72 ชั่วโมงของคนอื่นเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่ 72 ชั่วโมงของเราในหลวงพระบาง
ทำให้รู้ว่า เออเนอะการที่ไม่ต้องทำอะไรบ้างก็มีความสุขดีแฮะ

เอาจริงหลวงพระบางในความคิดก่อนมานี่ก็คิดว่ามันคงจะคล้ายโซนเชียงคานบ้านเรา
แต่เอาเข้าจริงไม่เหมือนนะ ที่นี่เงียบสงบปราศจากแสงสี แถมสโลถึงขั้นสล็อตเลยก็ว่าได้

ทริปนี้เราไม่ได้เน้นเที่ยวอะไรมากมาย หลักๆก็จะมีร้านคาเฟ่ น้ำตก

หาของอร่อยๆกิน แล้วก็เน้นพักผ่อนในโรงแรม

วันแรกเราเลือกพักที่ 3 Nagas MGallery by Sofitel
ถ้าใครชอบความสะดวกสบายเราแนะนำให้พักที่นี่ อยู่ใจกลางเมืองใกล้คาเฟ่เก๋ๆ

ตลาดเช้า ตลาดกลางคืน วัดต่างๆ รวมถึงร้านส้มตำป้าติ๋ม (ที่ใครมาก็ลอง อร่อยจริง คอนเฟิร์ม)
ถ้านั่งรถผ่านเห็นรถโบราณสีแดงจอดอยู่หน้าตึก แสดงว่าถึงแล้วนี่แหละ 3Nagas

ทั้งหลวงพระบางมีคันเดียว


ห้องที่เราพักเป็นแบบ EXECUTIVE SUITE ห้องกว้างและมีพื้นที่เยอะ
โซนห้องน้ำกึ่งๆซีทรู เป็นกระจกใสไปอี๊ก มีแค่ม่านบางๆมากัน

ไม่ไกลจากที่พักจะเจอกับร้าน Saffron Coffee จิบกาแฟชมวิวแม่น้ำโขง

ช่วงเย็นๆที่นี่จะมีตลาดเป็นถนนคนเดินมีทั้งอาหาร ของฝาก
เปิดตั้งแต่ประมาณ 6 โมงเย็นจนถึง 2 ทุ่มก็เริ่มเก็บละคนที่นี่นอนไวมาก
แต่ก่อนไปเดินตลาด เพื่อนแนะนำว่าให้ขึ้นไปดูพระอาทิตย์ตกดินบนพระธาตุภูสี
ก่อนไปมันบอกไม่ไกล แต่เอาเข้าจริงนี่หอบมาก(คุณหลอกดาว)
ขึ้นมาแบบเหงื่อเต็มหน้า เลยได้แค่ภาพวิวแบบนี้มาแทน 555

ลงมาจะเจอตลาดพอดีตั้งข้างๆพระบรมมหาราชวัง ถ้าวันไหนฝนไม่ตกตลาดก็จะตั้งเต็มพื้นที่
แต่ถ้าฝนปรอยก็จะเบาบางหน่อย อันนี้แล้วแต่ดวงจริงๆ


เช้าวันรุ่งขึ้นตื่นตั้งแต่ตี 5 จ้า (ฟังไม่ผิดหรอก)
ตื่นมาตักบาตรข้าวเหนียวซึ่งถ้ามาหลวงพระบางห้ามพลาดเด็ดขาด
ทุกเช้าจะมีพระสงฆ์เดินเรียงแถวออกมาให้ชาวบ้านได้นั่งตักบาตร
ข้าวเหนียวไม่ต้องเตรียมมาเอง มีวางขายอยู่ทั่วไป ซื้อเสร็จจองที่นั่งได้เลย

กลับไปหลับต่อที่ห้องซักแปปก็ได้เวลาอาหารเช้า
มื้อนี้กินกันที่โรงแรมเลยสบายๆ ไม่รีบร้อน

