เมื่อฤดูฝนที่ชุ่มฉ่ำมาเยือน การอยู่ในเมืองอาจเป็นเรื่องน่าเบื่อเมื่อฝนตก เปียกปอนตอนเลิกงาน น้ำท่วม รถติด แต่บนยอดเขากลับสดชื่น สวยงาม ชวนให้อยากขับรถฝ่าพายุฝนขึ้นไปสัมผัสบรรยากาศที่ราวกับสวรรค์ ทริปนี้จึงเกิดขึ้นเรียกได้ว่าเป็นทริปแก้ตัวเพราะปีที่แล้วไปไม่เจอทะเลหมอกแน่นๆ เราเริ่มออกเดินทางกันคืนวันศุกร์ ไปถึงหล่มสักประมาณเกือบๆ ตีสอง ทริปนี้ไม่ได้จองที่พักใดๆ ไปหาเอาข้างหน้าคืนแรกเราพักที่ "โรงแรมต้นค้อ" เป็นที่พักข้างทางห้องสวย สะอาด ติดถนนและไม่ไกลจากทางขึ้นภูทับเบิก นอนพักกันได้ 2-3 ชม. เช้ามาก็รีบขับรถขึ้นกูทับเบิกกัน สภาพอากาศตอนเช้าฝนปรอยๆ ใจตุ้มๆต่อมๆ ว่าจะได้เห็นทะเลหมอกมั้ยแต่ก็มาแล้วต้องเสี่ยงดวง ระหว่างทางที่คดเคี้ยวสูงชัน เรามองเห็นไอหมอกลอยทั่วยอดเขา และสุดท้ายก็ขึ้นมาถึงจุดสูงสุดของภูทับเบิกสูงจากระดับน้ำทะเล 1,768 เมตร หมอกฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ อากาศเย็นสดชื่น ณ จุดๆ นี้ ไข่กระทะคือดีงาม



เราแอบเฟลเล็กน้อยที่ไม่เจอทะเลหมอก มีแต่หมอกฟุ้งๆ ลอยทั่วยอดเขา แต่ก็ยังไม่ถอดใจเพราะยังพอมองเห็นแสงอาทิตย์ เลยนั่งรอกันต่อไปเผื่อฟ้าจะเปิด รอจนถึง 9 โมงเช้า และแล้วแดดก็มาฟ้าก็เปิด น้องหมอกปุกปุย นุ่มฟู สุดท้ายเราก็ได้เจอกันสะที ช่างเป็นภาพที่สวยงามมาก เราตื่นเต้นจนลืมความเหนื่อยล้า คิดว่าคุ้มค่าแล้วที่เดินทางมานาน 6-7 ชม.



หลังจากที่เราชื่นชม ดื่มด่ำบรรยากาศ และเก็บรูปจนเม็มแทบเต็มก็ได้เวลาบ้ายบายยอดภูทับเบิกกลับมาเก็บของที่โรงแรมเตรียมเดินทางต่อไปยังเขาค้อ สถานที่ที่คุ้นเคย เพราะนี่เป็นครั้งที่ 4 ที่เรามาเยือน แต่ถึงจะมาหลายครั้งก็ไม่เคยนึกเบื่อ เริ่มต้นเขาค้อด้วยการกินนนนน มื้อนี้เราฝากท้องกันที่ "ครัวเขาค้อ" อันเลื่องชื่อ และก็สมคำร่ำลือจริงๆ เด้อ รสชาติอร่อยมากกกกก ราคาก็ถูกมากกกก สั่งมาทั้งหมด 5 อย่างอร่อยทุกอย่าง เมนูที่สั่งก็จะมี แกงป่าไก่บ้าน แกงคั่วหอยขม มะระหวานผัดไข่ เห็ดหอมคั่วซีอิ๊ว แล้วก็ต้มเลือดหมู ค่าเสียหายห้าร้อยกว่าบาทเองคุ้ณณณ มีใครให้ถูกกว่านี้มั้ยคะ ถูกใจถึงกับต้องกลับมาซื้ออีกตอนเย็นไปกินกันที่รีสอร์ท ถึงจะเป็นร้านดังลูกค้าเยอะแต่ทางร้านก็ยังใส่ใจและบริการดีมากๆ ค่ะ ใครมาเที่ยวเขาค้อแนะนำเลยค่ะร้านนี้ "ครัวเขาค้อ"


