สวัสดีครับเพื่อนๆ ห้องบลูแพลนเน็ต ที่เข้ามาอ่านรีวิวนี้ทุกท่าน
กระทู้นี้เป็นรีวิวที่จะบอกเล่าถึงประสบการณ์การเดินทาง ชีวิตความเป็นอยู่ เรื่องราว ความเป็นมา ของสถานที่ต่างๆ ผ่านภาพถ่ายในต่างประเทศของผม ซึ่งจะเดินทางทั้งหมด 3 ประเทศก็คือ จอร์เจีย ตุรกี รัสเซีย ในระยะเวลา 1 เดือนนั้นเองครับ ออกตัวก่อนเลยครับว่า ผมเป็นคนชอบเดินทางต่างประเทศมากๆ ชอบถ่ายรูป ชอบที่จะหาเพื่อนใหม่ๆ ระหว่างการเดินทาง ชอบพูดคุย แลกเปลื่ยนความคิด ชอบลองประสบการณ์ใหม่ๆ ชอบดูและศึกษาวัฒนธรรมที่แตกต่างกันไป
เพื่อน ๆ สามารถแวะไปทักทายหรือดูรีวิวสถานที่อื่นๆของพวกเราเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ
https://www.facebook.com/TwinTraveller
http://twintravellerblog.comแนะนำตัวเอง
โดยการเดินทางครั้งนี้ ผมไปกับน้องครับ ซึ่งเราเป็นฝาแฝดกัน หลายคนคงสงสัยว่าทำไมต้องไปด้วยกัน พอดีเราสองคนชอบอะไรเหมือนๆกัน ความคิดก็คล้ายๆกัน นั้นก็คือเรื่อง การเดินทาง และถ่ายรูปครับ นอกจากพวกเราสองคนแล้วก็จะมีพี่ๆช่างภาพอีก 2 ท่าน เป็นทั้งหมด 4 คนครับ เราเลือกจำนวนสมาชิกเดินทางแค่ 4 คนเท่านั้นเพราะว่า ในการเดินทางครั้งนี้โจทย์ของเราก็คือ การถ่ายรูปนั้นเอง พวกเราทั้งสี่คน รักการถ่ายรูปทั้งนั้น ชอบถ่าย วิวทิวทัศน์ ถ่ายชีวิตคน ชอบถ่ายช่วงเวลาดีๆ พระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก ชอบไปสถานที่สวยงามๆ เพราะฉะนั้นการที่เราจะได้ภาพดีๆมาได้นั้น สิ่งที่ตอบโจทย์พวกเราได้มากที่สุดก็คือ การเช่ารถขับนั้นเอง การขับรถ ทำให้เรามีอิสระเรื่องเวลา เรื่องสถานที่ บางสถานที่รถไฟสาธารณะเข้าไม่ถึง อย่างจอร์เจีย สถานที่ท่องเที่ยวอยู่นอกเมือง เป็นหุบเขา ธรรมชาติ เป็นไปไม่ได้แน่นอนที่จะนั่งรถบัสไป เพราะรถพวกนี้มันไม่จอดแวะกลางทางเพื่อให้พวกเราแวะถ่ายรูปได้แน่นอน เพราะฉะนั้นการเช่ารถขับเอง จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งในการเดินทางครั้งนี้ครับข้อมูลในการเดินทาง 30 วัน 3 ประเทศ
การเดินทางครั้งนี้ใช้เวลาเดินทาง 1 เดือน โดยเริ่มจากประเทศจอร์เจีย จอร์เจียในอดีตเป็นสาธารณรัฐหนึ่งของสหภาพโซเวียต บ้านเรือง ผู้คน สถาปัตยกรรมที่ยังน่าสนใจ และธรรมชาติหุบเขาที่ยังสวยงาม ยังน่าค้นหาเราใช้เวลาเดินทางในจอร์เจียแค่ 5 วัน แล้วก็เดินทางไปตุรกีต่อเลย โดย Overland ข้ามพรมแดนจากจอร์เจีย เข้าตุรกีเลย ทริปนี้จะเน้นเที่ยวตุรกีเป็นส่วนใหญ่ อยู่ 15 วันเลย โดยเราจะเที่ยวเมืองต่างๆตามลำดับดังนี้ Trabzon - Dogubeyazıt - Van - Mardin - Cappadocia - Antalya - Pamukale - Bodrum - izmir - Ephesus - Istanbul ครบหมดทั้งธรรมชาติ โบราณสถาน จุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจต่างๆ เดินทางไปยัง มาร์ดิน(Mardin) เมืองเก่าสวรรค์บนดิน ดินแดนแห่งประวัติศาสตร์โลก บ้านเมืองรสร้างขึ้นด้วยหินที่นำมาวางซ้อนกันตกแต่งอย่างสวยงาม และพิเศษสุดนั้นก็คือ คับปาโดเกีย (Cappadocia) มีความสำคัญมาแต่โบราณกาลเพราะเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหมเส้นทางค้าขายแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่ทอดยาวจากตุรกีไปจนประเทศจีน เป็นพื้นที่พิเศษที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟ ทับถมเป็นแผ่นดินชั้นใหม่ขึ้นมา จนเกิดเป็นภูมิประเทศประหลาดแปลกตาน่าพิศวง ที่เต็มไปด้วยหินรูปแท่งกรวยเยอะแยะมากมาย และสถานที่อื่นๆ ปราสาทปุยฝ้าย (Pamukale) และ เมืองเอเฟซุส(Ephesus) มหานครโบราณของโรมัน จบด้วย เมืองอิสตันบูล(Istanbul) มหานครสองทวีป ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างช่องแคบบอสฟอรัส หลังจากเที่ยวเต็มอิ่มแล้วก็บินไปเที่ยวรัสเซียต่อเลยอีก 5 วัน ทั้งมอสโค (Moscow) และ เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (St. Petersburg) 2 สองเมืองนี้มีความโด่นเด่นสุดๆ ในเรื่องสถาปัตยกรรมที่ขึ้นชื่อว่า สวยงามมากๆเหตุผลหลัก ทำไมถึงเลือกเดินทาง 3 ประเทศนี้เพราะอะไร?
