เวียดนามใต้ เที่ยวได้ง่ายๆ ไม่น่ากลัวอย่างที่คิดนะยูว์ ดาลัต-มุยเน่-โฮจิมินห์ แบบเที่ยวส่วนตัว ในงบสบายๆ 9xxx บาท เท่านั้นเองจ้า~

เนื่องจากครอบครัวเรา อยากไปเที่ยวใกล้ๆกันบ้าง ทริปนี้เลยเกิดขึ้นเพราะว่าตั๋ว Airasia ไปโฮจิมินห์ ในราคาไปกลับนั้นประมาณ 3xxx บาท ต่อคนเท่านั้นเอง 555


เริ่มต้นแบบรวบลัดเหมือนเดิม : ต้องทำอะไรบ้างก่อนไปเที่ยวเวียดนามใต้ ~

1 ) Transportation เราจองรถจาก Klook เหมือนเดิมให้มารับ-ส่งสนามบิน เพราะเนื่องจากบินดึกทั้งขาไป ขากลับ รถบัสหมด ไม่อยากเรียกแทกซี่ให้วุ่นวาย

2) Futa bus รถนอน ไป ดาลัต (คนละ 2xx บาท) จองล่วงหน้าสบายๆ แบบไม่ต้องรีบมาก แต่จองล่วงหน้าได้แค่ 10–15 วันล่วงหน้าเท่านั้นนะ

3) รอบนี้ที่ ดาลัต เราเลือกนอน Airbnb แต่ที่ มุยเน่ กับ โฮจิมินห์ เราใช้ Booking.com เหมือนเดิม จ่ายที่โรงแรมได้เลย

4) แลกเงินไปเลยจาก Superrich เหมือนส่วนใหญ่เค้าจะใช้ดองกันซะเยอะนะ บางอันพอจะจ่ายเป็นเงิน USD แอบแพง (เวลาคิดเงิน ให้เอาเลขตั้งแต่หลักพัน คูณ 1.4 เช่น ของ 150,000 VND = 150x1.4 = 210 บาท)

5) อ่านกระทู้เยอะมาก บอกตรงๆว่ามีความกลัวจะโดนโกง โดนขโมยของ เตรียมตัว ตัวเองให้ดีๆ แต่ทริปนี้เราไม่เจออะไรแบบนั้นเลยนะ :)


DAY 1 Bangkok — Ho Chi Minh — Dalat

จากดอนเมืองบินไฟล์ 1 ทุ่มกว่าๆ มาถึง Ho chi minh ในเวลา 3 ทุ่มเท่านั้นเอง เอาเป็นว่ายังไม่ทันหลับก็ตื่นแล้ว ที่นี้ทั้งปลั๊กและเวลาก็ตรงกลับประเทศไทยเลยไม่ต้องปรับตัวอะไรมากหนัก เพราะเรามาถึงที่นี้ดึก และไม่อยากเรียกแท๊กซี่เพราะปัญหาการโดนโกง จึงได้จองรถไว้เรียบร้อย พอซื้อซิมเสร็จ (ตามบูทในสนามบิน ตามรีวิวต่างๆ เราซื้อมาทั้งแบบเนตอย่างเดียวและโทรศัพท์ได้ ราคา 180k VND และ 250k VND


เราให้รถมาส่งที่ถนน ฟาร์มงูหลาวตรงที่ขึ้น Futa bus เลย หลังจากนั้นก็กินข้าวข้างทางแถวนี้ (ข้าวหมูอบหน้าร้านบั้นหมี่ จานละ 30k VND อร่อยมาก) และขึ้นรถนอนตรงไปดาลัตที่เวลา 23.40PM เลยจ้ะ เป็นอีกอย่างที่รู้สึกว่าต้องมาทำที่นี้ 5555