ตอนจะออกจากร้านฝนตก พนักงานก็มากางร่มให้ส่งถึงประตูรถ ประทับใจมากๆ ค่ะ


กินอิ่มๆ แล้วตามันก็หนักๆ ไม่รอช้าตรงเข้าที่พักกันเลยจ้าาา ไม่ได้จองอีกเช่นเคย walk in เข้าไปเลยค่ะเหลือหลังสุดท้ายพอดี คืนนี้ฝากตัวฝากใจกันที่ "ค้อคีริน" สงบ ส่วนตัว บรรยากาศดีงาม อยู่ใกล้วัดพระธาตุผาซ่อนแก้วด้วยนะเออ เนื่องจากเรามาเขาค้อหลายครั้งแล้วทริปนี้เลยเน้นพักผ่อน ไม่เที่ยวหลายจุดไปดูที่พักกันจ้าาาาาา (สามารถเช็คราคาที่พักทางหน้าเพจค้อคีรินได้เลยนะคะแต่ละช่วงจะราคาไม่เท่ากัน)



อากาศเย็นๆ เตียงนุ่มๆ หลับสิคะ ตื่นมาอีกทีก็สี่โมงเย็น อาบน้ำแต่งตัวไปนั่งเล่น หาที่ถ่ายรูปชิคๆ กัน ที่ " Jolly Cafe" ร้านบรรยากาศดี ซิกเนเจอร์อยู่ที่ต้นไม้ใหญ่และมีไฟห้อยลงมาให้ถ่ายรูปกันเพลินๆ





มาดูในส่วนของอาหารและเครื่องดื่มกันบ้าง แก้วนี้เป็นฟรุตพันซ์ อร่อยมากกกกก ส่วนอาหารจะเป็นสไตล์ฟิวชั่น รสชาติกลางๆ ค่ะ มื้อทานเล่นนี้เช็คบิลที่เก้าร้อยกว่าบาท (แอบแพงงงง) แต่ก็ถือว่าซื้อบรรยากาศค่ะ



ถ่ายรูปกันจนหนำใจแล้วก็กลับค่ะ ก่อนเข้าที่พักแวะครัวเขาค้อซื้อเสบียงไปตุนกันคืนนี้ นั่งจิบเบาๆ หน้าระเบียงห้องพัก อากาศเย็นๆ ฟินมากเว่ออออออร์ ไม่ดึกมากก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนค่ะ ตัดภาพมาตอนเช้าเลยนะคะ เช้าๆ ตื่นมาซูดโอโซนกันให้ชุ่มปอด ที่พักจะมีดาดฟ้าส่วนตัวทุกหลัง มีชิงช้า เปล และเตียงไว้ให้นั่งเล่นนอนเล่นกันชิลๆ



เช้านี้เราไม่ได้รีบร้อนอะไร นอนกลิ้งไปกลิ้งมากว่าจะไปทานอาหารเช้าก็ 9 โมง ไปดูวิวห้องอาหารเช้ากันค่ะ


ทานอาหารเช้าเรียบร้อยก็เก็บของ ก่อนกลับแวะวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว และร้านกาแฟยอดฮิต

PINO LATTE คนเยอะมากกกกกกก



จบทริป เพรชบูรณ์เป็นหนึ่งในเมืองต้องห้ามพลาด ใครไม่อยากพลาดบรรยากาศดีๆ อากาศดีๆ หมอกสวยๆ ก็หาเวลามาเที่ยวกันนะคะ ช่วงที่มีหมอกเยอะที่สุดก็หน้าฝนนี่แหละ และคุณจะฟินเหมือนเรา

ขอบคุณค่ะ.... ไว้เจอกันใหม่ทริปหน้า
































Great'zii Ketwadee

 วันพุธที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 เวลา 02.42 น.

ความคิดเห็น