ออกจะเย็นย่ำไปสักหน่อยกว่าที่เราจะมาถึงที่นี่ โดยเฉพาะศาลเจ้าปู่ย่าที่นี่ปิดเสียแล้ว เราเลยทำได้แค่เดินชมไปรอบ ๆ

หินสลัก 12 นักษัตร

ที่ศาลหลักเมืองนี้ ถึงจะมึดค่ำแล้ว แต่ก็ยังมีผู้คนแวะเวียนมากราบไหว้กันไม่ขาด ศาลหลักเมืองอุดรธานีนั้นสร้างขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2502 โดยได้อัญเชิญดวงพระวิญญาณของ พลตรี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ผู้ทรงก่อตั้งเมืองอุดรธานีขึ้นเมื่อพ.ศ. 2436 มาสถิตย์ ณ เสาหลักเมืองนี้ด้วย

องค์เสาหลักเมืองทำขึ้นด้วยไม้คูณยาว 5 เมตรเศษ และฝังลึกลงไป 3 เมตร มีการบรรจุแผ่นยันต์และแก้วแหวน เงิน ทองต่างๆ เป็นจำนวนมากไว้ใต้ฐานเพื่อเป็นสิริมงคล ต่อมาในปี พ.ศ. 2542 ได้มีการสร้างศาลหลักเมืองหลังใหม่แทนหลังเดิมที่ทรุดโทรมไป

ตัวอาคารของศาลหลักเมือง จะเป็นสถาปัตยกรรมไทยประยุกต์ ผสมผสานศิลปะแห่งภาค อีสาน ให้เป็นที่สักการะขอพรของชาวอุดรธานีสืบมา นอกจากนี้บริเวณศาลหลักเมืองยังมีรูปปั้นท้าวเวสสุวัณ 1 ใน 4 ของท้าวจตุโลกบาลผู้ปกครองเหล่าอสูร และศาลหลักเมืองหลังใหม่ ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่ามาสักการะศาลหลักเมืองอุดรธานีนั้น สามารถบูชาและกราบขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 3 ได้ในหนเดียว

รูปปั้นท้าวเวสสุวัณ 1 ใน 4 ของท้าวจตุโลกบาลผู้ปกครองเหล่าอสูร

เสาหลักเมือง

ข้าง ๆ ศาลหลักเมืองนั้น มีถนนหลักที่ใช้เป็นถนนคนเดินในวันศุกร์เสาร์ วันนี้ก็เป็นวันที่มีถนนคนเดินพอดี สินค้ามีมากมายหลายประเภท ทั้งของกิน ของใช้ ผลิตภัณฑ์พื้นเมือง หรือของนำเข้าจะประเทศจีน

ที่เห็นจะขายกันเยอะก็ซูชินี่หละ

ขาดไม่ได้ แผงขายล๊อตเตอร์รี่

การแสดงเปิดหมวก แต่อันนี่ต้องเรียกเปิดฆ่อง

ค้าขายกันหลายหลาก

ปูม้ายำยังมี 25 บาทนะจ๊ะ

เลี้ยงจั๊กจั่นขายกันเห็น ๆ

ไหว้พระเรียบร้อย เดินเที่ยวเดินชมหาอะไรกิน ก็ได้เวลาต้องเดินทางกลับเสียแล้ว แล้วพบกันใหม่ เมื่อใจตรงกัน

สายลม ที่ผ่านมา

 วันพุธที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2561 เวลา 14.15 น.

ความคิดเห็น