เมื่อพูดถึง "วังเวียง" หลายคนคงคุ้นกันเป็นอย่างดี และยังคงมีอีกหลายคนที่อยากไปเยือน

วังเวียงไปฤดูไหนก็สวยแตกต่างกันออกไป เลยอยากเอาบรรยากาศวังเวียงอีกแบบนึงมาดึงดูดใจ

เผื่อมีใครสนใจอยากไป เราไปวังเวียงครั้งแรกเมื่อ ปี2557 รูปที่เอามาเขียนรีวิวนี้เมื่อ ปี 2559

ขอไม่ลงรายละเอียดอะไรเยอะมากเพราะ ลืม!!!!!!!!!!!!!!!!!! นานมากกว่าจะเขียนถึงลาว ส่วนใหญ่จะเป็น

ภาพบรรยากาศ บางทีไม่ต้องไปตามเก็บจุดท่องเที่ยวยอดนิยม หรือที่ไหนที่ใครๆก็ไป ไปแค่พักผ่อน

หรืออยากหนีใครสักคนก็ได้นะ ^ ^

การเดินทาง

มีหลายวิธีมากกกกกกกกกกกกก นั่งรถไฟ-หนองคาย จากสถานีรถไฟหนองคายใครรักเดินก็เดินไปได้ ส่วนทางสะดวกก็นั่งสามล้อเครื่องไปลงหน้าด่าน พอทำเรื่องนู้นนั้นนี้ที่ด่านเสร็จก็เดินไปรอรถเมล์ เพื่อนั่งไปตลาดเช้ามี รถตู้ไปวังเวียงต่อ ส่วนเรารอบนี้เริ่มจากสถานีขนส่งสายเหนือในเวียงจันทร์เพราะมีพี่ๆที่ลาวไปส่ง (ไปจนมีบ้านเป็นของตัวเอง บ้านเค้าไม่ใช่บ้าน แฮ่ๆ)

สำหรับใครที่มาจากโคราช (ที่เราอยู่) ก็มีรถทัวร์ไปส่งถึงตลาดเช้าในเวียงจันทร์ รถทัวร์มีรอบดึกไปถึงหน้าด่านเช้าพอดี

สำหรับใครที่อยู่ จังหวัดเลย ก็มีรถทัวร์จากบขส. เลย ไปส่งถึงหลวงพระบาง

สำหรับใครสายแว๊น ก็ทำเรื่องพาสปอร์ตรถไปด้วยนะจ๊ะ ขับไปวังเวียงก็ไม่ใกล้ไม่ไกล ถนนที่ลาวก็ไม่ค่อนดีเท่าไหร่มีหลุมมีบ่อบ้างตามรายทาง

สำหรับใครที่เริ่มจาก กทม. สะดวกทั้งรถทัวร์ และรถไฟ นั่งรอบกลางคืนรถนอนไปถึงเช้าพอดี ได้ทุกทางเลย

เริ่ม

นั่งรถตู้จากสถานีขนส่งสายเหนือ-วังเวียง ที่พักที่เราจองมาจาก booking.com

Champa Lao Bungalows ราคาอยู่ที่พันต้นๆ เรามาถึงก็บ่ายแก่ๆแล้ว บรรยากาศดีเลยทีเดียว วิวดี อากาศดี ใจก็จะดีตามไปด้วย อิอิ


ห้องพักของเรายามค่ำคืน


เดินเล่นชมบรรยากาศกลางคืนที่ริมแม่น้ำซอง

1 วันจบแบบเรียบง่ายสุดๆ สมกับการมาพักผ่อนมากกกกกก

เช้านี้กับวิวหน้าห้อง เดินออกมานอนเปล แสงแดดอ่อนๆ ลมเย็นๆ หลับสบายเลย

วันนี้จองรถกลับไปที่เวียงจันทร์ช่วงบ่ายถ้าจำไม่ผิด ให้ที่พักจองให้ก็ได้นะคะ เช้านี้เราเลยมีเวลาเดินเล่นอีกนิดหน่อย เลยเลือกเดินไปที่ถ้ำจัง ขอแผนที่สัก 1 ใบ เดินไปก็ไม่ยาก

เดินคนเดียวมันก็จะวังเวงหน่อยๆ


มีจุดให้ชมวิวด้วยนะในถ้ำ ทันใดนั้นก็มีเสียง สวัสดีครับ ผี!!!!!!!!!!!!!! ป่าวหรอกคนนี้เหละ แล้วเราก็ได้เพื่อนใหม่ทันที

