แพ…เขื่อนศรีนครินทร์ มีแค่น้ำกะฟ้าก็สุขแล้ว
รับชมอีกหนึ่งรูปแบบความบันเทิง…
ในห้วงเวลาที่ล่องลอยอยู่บนพื้นน้ำ…
เงยหน้ามองเห็นท้องฟ้าสีคราม เมฆเป็นปุยๆ ในหัวสมองปลอดโปร่ง พยุงตัวปล่อยใจไหลไปกับแรงกระเพื่อมของเกลียวคลื่นเล็กๆ อืมมม…มันใช่เลย มันคือเวลาของความสุขที่แท้จริง
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เรามาเที่ยว แพเหนือเขื่อนศรีนครินทร์ จังหวัดกาญจนบุรี หลายปีก่อนหน้านี้มาค่อนข้างบ่อย แต่ก็หายไปซัก 4 ปีแล้วล่ะที่ไม่ได้มา ที่จะบอกคือ กาลเวลาเปลี่ยนทุกสิ่งอย่างย่อมเปลี่ยนไปตามเวลา…
จากระบบการจัดการแบบเป็นกันเอง ก็เปลี่ยนมาเป็นมาตรฐานเดียวกันหมด มีการปรับปรุงแพให้ดูดีขึ้น จำนวนแพมีมากมายมหาศาลกว่าแต่เก่ากาลเยอะ การบริการเป็นระบบแบบแผน และอื่นๆ อีกนิดหน่อย บางอย่างก็ดี บางอย่างก็ไม่ค่อยถูกใจเท่าไหร่ แต่ก็มาคิดเนอะ ตั้งสี่ปีไม่ได้โผล่หัวมาจะให้พี่เค้าย่ำอยู่กับที่ได้ไงเล่าาา ก็นานาสาระนังคะฉามิ คงมีทั้งคนชอบและไม่ชอบ ก็แล้วแต่…จบ
เริ่มเดินทางกันดีกว่า…เราขับรถออกจากกรุงเทพมหานคร มุ่งหน้าจังหวัดกาญจนบุรี แวะทานข้าวเที่ยงที่กาญฯ แล้วขับต่อไปทางที่จะไปน้ำตกเอราวัณหรือเขื่อนศรีนครินทร์ ถ้าจะเอาเป๊ะๆ มุ่งหน้าสู่ ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี ใช้เวลาประมาณชั่วโมงนิดๆ ช่วงกาญฯ ไปจนถึงแพจะเป็นเส้นทางรถสวนกัน ต้องขับกันระวังนิดนึง ขับได้ไม่เร็วมาก เอาคร่าวๆแค่นี้แหละ จะไปเล่นน้ำแล้ววววว…
กว่าจะถึงแพก็เกือบบ่ายสาม แวะซื้อของกิน แวะปั๊ม แวะดื่มน้ำ ปัสสวะ อุจจาระ สารพัดจะแวะ นี่ขนาดออกจากกรุงเทพตั้งกะเจ็ดโมงเช้า…
พูดถึงแพเหนือเขื่อนศรีนครินทร์ นิดนึง คืองี้…มันมีหลายจ้าวอยู่นะ ความแตกต่างคงเป็นเรื่องราคา กับขนาดของแพ การบริการก็คงด้วย ในที่นี้เราคงไม่บอกว่าเราไปพักของเจ้าไหนเนอะ ถ้าใครสนใจก็หาข้อมูลได้ไม่ยากเลย ความรู้อยู่ในอากาศ เอาที่ชอบที่ชอบเถอะจ๊ะ แต่ถ้าใครอยากตามรอยก็สายตรงมาคุยกันได้เดี๋ยวแนะนำให้เนอะ…
ยัง ยังคงไม่ถึง…