Georgia 6 DAY ( Tbilisi - Mtskheta - Kazbergi - Akhaltsikhe )
จอร์เจีย บอกตรงๆ เลยว่าไม่รุ้จักเลย รุ้แต่จอร์เจีย ซึ่งอยู่ในอเมริกา แต่ไม่ใช่ พอมาค้นข้อมูล มีข้อมูลเพียงน้อยนิด รุ้เพียงแค่ว่าเคยเป็นขั่วอำนาจเก่าของรัสเซีย มีชายแดนติดกับ ตุรกี อามเมเนีย และรัสเซีย ธรรมชาติยังสดใหม่ หุบเขาสวยงาม นักท่องเที่ยวยังไปเที่ยวน้อยอยู่ มันน่าท้าท้ายดี และรูปในเน็ตมีให้ดูน้อยมากก เลยตกลงไปทริปนี้ เพราะอยากไปเห็นกับตาว่า จอร์เจียที่ว่าจะหน้าเป็นอย่างไร
Turkey 15 DAY ( Trabzon - Dogubeyazıt - Van - Mardin - Cappadocia - Antalya - Pamukale - Bodrum - izmir - Ephesus - Istanbul )
ตุรกี เราเคยไปครั้งนึงแล้ว แต่เป็นทริปครอบครัว และเที่ยวแค่อิสตัลบูล เดินชิลๆ ถ่ายรูป ชิมอาหารไปเรือย สไตล์มากับครอบครัว แต่ครั้งนี้เราได้โควต้าอัดเต็ม ตุรกี 15 วัน หลายคนคงสงสัยไปหลายวันไปไหนบ้างเนี้ย เพื่อนๆ ถ้าติดตามข่าว คงจะทราบกันดีว่า ช่วงเดือน กันยา ที่พวกเราไปกัน มีข่าวเรื่อง กบฏชาวเคิร์ด ซึ่งอยู่ในตุรกีนี่แหละ ลอบโจมตีทหาร ตำรวจตุรกี บาดเจ็บ และเสียชีวิตไปหลายนาย และมีการจับตัวประกัน ปล้นจี้รถ ในส่วนของตะวันออกของตุรกี ถือว่า เป็น โซนที่อันตรายมากๆ นักท่องเที่ยวไม่ควรที่จะเดินทางเลยทีเดียว และก่อนเดินทาง ก็มีข่าวที่ ประเทศไทย ส่งตัวอุยกูร์ไปให้จีน จนสถาทูตไทยในตุรกี โดนชาวตุรกี บุกทำลายข้าวของต่างๆนาๆ หรือจะเหตุระเบิดในกรุงอังการา เมืองหลวงของตุรกีอีก นี่คือเรื่องราวที่พวกเราทั้ง 4 คนต้องไปพบเจอ แล้วโซนที่พวกเราไปกัน อันตรายทั้งนั้น คนตุรกีเองก็เตือนแล้ว ว่าการขับรถในตุรกีนั้น เป็นสิ่งที่ไม่ควรอย่างยิ่ง เพราะคนตุรกีส่วนใหญ่ จะใช้บริการบินในประเทศเท่านั้นจะปลอดภัยกว่า แต่ถึงจะรู้แล้วก็ไม่ทัน เพราะพวกเรา จองรถกัน เรียบร้อยแล้ว ที่พักอีกด้วย จึงเป็นเรื่องยากที่พวกเราจะถอนตัว และเดินทางตามแผนเดิม อย่างที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก เพราะสถานที่ต่างๆ ที่พวกเราไปนั้น เป็นสุดยอด สถานที่ท่องเที่ยวในตุรกีทั้งนั้น น้อยคนนักที่จะไปกัน ติดตามได่ในรีวิวนี้เลย
Russis 10 DAY (Moscow - St petersburg)
Moscow
St petersburg
รัสเซีย เป็นประเทศในฝันที่ต้องไปให้ได้ เพราะส่วนตัวแล้ว พวกเราสองคนพี่น้องฝาแฝดหลงรัก และหลงไหลสถาปัตยกรรมมากๆ ยิ่งสมัยเก่าด้วยแล้ว ยิ่งน่าสนใจเข้าไปใหญ่เลย มีใครหลายคนบอกไว้ว่า ถ้าชอบสถาปัตยกรรมลองไปเที่ยวรัสเซียสักครั้ง เพราะที่นั้น คือสุดยอดสถาปัตยกรรมทั้งนั้น และประวัติศาสตร์ของรัสเซียเองก็น่าศึกษา จริงๆแล้วเราชอบดูหนังนะ หนังเรื่องไหนที่มีรัสเซียเราจะชอบเป็นพิเศษ รัสเซียเลยเป็นอีกประเทศนึงที่ต้องไปชมด้วยตาของตัวเองให้ได้เลย
ช่วงก่อนเราเดินทางนั้น เราได้จองตั๋ว Multi City ตามภาพด้านล่างเลย ซึ่งราคาตั๋วทั้งหมด 3 ประเทศนั้นประมาณ 25,000 บาทเอง ถือว่าถูกมากๆ สายการบินที่เราเลือกนั้นเ เราเลือกของ Aeroflot สายการบินแห่งชาติของรัสเซีย ที่มีช่วงนึงปล่อยโปรลด มาบ่อยมากๆ เป็นสายการบินที่บริการ ฟูล เซอร์วิส ทั้ง ฟูล เซอร์วิส และเครื่องดื่ม ในส่วนนี้จะมีรีวิวอีกครั้งในรีวิวครับ
