สวัสดีค่า



เอาโค้ชชินิมมาทักทายยย <3



กระทู้เกาหลีนี้ เป็นกระทู้ที่ดองงงงมานานนนมาก เพราะเราไปมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ช่วงเดือน ปลายเดือนตุลาคม - ต้นเดือนพฤศจิกายน

เป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสีพอดี อากาศกำลังดี หนาวๆเย็นๆ ใบไม้สวยงาม เหมาะแก่การไปเกาหลีไม่แพ้ช่วงหิมะตกเลยค่ะ



แนะนำเช็คสภาพอากาศเกาหลี ได้ก่อนที่นี่นะคะ

http://www.accuweather.com/th/kr/seoul/226081/weather-forecast/226081



ทริปนี้มาจากอารมณ์ของ จขกท ล้วนๆ

สืบเนื่องมาจากคุณแฟนหนีไปล่องเรือกับเพื่อน จขกท เลยคิดว่าชั้นจะไม่ทน แต่.. จะไปไหนดีหละ ?

เปิดยูทูปนั่งดูหาที่เที่ยวไปเรื่อย สรุปสุดท้าย เกาหลีละกัน เคยไปตอนเด็กๆ ไปดูความพัฒนาของเค้าซะหน่อย



ครั้งนี้อาจจะเป็นไม่กี่ครั้งที่ จขกท ยอมเปิดใจไปเที่ยวกับทัวร์ เพราะความถูกกกกเว่อร์

พอหาจุดหมายปลายทางได้ก็หาข้อมูล แล้วก็ไปป๊ะกับเพจนึงในเฟสบุ๊ค เห้ยยย ทัวร์ถูกไรขนาดนั้นอะ

เจจูเกาหลี 9,900 แต่ไม่ถูกใจ จขกท เท่าไหร่ เพราะเป็นเมืองธรรมชาติ ขัดกับเป้าหมายที่ต้องการไปดูความเจริญรุ่งเรือง

หาไปหามาก็เลยได้ทัวร์ไป โซล ในราคา 16,900 บาท ( ปล.คนอื่นๆในทัวร์ซื้อ 13,900 )

**บางท่านอาจจะหาได้ถึง 9900 แบบจองวันนี้บินพรุ่งนี้ก็มีนะ เพราะเกาหลีไม่ต้องขอวีซ่า**

พอไปถึงเราก็ถึงบางอ้อ land ที่นั่นมีแค่ land เดียวคือ let's go Korea อันนี้จากคำบอกเล่าของไกด์นะคะ



บอกตรงๆว่าครั้งนี้เราได้ทริคมากมายในการเที่ยวเกาหลีเลย

เพราะความเก่งกาจของหัวหน้าทัวร์เราเอง



ไปกันนะ โอเค๊ ;)



วันแรก



ทางทัวร์นัดเราเวลาตี 4 ครึ่งที่สนามบินดอนเมือง แต่ !!!

บอร์ดดิ้ง 8 โมงกว่า เราก็แบบเห่ยย ให้มาเช้าไรขนาดนั้นอะ



การไปทัวร์ก็จะมีข้อดีคือเค้าจะเตรียมให้เราหมดทุกอย่าง เช่น immigration form แทคติดกระเป๋า สบายไรขนาดเน้


ทางทัวร์จะให้เราเดินเข้าไป check in เองซึ่งก็ไม่ได้ยากอะไร เสร็จเรียบร้อยก็มานั่งอึดอัดบนเครื่อง

ซึ่งเราไปสายการบิน airasia x เป็นที่รู้ๆกันว่า หิวเมื่อไหร่ก็เสียตัง เราก็จัดไปค่ะ 2 คน 3 อย่าง

