สวัสดีครับ กลับมาพบกันอีกครั้งกับพวกเราเพจ"เดี๋ยวพาไป" ทริปนี้เราจะพาเพื่อนๆไปเที่ยวเชียงใหม่เเนวเเบ็คภายใต้สโลเเกนเที่ยวครบใช้งบน้อย กับเงินในมือคนละ2000 บาทที่ต้องใช้ตลอดทริป ทริปคร่าวๆเราประมาณนี้
😀วันที่ 1
-เเว้นมอไซร์เที่ยวดอยสุเทพ-ดอยปุย-กางเต้นท์นอนบนดอยอินททนท์
😀วันที่2
-เดินศึกษาธรรมชาติกิ่วเเม่ปาน-ขึ้นจุดสูงสุดดอยอินททน์-เที่ยวน้ำตกวชิรธาร-เดินไนท์บาร์ซ่า
😀วันที่3
-ม่อนเเจ่ม-วัดอุโมงค์
เริ่มเดินทางมากับเราได้เลยครับ
ต้องบอกก่อนว่าทริปนี้เราเป็นทริปที่เเทบจะไม่มีเวลาตั้งตัวสักเท่าไหร่ คือนึกอยากจะมาก็รวมกลุ่มกับเพื่อนๆมาเลย จองตั๋วรถไฟล่วงกน้าก็ยากเพราะหน้าหนาวใครๆก็ชอบนั่งรถไฟไปเหนือ/จองเต้นท์ที่พักดอยอินทนนท์ก็จองออนไลน์ไม่ผ่านได้เเต่ภาวนาว่าวันเดินทางถึงดอยอินทนนท์เต้นท์จะยังไม่เต็ม มีอะไรให้ลุ้นตลอดเวลาสำหรับทริปนี้ ทริปนี้เราเริ่มต้นกันที่นี่สถานีรถไฟหัวลำโพง หัวลำโพงอาจจะเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับใครหลายๆคน เเต่ที่นี่คือจุดเริ่มต้นของเรา
เราเดินทางกับขบวนรถด่วนพิเศษที่13 ต้นทางกรุงเทพ ปลายทางเชียงใหม่ รถไฟออกจากหัวลำโพงในเวลา 19.30 น.ซึ่งด้วยความตื่นเต้นก็มากันก่อนเวลารถออกเพียงนิดเดียว 😁😁
สองสาวไม่ลืมที่จะถ่ายคู่กับป้ายขบวนรถ ^^
เราได้รถนอนแอร์ชั้น2เสียดายไม่ได้รถนอนพัดลมเพราะตอนเช้าๆรถพัดลมจะดูวิวสองข้างทางรถไฟได้ฟินกว่าตู้แอร์ แต่อย่างว่ารถขบวนนี้มีเเต่ตู้แอร์ทั้งขบวนครับ เเหะๆ
ลืมบอกว่าทริปนี้เรามีผู้ใหญ่ใจดีสนับสนุนการเดินทางในครั้งนี้ด้วยกับ "Boost up"➡️➡️ https://www.facebook.com/boostupbydudeeclub/⬅️⬅️
เตียงนอนเราว่าก็โอเคนะ แอร์เย็นสบายดีถ้าเป็นตุ้รถเเดวูจะนอนสบายกว่านี้เพราะเตียงนอนจะกว้างกว่าตู้รถโตคิว
ตื่นมาก็เจอวิวสวยๆเเบบนี้กับสองข้างทางรถไฟสายเหนือ อิอิ เราแอบมานั่งตู้เสบียงเพื่อดูวิวพร้อมสั่วอาหารมานั่งกินเเก้เขินกันนิดหน่อย
กาเเฟร้อนๆ กับขนมปัง ตอนเช้าๆบนรถไฟที่วิ่งทามหลางภูเขานี่มันสวรรค์ชัดๆ
นอกจากวิวสองข้างทาวรถไฟเเล้ววิวบนรถไฟก็สวยไม่เเพ้กัน ผ่างงงง !! 🤣🤣
นั่งดูวิวเพลินๆบางครั้งก็ลืมไปว่า เวลาของการเดินทางมันยาวนาน จนลืมไปว่า ร ะ ย ะ ท า ง มันไกลเเค่ไหน
เราว่าวันนี้สองข้างทางรถไฟใช้หมอกเปลืองม๊ากกกกก ประชด !! วิวตรงนี้ถ้ามาเห็นด้วยสายตาจริงๆจะรู้ว่ามันสวยกว่าในภาพมากครับ
ลิ้งค์ youtube รถไฟกำลังวิ่งลอดอุโมงค์ขุนตาน
07.40 น.รถไฟถึงสถานีขุนตานตามเวลาเลย
09.00 น.รถไฟถึงปลายทางสถานีเชียงใหม่ รถไฟใจดีเเถมให้เราตั้ง20นาที (ตามเวลาถึง 08.40น.)