สภาพอากาศ และ ฤดูที่น่าเดินทางมากที่สุด
สภาพอากศตอนที่เราไปช่วงกันยา ก็มีเมฆมากเป็นบางส่วนนะ ฟ้าใสบางวัน บางวันก็ฝนตก เอาแน่เอานอนไม่ได้ อากาศเย็นสบาย ชื้นๆหน่อย ไม่ร้อนเลย ส่วนตัวแล้วอากาศช่วงนี้โอเคเลยหละ
ดูเพิ่มเติมได้ที่ ( http://meteo.gov.ge/index.php?l=2&ct=1&cm= )การขอ VISA
ประเทศที่เราเลือกเดินทางทั้งหมด ไม่ต้องขอ วีซ่าครับ สะดวกสบายๆ มาก ไม่ต้องไปขอวีซ่าให้ยุ่งยาก ก็มาเที่ยวประเทศเหล่านี้สบายๆแล้วครับ
จอร์เจีย (Georgia) อยู่ได้ 90 วัน
รัสเซีย (Russia) อยู่ได้ 30 วัน
ตุรกี (Turkey) อยู่ได้ 30 วัน
เวลาในประเทศจอร์เจียจะช้ากว่าเมืองไทย 3 ชั่วโมง
สกุลเงิน จอร์เจียนลารี (GEL)เอาล่ะ เกริ่นนํามาก็เยอะแล้วเรามาเริ่มเลยดีกว่า เพื่อไม่ให้เสียเวลาที่เพื่อนๆ เข้ามาอ่านกัน(ถ้ามีนะฮ่าๆ)
เริ่มการเดินทาง
วันที่ 10 กันยา ณ สนามบินสุวรรณภูมิ เวลาที่เราต้องเข้าเกตคือ 10 โมงตรง เรามาถึงก่อนเวลาเชคอินประมาณ 2 ชั่วโมง เพื่อรอเชคอิน เวลาเครื่องขึ้นก็น่าจะประมาณ 10:30 โมงกว่าๆ การเดินทางโดยเที่ยวบินเที่ยวนี้ เราต้องแวะพักที่รัสเซียก่อนที่จะไปจอร์เจีย โดยระยะเวลาจากประเทศไทยไปมอสโค ใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 9 ชั่วโมง ซึ่งถือว่าเวลาเยอะพอสมควร เรามาดูภายในเครื่องบินของสายการบิน Aeroflot ดีกว่าว่าหน้าตาจะเป็นแบบไหน เผือเพื่อนจะได้ตัดสินใจถูกหากสนใจที่จะบินกับสายการบินนี้
หน้าจอ PTV บนเครื่องบิน สามารถดูหนัง, ดูซีรี่ส์, ดูสารคดี, ดูข่าว, ฟังเพลง, เล่นเกมส์ ได้ตามสบายเลย ด้านล่างของจอ มีช่องเสียบ USB ด้วย อันนี้สำคัญ
บนเครื่องมีนิตยสารให้อ่านด้วย เป็นภาษารัสเซียเราก็มองรูปภาพไป สวยๆทั้งนั้น มีแนะนำสถานที่เที่ยว ร้านอาหารอร่อยๆ ให้ดูกันเยอะเลย
ภาพกว้างๆ ภายในเครื่องดูไม่อึดอัดเท่าไหร่ นั่งสบายๆ ครับ เที่ยวบินนี้คนนั่งกันเต็มเลย ที่ว่างเหลือน้อยมากๆ แอร์โฮสเตสชุดสีแดง เท่ดีครับ ชุดออกแบบเหมือนเครื่องแบบทหารเลย
นั่งไปสักพักนึงพนักงานแอร์โฮสเตสก็แจก Sleepers Shoes กับ ที่ปิดตา ไว้เพื่อเอาไว้นอนหลับพักผ่อนกันแสงแยงตาครับ
เปิดดูเพลง ฟังเพลงไปเรือยๆ เริ่มเบือ เลยหันมาดูหนังดีกว่านั่งตั้ง 9 ชั่วโมง หาหนังดีๆสักเรื่องดูฆ่าเวลาไป เลยจัด The Darjeeling Limited เลยชอบมากดูแล้วได้อารมณ์อยากไปอินเดียเลย
และแล้วเวลาที่ทุกคนต่างรอคอยก็มาถึง เรามาดูกันว่า อาหารที่เขาเสริฟกันบนเครื่องบินเที่ยวนี้เนี้ย มีอะไรให้ทานกันบ้าง เมนูมีไก่กับเนื้อ ผมสั่งไก่ ส่วนน้องผมสั่งเนื้อ อยากจะรู้ว่าอันไหนอร่อยกัน เลยสั่งคนละอย่างมาชิม สรุปแล้วพอชิมไป อร่อยทั้งคู่ ถูกปากคนไทย เพราะมาจากครัวการบินไทยนั้นเอง ฮ่าๆ ไก่ผัดซอสหอมๆ สลัดกุ้งเยอะมาก กรอบอร่อย เค้กปกติกินละหาอร่อยยาก แต่ครั้งนี้อร่อยมาก สงสัยเพราะเราชอบกินหวาน ส่วนเมนูเนื้อ เป็นเนื้อผัดซอส เสริฟคู่กับเส้นพาสต้า อร่อยเหมือนกันครับ กินเรียบเลย
และแล้วเราก็ถึงรัสเซีย ( Sheremetyevo International Airport ) ล้อแตะลงพื้นรันเวย์ปุ้บ ผู้โดยสารในเครื่องต่างตบมือกัน ถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ เวลาตอนนั้นน่าจะ ประมาณ 15:50 รอต่อเครื่องอีกประมาณ 7 ชั่วโมง เราก็นั่งๆนอนๆ เดินเล่นในสนามบินไปเรือย บ้างก็เดินถ่ายรูปในสนามบินนี่แหละ เพลินเลย
