การเดินทางไปพักผ่อน หาความสงบให้ร่างกายได้ชาตแบต

ก็เป็นอีกวิธีนึงของใครหลายๆคน

หรือจะเป็นการท่องเที่ยวเพื่อหาความงามของธรรมชาติ

ที่เรายังไม่เคยไปสัมผัสมาก่อน

การที่ได้มองดูอะไรสวยๆจนสุดสายตา

การได้สูดลมหายใจลึกๆกับอากาศดีๆ

ได้ทานอาหารพื้นเมืองอร่อยๆจากชาวบ้าน

ไม่ต้องไปมองหาที่ไหนไกลๆ

บ้านเรานี่แหละ "ประเทศไทย"

ครั้งนี้เราได้มีโอกาสเดินทางไป ชุมชนบ้านป่าเหมี้ยง

หมู่บ้านเล็กๆหมู่บ้านนึงในจังหวัดลำปาง

ที่มีรอยต่อจังหวัดติดกับจังหวัดเชียงใหม่เพียงนิดเดียว

ชุมชนบ้านป่าเหมี้ยง ตั้งอยู่ในตำบลแจ้ซ้อน อำเภอปาน จังหวัดลำปาง

ห่างจากอำเภอเมืองปาน 30 กิโลเมตร

ห่างจากอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน 15 กิโลเมตร

เป็นหมู่บ้านบนเขาสูงที่โอบล้อมไปด้วยป่าเมี่ยง

เส้นทางลาดยางและคอนกรีตตลอด

การเดินทางมาได้ทั้งจากตัวเมืองเชียงใหม่

และจากทางตัวเมืองลำปาง แต่เส้นทางที่เราไปคราวนี้

เราเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่โดยใช้เส้นทางเดียวกับทางที่มาแม่กำปอง

เพราะอยู่เลยแม่กำปองประมาณ 7-8 กิโลเมตรเท่านั้นเอง

เมื่อเลยแม่กำปองมาเราจะผ่าน กิ่วฝิ่น

เลยมาเพียงนิดเดียวก็ถึงแล้ว ชุมชนบ้านป่าเหมี้ยง

แต่เส้นทางค่อนข้างขดเคี้ยวและชันบางส่วน

ควรขับรถด้วยความระมัดระวัง

และระหว่างทางนั้นเราก็จะเจอกับธรรมชาติที่สวยงามอุดมสมบูรณ์

ภายในชุมชนบ้านป่าเหมี้ยงจะมีโฮมสเตย์ของชาวบ้านอยู่มากมากมายหลายหลัง

เรามาดูกันว่าระยะเวลา 2 วัน 1 คืน เราทำอะไรกันได้บ้างที่บ้านป่าเหมี้ยง

ตลอดสองข้างทางที่ก่อนถึงหมู่บ้าน

จะเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ เขียวอุดมสมบูรณ์ไปหมด

เราค่อยๆขับรถลัดเลาะเขาขึ้นไปเรื่อยๆ

แล้วจุดหมายเราก็มาถึง ชุมชนบ้านป่าเหมี้ยง

หมู่บ้านนี้เงียบสงบ อากาศเย็นสบาย

กับการต้อนรับที่ดีของผู้ใหญ่ชาญชัยและชาวบ้านที่นี่

ทำให้รู้สึกเหมือนเราได้กลับบ้านกับการต้อนรับที่อบอุ่น

หลังจากนั้นเราก็เก็บของเข้าที่พัก

พร้อมกับเตรียมตัวออกไปเดินเล่นรอบๆหมู่บ้าน

วันนี้เราจะมีกิจกรรมเก็บเมี่ยงเพื่อนำไปแปรรูป

โดยเราจะได้เรียบรู้ตั้งแต่การเก็บเมี่ยง นึ่งเมี่ยง มัดเมี่ยง และแปรรูปเมี่ยง

ระหว่างเก็บใบเมี่ยงนั้น คุณลุงประสิทธิ์ ก็เล่าให้เราฟังตั้งแต่สมัยก่อน

การเก็บเมี่ยงยังไง การที่ชาวบ้านที่นี่ทำอาชีพเก็บเมี่ยงเป็นอาชีพหลัก

รวมถึงวิวัฒนาการการเก็บที่สมัยก่อนยังใช้มือเด็ดใบเมี่ยง จนตอนนี้ชาวบ้านได้คิดค้นการเก็บเมี่ยง

