินทางไปอินเดียเตรียมตัวยังไงบ้าง ***

1. ทำวีซ่าอินเดียแบบ E Visa ง่ายๆ ใช้เวลาอนุมัติไม่เกิน 3 วันค่ะ ได้แบบ Double ด้วย

2. ใช้เงินสกุลรูปี แลกจากไทยไปได้เลย คิดค่าเงินง่ายๆ เงินรูปีหารสองเท่ากับเงินไทย ควรจะมีแบงค์ย่อยไว้ด้วย คนอินเดียไม่ค่อยชอบทอนเงิน ^^

3. ปลั๊กไฟ หัวปลั๊กเป็นหัวกลม ให้พก Adapter ไปด้วย

4. ยาสามัญประจำตัว หน้ากากอนามัย ทิชชูแห้งและเปียก

5. ขนม ลูกอม ไว้สำหรับแจกเด็ก เวลาขอถ่ายรูป

6. Print เอกสารผลการอนุมัติวีซ่า Booking ตั๋วเครื่องบินทุกขา ถ่ายรูปหรือถ่ายเอกสารหน้า Passport ติดไว้ด้วย และถ้าต่อเครื่องในประเทศต้องเก็บ Boarding pass ขาจากไทยไว้ด้วยอย่าเพิ่งทิ้ง เพราะ ตม.จะขอตรวจพร้อมกับ Visa


บินด้วยสายการบิน Jet Airways เป็นครั้งแรก ไม่ใช่ Low cost ถ้ามีตั๋วโปรโมชั่นก็จองกันได้ ^^ บินไปลงเมือง Jodhpur แต่ต้องต่อเครื่องที่เมือง Mumbai ขากลับจากเมือง Jaipur ต่อเครื่องที่ Mumbai เช่นเดิม มันก็จะสนุกหน่อยๆ นะ ได้เที่ยวสนามบินมุมไบที่ยิ่งใหญ่อลังการไปด้วย


อันนี้ถ่ายอาหารที่เสิร์ฟบนเครื่องมาให้ชมกัน ซ้อมกินอาหารอินเดียและให้คุ้นกับรสชาติไว้ก่อน อิอิ


มาถึงเมือง Jodhpur ฉายาเมืองสีฟ้า เราวางแผนว่าจะค้างที่เมืองนี้ 2 คืน จะได้เล่นสาดสี Holi ด้วย เราพักที่นี่ Search หาจากเวบมีหลายดาวดีนะ เลือกเลยไม่คิดอะไรมาก ชื่อก็อ่านยาก ตามป้ายเลยจ้า HostelAvie อิอิ


ชอบนะ ที่พักชิล แนวดี มีทั้งแบบห้องนอนรวมแบบดอม และห้องส่วนตัว


มีพื้นที่ส่วนรวมให้นั่งเล่น


สะดวกมุมไหนก็ตามสบาย


ดาดฟ้าเป็นแบบนี้นะ ส่วนวิวด้านหลังนั้นก็คือ Mehrangrah Fort ไว้เราจะพาเข้าชมด้วยนะ


ค่ำๆ ก็จะบรรยากาศประมาณนี้


เช้าวันนี้มีเวลาเยอะ เหลือๆ ได้ตะลอนทั้งวันด้วยรถตุ๊กตุ๊กแบบนี้ ถ้าร้อน เหนื่อย ก็แวะเข้าคาเฟ่ จิบชา หาร้านที่มี wifi เล่นเนต โพสต์รูป ชิลเกิ๊นนนนน


ณ จุดนี้จะมาบ่อยมาก เดินมาจากที่พัก มานั่งเล่นจิบชา และส่องวิถีชีวิตของชาวอินเดียที่ตลาดนี้ Sardar Market


เริ่มชินกับตลาดกันแล้ว ก็เริ่มจะซื้อของกันบ้าง กองผ้านี่ละเหมาะกับเรา ขายผ้าอย่างถูกเลยนะคะ ชุดละ 25-50 บาท อยู่ที่จะต่อรองราคาได้แค่ไหน ซื้อเยอะก็ได้ลดราคาเยอะ