เราต้องออกจากรัสเซียไป จอร์เจียเวลาประมาณ 3 ทุ่มกว่า ๆ แต่เจอปัญหาคือ เครื่องดีเลย์ออกไปเป็น 23:45 นั้นก็คือ เราเดินทางช้าไป เกือบสองชั่วโมง ซึ่งก่อนหน้านั้นเรารอมาแล้วเกือบเจ็ตชั่วโมง เวลา ณ ตอนนี้ถือว่าดึกแล้ว ผุ้คนต่างเหน็ดเหนือย กับการรอ ร้านอาหารเริ่มปิดลงทีละร้านสองร้าน บรรยากาศเริ่มเหงาๆ เรานั่งรอเวลาผ่านไปช้าๆ ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงคนกลุ่มนึง ลุกขึ้นมาร้องเพลง เต้นรำตบมือเป็นจังหวะ สร้างเสึยงหัวเราะ ความสนุก และ สีสัน ให้แก่คนรอบข้าง นักท่องเที่ยวที่เดินผ่านมาบางคนหยิบโทศัพถ่ายรุปเก็บไว้ ไม่ก็ช่วยกันร้องเพลงกันอย่างสนุก ทำให้บริเวณนั้นไม่เงียบเหงาอีกต่อไป เรานั่งมองดูอย่างเพลิดเพลิน เรื่องแย่ๆ กับมีเรื่องดีๆ ซ่อนอยุ่เหมือนกันแหะ มองโลกในแง่ดี อะไรๆก็ดีเนอะDAY 1
เวลาผ่านไปเหมือนโกหกในที่สุดก็ได้เวลาขึ้นเครื่องเพื่อไปยังจุดหมายแรกของเราเลย นั้นก็คือ ประเทศจอร์เจียนั้นเอง ตื่นเต้นมาก อีกไม่นานเราคงได้เห็นแล้วว่า จอร์เจียนั้นเป็นอย่างไร สิ่งที่เราจะพบเจอนั้นจะน่าทึ่งซะแค่ไหน เราขึ้นเครื่อง Aeroflot อีกลำเพื่อไป Tbilsi โดยใช้เวลา 2 ชั่วโมง ส่วนระหว่างการเดินทางมาโดยสายการบิน Aeroflot ถือว่าสะดวกสบายใช้ได้เลย พนักงานต้อนรับก็ดูแลอย่างดี อุปกรณ์อำนวยความสะดวกก็ให้เยอะมาก หลับสบายเลย
ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงสนามบิน Tbilisi International Airport สนามบินค่อนข้างเล็กพอสมควร เรามาถึงตอนเวลาตี 2 คนเยอะมาก หลังจากที่ทำเรื่องผ่าน ตม เสร็จเรียบร้อยแล้ว ตอนแรกเจ้าหน้าที่ทำหน้า งงๆ ถามว่า ไม่มีวีซ่า หรอ เราก็บอกว่า ประเทศไทยไม่ต้องขอวีซ่า เจ้าหน้าที่ ตม ก็เลยยกหูโทรศัพท์โทรตรวจสอบไม่นานนัก เขาก็ปล่อยพวกเราผ่าน สงสัยเขาคงยังไม่ชิน เพราะเท่าที่สังเกตุ คนไทยจะมาเที่ยว จอร์เจียน้อยมาก ยังไม่เป็นที่นิยมในขณะนี้
ระหว่างที่รอกระเป๋าเราก็สังเกตุไปทั่ว คนจอร์เจียรูปร่างหน้าตา จะออกไปทางยุโรป ผสมแขกนิดๆ ผิวขาว หุ่นดี ผมมองไปทั่วจริงๆ นั้นแหละ อิอิ เมื่อรับกระเป๋าเสร็จเรียบร้อย เราก็เดินออกมายัง อาคารผู้โดยสารขาออก มีคนมายืนรอ เยอะแยะมากมาย มีแท๊กซี่มายืนรอ พร้อมยื่นข้อเสนอให้กับเรามากมาย พร้อมกับรัวภาษารัสเซียเก่า เราก็บอกแต่ ไม่เอาๆ เพราะพวกเราจอง รถขับส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว เรานัดกับ พนักงานรถเช่า ว่าจะมารับตอน ตี 5 ตอนนี้ ตี2 ยังต้องรออีก 3 ชั่วโมง เราเลยเดินหาชื้อ ซิม เพื่อเล่นอินเตอเน็ต คนละ 45 GEL (668บาท) เล่นอินเตอเน็ต ได้ 5GB เราก็นั่งเล่นแซท อัพเดทข้อมูลลงเฟส ไปสักพักก็ถึงเวลารับรถ ที่สนามบินแห่งนี้ไม่มีเคาเตอร์บริษัทรถเช่า ในใบจองรถเขียนไว้ว่าให้มารอตรง Information center ตี 5 ปุ้บ มีสาวสวยเดินมา พร้อมแฟ้มตรงมาหาเราแล้วถามว่า คุณใช่มั้ย ที่จองรถกับบริษัทของเรา แล้วเขาก็เดินพาเราออกจากสนามบินไป ลานจอดรถ ตรวจเชคสภาพรถก่อนรับรถ คุยเรื่องประกัน อะไรเรียบร้อยแล้ว เขาก็ยื่นกุญแจมาให้ พร้อมรอยยิ้มหวานๆ แล้วเราก็ขับรถออกจากสนามบินไป
