สะบายดี พี่น้อง นักเดินป่าทั้งหลาย วันนี้เรามีโอกาสไปเดินป่าประเทศเพื่อนบ้านมา คิดว่าชื่อนี้คงผ่านหูเราๆท่านๆกันมาบ้าง นั่นคือ ที่ราบสูงโบลาเวน (Bolaven Plateau) คงจะเป็นที่หมายตาของนักเดินป่าบ้านเราไม่มากก็น้อย รวมทั้งเราด้วย วันนี้จึงอยากมาแชร์ประสบการณ์เล็กๆน้อยๆ ไว้เป็นข้อมูลสำหรับเพื่อนๆทุกคน ในสิ่งที่เราไปสัมผัสมา อาจจะไม่ครบ 100% แต่ก็คิดว่าคงเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย


ที่ราบสูงโบลาเวน (Bolaven Plateau) อยู่ที่อุทยานแห่งชาติดงหัวสาว เมืองปากซอง แขวงจำปาสัก สปป.ลาว เป็นที่ราบสูงที่มีความสวยงามและธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์มากๆ มีลักษณะเป็นทุ่งกว้างๆ มีต้นสน ถ้าบ้านเราก็ให้นึกถึงภูสอยดาวละกัน สูงประมาณ 1,200 เมตร จากระดับน้ำละเลปานกลาง มีดอกไม้นาๆชนิด ที่เป็นไฮไลต์ของที่นี่เลยก็คือดอกเปราะภู และอื่นๆ เช่น หม้อข้าวหม้อแกงลิง หยาดน่ำค้างหรือจอกบ่อวาย ดอกข้าวกำ เป็นต้น ช่วงหน้าฝนนี้จะเป็นช่วงที่พีคที่สุดสำหรับการมาเที่ยวที่นี่ ซึ่งส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวที่มาที่นี่ที่เราเจอจะเป็นคนไทย 98-99% และมีฝรั่งบ้างน้อยมาก


การเดินทางนั้น ทริปนี้เรามากับเพื่อนๆอีกกว่า 10ชีวิต เป็นกลุ่มคนรักการเดินป่ากลุ่มนึงที่เราไปมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ใครที่กำลังมองหาทริปสนุกๆ อยากให้ลองมาสัมผัสกับเราสักครั้ง รับรองว่าสนุกสนานกันแน่นอน

::การเดินทาง::
-รถตู้ จาก กทม.- ด่านช่องเม็ก อ.ศิรินธร จ.อุบลราชธานี
-ด่านช่องเม็ก-ปากเซ : 40 กม.
-ปากเซ-ปากซอง : 50 กม.
-ปากซอง-บ้านหนองหลวง : 12 กม. ช่วงสุดท้ายนี้เป็นทางลูกรังที่มีแต่หลุมและโคลน รถพวกเราติดหล่มกันหลายรอบ ทั้งขาเข้าและขาออก

พอมาถึงบ้านหนองหลวง ซึ่งจะเป็นจุดริ่มต้นของการเดินเท้าของพวกเรา จัดเตรียมของแบ่งให้ลูกหาบเรียบร้อย พร้อมออกเดินทาง ระยะทางจากบ้านหนองหลวง-ด่านใหญ่ ประมาณ 5 กม. ช่วงแรกๆจะเดินตามถนนไปไร่ของชาวบ้าน ผ่านไรกาแฟ และตัดเข้าป่าไป ระหว่างทางที่เราเดินฝนตกตลอดทาง และต้องเดินข้ามลำธารหลายจุด และที่เป็นจุดไฮไลท์เลยก็ตรงที่ต้องไต่สลิงเพื่อข้ามไปอีกฝั่ง ตรงนี้อันตรายมาก เพราะน้ำช่วงนี้แรง ถ้าตกลงไปนี่ไม่รู้จะเป็นยังไง ก็แนะนำให้เตรียมถุงมือกันมาด้วย จะได้จับสลิงถนัด

เราเดินมาถึงบริเวณจุดตั้งแคมป์ ใช้เวลาเดินประมาณ 2.5 ชม. ฝนก็ยังตกไม่หยุด พวกเราตั้งแคมป์เสร็จ ทำอาหาร กินข้าวเสร็จ(หมูกระทะ) ก็แยกย้ายกันพักผ่อน