ตอนออกจากถนนนี้จะเป็นรถตู้เล็กๆ เบียดๆ แล้วพาเราไปส่งที่ท่ารถนอกเมืองอีกทีนะ

ร้านนี้เลย เจ้าของร้านดุๆหน่อย แต่อร่อยมาก


ขึ้นรถนอนละจ้ะ

DAY 2 Dalat

เรามาถึงดาลัตประมาณ 6 โมงพอดี อากาศกำลังเย็น ลงรถมาก็เดินไปหารถตู้ของที่นี้ พร้อมให้ที่อยู่ของ Airbnb ของเรา ซึ่งโฮสน่ารักมากกก พิมพ์ภาษาเวียดนามให้เรียบร้อย ที่พักของเรานั้นชื่อ The experience CAFE’ Homestay (Facebook)เจ้าของชื่อ Linh และสาเหตุหลักที่เลือกที่นี้เพราะ ห้องน่ารัก ถูกมาก สี่คนเพียง1300 บาท และ Linh ยังช่วยจัดการทุกอย่างให้เราได้ เราสามารถจะเข้าไปที่พักได้เลยตั้งแต่มาถึง อาบน้ำเลยได้ และเก็บของไว้ที่บ้านของเค้าได้เลย เรามาถึงที่บ้าน Linh ซึ่งข้างล่างเป็นคาเฟ่ที่จะเปิดตอนสายๆ สักพัก Linh ก็ทำอาหารเช้าให้เรา (จ่ายเพิ่มนะ แต่รู้สึกว่าง่ายดี 555)

มุมนั่งเล่น และกินข้าว ของบ้านนี้

อาหารเช้าฝีมือคุณ Linh

หลังจากทานข้าวเช้า และกาแฟจากฟาร์มของบ้าน Linh (มีขายด้วย) ก็ให้เค้าช่วยจองตั๋วรถบัสไปดาลัต(ใช้ของ Phongnam) และจัดหาทัวร์ในดาลัตให้เรา ซึ่งด้วยที่บ้านไม่ได้อินกับสถานที่แนวพระราชวัง หรือ วัด มากนัก เราอยากได้ทัวร์ส่วนตัว ลินก็จัดหาให้ได้ พร้อมแนะนำสถานที่ที่ควรไปเยอะแยะมากมาย เราเลยได้คนขับรถ พร้อมกับ รถและน้ำมัน (ซึ่งเป็นรถ Mazda CX5 ที่ใหม่มาก) ในราคา 1 ล้านดองเท่านั้น

คนขับรถของเราเอง พูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย 555 Linh โทรมาคุยให้ตลอด

สถานที่แรก ที่เราไปใน ดาลัต เมืองหุบเขาน้อยๆนี้ คือ Garden hydrangeas / Làng Hoa Cẩm Tú Cầu ตอนนี้น่าจะเรียกว่าเป็น Landmark ที่นี้ไปแล้ว

สวยมากกกกกกกกก

ที่นี้ดอกไฮเดนเจียใหญ่มาก เพราะช่วงนี้ฝนตกบ่อยรวมถึงอากาศเย็นด้วย แต่ตอนไปร้อนมากกกกกก แต่มาถึงแล้วก็ต้องสู้ฮะ 555


ดีน้ำตาไหลเลยทีเดียว ฮืออออออออ~


ซึ่งแถวนั้นวิวดีมากเลย ถ่ายออกมาแล้วเหมือนบ้านอยู่ติดเมฆนิดเดียวเอง

มุ้งมิ้งมาก

หลังจากหน้าแทบไหม้ เราก้ไปนั่งพักที่ Panorama cafe กันสักหน่อย ที่นี้จะเห็นวิวเมืองแบบกว้างๆ

ข้างๆเหมือนจะต่อเติมเพิ่มนะ

วิวประมาณนี้

ตอนกลางวัน Linh แนะนำให้ไปร้าน แหนมเนือง Ba hung เจ้าดังของที่นี้ จะมีแต่คนเวียดนามซะส่วนใหญ่ แหนมเนืองที่นี้จะ เน้นผักเยอะมาก เติมได้ตลอดด้วย มีเหมือนแคบหมูให้ใส่กับแหนมเนืองที่เหมือน ไส้กรอกกึ่งแหนม จิ้มกับซอสที่ทำจากฟักทอง ฟังดูอาจจะแปลกๆ แต่อร่อยมากนะ คือ กินเพลินๆ อิ่มมากกกก เพราะที่นี้เค้าคิดราคาเป็นหัว สบายเลย

กินไปแล้วนึกได้ว่าลืมถ่าย 555555

หลังจากนั้น ไปต่อด้วยสวนดอกไม้ และไร่กาแฟที่ไม่ไกลจากกันมาก ซึ่งกว้างใหญ่ไพศาลมาก เดินไม่หมด 5555

แทบจะมุดสวนกันอยู่แล้ว

มาเวียดนามก็ต้องมาโดนกาแฟ สูตรนี้ซะหน่อย

เนื่องจากเราแวะแต่ละที่สั้นๆมากเลย เพราะมีเวลาแค่วันเดียว แต่สุดท้ายแล้ว แม่และน้องเราอยากไปนั่งกระเช้ากลางฝนปรอยๆ ก็จัดไปฮะ แต่ว่าดันขึ้นไปรอบเกือบสุดท้าย เลยไม่ได้ลงไปเดินเลย คือนั่งวนไปกลับ 1 รอบแบบต่อเนื่อง ก็สนุกดีอีกแบบ (คนละ 80k VND)

