"มัลดีฟส์" เกาะสวรรค์ของคนรักทะเล และคงเป็น dream destination ของใครหลายๆ คน เราก็เป็นหนึ่งคนที่ฝันไว้ว่าชีวิตนี้ต้องไปให้ได้ ในที่สุดก็ไม่อาจปล่อยให้เป็นแค่ฝันเมื่อแอร์เอเชียขยันออกโปรถี่ยิบจนอดใจไม่ไหว ก่อนหมด summer นี้ต้องหอบบิกินี่ไปเหยียบเกาะในฝัน ทริปนี้จึงเริ่มขึ้น
สรุปค่าใช้จ่ายต่อคน
- ตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ Air asia 7000 บาท
- แพ็กเก็จ 3 วัน 2 คืน @Thulhagiri Island resort and spa 18800 บาท
(เรือ ไป-กลับ อาหารทุกมื้อ เครื่องดื่มทั้งแอลกอฮอลและไม่แอลกอฮอล กิจกรรมดำน้ำ หรือ ตกปลา )
รวม 25800 บาท ไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่ม รออะไรล่ะคะ ไปสิคะ
ทริคในการได้ราคาประหยัดคือจองตั๋วช่วงโปรโมชั่น และจองที่พักในช่วง Low season ราคาจะถูกลงครึ่งนึงเลยจากหน้า High season ถึงจะเป็นหน้าฝนแต่ที่มัลดีฟส์เป็นเกาะเล็กๆ มากมายฝนตกแปปๆ ก็หยุด แต่เราโชคดี ไป 3 วันไม่เจอฝนเลย อากาศดีมากๆ
ออกเดินทางจากดอนเมือง 09.30 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4.30 ชม.
11.30 น. เราเดินทางมาถึงสนามบิน Velana International Airport(เวลาที่มัลดีฟส์ช้ากว่าไทย 2 ชม.)
ทริปนี้เราตั้งใจไปแบบ "มัลดีฟส์" จริงๆ ไปทั้งทีก็ต้องนอนกลางน้ำไปเลย หาข้อมูลเทียบราคาดูรีวิวอยู่นาน ก็มาถูกใจกับ Thulhagiri Island Resort and Spa ที่พักสวย บรรยากาศดี นั่งเรือไม่นาน ราคาไม่แรงเมื่อเทียบกับ water villa ที่อื่นๆ ด้วยความที่ไม่อยากจองเองให้ยุ่งยากเราเลือกซื้อแพ็กเก็จกับเอเจนซี่ที่เชื่อถื่อได้ ชื่อเพจว่า Maldives Promotion Price เช็คห้องไว ตอบไว บริการดีกรอกใบ ตม. ให้ด้วย
ลงเครื่องมาปุ้บก็ให้เดินมาติดต่อที่เคาเตอร์หมายเลข 15 แจ้งชื่อที่จองไว้กับเจ้าหน้าที่ได้เลย เค้าจะให้เรานั่งรอเรือด้านหลังเคาเตอร์ แต่ด้วยความที่ชะนีกลัวไม่มีเน็ตไว้อัพรูปลงโซเชียลเลยเดินไปซื้อซิม กลับมาอีกทีเค้าบอกว่าเรือออกไปแล้ว !! ตอนแรกตกใจมากพอเค้าเดินกลับมาก็บอกว่าให้นั่งรอเรือรอบต่อไป รอไม่นานเค้าก็มาเรียกให้ไปขึ้นเรือ (เอาจริงไม่จำเป็นต้องซื้อซิมเลย เพราะที่สนามบินก็มี wifi พึ่งมารู้ตอนนั่งรอขึ้นเครื่องขากลับ ที่โรงแรมก็มี wifi สัญญาณโอเคเลยเล่น facebook อัพรูปสบาย)
แค่น้ำที่ท่าเรือยังใสขนาดนี้ เรือที่นั่งไปเป็นเรือสปีดโบ๊ทขนาดกลาง ที่นั่งสบายไม่อึดอัด ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีเราก็มาถึง Thulhagiri Island OMG!! น้ำทะเลใสม๊ากกกกกกกกก
เมื่อมาถึงจะได้รับ Welcome drink เป็นน้ำพั๊นซ์พร้อมกับผ้าเย็นคลายร้อน จากนั้นพนักงานจะเรียกให้ไปทานมื้อกลางวันก่อนเข้าห้องพัก อาหารที่นี่รสชาติโอเคเลย อร่อยหลายอย่างอาจจะหนักเครื่องเทศน์ไปบ้างแต่ก็กินได้ เราพกน้ำจิ้มรสเด็ดของไทยไปด้วย 555 กินอิ่มแล้วได้เวลาไปดูห้องกลางน้ำของเราาาา