เมื่อถึงสถานีรถไฟเชียงใหม่เเล้ว เราได้นั่งรถเเดงไปขนส่งอาเขตเพื่อไปเช่ารถมอเตอร์ไซร์ที่ร้าน bigky สาขาอาเขต ร้านนี้ไม่ต้องวางมัดจำวางเเค่บัตรประชาชนก็สามารถเช่ารถได้เเล้ว ก่อนออกจากร้านเเนะนำให้ตรวจเช็คืถ่ายรูปสภาพรถให้เรียบร้อยนะครับ ตอนเช่าน้ำมันมีเเค่ไหนตอนส่งรถคืนน้ำมันต้องเท่าเดิม ร้านนี้บริการดีมากครับ สนใจสามารถโทรได้ตามเบอร์นี้ครับ 0846878809
ได้รถเรียบร้อยเเล้วมเราก็มารับเพื่อนๆที่สถานีรถไฟเพื่อเตรียมตัวไปกราบไหว้พระธาตุดอยสุเทพเป็นที่เเรกครับเพื่อเป็นกำลังใจในการเกินทางเพราะเราต้องไปกันอีกไกลตลอด3วัน
พร้อมลุย !! อากาศมันจะร้อนๆหน่อย
ว่าเเล้วก็ต้องเปิดกูเกิลเเมปนำทางอไระยะทางจากสถานีรถไฟเชรยงใหม่ถึงดอยสุเทพก็ 23 กิโลครับ ระหว่างทางเราเจอตำรวจเรียกด้วยนะครับ เชดดดด !!ใบขับขี่ก็ไม่มีด้วย เราโดนเรียก2ด่าน เลยบอกพี่ตำรวจว่ามาเที่ยวกันจากกรุงเทพ พี่ตำรวจใจดีเลยปล่อยผ่านทั้ง2ด่าน ^^
ถึงดอยสุเทพเราสามารถเดินบันไดพญานาคหรือจะชึ้นรถรางเพื่อขึ้นไปด้านบนของดอยสุเทพได้ สำหรับรถรางคนละ 20 บาท สำหรับขึ้นเเละลงครับ
ขึ้นมาถึง หูยยย คนเยอะม๊ากกก ขนาดเรามาวันธรรมดานะเนี่ย
เหมือนจะร้อนเเต่บอกเลยว่าลมพัดเย็นสบายมากๆ
เชือไหมว่าเราเห็นวิวเเล้วหายเหนื่อยเลย อยากให้มาเห็นเหมือนที่เราเห็นมากๆ
เราเดินถ่ายรูปเเละกราบไหว้ขอพรกันจนลืมเวลา ดูเวลาอีกที่ผ่านไปราวๆ1ชั่วโมงครึ่งเเล้ว เราก็ใกล้ได้เวลาไปสถานที่ต่อไปกันเเล้วครับ
ขากลับเราเดินลงบันไดพญานาคกันครับ
ระยะทางจากดอยสุเทพไปยังดอยปุยราวๆ12กิโลครับ เเต่ทางขึ้นค่อนข้างเเคบบางช่วงมีโค้งหักศอกต้องใช้ความระมัดระวังในการขับขี่กันด้วยนะครับ
เราใช้เวลาขับจากดอยสุเพทมาถึงดอยปุยราวๆ30 นาทีครับเพราะทาวดป็นหลุมเป็าย่อเยอะมากเเละลางข่วงรถเเทบสวนกันไม่ได้เลย
@ที่รี่ดอยปุย วันนี้คนน้อยครับคงเพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ขับรถเลยขึ้นไปดูดอกพญาเสือโคร่งที่ขุนช้างเคี่ยนกันครับ
1ในสมาชิกที่มา อินดี้ม๊ากกกกก
บราวนี่เลียบด่วนก็มา ^^
วิวสวยม๊ากกกกกก
มองเห็นหมู่บ้านม้งอยูด้านล่างด้วยนะ
บนดอยปุยก็มีร้านขายของที่ระลึกร้านเล็กๆด้วยนะ
ไหนๆก็มาเเล้วถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันสักหน่อย
