ทำไมสักครั้งในชีวิตต้องมาลอง "รุนเคย"

รุนทำไม รุนเพื่ออะไร

มาครับ เดี๋ยวผมจะมาเล่าให้ฟัง " ไม่รู้สวยเอาผรื่อ"


นอกจากรุนเคยแล้วมีอะไร ? : มีกิจกรรมให้ทำกว่า 8 อย่าง / มีเวลาเสาร์-อาทิตย์เอาอยู่ / โอ้โห ห่างจาก สนามบินภูเก็ต แค่ 40 นาที / มีสถานที่ Unseen ที่มีแค่ที่นี่ที่เดียว / ราคาถูกมากเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้รับ

นี่คือ "ประเทศไทย" ครับ แถมเป็นชุมชนเล็ก ๆ ที่เรา ๆ ยังไม่รู้จัก

ถ้าได้มาที่นี่ ”ชุมชนบ้านสามช่องเหนือ” อาจเป็นหนึ่งใน

สถานที่ที่ต้องพูดว่า "ทำไมเราไม่รู้จักชุมชนนี้มาตั้งนานแล้วเนี่ย " ก็เป็นได้ครับ

ผมเริ่มต้นเดินทางลัดฟ้าจาก กรุงเทพฯ มาลงที่สนามบินภูเก็ต หลังจากนั้น เช่ารถแล้วขับตาม google map มาที่ ชุมชนบ้านสามช่องเหนือ ใช้เวลาแค่ 40 นาทีเอง พอใกล้ ๆ ถึง ให้โทรหาผู้ใหญ่สุรัตน์ เบอร์โทร 086-7417949 ให้รอรับที่ท่าเรือได้เลยครับ

โน่นเห็นบ้านหลังเหลือง ๆ ตรงโน้นไหมครับ นั่นคือ ชุมชนบ้านสามช่องเหนือ ที่เรากำลังจะไป เป็นชุมชนที่อยู่บนเกาะ นั่งเรือไปประมาณ 5 นาทีก็ถึงแล้วครับ

มาถึงแล้วครับ หมู่บ้านมีแค่นี้เลยครับ แต่มีพื้นที่ข้างหลังอีก 1,000 กว่าไร่เลย โอ้โห เป็นหมู่บ้านชาวประมงเก่าแก่ ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม ประกอบอาชีพเกษตรกร ปลูกยางพารา ทำประมงชายฝั่งพื้นบ้าน โดยที่นี่นะครับ ได้รับคัดเลือกเป็น 14 ชุมชน ที่ททท.ได้คัดสรรมาแล้วว่าตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ เลยทีเดียว เหตุที่ชื่อว่า บ้านสามช่องเหนือ ซึ่งมีที่มาจากลำคลองสามสายที่ไหลผ่านเหนือหมู่บ้าน คือ คลองบางหลาม คลองเชียงใหม่ และคลองตาจอ และไหลมารวมกันเรียกว่า คลองสามช่อง ครับ

ไม่รีรอ ผมรีบวิ่งเอากระเป๋ามาไว้ที่โฮมสเตย์เลย ห้องพักเป็นหลัง ขนาดกว้างขวาง มีแอร์ พัดลม ห้องน้ำในตัว เหมือนอยู่โรงแรมในเมืองเลยครับ ระหว่างทางต้องเดินผ่านบ้านชาวบ้านยิ้มต้อนรับรู้สึกอบอุ่นมาก บรรยากาศก็ดี โทน เขียว ๆ น้ำตาล ๆ ทั้งหมู่บ้านเลย


เสร็จสรรพให้มาที่ศูนย์เรียนรู้ชุมชน แว๊บแรกผมเห็นหอยนางรมตั้งเด่นเป็นสง่า ต้องเป็นจุดเด่นของที่นี่แน่เลย หอยใหญ่ ๆ สด ๆ นึกถึงแล้วน้ำยายลายหยั๋ย เข้าไปข้างในผู้ใหญ่สุรัตน์จะมาแนะนำว่าในวันนี้และพรุ่งนี้มีกิจกรรมอะไรให้ทำบ้าง และข้อควรปฏิบัติ ซึ่งถ้ามีเวลาแค่เสาร์-อาทิตย์ จะมี 8 กิจกรรม แต่ถ้ามีเวลามากกว่านั้น จะมีกิจกรรมอีกกว่า 15 กิจกรรมเลยทีเดียวเชียวครับ