เช้าวันที่ 2 วันนี้เราต้องเดินไปที่น้ำตก ตาดขมึด - ตาดเสือ ระยะทางก็ 3 กม. แต่เราบอกเลยว่าชันและลื่นมาก ให้เตรียมรองเท้าที่เกาะพื่นมาให้ดี กล้องที่แนะนำให้เอาโอโปร หรือกล้องกันน้ำมา เพราะกล้องอย่างอื่น ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะยกออกจากกระเป๋า เพราะละอองน้ำเยอะมาก เพราะเป็นน้ำตกที่สูง ลมค่อนข้างแรง พอมาถึงน้ำตกตาดขมึด เราก็แวะทานข้ามห่อที่เตรียมมา และถ่ายรูปกันนิดหน่อย แต่เล่นน้ำไม่ได้ เพราะน้ำแรงมาก อาจเกิดอันตรายได้ บริเวณใกล้ๆน้ำตกจะมีบ้านต้นไม้ และกิจกรรมเล่นซิปไลน์ด้วย ใครที่สนใจก็ลองหาข้อมูลดู เราว่ามันน่าจะสนุกดี คือนั่งรถเข้ามาถึงและเดินนิดเดียวก็ถึงละ โดยที่ไม่ต้องเดินมาทางเดียวกับเราก็ได้

เราเต็มอิ่มกับการถ่ายรูป ต้องได้เวลาเดินกลับแคมป์แล้ว ช่วงนี้แหละจะเป็นช่วงที่เหนื่อยมาก เพราะทางชันและลื่นมาก แต่จะหว่างทางกลับจะมีน้ำตกอีกน้ำตกชื่อว่า ตาดเสือ อยู่ระหว่างทาง เดินทางไปนิดเดียวก็ถึงแล้ว แต่ระวังลื่นกันด้วยนะ เพราะน้ำแรงมากและเป็นหน้าผาสูง แล้วพวกเราก็เดินกลับถึงแคมป์ ทำอาหารกิน(ปลาแซวม่อนทอดซีอิ๊ว) และรีบพักผ่อนกันเพื่อนพรุ่งนี้เช้าจะต้องเดินทางกลับหมู่บ้าน

::ข้อมูลที่ควรรู้::
-นักท่องเที่ยวที่มาเดินป่าที่นี่จะต้องมีคนนำทางหรือลูกหาบ 1 คน ต่อนักท่องเที่ยว 2 คน (มันเป็นกฎ)
-ควรมาอย่างน้อย 3 วัน 2 คืน เพราะระยะทางค่อนข้างไกล เราอาจจกลับออกมาจากหมู่บ้านเพื่อกลับ กทม.ช้า เพราะรถติดหล่ม
-ด่านช่องเม็กปิด 20.00 น. รีบออกมาให้ทันละกัน ไม่งั้นต้องนอนเฝ้าด่านนนะ

::สำหรับการให้คะแนนของที่นี่ สำหรับเรา::
-ความสวยงาม 9/10
-ความยากในการเดิน 7/10
-ความสนุกของเพื่อนในทริป 10/10
การให้คะแนนนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของเราเท่านั้น สุดท้ายแล้ว เราก็ได้แค่มาแชร์และแนะนำข้อมูลเบื้องต้นเผื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆหลายคน ยังไงซะก็อยากให้เพื่อนๆได้มาสัมผัสสักครั้ง เราคิดว่าคนที่ชอบเดินป่าและรักในการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติแบบเรา ก็คงได้รับความประทับใจกับความสวยงามของที่นี่กัลบไปแน่นอน


พวกเรามีรถจากไกด์ชาวลาวที่ติดต่อไว้มารับที่ด่านช่องเม็ก เป็นรถสองแถว นั่งได้ประมาณ 15 คน

พอมาถึงทางเข้าหมู่บ้าน 12 กม. สุดท้าย ทางก็เป็นอย่างที่เห็นนี่แหละครับ รถของพวกเราก็ติดหล่มทันที