คิดในใจ เป็นบ้าาา 650 บาทเพื่อกินข้าวเวฟ



พอถึงสนามบินอินชอนแห่งเกาหลีใต้ความลุ้นระทึกก็มาเยือนค่ะ


เนื่องจากนังหมีช่างภาพที่ไปด้วยกันพาสปอตสะอาดสดใสมากกก

ไม่เคยมีตราประทับใดๆมาก่อน ลุ้นน้ำตาแทบไหลค่ะ ล่กแบบระดับ 10 แต่สุดท้ายก็

รอดพ้นมาได้ ถึงแม้ว่าทัวร์เราจะต้องกลับบ้านไป 7 คน เรา 2 คนชนะค่ะ ได้ไปต่อ



ที่สนามบิน ไกด์บอกว่าอย่าถ่ายรูปมั่วๆ เราเลยไม่ค่อยกล้าหยิบขึ้นมาถ่ายค่ะ กลัววว



แต่กว่าจะได้ออกจากสนามบินก็เกือบมืด เพราะไกด์ต้องรอพี่ๆที่ติดห้องเย็น


สุดท้ายเราก็เลยผิดแพลนนิดหน่อย เดินทางไปทานอาหารเย็นเลย แทนที่จะเที่ยวก่อน

แต่ก็ไม่แย่นะ กรุ๊ปเราทำเวลาค่อนข้างดี เลยได้เที่ยวกันครบๆ แบบไม่เร่งรีบมากนัก



มื้อแรกที่เกาหลี อร่อยยยค่ะ หิวมากกกก



ทุกโต๊ะจะมีเครื่องเคียงแบบนี้ค่ะ เป็นเซตเลยยย เหมือนในซีรีย์ที่เราดูเลยย



มีข้าว และซุปสาหร่ายร้อนๆ ให้ซดดดด


เดินทางไปที่พักกกก ที่ซูวอนค่ะ ถึงแล้ววว นอนกันเถอะ



วันที่ 2



ตื่นเช้ามาดูเปิดประตูระเบียงออกไปเจอกับความหนาววววว หนาวววเย็นนมากกกกก

วิวก็ประมาณนี้ ใบไม้สีน้ำตาล แดง เหลือง



ฟินเพลินนไปหน่อยย สายแล้วค่ะ วิ่งลงมาทานอาหารเช้าแทบไม่ทันนนน เป็นบุฟเฟ่ค่ะ


มีสลัด ข้าว มีสาหร่ายเป็นซอง แยม ขนมปัง ประมาณนี้ค่ะ



วันนี้เราจะไปเกาะนามิกันเป็นที่แรกค่ะ


เกาะนามิตั้งอยู่ที่เมืองชุนชอน ห่างจากโซลไปทางตะวันออก ประมาณ 63 กิโลเมตรค่ะ

มีขนาดขนาดเล็กเพียง 460,000 ตารางเมตรตั้งอยู่กลางทะเลสาบชองเพียง



และ



ด้วยความเก่งกาจและเป็นนักวางแผนที่ดีของหัวหน้าทัวร์เรา

ที่ นางพาเราไปนอนแถวๆเกาะนามิค่ะ แล้วขุดเราออกจากโรงแรมตั้งแต่ 7 โมงครึ่ง !!!!

เกิดมาไม่เคยออกไปเที่ยวเช้าขนาดนี้มาก่อน คือบับบบ โอ้ยย เดินเซเป็นปูเสฉวนเลยค่ะตอนนั้นแต่สุดท้าย

มาถึงท่าเรือ ได้ลงเรือเท่านั้นแหละ ถึงบางอ้ออออ ไม่ขออธิบายเนอะ ดูความฟินจากรูปค่ะ



ถึงแล้วววว



คือบับโอ้ยยย มันสวยมากกก สวยไรขนาดนั้น คือนี่เราเป็นนางฟ้าใช่มั้ย ลอยอยู่ท่ามกลางเมฆ 555555

พอเดินทางถึงเกาะนามิ ก็ได้เห็นใบไม้เปลี่ยนสีครั้งแรกในชีวิต ดี๊ดียยอะ



หัวหน้าทัวร์ก็พาเราเดินฝ่ากลางเกาะไปยังแลนด์มาร์กก่อนเลย ทิวต้นสน เสร็จก็ปล่อยเราฟรี ให้เดินถ่ายรูปชิวๆ แล้วมาเจอที่ท่าเรือ


เราก็ตะลุยๆถ่ายรูปๆ ก็อย่างเพลิดเพลินไปเรื่อยๆ



กระรอกที่นี่ดูคุ้นเคยกับคนดีนะคะ



มีป้ายสวัสดีปีใหม่ ด้วยยย



เกาะนามิเป็นเกาะที่มีชื่อเสียงในด้านทัศนียภาพทางธรรมชาติที่สวยงาม และได้รับความนิยมมากขึ้น


จากกระแสความโด่งดังของภาพยนต์ซีรีย์เรื่อง "เพลงรักในสายลมหนาว" (Winter Sonata) ที่ใช้เกาะแห่งนี้เป็นสถานที่ถ่ายทำ



เดินกันต่อค่ะ



มีร้านขายของฝาก



บรรยากาศสุดโรแมนนนติกกกกก


มีร้านให้ซื้อของกินค่ะ แต่ว่าเราไม่กิน เราตั้งใจจะมาลองซาลาเปาไส้ถั่วแดง อบในเตาใหญ่ ของขึ้นชื่อของเกาะนามิค่ะ


ยืนนนรอออออออ รออออ ร๊ออออ รออออ


สรุปว่าไม่ได้ทานค่ะ ไม่สุกสักที สงสัยมาเช้าเกิน หมดเวลาต้องกลับแล้ว เสียดายมากค่ะ



ระหว่างทางเดินกลับ

ดงใบไม้สีแดงงงง



เรือมาแล้ววค่าาาา เห็นธงประเทศไทยเรากันมั้ยยย?