ถึงแล้วววววว…เสียงเครื่องเรือหางยาวลากแพออกจากฝั่ง แดดอ่อนยามบ่ายแก่ๆ สายลมปะทะทั้งใบหน้าและร่างกาย มีความสดชื่นและตื่นตัว อยากโดดน้ำแล้วเนี่ย ประมาณครึ่งชั่วโมงนิดๆ ก็มาถึงจุดผูกแพ น้องลากเรือเบนหัวเรือเข้าหาฝั่ง อืมมมมม…เริ่มจะมีปัญหาแล้วล่ะ จุดผูกแพของเราถูกประกบด้วยแพของชุดอื่นขนาบซ้ายขวา แบบนี้ไม่ดีไม่ชอบอ่ะ ยิ่งกว่านั้นเสียงจากลำโพงซ้าย จากลำโพงขวา เข้ามาที่เราเต็มๆ ยังไงดีล่ะที่นี่…
อธิบายเพิ่มเติมนิดนึงนะ การให้บริการแพเค้าจะมี คาราโอเกะให้ มีแม่ครัวมาทำอาหารให้ มีการบริการหลายอย่างให้ แต่โดยนิสัยใจคอ เป็นคนชอบเที่ยวแบบ…สวยใส ไร้ความอึกทึก และยังชอบปลีกวิเวก ไม่ชอบอยู่ใกล้ๆคนอื่น ไม่ใช่ไม่ชอบผู้คนนะ แต่กลัวเค้าจะไม่ชอบเรามากว่า…
ดังนั้น จึงไม่รับการบริการด้านคาราโอเกะ อาหารก็ไปทำกินกันเอง คือ อยากมาเที่ยวแบบส่วนตัว ไม่ค่อยอยากพบปะผู้ใดอ่ะ เอางี้และกัน…
เรือขายขนนก็มีนะ…
ย้อนกลับมาจุดที่กำลังจะผูกแพ พวกที่ไปด้วยกันมองหน้ากันแล้วเข้าใจไปในทางเดียวกัน จึงใช้วิชาเจรจาความว่า เราต้องการยั้งงั้นนะ ยั้งงี้นะ คุยไปคุยมา คุยจนน้องเค้าคงมึนอ่ะ เค้าจึงยอมลากเราไปผูกอีกที่ โดยมีข้อความคำเตือนว่า “วันนี้ลมแรงนะพี่ ถ้าไปผูกตรงนั้น คลื่นมันจะแรง กลัวพี่จะนอนไม่ได้” สนซะที่ไหนล่ะ…
เพลิดเพลินเจริญใจ…
สรุป ได้ปลีกวิเวกจริง อยู่อย่างส่วนตัวจริง และลมแรงจริงด้วย แพงี้โยกเยก โยกเยก ทั้งคืน แต่ไม่เป็นอุปสรรคอะไรมากมายหรอก สนุกสนานกันตลอดเวลา
สุขให้สุด…
ตอนเย็นก็กระโดดลงน้ำ แช่กันชุ่มฉ่ำ มีบริการมาลากแพเล็กแบบนั่งโต้คลื่นหนุกดี อาหารการกินก็ทำกินกันเอง มีความสุขที่ซู๊ดดดด…
แพลากอย่างซิ่ง มันนนนส์แท้…
ปาร์ตี้เล็กๆ แต่อร่อยมากมาก…
เช้าวันใหม่ ตื่นมาล้างขี้ตา ล้างหน้าแปรงฟัน ทำอาหารเช้ารวมเที่ยงมื้อเดียว กินอิ่มนอนหลับพักผ่อนชิลชิล รอเวลาเรือหางยาวมาลากกลับเข้าฝั่ง ความสุขความสนุกของการเที่ยวแพยังคงเต็มเปี่ยมเหมือนสมัยที่เคยมาเมื่อหลายปีที่แล้ว การเที่ยวครั้งนี้สอนให้รู้ว่า เราเลือกที่จะมีความสุขได้ด้วยการเจราจา…
ไว้เจอกันใหม่ครั้งหน้าเนอะ
คน ฟ้า ป่า น้ำ
วันเสาร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 เวลา 11.14 น.