ให้เร็วขึ้นและไม่เจ็บมือ ด้วยใบมีดที่นำมาดัดแปรง


ใบเมี่ยงที่เราว่านี้ คนที่นี่เค้านิยมทานเป็นอาหารว่าง

และยังสามารถนำไปแปรรูปได้อีกมากมาย เช่น อาหารที่เราจะได้ทานกันในเย็นนี้


วันที่เราเดินทางไปฝนตกพอดี

ทำให้อากาศที่เย็นฉุ่มฉ่ำอยู่แล้วเย็นไปอีกก

หลังจากที่เราเก็บใบเหมี่ยงเสร็จเรียบร้อย

ก็นำมานึ่ง แล้วนำมามัดจะได้รูปแบบนี้ คุณลุงบอกว่าแบบนี้เสร็จแล้วขายได้เลย


ระหว่างในช่วงที่เรารอนึ่งเมี่ยง เราไปทำหมอนใบชากัน

ใบชาที่ว่าก็คือใบเมี่ยงแก่นี่แหละ

เอาไปอบแห้งจนมีกลิ่นหอม แล้วนำมายัดไส้เป็นหมอนใบชาพญาเหมี้ยง

ส่วนใบอ่อนๆของชาใบเหมี้ยงนั้นก็สามารถนำมาชงชาดื่มได้ เหมือนกันชาทั่วไป

เอาไปไว้ดับกลิ่นอับในตู้เย็นหรือตู้เสื้อผ้า

หลังจากทำกิจกรรมต่างๆเสร็จแล้ว

ก็ต้องเติมพลังงานกันก่อนเลย

อาหารมื้อเย็นที่ตั้งรอมนุษย์โหยอย่างเรา พร้อมแล้วววว

อาหารก็จะเป็นอาหารพื้นบ้าน โดยส่วนประกอบบางอย่างก็มาจากใบเหมี่ยงนี่แหละ

เอามาปรุงรสทำยำใบเมี่ยง จิ้มกับข้าวก่ำร้อนๆ นะ อร่อยเลิศ

ตบท้ายด้วยผลไม้ และเมี่ยง ผลไม้ก็เป็นผลไม้จากสวนของชาวบ้านที่นี่ เก็บกันแบบสดๆ

ไร้สารพิษแน่นอน

มาครั้งนี้ของเราถือว่าจะโชคดีไหมก็ โชคดีนะที่ฝนตก แต่ก็ตกไม่ทั้งวัน

ทำให้อากาศที่นี่เย็นสบายไม่เจอแดดเลย

ลมพัดเย็นสบาย

วันนี้เราจะพักกันที่โฮมสเตย์ของชาวบ้าน

ซึ่งก็มีกันอยู่หลายหลัง โฮมสเตย์ที่นี่เค้าทำกันแบบชุมชน

อยู่กันแบบอบอุ่น บ้านพี่บ้านน้อง เดินไปเดินมาทักทายกัน

ลำธารใสๆไหลผ่านลัดเลาะตามหมู่บ้าน


บรรยากาศรอบๆโฮมสเตย์มันก็จะร่มรื่นประมาณนี้


การนอนฟังน้ำไหลกับอากาศเย็นๆแบบนี้

คืนนี้หลับสบายกันแบบว่าไม่ต้องเปิดพัดลมกันเลย

แถมยังต้องห่มผ้าอีกหลายผืน เพราะอากาศตอนกลางคืนดีมากกกก

จนไม่ต้องรอให้ถึงหน้าหนาวเลย

เช้านี้เราจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ กิ่วฝิ่น ซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 4 กิโลเมตร

ตลอดระยะทางวันนี้เต็มไปด้วยหมอกขาวไปหมด เพราะเมื่อคืนฝนตกมาอีกรอบ

เพราะอาทิตย์คงแฝงตัวไปในมนขาวแห่งสายหมอกซะแล้ว


จุดชมวิวกิ่วฝิ่น อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน เช่นเดียวกับชุมชนบ้านป่าเหมี้ยง

จากจุดจอดรถ เราต้องเดินเท้าต่อขึ้นไปประมาณ 200 เมตร

ข้างหลังนั้นไม่ได้ใส่พื้นหลังสีขาวแต่อย่างใด

แต่เป็นหมอกขาวๆที่ปกคลุมล้อมรอบไปหมดนั่นเอง

ถึงเราจะไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้น แต่หมอกขาวๆแบบนี้ก็สวยงามไม่แพ้กัน