Boost up อุปกรณ์ประหยัดน้ำมัน สปอนเซอร์หลักที่พาเรามาถึงที่นี่
มาเที่ยวเเนวเเบ็คเเพ็ครถก็จะรกๆหน่อย ^^
ทิ้งท้ายด้วยคลิปวีดีโอ youtube บรรยากาศรอบๆที่ไม่ธรรมดาบนดอยปุยครับ
เราอยู่กันที่ดอยปุยราวๆ1ชั่วโมงครับหลังจากนี้เราต้องเเว้นมอไซร์กันยาวๆเพื่อไปุถึงที่ทำการดอยอินทนนท์เพื่อกางเต้นท์นอนกันที่ยอดดอย โดยเราตั้งใจจะไปให้ถึงก่อนเวลา 16.00 น.ครับ ซึ่งด่านจะเปิดให้ขึ้นดอยอินทนนท์คือ 18.00 น.เท่านั้นครับจะทันไหมมาลุ้นกันครับ
เราขับรถกันถึงด่านทหารในเวลา17.50น.(ด่านปิด18.00น.) เฉียดฉิวเลย จากด่านตรวจก็เป็นการขับรถที่ตื่นเต้นมากๆอีกครั้งหนึ่งเพราะทางขึ้นดอยอินทนน์เริ่มมืด ไม่มีไฟทาง ทางขึ้นชันในบางช่วง อากาศหนาว .... เราขับมอไซร์มาถึงจุดกางเต้นท์ราวๆ 19.30น.ก็จัดการเช่าเต้นท์กับเครื่องนอน พร้อมสั่งหมูกระทะชุดใหญ่ๆมา2ชุด อิอิ
อยากบอกว่าหนาวมากกกก เเต่เชื่อเราไหม อากาศหนาวๆเเบบนี้กับการกินหมูกระทะร้อนๆเเบบนี้เป็นอะไรที่สุดยอดมากๆ
.....วันที่2 เราตื่นกันตั้งเเต่ตี4 เพื่อที่จะขับมอไซร์ข6้นมาบนจุดชมวิวกิ่วเม่ปาน เพราะการจะเดินศึกษาธรรมชาติกิ่วเเม่ปานนั้นตะต้อง้ดินตอนเช้ามืดเพราะว่าจะได้ไม่ร้อนครับ ....อยากบอกว่า เห้ย !! 10องศา บอกเลยว่าหนาวมากกก
คนรอชมพระอาทิตย์ขึ้นกันเยอะมากนี่ขนาดตี5นิดๆเองนะ
หนาวๆเจอวิวเเบบนี้ค่อยสมกับการตื่นตี4หน่อย
กิ่วเเม่ปานจะเป็นการเดินศึกษาธรรมชาติระยะทางเดินไปกลับรวมระยะทางราวๆ4กิโลครับ ช่วงเเรกจะเป็นป่าทึบดิบชื้นครับต้นไม้สูงใหญ่จะเยอะมากๆ
หลังจากเดินในเขตป่าทึบราวๆ30นาทีก็เป็นเป็นอะไรที่ว้าวววว มาก เพราะมันเป็นเนินสูงเเละวิวสวยมาก ดูดีๆจะเห็นน้ำค้างเเข็งบนยอดใบไม้ด้วยนะ
คลิปบรรยากาศเดินศึกษาธรรมชาติ@กิ่วเเม่ปาน
บรรยากาศก็จะมีน้ำค้างลงบ้างเเต่บอกเลยว่าหนาววววมาก
ถ้าไม่บอกนี่แทบไม่รู้เลยนะว่าที่นี่เมืองไทยเหมือนอยู่เมืองนอกเลยละ
เห็นเเบบนี้อยากบอกว่ามันหนาวมากเลยนะลมเเรงด้วย น้ำเเข็งเกาะตามยอดใบไม้มีให้เห็นได้ทั่วไป อยากมาเจอวิวเเบบนี้เเนะนำให้มาช่วงเดือน ธ.ค.-ม.ค.นะครับรับรองฟิน
เราใช้เวลาเดินกิ่วเเม่ปานกันตกราวๆ3ชั่วโมง ถ้าเดินกันจริงๆ2ชั่วโมงเราว่าเอาอยู่ เเต่ถ้าถ่ายรูปเล่นด้วยก็จะใช้เวลาพอๆกับเรานี่เเหละ ก่อนจบกิ่วเเม่ปานก็เจอไกด์ถ่ายรูปเป็นที่ระทึก !!เอ้ยระลึก ไกด์นิสัยดีมากครับ