เราได้ห้อง 224 ตอนจองรีเควสมาว่าขอเป็นห้องโซนใหม่ ซึ่งห้องที่ได้ก็วิวสวยถูกใจมากๆ ห้องไม่ได้หรูหราอะไรแต่สวยสไตล์บาหลีๆ แอร์เย็น สิ่งอำนวนความสะดวกครบ ทีวี ตู้เย็น ตู้เซฟ ไดร์เป่าผม และของใช้ในห้องน้ำ ทีเด็ดอยู่ที่ระเบียงและบันไดหลังบ้าน ไปดูภายในห้องกันเล้ยยยย
บรรยากาศรอบๆ เกาะจะถ่ายตรงไหนก็สวย ถ่ายรูปเพลินมากๆ เลย
พอบ่ายๆ แดดก็เริ่มอ่อนลงเหมาะแก่การไปนั่งจิบอะไรเย็นๆ และข้อดีของการแพ็กเก็จแบบ All Inclusive ก็คือเราจะสั่งเครื่องดื่มเท่าไหร่ก็ได้ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม บาร์ริมหาดจะเปิดตั้งแต่ 10.00 - 18.30
ช่วงเวลาที่ชอบที่สุด สวยที่สุดของที่นี่คือตอนพระอาทิตย์ตก งดงามมากจริงๆ
หมดวันแรกไปอย่างรวดเร็ว เวลาแห่งความสุขนี่มันเดินไปไวจริง ต่อมาเราไปดูไลน์อาหารกันดีกว่าเนอะ มื้อเย็นจะเริ่มตั้งแต่ 19.30 - 21.00 แต่ในส่วนของบาร์ในห้องอาหารสั่งได้จนถึง 22.00 โต๊ะที่นั่งทานข้าวจะเป็นโต๊ะเดิมทุกวัน พนักงานที่ดูแลเราก็จะเป็นคนเดิมตลอด
กินข้าวอิ่มแล้วก็นั่งดิ่มกันต่อสักพักก็กลับห้องไปพักผ่อน ตอนกลางคืนดาวที่นี่ชัดมากนอนดูดาว ฟังเสียงคลื่นมันดจีย์ มันฟินเหลือเกิน
Good morning เช้าวันที่ 2 วันนี้จะเป็นวันที่เราได้ใช้เวลาอยู่บนเกาะเต็มวัน มีเวลาซึมซับความสุขเต็มที่
อาหารเช้าจะเริ่มตั้งแต่ 07.30 - 10.00 ทุกมื้อจะเป็นบุพเฟต์ สำหรับคนที่ไม่ได้ซื้อแพ็กเก็จ All Inclusive เครื่องดื่มสั่งได้จากเมนู (ราคาตามรูปด้านล่าง) แต่เราสั่งได้หมดไม่ต้องจ่ายเพิ่มจะมีแค่บางเมนูที่ไม่ฟรีเช่นน้ำผลไม้คั้นสดลองถามพนักงานก่อนได้ ส่วนทางเราจัดเบียร์สดกันแต่เช้า 5555
กินอิ่มแล้ว เปลี่ยนชุดเตรียมลุยต่อ วันนี้พาดูรอบๆ เกาะ เก็บภาพให้มากที่สุด ส่วนใครอยากทำกิจกรรมสามารถซื้อเพิ่มได้ตามตารางที่พนักงานให้มาได้เลย ทริปนี้เราเน้นมาพักผ่อนเลยขอผ่านทุกกิจกรรม แค่เดินเล่น ถ่ายรูป ว่ายน้ำ ก็มีความสุขมากแล้ว
(แพ็กเก็จ All Inclusive จะมีกิจกรรมฟรี ดำน้ำหรือตกปลา)
เช้าวันสุดท้ายบนเกาะ ทั้ง baby shark และพี่กระเบนก็มาทักทายเราถึงหน้าบ้าน น่ารักมากกกก
เวลา 08.00 กระเป็าเราต้องวางไว้หน้าห้อง หลังมื้อเช้า เราก็ต้องบอกลา Thulhagiri Island กันแล้ว เรือจะออก 09.30 และไปถึงสนามบิน 10.00 เพื่อขึ้นเครื่องกลับตอน 12.30 และจะถึงสนามบินดอนเมืองเวลา 19.30 น. ตามเวลาประเทศไทย
ช่วงเวลาแห่งความสุข มักจะผ่านไปเร็วเสมอ ... "มัลดีฟส์" อย่าปล่อยให้เป็นแค่ฝัน เพราะมันสวยมาก
โลกใบนี้ยังมีอะไรอีกมากมายรอให้เราไปสัมผัส ออกเดินทางกันเถอะค่ะ สำหรับรีวิวนี้จบเพียงเท่านี้ ขอบคุณที่แวะเข้ามาดูกันนะคะ ทริปหน้าจะไปไหนฝากติดตามกันด้วยนะคะ
ชอบก็อย่าลืมแชร์กันด้วยน้าาาาา :)
Great'zii Ketwadee
วันอังคารที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 เวลา 03.51 น.