ภายในเรือขากลับเป็นแบบนี้



กลับจากเกาะนามิ เราก็เดินทางค่อนข้างจะนานเพื่อเข้าเมือง

สถานที่ต่อไปคือพระราชวังค่ะพระราชวังซางด็อกกุงงง



ตัวที่ไกด์พาไปลูบก่อนเข้าเพื่อให้โชคดีค่ะ



ไกด์บอกว่าสมัยก่อน ถ้าเป็นคนระดับสูงแบบกษัตริย์จะเดินเข้าประตูกลางนะคะ


เขาดูแลรักษาได้ดีมากๆ ตามมุมซอก มีตาข่ายมาขึงน่าจะกันนกเข้ามาทำรัง และก็สะอาดมากๆค่ะ



ขอบรรยายสิ่งที่ประทับใจดีกว่าเนอะ สิ่งที่ประทับใจคือ เด็กสาวๆ ใส่ชุดฮันบกมาถ่ายรูปกันเต็มเลยย


คือรู้สึกว่านี่แหละ เกาหลี มาถึงแล้วนะ เกาหลี ด้านสถาปัตยกรรมเราคงบรรยายไม่ได้มาก

แต่ทุกห้องทุกหลังยังคงสภาพความสวยงามอยู่ ไม่มีผุพังเลย

เห็นได้ถึงความใส่ใจของคนเกาหลีต่อโบราณสถาน ไม่มีแบบ นุ๊กนิ๊กมาเยือน คุคิคุคิ ให้เห็นตามกำแพงเลย



พอเสร็จพี่ไกด์ก็พามากินออมุก เป็นปลาบดเสียบไม้ เจ้าเด็ดที่ไกด์เราบอกว่าตั้งแต่กินมาเจ้านี้อร่อยที่สุดค่ะ อยู่ตรงหน้าวัง



เราว่าอร่อยนะ แต่ไม่ได้ว้าวววว อาจจะเพราะเป็นคนติดรสจัด


แต่ไม่คาวเลยยยยยย ถือว่าผ่าน !



หลังจากพระราชวังก็มาถึงเวลาของอาหารกลางวันวันนี้เราได้ทานข้าวยำค่ะ

จริงๆ แอบคิดไว้ในใจว่าจะอลังวังเว่อกว่านี้ แต่ก็ถือว่าโอเคระดับนึง ใน 1 โต๊ะจะมีกะทะเหมือนชาบูให้ด้วย

หมูของมื้อนี้อร่อยที่สุดใน 4 วัน มีกลิ่นของพริกไทยค่อยข้างชัดมาก ไม่ต้องพึ่งน้ำจิ้มจากพี่ไกด์เลย



ต่อมาพี่ไกด์ก็พาเราไปเสียเงินกันที่ outlet ค่ะ


อย่าหวังจะได้แบรนด์เนมถูกค่ะ แพงหมดดด ซื้อได้คือเครื่องสำอางล้วนๆ



ตอนเย็นได้ไปชมโชว์ของ NANTA SHOW ค่ะ ในเรื่อง "Cookin"

สนุกดีค่ะ เพลินมาก ไม่มีบทพูดอะไรเท่าไหร่เลย แต่เราก็สามารถเข้าใจและสนุกสนานไปกับเขาได้ เก่งมากค่ะ

หลายๆคนอาจจะเคยชมกันมาแล้วเพราะเคยมาเปิดการแสดงที่บ้านเราด้วยค่ะ



ต่อมาค่ำๆ เป็นคิวของ พิพิธภัณฑ์ 3 มิติ และ บ้านคิตตี้ค่ะ 2 ที่นี้เราไม่อินซักเท่าไหร่ เลยไม่ได้ถ่ายรูปมาเลยค่ะ

จินตนาการเราค่อยข้างจะ low 555555 ขอไปเดินเล่น หาผู้ชายดูดีกว่า

(รูปไม่ค่อยชัดนะคะ คนแถวนี้เขาเดินกันไม่หยุดเลยค่ะ หยุดไม่ได้จริงๆ)