เล่นกับเด็กก็ยังได้


ลงไปคลุกคลีช่วยขายผ้าด้วยกันซะเลย สอยมาได้ 2 ชุด อุดหนุนๆ


เพราะเป็นจุดศูนย์กลางของเมืองเก่า จะพบได้ทุกสิ่งอย่าง พี่วัวก็มาเดินเล่นรวมๆ กันได้


เดินเล่นรอบเมืองกันบ้าง ตามหาเมืองสีฟ้าไปเรื่อยๆ ระหว่างเดินก็มีคนมาแต้มสีให้บ้างพร้อมด้วยคำพูด Happy Holi


เจอแล้ว บ้านสีฟ้าสีขาวสไตล์อินเดีย ^_^ บ้านก็แบบแขรอะ เลอะ ตามสไตล์อินดี้ ไม่ต้องไปไกลถึงซานโตรินี่ มาที่ Jodhpur นี้ก็ได้แฮะ


ร้านขายของสดก็จะสดกันบ้าง นอนรอกันเลยทีเดียว


ร้านขายของชำ


ร้านขายของที่ระลึก


ร้านขายกระเป๋า


ร้านขายชา ซึ่งคนอินเดียจะชอบกินชา และเป็นชานมด้วยนะคะ Tea time


ไปตามซอกซอยเรื่อยๆ ทักทายและเดินถ่ายรูปเล่น


ตากผ้าก็แนวดีนะ ตากได้ทุกทีที่มีเส้นสาย ตามสายไฟข้ามถนนกันเลย แบบนี้ก็ได้เหร๋อ ^^


จุดนี้ที่นี่คือ Toorji Ka Jhalra Step Well เป็น Heritage Building จะมีเด็กๆ วัยรุ่นมารวมตัวกัน และก็กระโดดน้ำโชว์ อยู่ไม่ไกลจากตลาดตรงหอนาฬิกา


แล้วได้เวลาหิว ก็ต้องตามหาไก่มากินให้ได้ แล้วเราก็เจอไก่ทิตก้า Chicken Tikka ที่ตามหา ไก่ย่างบ้านเรานั่นละแต่ใส่เครื่องเทศมาซาล่าเข้าไปจะได้มีกลิ่นแขก


จะบอกว่าหาไก่กินยากมาก เพราะเมืองนี่จะเป็นเป็นฮินดู แต่ไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็น อาหารส่วนมากก็จะเน้นผัก เราก็ให้คนขับตุ๊กตุ๊กพาไปหาไก่กินจนได้ อิ่มและได้โปรตีน มีพลังงานแล้วค่ะ ออกตะลอนต่อได้ >**<


เช้าอีกวัน เราอยากจะมีเวลานานหน่อย เข้าไปเที่ยวใน Mehrangrah Fort มองเห็นจากบน Rooftop ที่พักทุกวัน เป็นป้อมปราการโบราณ ที่ตั้งอยู่กลางย่านเมืองเก่า Jodhpur เป็นป้อมที่ใหญ่ม๊ากกกกก ทอดยาวข้ามภูเขา และภายในเป็นพระราชวังที่ยิ่งใหญ่อลังการ มีค่าเข้าชม 600 รูปี เปิดเวลา 9.00-17.00 น.