แค่เริ่มก็สนุกแล้วว่าไหมหละครับ



ภาพนี้ไม่ได้เป็นการลงแขกดำนาแต่อย่างใด แต่เป็นการลงมาซุกรถขึ้นช่วยกันเด้อ



เรามาถึงบ้านหนองหลวง ซึ่งเป็นจุดเริ่มเดินของพวกเรา จัดแจงแบ่งของให้ลูกหาบ ออกเดินเท้ากันได้



เราเดินตามทางรถมาจนตัดเข้าป่า หมอกลงหนาตลอดทาง และนี่เป็นอีกหนึ่งจุดที่เราคิดว่ามันเป็นความสนุกอย่างนึงคือ จุดที่ทุกคนต้องใต่สลิงข้ามไปอีกฝั่ง เราเคยถามลูกหาบว่า "อ้ายๆ เป็นหยังเขาคือผูกเชือกไว้ห่างกันแท้ บ่เห็นใจคนตัวเตี้ยเลยเนาะ ลูกหาบตอบ เขาทำไว้ Size ฝรั่ง" ในใจเรา ฝรั่งที่มาที่นี่มันกี่เปอร์เซนต์กันวะ ตอบ: 1-2 % เท่านั้นเอง







แล้วพวกเราก็มาถึงจุดตั้งแคมป์เกือบๆมืดเลย ฝนก็ตกลงมาตลอดทาง ทุกคนค่อนข้างเหนื่อยล้าจากการเดินทาง เมื่อหาที่ตั้งแคมป์เสร็จก็ทำอาหารกินกันและรีบเข้านอนพักผ่อนเอาแรง ไว้เดินต่อวันพรุ่งนี้





ดอกเปราะภู เป็นดอกไม้ไฮไลต์ของที่นี่เลยก็ว่าได้ ช่วงหน้าฝนนี่กำลังออกดอกบานสะพรั่งทั่วทุ่งโบลาเวนเลยทีเดีย



เช้าๆ กับสภาพอากาศแบบนี้ ข้างจี่สักไม้ไหมละครับ





หม้อข้าวหม้อแกงลิง ก็เป็นอีกหนึ่งพันธุ์ไม้ที่หาดูได้ง่ายมากที่นี่ และดอกใหญ่มาก





เช้านี้ เรารับประทางอาหารกันเสร็จ ก็ต้องออกเดินเท้าไปามหาน้ำตก ตาดขมึด และตาดเสือ ระยะทาง ประมาณ 3 กม.






ระหว่างทางไปน้ำตกจะเจอบันไดแบบนี้เยอะมาก และลื่นมากเช่นกัน



ถึงแล้วน้ำตกตาดขมึด ช่วงนี้คนจะเยอะมาก เพราะเป็นช่วงที่พีคที่สุดแล้วหน้าฝน



ตาดเสือ อยู่ไม่ไกลกัน




ขากลับแล้ว



แคมป์ของกลุ่มอื่น กระจัดกระจายกันตามชายป่า












ดอกข้าวกำ พอมีให้เห็นบ้าง สวยงามไปอีก



มื่อเย็นของพวกเรา น่ากินไหมละครับ







ถึงเวลาที่พวกเราต้องเดินทางกลับไปที่หม่บ้านเพื่อนั่งรถสองแถวกลับด่านช่องเม็กแล้ว









ขากลับออกจากหมู่บ้าน รถสองแถวของพวกเราติดหล่มหลายครั้ง เกือบมาไม่ทันด่านปิดซะแล้ว







สุดท้าย ท้ายที่สุด เมื่อเราในฐานะนักท่องเที่ยวได้ตักตวงความสุขกันเต็มที่แล้ว เรื่องของขยะก็ควรนำกลับลงมาให้หมด อย่าให้เขาว่าเราได้ว่านำขึ้นไปได้แต่นำกลับลงมาทำไมไม่ได้ เพื่อที่จะให้ธรรมชาติที่สวยงามได้คงอยู่ให้พวกเราได้กลับไปสัมผัสกันในโอกาสต่อๆ

ฝากติดตามเพจ : นายตัวน้อย ด้วยนะครับ


นายตัวน้อย

 วันพฤหัสที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2561 เวลา 21.08 น.

ความคิดเห็น