เดินๆไปก็ได้แต่คิดในใจค่ะ ทำไมคนที่นี่หน้าเนียนนนนนขนาดนี้ ไม่มีแม้แต่รูขุมขนเลย แบบ โอ้ยย อิจฉา


เราโชคดีที่ไปตรงวันฮัลโลวีนด้วย แต่งหน้าแต่งตัวจัดเต็มกันสุดๆ



วันถัดมา



เดินทางไปสวนสนุก lotte world ค่ะ



คนในทัวร์ก็ไปถ่ายรูปกันสวยๆ ส่วนเราวิ่งค่ะ หาของกิน เพราะตื่นไม่ทันทานอาหารเช้า T T


ตอนหิวอะไรก็อร่อยค่ะ 555555



ข้างบนเป็นไก่ ข้างล่างเป็นโค้กกกก



อันนี้เป็นชูโรส หวานๆ



อันนี้เหมือนที่บ้านเราขายเลยค่ะ



หลังจากนั้นก็ไปต่อคิวเล่นเครื่องเล่นต่างๆ ที่นี่จะมี 2 zone ค่ะ

indoor(โซนมุ้งมิ้งมีจินตนาการ) 4 ชั้น กับ outdoor(โซนโหด)



เราเริ่มจากโซนมุ้งมิ่งกันก่อน


เครื่องแรกกกกที่มาต่อคิววว ชมวิวได้ทั้งหมดในสวนสนุกเลยค่ะ แล้วเราก็เล็งไว้ว่าจะไปเล่นอันไหนต่อดี

แต่ยังไม่ทันจะเล่นครบ ก็ถึงกำหนดเวลานัดดดด เครื่องเล่นหลายอันที่เราเล็งไว้ เสียใจสุดดดด ยังไม่ได้กรี๊ดเลย



สถานที่ต่อไปที่เราได้ไปคือ รร สอนทำกิมจิค่ะ จะมีคุณครูเกาหลีมาสอนเราทำและมีพี่ไกด์เป็นคนแปล

เราก็หมุนๆ ถูๆ ตามเค้าไป ก็สนุกดีค่ะ แต่เค้าไม่ได้ให้เราเอากลับบ้านนะคะ

เค้าจะนำไปบริจาคให้เด็กๆยากไร้ค่ะ



พอทำเสร็จทาง รร จะมีชุดฮันบกให้เรายืมใส่ถ่ายรูป ด้านในจะเป็นคล้ายๆสตูดิโอเล็กๆค่ะ


มีฉากต่างๆให้เราถ่ายรูปเล่นกัน ชุดอาจจะเก่าไปหน่อย แต่ก็พอได้หน่าาา



แล้วก็มาถึงสถานที่ที่เรารอคอยมาทั้งทริปปปปปป



เมียงงงดงงง งง งง งง ไกด์ให้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งค่ะ แต่ใครอยากกลับหลังเค้าก็ไม่ว่านะ

เพลินนเลยค่ะที่นี่ ทุกอย่างสวยงาม น่าจ่ายตังค์ไปซะหมด

โดยเฉพาะเครื่องสำอางของดีราคาถูก มาร์คหน้านี่อย่าเรียกว่าขาย ราคาแบบนี้แจกพี่ฟรีเลยดีกว่าน้อง

ตกแผ่น 10 กว่าบาทททท โกยค่ะ โกยทุกอย่างใส่ตะกร้า ผลสุดท้าย น้ำหนักเกิน โชคดีที่ทัวร์แชร์น้ำหนักกันได้

จิตตกไปอีกเพราะต้องผ่านกงศุลไทย คืออยากบอกว่าไม่ได้เอาไปขายนะเฮีย หนูใช้เองทั้งหมดวันกลับบบบ



ไปโซลทาวเวอร์ค่ะ ตั้งอยู่บนภูเขานัมซานนน เป็นจุดชมวิวที่มองเห็นวิวทั่วกรุงโซล

หรือที่มีสะพานแขวนกุญแจนั่นเองงงง แต่ ทางขึ้นโหดมากกกก ขึ้นเขาแท้ๆ เหนื่อยค่ะ ไม่ไหว เอาแค่ชมวิวก็พอ

ไม่มีการไปคล้องกุญแจอะไรทั้งนั้น ไม่ได้ไปกับแฟนอยู่แล้ว



ต่อไป พี่ไกด์พาเราไปร้านละลายเงินวอนค่ะ ที่นี่จะมีพวกขนม เครื่องใช้ต่างๆของเกาหลีขาย