แล้วเพื่อนใหม่ก็ได้เชิญชวนให้ขึ้นบอลลูนด้วยกันดิ นางอยากมีเพื่อน และนั้นก็ทำให้เราต้องอยู่ต่ออีก 1 คืน จากนั้นก็กลับไปที่ที่พักแล้วเลื่อนเวลารถกลับเป็นวันถัดไป จองบอลลูนกับทางที่พัก แล้วเด๋วจะมีรถมารับที่ที่พักไปส่งที่จุดปล่อยบอลลูน ขึ้นตอนเย็นราว 5 6 โมงอันนี้ก็จำไม่ได้แล้ว เวลาที่เหลือก่อนจะถึงเวลานัดเลยตกลงกันขับโมไซไปรอบๆนอก รอบนอกก็คือเส้นทางเดียวกันกับที่เค้าขับไปปล่อยคนล่องห่วงยาง เรือ แต่เราตรงไปอีก

วิวระหว่างทาง ชอบตรงไหนจอดตรงนั้น

เห็นกลุ่มคุณป้าทำนาอยู่ไกลๆนู้นนน


คุณป้าน่ารัก ^^ ชวนลงไปเกี่ยวข้าว แต่นู๋ใส่ขาสั้นอย่าเลยเด๋วคัน


ขับไปเรื่อยๆก็เจอคุณป้า น้า อา กำลังร่วมแรงร่วมใจกัน

อย่างที่บอกชอบตรงไหนแวะตรงนั้น เป็นวัดที่ตั้งอยู่ระหว่างทาง


ด้านหลังวัดเป็นบ้านคน ติดแม่น้ำ บรรยากาศโครตดี

ขับโมไซไปอีกสักพักใหญ่ จะมีร้านอาหารอยู่ทางซ้ายมือเป็นซุ้มติดริมแม่น้ำเล็กๆ ร้านนี้เด็ดดวงที่ปูภูเขา สั่งแบบนึ่งหรือแบบผัดผงกระหรี่ก็ได้ ประทับจิตประทับใจ แต่ต้องรอนานสักหน่อยเพราะเค้าทำสดๆ ไปกี่ครั้งก็ไม่ได้รูปไว้สักที ไม่แบตหมด ก็ต้องประหยัดแบตไว้ถ่ายบอลลูน ครั้งนี้เลยพาเพื่อนใหม่ไปลองกิน แต่ก็ต้องกินด้วยความเร็วสูงมากกก เพราะต้องรีบบิดกลับไปขึ้นบอลลูนให้ทัน


รถมารับที่ที่พักและไปรับคนอื่นตามโรงแรมต่างๆจนครบ แล้วก็ไปส่งตรงจุดปล่อยตัว ในภาพกำลังเปาลมเข้าบอลลูจากนั้นก็จะมาชี้ตัวว่าใครจะได้ขึ้นไปก่อน คิดว่าเค้าคงวิเคราะห์จากขนาดตัวของแต่ละคน


พอเริ่มลอย ก็ให้คนที่คัดไว้รีบปีนขึ้น เรามาฝากชีวิตไว้กับตะกร้าไม้ผุๆแสนน่ารักกัน ค่อยๆลอยขึ้นอย่างช้าๆนิ่งๆ ของเราขึ้นอันถัดไป


+++ดูตูดตะกร้าดิ++++

พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน



ขาลงมันก็จะเชียดๆหลังคาบ้านคน


เรามาอันนี้ ขาลงนี้พูดเลยว่าเทกระจาด เทจริงๆ ไม่หลอก ตะกร้ากำลังจะเท ก็จะมีคนคอยเตรียมรับโดยการกระโดดเกาะตะกร้าดูจากพี่เสื้อดำ กระโดดถ่วงมาอีกทางให้ตะกร้าตั้ง แล้วไล่ลม ออกจากบอลลูน เก็บแบบเป็นขั้นตอน อย่างเป็นระเบียบ แล้วพอทุกคนลงได้ก็จะกอดกันแบบคู่ฝรั่งในภาพ เสมือนว่า

กูรอดแล้ว!!!!!!!!


กางผ้ารอเตรียมเก็บอย่างเป็นขั้นตอน

ปิดท้ายด้วยแสงสุดท้ายของวัน และมีเพื่อนดื่มเเบียร์เย็นๆริมน้ำซอง จบแล้วสำหรับทริปผักผ่อนของเรา มันก็จะเรียบง่ายแบบนี้เหละ

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน เข้ามาชมนะคะ^ ^

ความคิดเห็น