เนืองด้วยวันแรกที่เรามาถึง จอร์เจีย เป็นเวลาเช้ามืดมากๆ โรงแรมที่เราจองไว้ มีกำหนดให้เราต้องไปเชคอิน ตอนบ่าย3 พวกเราได้รถที่เช่าไว้เสร็จตอน 6 โมงพอดี เลยคิดว่า จะยังไม่เข้าที่พักเพื่อไปฝากกระเป๋าเดินทางไว้กับทางที่พักก่อน แต่จะขับรถเพื่อไปถ่ายแสงเช้าที่แรก ในประเทศจอร์เจียเลย
จุดหมายแรกของเราคือ เมือง Mtskheta ซึ่งอยู่ห่างจากสนามบิน Tbilisi International Airport 40 กว่ากิโล ใน google map หากสังเกตุจะเห็นว่า โปรแกรมจะแนะนำเราสามเส้นทาง เราเลือกเส้นทางที่วิ่งนอกเมืองดีกว่า เพราะจะได้ไม่ติดรถในเมืองนาน ต้องทำเวลาเพื่อไปถ่ายรูปที่เมืองนั้น ถนนเส้นทางระหว่างที่ขับรถไปยังจุดหมาย รู้สึกว่าถนนที่นี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ มีหลุม มีบ่อเยอะ ต้องระวังให้ดี หากคิดจะเช่ารถขับในจอร์เจียเมือง Tbilisi
ขับรถประมาณ 30 นาทีก็ถึงจุดหมายแรกของเราแล้ว สถานที่นั้นก็คือ อารามจวารี (Jvari Monastery) เริ่มต้นการที่ตั้งอยู่บนเขา เป็นสถานที่ศักดิ์และสำคัญอีกแห่งของจอร์เจีย ได้ชื่อว่าอารามแห่งไม้กางเขน เพราะด้านในจะมีไม้กางเขนขนาดใหญ่ตั้งอยู่ พอเที่ยวอารามเสร็จ จุดเด็ดของที่นี่คือสามารถเป็นที่ชมวิวเมือง มิสเฆตา และสามารถมองเห็นจุดบรรจบของแม่น้ำคูรา และแม่น้ำอะรักวี ได้อย่างชัดเจนอีกด้วย
สภาพอารามจวารีแห่งนี้เก่าแก่มาก ดูจากร่องรอยของหินที่ผุกร่อน มานานนับร้อยปี
จากข้างบนเราสามารถมองเห็นจุดบรรจบของแม่น้ำคูรา และแม่น้ำอะรักวี ได้อย่างชัดเจนจริงๆ สวยงามมาก
ปล.การเที่ยวในสถานที่ศักดิ้สิทธิ์ ต้องแต่งตัวให้เรียบร้อยด้วยนะครับ เกงขาสั้นห้ามเข้า เสื้อแขนกุดก็เช่นกัน ผมนี่อดเข้าเลย 555หลังจากที่เราถ่ายรูปจุดแรกเสร็จเรียบร้อยนั้น ท้องใส้เริ่มหิวเลยว่าจะลงไปยังเมืองที่เห็นอยู่ด้านล่าง เพื่อไปหาซุปเปอร์มาเก็ตในเมือง หาขนม อาหารกินกันดีกว่า
ขับเข้าเมืองมาสักพักเราสังเกตุบ้านเรือนรอบๆ ดูเรียบง่าย เวลาตอนนั้น 10 โมงกว่าๆ แต่คนในเมืองนั้นเงียบเหงามากๆ ไม่ค่อยเห็นคนออกมาเดินกันเลย
ไม่มีรถชักคันเลยจริงๆ เมืองนี้ แต่บ้านเรือนส่วนใหญ่ตกแต่งสวยงามมาก ดูเป็นยุคเก่าดี
ขับเข้ามาในเมืองไม่นาน เราก็เจอซุปเปอร์มาเก็ตแล้ว เหตุผลที่เราหาของกินในซุปเปอมาเก็ตแทนร้านอาหารทั่วไปแล้ว เราคิดว่า ราคาของกินในซุปเปอมาเก็ตน่าจะถูกกว่า ร้านอาหารมากๆ เพราะเราเดินทางตั้ง 30 วัน เพราะฉะนั้นต้องลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไปบ้าง แต่ไม่ใช่ว่าเราจะกินแต่อาหารถูกๆเสมอไป อาจมีบางวันที่เราจะไปลองอาหารท้องถิ่นของจอร์เจียบ้าง ไม่งั้นมาไม่ถึง หากไม่ได้ลองอะไรเลย
พอเราเข้ามาใน ซุปเปอมาเก็ต แล้วเรามาสำรวจกันดีกว่าว่าข้างในนี้มีอะไรบ้าง ข้างในมีน้ำดื่ม น้ำอัดลม และเบียร์ซึ่งเยอะมากๆ มีให้เลือกหลากหลายเลย ขอบอกเลยว่า เห็นแต่ละขวดใหญ่ขนาดนี้ รสชาติเบียร์บ้านเขาเนี้ย เบามากๆ รสชาติอร่อย และที่สำคัญราคาถูกด้วย นอกจากน้ำดื่มแล้วก็มีพวกขนมหลากหลายชนิด มีผัดสดให้เลือกไม่เยอะมากเท่าไหร่ ส่วนมากจะมีมันฝรั่ง หอมแดง หัวหอม และผลไม้กล้วยไรงี้