รอเวลาเปิด ชมเมืองกันก่อนเข้าวัง


การมาอยู่ที่อินเดีย เราก็จะเป็นเหมือนดาราซุปเปอร์สตาร์ ไปไหนก็จะมีคนมาขอถ่ายรูปด้วย บ้างก็ขอเซลฟี่


เข้ามาข้างในก็ยิ่งใหญ่อลังการ


มองเห็นเมือง Jodhpur สีฟ้าอีกฝั่ง รู้สึกว่าฝั่งทางนี้จะสีฟ้าเยอะกว่านะ


จบพาร์ทเที่ยวเมือง Jodhpur อยากให้ตามไปชมบรรยากาศเล่นสาดสีที่เมืองนี้ด้วยนะคะ คลิกๆ https://blog.traveloka.com/th/contributor/holi-the-festival-of-colours/ สนุกสนานน่ารักด้วย โดยรวมแล้วเราชอบเมืองนี้นะ ดูรวมๆ แล้วมีเสน่ห์ ชิล ชิล Jodhpur 2 คืน ยังเที่ยวไม่หมดเลยนะ มีโอกาสจะมาอีก 🙂

แล้วเราไปเที่ยวกันต่อที่เมือง Jaipur หรือ ชัยปุระ เมืองสีชมพู ถ้าใครตาบอดสีก็จบเลยนะเนี่ย แต่สำหรับคนมีความรัก เมืองไหนก็สีชมพูเนอะ ^^


การเที่ยวเมืองนี้ก็ใช้บริการรถตุ๊กตุ๊กเช่นเดิม เข้าที่พักและหาเหมารถตุ๊กๆ ออกเที่ยว เรามีเวลาที่เมืองนี้แค่ครึ่งวันนี้เท่านั้นเพราะพรุ่งนี้ก็บินกลับ 8 โมงเช้า ตามสภาพกันอีกแล้ว 🙂 แต่ก่อนอื่นให้ตุ๊กตุ๊กๆ พาไปหาร้านกินโยเกิร์ต ที่นี่เรียกว่า ลาสซี่ Lassi พวกเราชอบกินโยเกิร์ต ไปที่ไหนก็ต้องได้กิน ต้องร้านนี้เลยค่ะ จัดว่าเด็ด LASSIWALA


อิ่มกับโยเกิร์ตจนหนำใจแล้ว ท้องไม่เสียนะคะ อิอิ ไปเที่ยวกันต่อ


ไปเที่ยวที่ Amber Fort ป้อมปราการ เป็นโบราณสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งในชัยปุระ ตั้งอยู่บนภูเขา ป้อมปราการนี้เป็นงานสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานกันระหว่างศิลปะ ฮินดู และราชปุต ดูกันเองเนอะว่าเป็นยังไง 🙂


จากทางเข้าที่ขึ้นไปบนป้อมด้านบน ก็แอบไกลอยู่นะ ที่นี่คนจะมาเที่ยวกันเยอะมาก ยิ่งวันหยุดจะยิ่งเยอะ อากาศก็ร้อนด้วย เตรียมน้ำดื่มติดไปด้วยนะ มีค่าเข้าสถานที่ คนละ 500 รูปี แต่เห็นว่าเที่ยวใน Jaipur จะมีซื้อตั๋วแบบเหมารวมเข้าได้หลายสถานที่นะ ต้องลองสอบถามดูน่าจะคุ้มกว่า


ข้างบินนี้นกจะเยอะมากๆๆ ต้องระวังจะโดนขี้นกตกใส่ด้วยนะคะ


ภายใน Amber Fort ก็กว้างขวาง ยิ่งใหญ่มาก เดินเพลิน หลงหาทางออกอีกด้วย ควรจะมีเวลาเผื่อเที่ยวที่นี่ประมาณ 3-4 ชั่วโมงนะคะ มีมุมให้ถ่ายรูปสวยๆ


เรามีเวลาน้อยก็ใช้เท่าที่มี แล้วไปกันต่อ อยู่ไม่ไกลจาก Amber fort อันนี้เราก็ไม่รู้หรอกว่ามี แต่คนขับพาไป คือ Panna Meena Ka Kund Stepwells คือ บ่อน้ำโบราณแบบขั้นบันได บ่อน้ำโบราณภูมิปัญหาของคนอินเดียโบราณ