เอาจริงๆ ไกลเหมือนกันนะ เที่ยวนึงประมาณ 15 นาที วิวสวยและแปลกตาดีฮะ แนะนำให้ลอง

สถานที่ชมวิวที่สุดท้ายที่เราไปก่อนทานอาหารเย็นคือ Up Cafe คาเฟ่ยอดฮิตที่เห็นมุมเมืองแบบเป็นขั้นๆซ้อนๆกันนั้นแล


พอบ่ายๆฝนจะลงประมาณนี้ทุกวันละจ้ะ

เราให้คนขับรถมาส่งที่ร้าน Chu Quan BBQ ที่ Linh แนะนำมาอีกแล้ว นางบอกที่นี้ดีมาก ถูกมาก และเอาจริงๆคือมันดีมากเลย แต่เสียอย่างเดียวคือ ไม่มีใครพูดภาษาอังกฤษได้ Google translate ช่วยชีวิตเราไปได้อีกมื้อ 555555

ภารกิจเดินย่อยหลังอาหารเย็นก็เกิดขึ้น เราจึงเดินไปยัง Night Market ของที่นี้ แต่ได้พบกับสัจธรรมว่า ถ้าคุณอิ่ม อะไรๆก็ดูไม่อร่อย แถมของที่ไม่ใช่ของกินที่มาขายส่วนใหญ่ เหมือนกันแทบทุกร้านเลย คือพวกเสื้อผ้ากันหนาว ของฝาก อะไรแบบนั้น

คนเยอะมากค่ะคุณ~

DAY 3 Dalat — Mui Ne

เราออกจาก ดาลัต เวลา 7 โมง โดยมีรถมารับหน้าบ้านของ Linh เลย รถนี้แวะไปรับคนอีกหลายที่มาก มีพักกลางทางหนึ่งครั้ง ซึ่งตรงนั้นไม่มีอะไรเลย 555 หลังจากนั้นถ้าเริ่มรู้สึกร้อนรุ่ม แปลว่าคุณถึงมุยเน่แล้วค่ะ

ที่พักกลางทาง55555

ถึงมุยเน่ประมาณ บ่ายโมง ซื้อตั๋วรถกลับไปโฮจิมินห์ และ ทัวร์ให้เรียบร้อย ก่อนเข้าที่พักนะจ้ะ เราซื้อแบบไพรเวทคือ ไม่อยากไปให้หมดทั้ง 4 ที่ รู้สึกว่าเยอะไปและถ่ายรูปไม่คุ้ม อยากเน้นที่ทะเลทรายขาวมากกว่า เลยขอแค่แวะไปดูหมู่บ้านชาวประมง และทะเลทรายขาวเท่านั้น ซึ่งเคาะราคามาที่ 800k VND ซึ่งเราก็ยอมจ่ายนะ เน้นเที่ยวที่เราอยากไปจริงๆดีกว่า อะไรแบบนี้

บ่ายสองรถก็มารับ พาไปหมู่บ้านชาวประมง ที่ใช้เรือแบบกาละมังที่ขึ้นชื่อของที่นี้ แต่ที่เห็นได้ชัดคือตรงหาดค่อนข้างสกปรกมากๆเลย

T^T เดินไม่ถูกเลย



เรือพวกนี้บางที่เค้าก็ไม่ได้พายนะ แอบเห็นตอนติดเครื่องยนต์แล้ว วิ่งพวกกันมา 4 กะละมัง

หลังจากนั้นเราก็มุ่งหน้าไปทะเลทรายขาวเลย ซึ่งเพิ่งรู้ว่ามันมีจุดขึ้นสองจุดนะ แล้วแต่ทัวร์ว่าเค้าจะพาเราไปตรงไหน ใครได้ที่ไหนไว้ ราคาเท่ากันมั้ยอันนี้ไม่แน่ใจ แต่อันที่เราไปคนน้อยกว่าเยอะ ที่ทะเลทรายขาว เราต้องมาเช่ารถที่วิ่งเฉพาะในนั้นเพิ่ม ซึ่งก็มีหลากแลายแบบให้เลือก เราเลือกแบบเต็มแมกซ์เต็มหน่วย คือทั้ง ATV ทั้ง JEEP ค่าเสียหายตกคนละ 500k VND เลยทีเดียว แต่อันนี้รวม พาไป 2 เนินใหญ่ และ นั่งในรถที่ขับแบบผาดโผนบนร่องทรายด้วยนะ (แม่อยากลองมาก5555)