พวกอาหาร มีให้เลือกหลากหลายมาก มีแฮมหลากชนิด ใส้กรอก และพวกซีสต่างๆ มีข้าวจอร์เจียขายด้วย แต่อาหารที่ต้องตาพวกเราก็คือ อาหารที่อยู่ในตู้ ที่มีถาดอาหารวางอยู่ และสิ่งที่อยู่ในถาดนั้นก็น่าลองเหลือเกิน บางอย่างพอเดาๆได้ น่าจะเป็นสลัดหรือเปล่า บางอันน่าจะเป็นยำมะเขือยาวใส่พริก บางอันก้เดาๆ น่าจะเป็นสลัดทูน่า อีกตู้นึงข้างๆ มีขายเป็นพวก ปลาทอดซึ่งแช่เย็นอยู่ ในกล่องใส มีเนื้อไก่ เนื้อวัว มองไปรอบๆ ตู้เจอขนมปังวางอยู่หลายชนิดเลยคิดว่า เดี๋ยวสั่งพวกคล้ายๆ สลัด และพวก ปลาทอด และ ขนมปังดีกว่า น่าจะอร่อยดี ลองดู เลยสั่งอาหารเลย คนที่นี้นพุดภาษาอังกฤษไมไ่ด้เลย เพราะฉะนั้นต้องสั่งเป็นภาษามือเท่านั้น
และแล้วนี่ก็คือหน้าตา ที่พวกเราสั่งกินกัน ง่ายๆ ขนมปังก้อนใหญ่ๆ เครื่องเคืยง คนละ ชุด เราสั่งเป็นยำมะเขือใส่พริก คิดว่าใช่นะ ส่วนคนอื่นเหมือนสั่งกินสลัดทูน่าผสมมายองเนส และปลาทอดคนละตัว เย็นๆ กินแบบกันตายเลยทีเดียว เวลานั้นหิวมากๆ หลังจากที่ได้แบ่งขนมปังเป็น 4 ส้วนต่างคนต่างกิน เราได้ลองยำมะเขือยาวแล้ว ปรากฎว่า อร่อยมากๆ มะเขือยาวจะหวานๆ มีรสเผ็ดนิดนึง ช่วยให้อยากอาหารมากๆ ส่วนปลากินแบบเย็น อร่อยเหมือนกันนะ แต่ต้องระวังก้างเยอะพอสมควร กินคู่กับขนมปังอร่อยดี ถือว่ามื้อนี้ผ่านเลยหละ ฮ่าๆ
หนังท้องตึงหนังตาเริ่มหย่อน แต่เดี๋ยวก่อนยังไม่ถึงเวลานอนเรายังมีสถานที่ที่ต้องเดินทางไปอีกไม่ไกลมากจากซุปเปอมาเก็ต นั้นก็คือ Svetitskhoveli Cathedral เป็นโบสถ์ออร์โธดอกจอร์เจียตั้งอยู่ในเมืองทางประวัติศาสตร์ของ Mtskheta มีขนาดใหญ่โต สวยงาม เก่าแก่ น่าสนใจมาก
รอบๆ โบสถ์มีสิ่งปลูกสร้างที่น่าสนใจมาก สวยงาม ไม่รู้เรียกว่าอะไร แต่เห็นเสาเป็นแบบโรมันเลย
บรรยากาศรอบๆ ตัวโบสถ์ เวลาใกล้เที่ยงเริ่มมีนักท่องเที่ยวมาเดินเทีย่วชมกันแล้ว กรุ๊ปทัวร์ต่างๆเริ่มมา ที่เห็นๆ ก็มีชาวอินโด และกรุ๊ปจีนมา รถทัวร์คันใหญ่ คนจีนนี่ไปทุกที่จริงๆ
หลังจากที่เดินเที่ยวชมรอบๆ โบสถ์เสร็จแล้วถึงเวลาที่จะเดินเข้าไปด้านไหนไปชม ใกล้ๆกันเลยดีกว่า เดินมาถึงประตูเข้าไปสู่โบสถ์ ดูยิ่งใหญ่มากๆ สมัยก่อนคงจะสวยน่าดู ไม่รู้เหมือนกันว่าทำเป็นป้อมปราการด้วยรึเปล่า เห็นมีกำแพงหินล้อมรอบหมดเลย
ตัว โบสถ์ใหญ่โตอลังกาลมาก ถ่ายเกือบเก็บไม่หมดเลยทีเดียว แต่ด้วยความผิดของผมเอง วันนี้ผมใส่ขาสั้นมาก เลยไมไ่ด้เข้าไปด้านใน ได้ยินมาว่า ด้านในสวยงามมากๆ เสียดายไม่ได้ถ่ายด้านในเก็บไว้ เลยไปค้นหาในเน็ตมาให้ชมกันครับ
ยืมภาพจาก 123rf.com
พอชมกันเสร็จเรียบร้อยแล้วเราก็ออกมาเดินรอบๆ บริเวณนั้นมีร้านขายของฝาก ร้านขนม ร้านกาแฟตั้งอยู่เลยไปดู แล้วก็ไปยืนดูร้านนึงขายขนมอยู่ มีคนมุงดู น่าสนใจดีเหมือนกัน เป็นขนมที่รูปร่างแแปลกมาก เกิดมาเพิ่งเคยเห็น เป็นเส้นใหญ่ๆ หลอดๆ ดูไม่น่าใช่ของกิน พอถามเจ้าของร้าน เขาบอกว่าขนมชิ้นนี้คือ " " Sweet Georgia " เป็นเจลลี่รอบๆ และใส้ข้างในเป็นถั่วอะไรไม่รู้ เจ้าของร้านเห็นเราสงสัยกันจัง เลยจัดมาให้ชิมกัน คนละนิดละหน่อย รสชาติก็โอเคนะ หวานๆ ข้างในเป็นถั่ว กรอบๆดี เลยชื้อคนละแท่งไว้กินในรถ อุดหนุนหน่อย
เดินชมไปเรือย มีร้านขายของฝากเยอะแยะมากมาย ราคาไม่แพงเลย สวยๆ ทั้งนั้นเลย ใครชอบชื้อของฝาก พวกแม็กเน็ตติดตู้เย็น น่าจะถูกใจกันนะ