ไหนๆก็มาถึงนี่เเล้ว ว่าเเล้วเราก็เเว้นมอไซร์ขึ้นไปจุดสูงสุดของประเทศไทยกันสักหน่อย "จุดสุดดอยอินททนนท์ " ตอนนี้เวลาราวๆ9 โมงเช้า อากาศยัง6องศาอยู่เลย ใกล้ๆจุดสูงสุดนึ้ยังมีเส้นทางึกษาธรรมชาติอ่างกาให้เดินด้วยนะครับเป็นระยะทางสั้นๆราวๆ600 เมตร ครับ
หลังจากเก็บบรรยากาศกันเเล้วเราขับรถลงมาเก็ยข้างของกันที่จุดกางเต้นท์เพื่อที่จะได้ขับมอไซร์เข้าไปพักในตัวเมืองกันครับ
มาเที่ยวทั้งที่ต้องเเว้นมอไซร์เเบบเข้าถึง^^
ระหว่างทางลงจากดอยอินนทน์ด้านซ้ายมือจะมีป้าย"น้ำตกวชิรธาร" เราเลยลองขับเข้าไปดู เอ้ยยยย!! มันสวยมากกกก บอกเลย
เราขับรถเข้ามาถึงตัวเมืองใช้เวลาจากดอยอินทนนท์ราวๆ2ชั่วโมงครึ่ง ส่วนที่พักคืนที่2ก็เป็นที่ "เบสิกไลน์แอทลอยเคราะห์" อยู่ใกล้ๆประตูท่าเเพครับ ราคาเบาๆเริ่มค้นที่600บาท/คืนครับ เราว่าโอเคเลยนะกับราคา
https://m.facebook.com/Basic-Line-Hotel-Loikroh-Chiangmai-387356018034139/
ลิ้งค์ที่พักครับเพื่อเป็นประโยชน์ในการท่องเที่ยวไม่มากก็น้อยครับ
....วันต่อมาเราตื่นกันตั้งเเต่ตี4ครึ่งเพื่อที่จะับมอไซ์ไปให้ทันดูเเสงเเรกของวันที่ม่อนเเจ่มครับ
ระยะทางก็ไกลพอสมควรเลย ออกจากตัวเมืองใช้เส้นทางไปทางอำเภอเเม่ริม ทางจะเป็นถนนลาดยางทางราบราวๆ30กิโลเมตรเเรกครับ หลังจากนี้จะเป็นทางขึ้นเขาสูงเเละไม่มีไฟทางนอกจากไฟหน้ารถ หนาวมากกก ตอนขับขึ้นเขา เรามาถึงม่อนเเจ่มไม่ทันพระอาทิตย์ขึ้น 55
เราว่าเรามาเช้าเเล้วนะ เเต่คนเยอะมากเเล้วก็หนาวมากด้วย
งานเข้า....วันนี้หมอกหนามากจนมองไม่ค่อยเห็นวิวอะไรเลย
บนม่อนเเจ่มจะมีศาลาให้พักกินข้าว นมร้อน ชา กาเเฟด้วยนะครับ ราคากลางๆไม่เเพงครับ
มาม่อนเเจ่มก็อย่าลืมถ่ายรูปรถฟอมูล่าม้งกับป้ายม่อนเเจ่มนะ เดี๋ยวเค้าจะว่า ว่ามาไม่ถึงม่อนเเจ่ม
คลิปบรรยากาศบนม่อนเเจ่มครับ
ระหว่างทางลงม่อนเเจ่มขวามือเราเจอร้านอาหารนั่งชิลกับบรรยากาศริมน้ำตกรสชาดก็ธรรมดาครับ เน้นวิวมากกว่า .....กินเสร็จเราขับรถเข้าเพื่อจะเที่ยวในตัวเมืองเชียงใหม่กันครับ
ก่อนเที่ยวก็ต้องเช็คเอาท์ออกจากโรงเเรมก่อนครับ
ระยะทางไปวัดอุโมงค์ไม่ไกลครับ ออกไปทางเส้นที่จะไปดอยอินทนนท์จะมีป้ายบอกครับ ทางเข้าวัดอุโมงค์จะงงๆนิดหน่อยเพราะป้ายจะเล็กมากกกกก !!