ห้ามนักท่องเที่ยวลงไปข้างล่างนะคะ ลงได้แค่นี้ละ


จากนั้นระหว่างทางเข้าเมือง ก็แวะที่ Jal Mahal หรือ พระราชวังฤดูร้อน อยู่กลางทะเลสาบมันสกา (Man Sagar) ที่สร้างไว้สำหรับราชวงศ์มาพักผ่อนในช่วงฤดูร้อน ชั้นล่างของอาคารจะถูกน้ำท่วมเมื่อระดับน้ำสูงขึ้น และส่วนชั้นบนก็โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ จะให้ยืนชมอยู่ริมฝั่งเท่านั้นนะ เข้าไปข้างในวังไม่ได้


นิยมมาให้อาหารนก นกที่อินเดียเยอะมาก


เข้าเมืองมาแล้วก็แวะที่ Albert Hall (อัลเบิร์ตฮอลล์) เป็นพิพิธภัณฑ์กลางของเมือง Jaipur สวยงามด้วยสถาปัตยกรรมแบบอังกฤษ ข้างในจัดแสดงภาพถ่าย ประวัติความเป็นมา ของเมืองชัยปุระ มีค่าเข้าชม 300 รูปี แต่ข้างในห้ามถ่ายรูปนะคะ


ได้เล่นกับนกอีกแล้ว ได้ขี้นกติดตัวกลับไปด้วยบ้างละ ฮาๆ


มาถึงจุดแลนด์มาร์กของที่เมือง Jaipur ชัยปุระ นี้ถ้าไม่ได้มาที่นี่เหมือนว่ามาไม่ถึงนะคะ คือ Hawa Mahal (พระราชวังแห่งสายลม) เป็นอาคาร 5 ชั้น สถาปัตยกรรมสไตล์เปอร์เซียผสมโมกุล สร้างด้วยหินทรายแดง มีช่องหน้าต่างเยอะมาก เค้าบอกกันว่าเอาไว้สำหรับให้นางสนมในวังส่องชีวิตของผู้คนภายนอก


ถ้าเราอยากจะชมวิวให้เห็นเต็มๆ ก็ต้องบน Rooftop ร้านคาเฟ่ฝั่งตรงกันข้าม


จุดนี้คนจะแน่น มาถ่ายมุมนี้กันเยอะ แทรกตรงไหนก็ต้องรีบกดชัตเตอร์ถ่ายรูปให้ไวไม่งั้นก็จะได้รูปหมู่


เมือง Jaipur หรือ ชัยปุระ โดยรวมแล้วเป็นสีชมพูมั้ย ก็มีทั้งชมพูและส้มอ่อนๆ อยู่ที่จะมองเห็นเป็นสีอะไร ^^ เรามีเวลาเที่ยวที่นี่น้อย มีโอกาสครั้งหน้าจะกลับมาอีกครั้ง (อีกแล้วเหร๋อ)


ขากลับเราได้แวะต่อเครื่องที่เมืองมุมไบ Mumbai ได้เดินเที่ยวสนามบินที่ว่ายกพิพิธภัณฑ์อินเดียมาไว้ที่นี่


จบทริป 2 ชะนี เที่ยวราชสถานของอินเดีย สนุก ตื่นเต้น สวยงาม ขึ้นกล้อง อินเดียไม่น่ากลัว เราต้องระมัดระวังดูแลตัวเองให้ดีให้ปลอดภัย อินเดียยังมีอีกมากมายหลายที่ให้ไปค้นหาและผจญภัย อินเดียครั้งเดียวไม่เคยพอ จริง จริง นะ ลองมาเปิดประสบการณ์ด้วยตัวเองดูนะคะ นายจ๋า

——————————————————————–

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านนะคะ ตามไปทักทายพูดคุยกันต่อได้ที่ Fanpage เที่ยวแล้วยัง : www.facebook.com/welikejourney

Email : [email protected]

IG : lingple

เที่ยวแล้วยัง

 วันพุธที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เวลา 22.58 น.

ความคิดเห็น