พวกผ้าสีสันสวยงามก็มี น่าจะเป็นงาน Handmade นะ มีให้เลือกเยอะแยะมากมายเลย
ช่วงเช้าหมดไปแล้ว พวกเรายังเหลือที่ที่ต้องเดินทางไปอีกหลายที่ และต้องขับรถไปอีกไกล ใช้เวลาหลายชั่วโมงอยู่ ตั้ง 200 กว่ากิโล เพราะเราต้องรีบออกจากเมือง Mtskheta ไป Kazbegi เมืองที่เราจะเดินทางไป เป็นเมืองเล็ก ๆ ในภูมิภาค Mtskheta-Mtianeti ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือจอร์เจีย ภูมิประเทศเป็นหุบเขาเป็นส่วนมาก มีพื้นที่สีเขียว เราขับรถออกไปเรือยๆนอกเมือง ลัดเลาะตามทางสันเขา ถนนจอร์เจียอย่างที่บอก บางช่วงนั้นดีมากๆ บางช่วนแย่มาก เป็นหลุมเป็นบ่อ คนจอร์เจียที่นี้เวลาขับรถ ขับรถเร็วมากๆ ชอบแซงตลอด กลัวรถที่จะสวนมาจริงๆ ระหว่างที่เราจะไปเมืองที่เป็นจุดหมายของเรา Kazbegi เราต้องแวะสถานที่นึง ซึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม ที่ควรแวะอย่างยิ่ง นั้นก็คือ Ananuri Fortress นั้นเอง
ป้อมปราสาทอันนานูรี (Ananuri Fortress)
ป้อมปราการแห่งนี้ถูกสร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 13 โดย ดยุค แห่งอารักวี มีหน้าที่เป็นที่หลบภัยเวลามีศึกสงคราม ส่วนที่ตั้งนั้นจะอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอารักวี ซึ่งเป็นแม่น้ำสายสำคัญของประเทศจอร์เจียเลยทีเดียว สีของน้ำนั้นจะเป็นสีฟ้าอมเขียว
หากอยากเดินทางเที่ยวในจอร์เจียให้ครบๆ นั่งรถบัสคงจะยากน่าดู ผมเห็นนักท่องเที่ยวส่วนมาก จะใช้บริการทัวร์ซะส่วนมาก เพราะสถานที่เที่ยวแต่ละแห่งเนี้ย อยู่ห่างกันเยอะจริงๆ ดังนั้นการใช้บริการรถทัวร์จะสะดวกมาก สำหรับคนที่ไม่อยากเช่ารถขับเอง
หลังจากที่แวะถ่ายรุปกันเต็มที่แล้วเราก็ขึ้นรถขับไปอีก 165 กิโลเมตรเพื่อไปยังจุดหมายที่ตั้งไว้ต่อ.....
เส้นทางที่เราขับ วิวรอบๆเปลื่ยนไปเรือย บ้างก็เป็นบ้านคนหลังเล็กๆ ตั้งอยู่กลางหุบเขาที่ใหญ่โต บ้างก็เลียบทะเลสาปที่แสนงดงาม ขับขึ้นเขาบ้าง ลงเขาบ้าง
ทำให้เราที่นั่งอยู่ในรถ ละสายตาไมไ่ด้ที่จะจ้องมองสิ่งที่น่าสนใจตามทางที่เราพบเจอ
เราขับขึ้นมาบนเขาที่ชันมากๆ ขับมาเรือยๆ เวลาช่วงนั้นน่าจะประมาณ บ่าย 3 ละ อากาศช่วงนั้นมีเมฆมาก ปกคลุมทั่วท้องฟ้า บังดวงอาทิตย์ เลยทำให้มีแสงลอดลงมา สร้างความมหัศจรรย์ให้กับพื้นผิว ขนภูเขา เป็นแสงลงมาเป็นจุดๆ เห็นแล้วสวยมาก จึงไม่รอช้าที่จะหาที่จอดรถลงไหล่ทาง ถ่ายรุป เก็บภาพไว้ ภาพที่เห็นมันอลังกาลมากๆ หุบเขาที่ซ้อนกันอยู่ ทำให้เห็นภาพที่แปลกตา แสงลงเป็นจุดๆ ทำให้เกิดความน่าทึ่ง เป็นช่วงเวลาที่หายากจริงๆ
เหมือนกับสวรรค์บนดิน ดินแดนแห่งเทพนิยายมีอยู่จริงๆ
เปลื่ยนบรรยากาศมาชม หน้าตารถที่เราเช่ามาดีกว่าครับ รถที่เราเช่า เป็นยี้ห้อ KIA ครับ ขับคล่องดี ที่นั่งด้านในกว้างนั่งสะดวก ที่เก็บของท้ายรถใส่กระเป๋าได้เยอะดีครับ แต่ไม่เหมาะที่จะขับในจอร์เจียจริงๆ เดี๋ยวจะมาเฉลยทีหลังว่าทำไม....
ขับต่อสักพักเจอของดีเข้าให้ พวกเราเจอฝูงแกะ เยอะมาก อาศัยอยู่เป็นกลุ่ม อยู่ใกล้ๆ ถนน แสงกำลังลอดลงมาสวยพอดีเลย ไม่รอช้าที่จะลงจากรถแล้วแวะถ่ายรูป
ถนนหนทางของจอร์เจียเส้นนี้ดีมาก พื้นเรียบ ขับง่ายๆ สบายๆเลย วิวข้างทางก็สวยสุดยอด.