ระหว่างทางก็จะเป็นต้นไม้น้อยใหญ่ที่เขียว สมบูรณ์ และฟุ้งไปด้วยไอหมอกไปจนทั่วพื้นป่า

อากาศเช้าๆมันก็จะสดชื่นแบบนี้


แล้วก็กลับมาทานอาหารเช้าสำหรับวันนี้กัน

เป็นข้าวต้มร้อนๆกับไข่ลวก ที่อยากจะบอกป้าว่าหนูขอเปลี่ยนจากชามเป็นหม้อเลยได้ไหมคะ :)

ก่อนโบกมือลาชุมชนบ้านป่าเหมี้ยง ที่นี่ก็มีร้านกาแฟที่วิวหลักล้านให้เรานั่งจิบกาแฟร้อนๆ

ที่ด้านหน้าของเราเป็นหมู่บ้านชุมชนบ้านป่าเหมี้ยงนี่เอง ที่โอบล้อมไปด้วยภูเขาสีเขียว

กาแฟที่นี่ก็เป็นกาแฟที่ชาวบ้านได้ปลูกเอง

จนกลายมาเป็นกาแฟสดๆ ให้เราได้ดื่มกัน


ทิ้งทายอีกนิด ที่ชุมชนบ้านป่าเหมี้ยงไม่ใช่จะมีแค่ต้นเมี่ยงกับกาแฟเท่านั้น

ที่นี่ยังมีต้นดอกเสี้ยว ที่มีถึงฤดูกาลดอกเสี้ยวบาน ช่วงเดือนกุมภาพันธ์

ก็จะขาวโพลนไปด้วยดอกเสี้ยว

และยังไม่มีแค่ดอกเสี้ยว ยังมีซากุระดอยอีกด้วย ในช่วงเดือนธันวาคม

เรียกได้ว่าที่นี่เที่ยวได้ตลอดทั้งปี


ลองมาสักครั้ง มาสัมผัสกับบรรยากาศโฮมสเตย์ จนคุณจะหลงรักที่นี่

แล้วเราจะกลับมาอีกแน่นอน


--------------------------------


การเดินทาง

โดยรถยนต์ส่วนตัว

เส้นทางที่ 1 จากอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อนมาประมาณ 16 กิโลเมตร เส้นทางจะเป็นทางลาดยางและทางคอนกรีต ตลอดทางลัดเลาะมาตามภูเขาสูง

เส้นทางที่ 2 จากตัวเมืองเชียงใหม่ มาเส้นทางเดียวกับแม่กำปอง ผ่านหมู่บ้านแม่กำปองมาปนะมาณ 7-8 กิโลเมตร เส้นทางเป็นลาดยางและคอนกรีต เส้นทางคดเคี้ยวตามภูเขาสูง ต้องใช้ความระมัดระวังในการขับ


ติดต่อที่พักโฮมสเตย์บ้านป่าเหมี้ยง

  • เพจชุมชนบ้านป่าเหมี้ยง นครลำปาง
  • ผู้ใหญ่ชาญชัย โทร. 084-8949122
  • จองผ่านเว็บ 1nightstaywithlocals


ค่าใช้จ่าย 850 บาท/คน/คืน พร้อมอาหาร 2 มื้อ

โดยโปรแกรมของเราจะมี ดังนี้

  • เดินชมหมู่บ้านป่าเหมี้ยง ที่แวดล้อมไปด้วยป่าเขากาแฟและป่าเมี่ยง
  • การเก็บเมี่ยงเพื่อนำไปทำเมี่ยง การสาธิตการทำเมี่ยง นึ่งเมี่ยง มัดเมี่ยง และการแปรรูปเมี่ยง
  • กิจกรรมการทำหมอนใบชาเพื่อสุขภาพ
  • อาหารค่ำที่โฮมสเตย์ด้วยเมนูอาหารพื้นบ้าน
  • ชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่กิ่วฝิ่น


ติดตามเรากันต่อได้ที่ >>> t.aroundtogether

แล้วเจอกันทริปต่อไปจ้าาา


:)

t.aroundtogether

 วันอาทิตย์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2561 เวลา 17.49 น.

ความคิดเห็น