กิจกรรมแรกออร์เดิฟ ๆ คือ ร่วมกันทำผ้ามัดย้อม จากเปลือกต้นแสม ซึ่งขั้นตอนแรกเราจะต้องพับผ้าให้เรียบร้อยก่อน ซึ่งเรียบร้อยเหมือนผมเลย โดยที่จะมีเทคนิคของเค้าเลยครับ อยากได้ลายนี้ ต้องมัดยางตรงมุมนี้ หนีบผ้าตรงมุมโน้น อื้อหือ คิดค้นมาได้ไงเนี่ยครับ

หลังจากนั้นเอาไปแช่ในน้ำแดง ๆ ที่สกัดจากเปลือกต้นแสม แช่ 15 นาที ผู้ใหญ่จะบอกว่า ออกมาสวยพันนี้เลย 555 (เสียงจากในคลิป) ซึ่งเดี๋ยวผมจะพาไปดูแหล่งต้นแสม ป่าโกงกาง ป่าชายเลน ซึ่งอุดมสมบูรณ์มาก



นี่มาถึงแล้ว พายเรือคายัค หรือแคนนูชมธรรมชาติของป่าโกงกางที่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ มองจากมุมบนแล้วนึกว่าอยู่อีกโลกนึงเลย ไอหย่า ไม่รู้สวยเอาผรื่อ

ใกล้ ๆ จะมีแหล่งชมการเลี้ยงปลาช่อนทะเลในกระชัง เป็นล็อค ๆ เป็นปลาที่เลี้ยงง่ายโตเร็วและทนทานต่อโรคสูงที่สำคัญขายได้ราคาดีอีกด้วย ปลาที่นี่ตัวใหญ่มาก แต่ช่วงนั้นฝนกำลังจะตกพอดี ผมเลยรีบเอาโดรนลง จนไม่ได้ถ่ายตัวปลาเลย แต่สามารถดูอภิมหาปลาดิ้นได้จากในคลิปเลยครับ

ผมไม่นึกเลยว่า แค่ใช้นิ้ว 5 นิ้วกวาดเบา ๆ บนผิวดิน จะได้หอยแครงมันติดมือมาเพียบเลยครับ ผู้ใหญ่บอกว่า นี่แหละมื้ออาหารของพวกเรา คือแบบ ฉากนี้ต้องเก็บให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ กระดงกระดานที่เอาไว้ไถ ไม่สนใจแล้วจังหวะนี้ครับ 555

ชมฟาร์มหอยนางรม และลองชิมหอยนางรมสด ถ้าอุณหภูมิของน้ำทะเล ความเค็ม ปริมาณแสง การขึ้น-ลงและความเร็วของกระแสน้ำ อิทธิพลของดวงจันทร์ ไม่สมบูรณ์ จะไม่สามารถเลี้ยงหอยนางรมได้เลยครับ ชาวบ้านจะเลี้ยงด้วยยางรถมอเตอร์ไซต์ ตั้งเรียงกันเป็นแนวยาวสวยมาก จังหวะนี้รีบสอยกลับไปกินเหมือนเดิมครับ 555

มาถึงจุดที่ผมอยากให้ทุกคนมาลองกันครับนั่นก็คือ "รุนเคย " นี่แหละครับเป็นวิธีการหาวัตถุมาทำ "กะปิ" ที่เราเรารับประทานกันทุกวันนี้นี่เอง รู้ไหมครับว่า กะปิดีๆ ได้หายไปจากตลาดจริงๆ เนื่องจากกะปิที่ขายในตลาดทั้งหมด หากเป็นกะปิกระปุกละไม่เกิน ๕๐ บาท รับรองเป็นกะปิผสมล้านเปอร์เซ็นต์ ซึ่งตัวต้นตอในภาษาใต้ที่ทำให้เรียกว่า "เคย" ก็คือ "กุ้งเคย" นั่นเองครับ จัดอยู่ในกลุ่มกุ้ง กั้ง ปู ซึ่งเป็นสัตว์สำคัญโดยเฉพาะของแพลงก์ตอน ตัวเล็ก ๆ สภาพน้ำ หรือคุณภาพน้ำ เป็นส่วนสำคัญมากเลย