ถึงเเล้วครับ วันนี้คนเยอะพอสมควร ถ้ามาหน้าฝนตรงกำเเพงหน้าอุโมงค์จะปกคลุมไปด้วยมอสเป็นสีเขียวทั้งกำเเพงครับ เเต่มาหน้าหนาวก็จะไม่เห็นมอสขึ้นปกคลุมกำเเพงนะ
ไฮไลท์ของวัดนี้คือ อุโมงค์ครับ ในภาพคือทางเข้าอุโมงค์
ด้านในอุโมงค์จะชื้นเเละเย็นครับ เอ่อ มีกลิ่นขี้ค้างคาวด้วยนะ ^^
....วัดอุโมงค์ สร้างขึ้นในสมัยพญามังรายราวปี พ.ศ.1839 ด้านบนอุโมงค์เป็นเจดีย์ที่มีอายุเก่าแก่ของล้านนา นักโบราณคดีสันนิษฐานว่าสร้างประมาณต้นพุทธศตวรรษที่ 20
.....การเดินทางวัดอุโมงค์ ตั้งอยู่ที่ถนนสุเทพ อำเภอเมือง หากไปจากตลาดต้นพยอม วิ่งผ่านสี่แยกคลองชลประทานด้านหลังม.เชียงใหม่ ประมาณ 500 เมตร เข้าซอยทางด้านซ้ายมือไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตร ก่อนกลับเราก็ไปคืนรถมอไซร์ที่ร้าน เเต่ก่อนคืนต้องเติมน้ำมันเต็มถังด้วยน๊าาาาา
15.00 น.เราก็ถึงสถานีรถไฟเชียงใหม่ รถไฟขบวนที่เราจะกลับกรุงเทพคือ รถด่วนขบวนที่ 52 เชียงใหม่-กรุงเทพ ออกจากเชียงใหม่ในเวลา 15.30 น.
ขากลับเราเลือกนั่งรถไฟชั้น2 รถนอนพัดลม ที่เลือกรถพัดลมเพราะจะดูวิว แฮ่ !! เพราะรถแอร์จะชะโงกหน้ารับลมไม่ได้น๊าาาา
15.30 น. รถไฟออกจากสถานีเชียงใหม่ตามเวลา ....เวลากลับจะรู้สึกอาลัยอาวรณ์อน่างบอกไม่ถูก เเล้วเราจะกลับมาใหม่ @ที่นี่เชียงใหม่
บางมุมมองก็ต้องรถไฟนี่เเหละที่จะได้เห็นวิวเเบบนี้
ขบวนรถไฟกำลังเข้าอุโมงค์ขุนตาน
สถานีขุนตานบรรยากาศจะฟินเเบบนี้เพราะเป็นสถานีรถไฟที่สูงที่สุดในประเทศไทย
18.30 น.รถไฟก็เข้าสู่สถานีนครลำปางตามลำดับ ถึงกรุงเทพในเวลา 05.25.น.ครับ พวกเราก็เดินทางถึงโดยสวัสดิภาพ ทริปนี้อาจจะเจออุปสรรคไปบ้างเเต่เราเชื่อว่า "สีสันของชีวิต คือการใกล้ชิดอุปสรรค การ้ฃเดินทางท่องเที่ยวก็เช่นกัน บางครั้งไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ถ้ากล้าที่จะออก โลกก็จะเปลี่ยน ลองออกมาเที่ยวไทยกันครับ เมืองไทยเรามีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะมาก "เที่ยวไทยไม่ไปไม่รู้ครับ" .....ขอบคุณที่ทนอ่านจนจบ หรือจะดูเเต่ภาพเราก็ดีใจเเล้ว รีวิวนี้อาจจะเป็นประโยชน์สำหรับเป็นเเนวทางให้ผู้ที่รักการท่องเที่ยวไม่มากก็น้อย
Taeremix
วันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2561 เวลา 03.03 น.