ตามโปรมแกรมแล้ววันนี้เราจะไปน้ำตกตาดกวางสี แต่ค่อนข้างไกล

เลยสอบถามกับทางที่พักและให้เค้าติดต่อรถให้เราเลย
สรุปเหมารถไป-กลับในราคา 1,000 บาท (หารกันก็เหลือไม่กี่บาท)
ตัวน้ำตกมีให้เราเดินเล่นหลายชั้น พีคสุดคือมุมสะพานที่ทอดยาว

มีแบล็คกราวเป็นม่านน้ำตกขนาดใหญ่แบบโห ธรรมชาติน่าทึ่งมาก น้ำสีฟ้าเขียวๆ แถมเย็นชื่นใจสุดๆ

เล่นน้ำกันจนเหนื่อยได้เวลาไปเช็คอินที่พักอีกที่นึงแล้ว
อยู่นอกเมืองซักหน่อยแต่สงบและเป็นส่วนตัวที่โรงแรม Sofitel Luang Prabang


ที่นี่เราทิ้งตัวอยู่ในโรงแรมได้เป็นวัน มีสวนกว้างๆให้เดินเล่น สระว่ายน้ำให้นอนอ่านหนังสืออาบแดด
มีกระต่ายเยอะมากให่เราถ่ายรูปลง STORY ใน IG 555

ห้องที่เราพักเป็นแบบวิลล่ามีสระว่ายน้ำส่วนตัว มุมนั่งเล่นด้านนอก รวมถึงอ่างอาบน้ำแบบ Open Air

อาหารเช้าของที่นี่มีให้เลือกหลายอย่าง ตื่นสายๆค่อยเดินมากินก็ยังทัน เปื่อยให้สุด

เสร็จแล้วไปปั่นจักรยานกันก่อนกลับ ช่วงเช้ายังอากาศดีอยู่ไม่ร้อนมาก

เพื่อเพิ่มความคลูให้กับทริปนี้ ให้เหมาะกับ #หลวงพระบางสโลไลฟ์
เราบินกับ Bangkok Airways เป็นเครื่องบินใบพัดแบบฟลูเซอร์วิส

ด้วยบัตรฟลายเออร์โบนัส (FlyerBonus) ระดับพรีเมียร์
ที่สามารถเข้าไปนั่งชิลๆ กินขนมต่างๆได้ก่อนขึ้นเครื่องที่ห้องรับรองผู้โดยสารบลูริบบอนคลับ

แถมตัวบัตรนี้ยังฟรีสัมภาระ 30 ก.ก. ขึ้นไปบนเครื่องก็มีอาหารเสิร์ฟอีกรอบ

นั่งมองเมฆซักแปปก็ถึงแล้ว ใช้เวลาเดินทางแค่ 1.45 ชั่วโมงเอง

ปิดทริปหลวงพระบางแบบชิลๆ ไม่เหนื่อย
และถ้าจะให้จำกัดความของหลวงพระบางด้วย 3 คำสั้นๆ

คงจะเหมาะกับคำว่า SLOW SIMPLE และ SAVE COST ที่สุดแล้วละ


: SLOW การมาหลวงพระบางทำให้นาฬิกาชีวิตเราเดินช้าลง ทุกอย่างดูเนิบลงประมาณ 2 สเต็ป

ทำให้เรามีเวลาอยู่กับสิ่งรอบตัวมากยิ่งขึ้น มองเห็นดีเทลรายละเอียดต่างๆ ที่ปกติเราแทบไม่สนใจ

ความขี้เกียจทั้งหมดในตัวที่มีจงใช้มันกับที่นี่เราว่าคุ้มสุดละ แบบขับรถไม่น่าเกิน 80 เดินช้า พูดช้า กินช้า

แบบเฮ้ย ! คือถ้าอยู่กรุงเทพรถเมย์ผ่านไป 5 คันไม่รู้ว่าจะได้ขึ้นหรือเปล่า 555 แต่นั่นแหละมันโครตมีเสน่ห์เลย

: SIMPLE ความเรียบง่ายที่แสนธรรมดา ทั้งแต่อาคารบ้านเรือนที่ยังคงเอกลักษณ์ดั้งเดิม