( หม้อ ไห กะทะ ที่เราเห็นในซีรี่ ) ซึ่งไม่ได้ละลายแค่เงินวอน เพราะเค้ารับบัตรเครดิต รวมถึงเงินไทยด้วย

เพราะฉะนั้นขอแต่งตั้งชื่อร้านใหม่เป็น ร้านละลายทรัพย์สินค่ะ

พอล้มละลายกันหมดก็ถึงเวลากลับสนามบินค่ะ น้ำบิลทั้งหมดไปทำ refund ภาษีคืน

ใครยังพอมีวงเงินในบัตรเครดิตเหลือ ร้านในสนามบินก็ดึงดูดไม่เบาค่ะ



แถมใครอยากถ่ายรูปชุดฮันบกใหม่ๆ ที่สนามบินก็มีให้บริการฟรีนะคะ

บริเวณตรงข้ามกับที่เราไปรับของที่ซื้อจาก outlet เลยค่ะ



เดินๆอยู่สนามบินก็มีโชว์เดินอะไรไม่รู้ งงค่ะ แต่ก็ยืนดู



โดยสรุป ทริคที่ได้จากพี่หัวหน้าไกด์ของเราคือ



1. ไปนามิให้ไปเช้าๆค่ะ เช้าที่สุดเรือเที่ยวแรกเลยยิ่งดี เพราะวิวจะฟินมากๆ ไอขึ้นจากน้ำ คนน้อย สบายยย ถ่ายรูปไม่ต้องติดหัวใคร ( จขกท เคยไปสายๆ หมอกหายหมดนะคะ มีแต่หัวนักท่องเที่ยวค่ะ )



2. เวลาไปซื้อเครื่องสำอางที่เมียงดง หาร้านที่ทัวร์คนไทยเข้าค่ะ ละบอกกันแคชเชียร์เลย ของแถมเยอะๆ เค้าฟังออกค่ะ เค้าจะนึกว่าเรามากับทัวร์ ได้เยอะกว่าจริงๆนะ



3. ถ้าเข้าร้านคนไทยเยอะแล้วของหมด ลองไปเดินหาซอยอื่นค่ะ ร้านเครื่องสำอางแต่ละร้านมีหลายสาขาในเมียงดง ห่างกันนิดเดียว แต่ของแถมจะได้น้อย ( บางร้านได้รีฟันด้วยนะ )



ปล.ในกระทู้นี้ จขกท ขอไม่พูดถึงสถานที่รัฐบาลต่างๆนะคะ เพราะเนื่องจากไม่ได้สนใจเลย

พอเค้าพาไปก็เดินออกมาหาวิวถ่ายรูปด้านนอก ด้วยความที่อายุยังไม่มากและไม่ค่อยเชื่อกับอะไรแบบนี้อยู่แล้ว

ฟังๆเป็นหน้าที่เฉยๆ เพราะพี่ไกด์ได้อธิบายแล้วว่าที่เรามาได้ถูกขนาดนี้เพราะทางรัฐบาลเกาหลีสนับสุนการท่องเที่ยว

โดยมีข้อแม้ว่าต้องพานักท่องเที่ยวไป 5 ร้านของรัฐบาล บางทัวร์อาจจะไม่ได้แจ้งและทำให้รู้สึกเสียอารมณ์

แต่เราเข้าใจนะ เป็นธรรมดาของการมาทัวร์ อาจจะเพราะเรียนมาทางนี้เลยเข้าใจง่ายขึ้นก็ได้



#ทัวร์เกาหลีราคาถูกมีอยู่มากในสังคมไทย



*โปรดใช้วิจารณญานในการเลือกซื้อ หรือใครสนใจที่ จขกท ไป หลังไมค์ได้เลยค่าาาา



ขอบคุณคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านมาจนจบ หรือดูรูปครบทุกรูปนะคะ

และเราหวังว่ารีวิวเล็กน้อยๆ ของเราจะเป็นประโยชน์กับทุกท่านค่าา



ตอนนี้เราทำเพจไว้พูดคุยกับคนที่ชอบเที่ยวเหมือนกันด้วยนะคะ มาร่วมแบ่งปันข้อมูลกันในcommunityเล็กๆนี้กันนะคะ
FACEBOOK : Dekleangmhee - เด็กเลี้ยงหมี
https://www.facebook.com/DEKLEANGMHEE/

ความคิดเห็น