ไปเลยจ้ะน้อง อย่าทำพี่ตกก็พอ

เนินแรกค่ะ ~
ตอนเดินนี้เท้าร้อนมากนะ ต้องระวังกันนิดนึงนะคะ

หลังจากเดินแรก เราก็นั่งรถจิ้ป แบบ ผาดโผนมาก บางรอบที่วิ่งลงเนินทรายเกือบจะ 90 องศาด้วยซ้ำ อารมณ์เหมือนเล่นรถไฟเหาะ แต่มันส์มากค่ะ กรี๊ดสนุกเลย

จุดๆตรงยอดนั้นคือ เนินของอีกจุดขึ้นค่ะ คนเยอะมากจริงๆ

พอถึงเนินที่สองคือเนินที่ใกล้กับทะเลสาป เค้าจะปล่อยให้เรานั่งจนกว่าเราอยากจะกลับละคะ ตรงนี้มาก เพราะลมเริ่มเย็น แดดก็เริ่มคล้อย เรานั่งดูคนอื่นกันเกือบชั่วโมงชิวมากกกกกก

เนินนี้คนน้อยมากเหมือนกัน

ช่วงเย็น พระอาทิตย์ดันโดนเมฆบังเกือบหมด เราเลยกลับก่อนพระอาทิตย์ตก หลังจากอาบน้ำ เราจึงเดินไปหาร้านอาหารทาน ใกล้กับที่พัก (Joe’s boutique seaside) สุดท้ายก็ไปที่ร้าน Lam tong ราคาอาหารที่นี้พอๆกับที่ไทย ไม่ตื่นเต้นมากค่ะ คิดว่าที่ไทยอร่อยกว่า 555

Lobster กับ ปู น้ำจิ้มรสชาติแปลกตามที่คนส่วนใหญ่รีวิวเลยค่ะ 555

ที่พักเรามีร้านเหล้าตอนกลางคืน เดินไปฟังเพลง ดื่มเบียร์เบาๆ แล้วก็นอนพักผ่อนสบายๆ เตรียมตัวสำหรับกลับไปโฮจิมินห์พรุ่งนี้


DAY 4 Mui Ne — Ho chi minh

ตื่นสายๆหน่อย และกินเฝอกันเป็นข้าวเช้า ก่อนจะเตรียมตัว รอรถมารับหน้าที่พักเพื่อไป Ho chi minh ซึ่งนี้เราจองจากทัวร์ตอนมาถึง มาช้ามาก จนต้องโทรไปถาม สองรอบ พอรถบัวแบบนอนนี้มาก็เจอ แจกพอต ที่ว่า เตียงว่างอยู่แค่ 3 เตียง คนเต็มรถ ดังนั้นทำให้ช่างภาพหนุ่มของเราต้องเสียสละนอนที่นอนเสริม ระหว่าง ลุงป้าคู่หนึ่ง

ตอนทางกลับค่อนข้างลำบากและ ไม่สบายตัวมาก มาถึงตัวเมืองประมาณ 5 โมง กว่าๆ ที่จอดรถอยู่ใกล้กับ ถนนฟาร์มงูหลาว และใกล้กลับโรงแรมที่เราจองไว้ด้วย Chill suites hotel โรงแรมใหม่เพิ่ง renovate เสร็จไม่นาน ด้านล่างเป็น มาร์ท และ ร้านชานมไข่มุก ดีมากกกกกก ราคาตกห้องละ 1500 บาท

เราจองห้องที่แพงที่สุด (ซึ่งแค่ 1500 บาท) เพราะมีหน้าต่างบานใหญ่เห็นตัวเมืองไซง่อน



งานไม้ๆ สบายๆตาก็มา



มีอ่างจากุชชี่ และ work station ~

ซึ่งราคานี้รวมอาหารเช้า และ พนักงานทุกคนน่ารักมากๆ หลังจากเราเชคอินก็ไปเดินตามถนนที่ทางโรงแรมแนะนำ อารมณ์ก็เหมือนข้าวสารบ้านเราเลยจ้ะ กลับมาดื่มต่อที่โรงแรมด้วยการลองเบียร์ต่างๆของเวียดนาม