ผู้คนที่ยิ้มแย้มแจ่มใส เดินไปทางไหนก็ได้ยินแต่ สะ-บาย-ดี (แปลว่า สวัสดี) ทั้งวัน น่ารักดีแฮะ

ไหนจะการปั่นจักรยานชมวิวที่มีให้เห็นแทบทุกที่ ไปไหนไม่ถูกแค่ถามแบบง่ายๆ ไม่ต้องเปิด Map ให้เสียเวลา

อีกประเพณีที่น่าสนใจคือตักบาตรข้าวเหนียว ตื่นตี 5 มานั่งเรียงแถวรอตักบาตร

ถ้าคิดว่ามีแต่คนแก่ๆเท่านั้นที่มานั่งตักบาตร คิดผิดเลย มีตั้งแต่เด็กๆ หนุ่มสาว ไปจนถึงผู้สูงอายุ

ความพีคคือ พระสงฆ์แอบเดินไวแฮะ ปั้นข้าวเหนียวแทบไม่ทัน

: SAVE COST ด้วยความที่หลวงพระบางเป็นบ้านใกล้เรือนเคียงกับไทยเรา เดินทางง่ายๆ

เลยทำให้ค่าครองชีพค่อนข้างพอๆกับบ้านเรา การเดินทางไปสถานที่ต่างๆเราใช้การปั่นจักรยาน

จะมีก็แค่บางที่ที่ไกลหน่อยเราเลือกนั่งสองแถว กินลมชมวิวไปเรื่อยๆเอาเข้าจริงมาเที่ยวต่างประเทศแบบนี้ราคาไม่ได้ต่างอะไรกับเราบินไปเที่ยวเชียงใหม่เลยนะ

สรุปสั้นๆ

1. หลวงพระบางคือสถานที่ที่โครตสโลไลฟ์ ครั้งหนึ่งในชีวิตควรมา

2. ร้านกาแฟที่หลวงพระบางต่อให้เรานั่งครึ่งวันก็ไม่รู้สึกผิด เข้าใจถึงการจิบกาแฟชิลๆที่แท้ก็วันนี้ละ

3. ทุกอย่างสะดวกสบาย ซื้อซิมได้ที่สนามบินในราคา 150 อยู่ได้ 4 วัน แลกเงินสนามบินได้เลยเรทดีกว่าไปแลกในตลาดอีกนะ

4. ไม่อยากให้พลาดตักบาตรข้าวเหนียว แล้วที่มีคนบอกว่าให้ปั้นข้าวเหนียวใส่บาตรเนี้ย

เอาเข้าจริงไม่ต้องปั้นเด้อ แค่หยิบแล้วใส่บาตรพอ ที่รู้เพราะเจอกับตัวพระท่านบอก “คราวหลังไม่ต้องปั้นก็ได้นะโยม” 5555

5. ลองสั่ง “ไคแผ่นทอด” กินดูแล้วจะติดใจ อารมณ์แบบสาหร่ายทอด แต่จะมีความชุ่มน้ำมันแล้วก็มีเทกเจอร์มากกว่าหน่อย

6.ปั่นจักรยานยามเย็นริมน้ำโขง ที่ให้ปั่นตอนเย็นไม่ใช่อะไรนะมันร้อน 555

พอจับจักรยานปุ๊ป เพลงหนังในเรื่องแฟนฉันวิ่งเข้ามาในหัวทันที คิดถึงตอนเด็กๆที่ปั่นจักรยานกับแก๊งเพื่อนข้างบ้านไรงี้

7. ค่าเงินคิดง่ายๆคือ 1 บาทเท่ากับ 260 กีบ

8.ภาษาบ้านเค้าใกล้เคียงบ้านเรามาก พูดอังกฤษไม่คล่องก็มาเที่ยวได้แบบสบายๆ

9.รถขับคนละเลนส์กับบ้านเราแต่ไม่อันตรายเพราะขับรถกันแบบเนิบๆ ยังยืนยัน # เดิมว่า #หลวงพระบางสโลไลฟ์

Chill With ME

 วันพุธที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 เวลา 21.43 น.

ความคิดเห็น