คำว่า "รุน" ในภาษาใต้แปลว่า ดุน หรือดันไปข้างหน้า "รุนเคย" เลยเป็นการนำอวนดันจับตัวกุ้งเคยตัวเล็ก ๆ นั่นเอง ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีโบราณมาก และ หายากเลยทีเดียวครับ จากนั้นนำมาตาก นำมาปรุงรส นำมาตำ ผมเลยซึ้งเลยว่ากว่าจะได้กะปิมาแต่ละกระปุก น้องกุ้งต้องเสียสละเป็นหมื่น ๆ ตัวเลยทีเดียวเชียว แต่ขอบอกเลยครับว่านอกจากไปปรุงอาหารได้แล้ว ยังสามารถจิ้มกับมะม่วง แต่ต้องเป็นมะม่วงเปรี้ยวนะ โคตรฟินเลยครับ


หมดแรงแล้ว มาแวะทานอาหารกันก่อน ผู้ใหญ่จัดการนำหอยนางรมที่เก็บได้มา จัดวางไว้บนรางหมากขุม ทำให้น่าทานขึ้นไปอีก อื้อหือ ผมไม่อยากบรรยายเลยว่ามันอร่อยแค่ไหน มันทำให้ผมเขียนไปน้ำลายไหลไปพิมพ์ผิดดหกๆถูกกยๆหมดแล้วครับ มันสดอะ คือ มันสดอะ มันเด้งดึ๋ง มันหวาน มันเคี้ยวง่าย มันฟิน ไม่รู้อร่อยเอาผรื่อ


ยังมีปู มีกุ้ง มีกั้ง มีปลาช่อนทะเล มีต้มยำ และอื่น ๆ อีกมากมาย รับประกันความสด คนส่วนมากถ้าหากไม่มาพักก็สามารถนั่งเรือมาจาก ท่าเรือได้เลย คนละ 5 - 10 บาทต่อเที่ยวเท่านั้นเองครับ


วันที่สอง ผู้ใหญ่ให้ตื่นแต่เช้าไปดูพระอาทิตย์ขึ้น แต่ผม ตื่น 8 โมงเช้าเฉยเลยครับ แต่ยังทันได้เห็นต้นไม้มหัศจรรย์ ที่น่าจะมีแค่ที่นี่ที่เดียวในประเทศไทยเลยครับ ผมรีบขึ้นเรือหัวโทงเพื่อออกไปกลางทะเล ใช้เวลาประมาณ 30-40 นาทีครับ


นี่ครับ นี่คือ ต้นแสมดำ 2 ต้นเดี่ยว ๆ กลางทะเลลึก ภูเขาด้านขวาเรียกว่า เขาพระอาด ก็คือ ยอดเขาสูงที่สุดที่เรามองจากจุดชมวิวเสม็ดนางชีนั่นเองครับ ส่วนด้านซ้ายจะเป็นในโซนของ ถ้ำเพชรปะการัง เขาตะปู ซึ่งเจ้าต้นแสม 2 ต้นนี้ อยู่ระหว่างกลางของภูเขาเหล่านี้เลยครับ



ทุก ๆ วัน จะมีช่วงเวลาที่เหนือพ้นน้ำแค่ 4-5 ชั่วโมง เป็นที่อยู่ของพวกนก พวกหอย แต่หลังจากนั้นจะจมน้ำมองไม่เห็นเลยครับ เพราะเป็นต้นเล็ก ๆผมถ่ายได้ไม่กี่นาที น้ำท่วมเลย พายุก็แรง ซึ่งมหัศจรรย์มากว่า อยู่ได้ไงวะ แค่ 2 ต้น ก็เลยเป็นที่มา “ต้นไม้มหัศจรรย์แห่งรัก “ผู้ใหญ่บอกว่า ต้นนี้มีอายุกว่า 70 ปี แล้วครับ ไอ้หยา