หยิบมาแบบมั่วๆ

(ซ้าย) เบียร์หาได้ทั่วไปดื่มง่ายๆ (กลาง) คล้ายๆ ช้าง + ลีโอ ติดเค็มนิดๆ สบายคอจ้ะ (ขวา) หวานๆ แต่ไม่ค่อยหอม

(ซ้าย) ALC 5.6% หวาน หอมกินง่ายเหมือนกัน (ขวา) มีรสเฝื่อนนิดๆ แต่หอม ถ้าไม่เย็นอาจจะกินยากนิดนึง

ปิดท้ายค่ำคืนด้วยการแช่น้ำกับ Bath bomb ดีกว่า~~


DAY 5 Ho chi minh

วันสุดท้าย เราปิดท้ายทริปด้วยการทัวร์เมืองไซง่อน ด้วยความที่เวลามีน้อย เราจึงเรียกแกรบไปยัง The workshop cafe ร้านกาแฟขึ้นชื่อของที่นี้ ที่มีกาแฟมาจากหลายๆแหล่งทั่วโลก พร้อมกับมีวิธีชงหลายๆแบบให้เลือกกัน

ทางเข้าตึก


ขึ้นไปชั้นบนสุดเลยจ้า
ถึงแล้ว~

โซนด้านใน พร้อมเครื่องทำกาแฟต่างๆ

แนะนำให้ทานข้าวที่นี้ด้วยนะ อาหารอร่อยดีค่ะ ~ โต๊ะค่อนข้างจะเต็มตลอด แต่ก็จะมีคนหมุนๆกันออกนะ ส่วนใหญ่เป็นฝรั่งที่มานั่งทานกาแฟกัน หรือคนเวียดนามที่มานั่งทำงาน

พอออกมาจากร้าน เราสามารถเดินไปยังลานลุงโฮได้เลย ซึ่งอากาศก็ร้อนระอุพอๆกับเมืองไทยเลยละคะ เป้าหมายต่อไปของเราคือ ตึก Cafe Apartment ที่เต็มไปด้วยร้านเรืองต่างๆนั้นเอง

บรรยากาศตอนเที่ยงๆบ่ายๆ

ตึกตั้งเด่นขัดกับตึกใหม่ๆ แถวๆนั้นมาก

พอเราเข้าไปในตึกเหมือนอารมณ์ได้เดินในย่านเก่าๆของเมืองอีกเมืองไปเลย Feeling เปลี่ยนทันที 555

ร้านแรกที่เราแวะไปคือ Thinker &Dreamer ร้านที่มีหลายๆคนผ่านไปดูความ ขาวๆเขียวๆ วันที่เราไปไม่มีคนเลย ค่อนข้างโอเคมากๆ


น้องแอบหน้าบึ้งไปหน่อย55



ร้านสวยมาก นั่งแล้วสบายๆ หนีร้อนได้ดีเลย





กินชาพีชกับมะนาวโซดา แก้ร้อนก่อนจ้าาาาาา

หลังจากเดินเล่น และสำรวจร้านต่างๆ ก่อนกลับเราแอบเห็นร้านหนึ่ง สีสันสดใส เป็นร้านโดนัท เลยขอแวะ 555

Dosh ร้านโดนัทสีส้มมมมมม

เมนูชวนอ้วนมากนะจ้ะ

นี้เลย Cookie and cream shake แน่นมาก หวานมากเช่นกัน T^T

ส้มทั้งร้านเลยค่ะคุณขา~

ปิดจ๊อบที่ตึกนี้ ตอนเย็นๆ เราก็เรียก แกรบ กลับโรงแรม และรอรถของ Klook มารับตอน 5 โมง เพื่อไปที่สนามบินจ้ะ เราบิน Airasia เที่ยว สามทุ่มครึ่ง และมาถึงไทยประมาณห้าทุ่มกว่าๆ


สรุป~
เวียดนามใต้ มีที่เที่ยวหลากหลายมาก คนส่วนใหญ่น่าจะตั้งเป้าหมายไปที่ ดาลัต และ มุยเน่ คนที่นี้ก็มีน้ำใจและสื่อสารภาษาอังกฤษได้ในระดับคุยกันรู้เรื่อง เดินทางอาจจะลำบากหน่อย แต่มาเที่ยวแค่ไม่กี่วันได้ไปทั้ง ทะเลทราย ทะเล หุบเขา และเมือง เป้นอะไรที่คุ้มค่า และควรมาสักครั้งในชีวิตค่ะ

FB : https://www.facebook.com/PerfecttoPhotoGroup/

ความคิดเห็น