หลังจากนั้นรีบขับเรือมาหลบพายุที่เกาะเกาะนึง ต้องขับเรือลอดถ้ำ สวยมากเลยครับ แล้วจะมีบันไดให้ปีนเพื่อเข้าไปในถ้ำ ขอบอกครับว่าต้องเดินขึ้นไปนิดนึง บนบันไดไม้ที่ชาวบ้านสร้างไว้

ข้างในกว้างมากเลย มีเสาหินขนาดใหญ่ค้ำตรงกลางไว้ จุดเด่นก็คือ จะมีปะการังที่สะท้อนแสงเวลาไฟส่องเหมือนเพชร เยอะมากเลยครับ เลยเรียกว่า “ถ้ำเพชรปะการัง”

ถ้ามาตอนเช้า จะมีโอกาสเห็นแสงแดดส่องออกมาจากรู เป็นอะไรที่สวยเว่อร์วังอลังการมากครับ


จะมีจุดชมวิวให้ชม 2 จุด โดยต้องไต่เชือกขึ้นไปเป็นการท่องเที่ยวที่แอดเวนเจอร์เบา ๆ

ตรงจุดชมวิวจะมีลักษณะคล้าย ๆ หอยสังข์ และมีรอยภาพวาดผนังถ้ำของคนโบราณด้วยครับ

มุมบนจะเหมือนกับสันหลังของไดโนเสาร์เลยครับ มหัศจรรย์มาก ชาวบ้านบอกว่า ถ้ำแห่งนี้มีแต่ชุมชนบ้านสามช่องเท่านั้นที่พามา ซึ่งถือเป็น Unseen มากๆสำหรับตัวผมเลย

แถมยังไม่พอครับยังสามารถนั่งเรือไปได้อีกหลายเกาะเลย เช่น เขาพิงกัน เขาตาปู และเกาะปันหยี ได้อีกด้วยครับ


วอร์เชอร์ที่พัก 2 วัน 1 คืนในชุมชน พร้อมอาหาร และกิจกรรมในชุมชน

ราคา *ขั้นต่ำ 2 ท่าน

2-3 ท่าน ท่านละ 2,350 บาท
4-7 ท่าน ท่านละ 1,900 บาท
8 ท่านขึ้นไป ท่านละ 1,700 บาท

*ชาวต่างชาติเพิ่มท่านละ 300 บาท (จ่ายตรงกับชุมชน)


โปรแกรมเที่ยว

- ลุยป่าโกงกางชายเลน ร่วมกันปลูกป่า

-ชมการเลี้ยงปลาในกระชัง

-ชมฟาร์มหอยนางรม และลองชิมหอยนางรมสด

-ร่วมกันทำผ้ามัดย้อม

-ชมสาธิตการทำกะปิ

-กรีดยาง

-ข้าชมถ้ำเพชรประการัง ชมทิวทัศน์เขาพิงกัน เขาตาปู ถ้ำลอด และเกาะปันหยี


ติดต่อได้ที่

Voucher นี้ สามารถใช้ได้ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2562

*จองที่พักและกิจกรรมล่วงหน้า 15 วัน

ผมหวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์ต่อคนที่อยากลองไปเที่ยวที่เที่ยวสุด Unseen ในพังงานะครับ
ที่นี่เป็นอีกแห่งที่ผมต้องกลับไปอีกให้ได้ ประทับใจมากๆ แถมเดินทางง่ายด้วย
อยากให้ทุกคนเก็บ"ชุมชนบ้านสามช่องเหนือ"เข้าลิสต์ไว้


เราจะหัดแบกเป้ไปด้วยกัน แวะมาทักทายกันได้ที่
https://www.facebook.com/gowentgonetrip

อย่าปล่อยความฝันของเราทิ้งไว้ โดยที่ไม่มีใครดูแลนะ

ขอบคุณครับ


GoWentGoneไปไม่เว้น

 วันพฤหัสที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2561 เวลา 02.14 น.

ความคิดเห็น