พวกเราเริ่มเข้าใกล้เมือง Kazbegi แล้ว หุบเขาเริ่มสูงขึ้นเรือยๆ เวลาเริ่มเย็นลงเรือยใกล้ 6 โมงเย็น แสงกำลังจะหมด ฝนเริ่มตกปรอยๆ อากาศเย็นขึ้นมาทันที
พวกเราต้องรีบขับเข้าเมือง เพื่อไปยังที่พัก ก็เป็นอันจบ สำหรับทริปวันนี้
ในที่สุดเราก็เข้ามายัง Kazbegi City เมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่กลางหุบเขา ผู้คนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่เมืองนี้ เมืองนี้มีร้านอาหาร จุดแลกเงิน สำหรับรองรับนักท่องเที่ยวอยู่เยอะพอสมควร พวกเราหาร้านแลกเงินเพิ่มเพื่อจ่ายที่พักสำหรับคืนนี้
คืนนี้แรกในจอร์เจียเราไมไ่ด้จองโรงแรมไว้ เลยขับรถหารอบๆเมือง เราขับเข้าหมู่บ้านแห่งนี้ วึ่งอยู่ห่างจากเมืองไม่มาก
เราขับรถเข้าไป บรรยากาศรอบๆ ดูน่ากลัวมาก บ้านเรือนดูเก่าๆ ดูเหมือนผ่านสงครามมาอะไรอย่างงั้น พอเจอโรงแรมเดินเข้าไปไม่มีใครอยู่อีก ทั้งเจ้าของโฮสเทล หรือคนพักอาศัยไม่เจอสักคน เหมือนทิ้งให้รกร้าง พวกเราเลยตัดสินใจขับรถกลับเข้าเมืองดีกว่า อยู่แถวนี้เงียบๆ แถมไม่มีร้านอาหารอีก เลยวนกลับเข้าเมืองเจอโฮสเทลที่นึง ราคาโอเค สำหรับการพัก 1 คืน เลยตอบตกลง
หน้าตาที่พักของพวกเราคืนนี้ครับ
ห้องสำหรับ 4 คน เป็นห้องส่วนตัวเลย มี 2 เตียงเล็ก 1 เตียงใหญ่ มีโต๊ะอาหาร ห้องน้ำฝักบัว มีกาต้มน้ำร้อน และมี โซฟา 1 ตัว ห้องกว้างอยู่สบายไม่อึดอัดเลย วันแรกของการเดินทางในประเทศจอร์เจียก็จบลง พรุ่งนี้เรามีขึ้นเขาแต่เช้ามืด โดยจ้างให้รถของโฮสเทลไปส่งข้างบนนั้น เพราะรถเราไม่ไหว ต้อง โฟวิว เท่านั้น เพื่อเดินทางไปยัง Gergeti Trinity Church ตั้งอยู่บนเนินเขาที่ความสูง 2,170 เมตรเหนือระดับทะเลของ Mount Kazbegi ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเหล่านักเดินทาง พรุ่งนี้เราจะเดินทางไปที่นั้นกัน!!DAY 2
เราตื่นกันประมาณ ตี 4 เพราะเรานัดคนขับคนโฟวิว ตี 5 เพื่อขับรถขึ้นเขาไปยัง Gergeti Trinity Church ให้ทันเวลาก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ถ้าไปยังอาจมีเวลาถ่ายดาวกัน
ขับรถขึ้นเขาใช้เวลาพอสมควร กว่ารถจะมาถึงที่หมายฟ้าก็เริ่มสว่างแล้ว ดาวก็เริ่มจะหายไปหมด ไม่มีเวลาสำรวจมุมเลย รีบตั้งกล้องถ่ายกลัวจะไม่ทัน อากาศบนนี้หนาวมาก ยืนถ่ายไปสั่นไป
พอหันไปด้านซ้ายมือเราก็จะเห็น Mount Kazbegi อยู่ไกลๆ มองเห็นยอดเขาที่มีหิมะด้วย สวยมากในยามค่ำคืน มีดาวเยอะแยะมากมายเลย
โบสถ์ทรินิตี้ ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 ตั้งอยู่ด้านบนของภูเขาที่สูงชันล้อมรอบไปด้วยความกว้างใหญ่ของธรรมชาติ ทำให้มันเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญสำหรับประเทศจอร์เจีย มีหอระฆังบนยอดโบสถ์ด้วย
พระอาทิตย์เริ่มขึ้นแล้วเรารีบลงจากโบสถ์ แล้วเดินขึ้นเขาอีกฝั่งนึง เพื่อไปถ่ายยอดภูเขา Mount Kazbegi ตอนเช้า อยากได้ตอนแสงเช้าสาดเข้ายอดเขา
เราเดินขึ้นเขามา ไม่ชันมาก บางครั้งต้องปีนขึ้น ไม่นานนักเราก็เดินขึ้นมาถึงด้านบนของเนินเขาลูกนึง เพื่อมาถ่ายมุม Gergeti Trinity Church ที่สามารถมองเห็นจากไกลๆจากตรงนี้ แล้วด้านหลังเป็นภูเขาที่สวยงาม ระหว่างที่รอถ่ายได้มีขบวนนักท่องเที่ยวขี่ม้าขึ้นมาด้านบน เลยได้ภาพ เหล่านักเดินทางขี่ม้า พร้อมกับฉากหลังที่เป็นภูเขา และโบสถ์
ขอถ่ายรุปคู่กับยอดเขา Mount Kazbegi เป็นที่ระลึกซะหน่อย ลมข้างบนแรงมากแทบปลิวเลย และฉากหน้าที่เห็นก็อลังกาลไม่แพ้กัน
ก่อนที่จะเดินทางมาจอร์เจียเราได้เห็นมุมนี้ในอินเตอเน็ต มันสวยงามมาก เป็นสถานที่ในฝันเลย ในที่สุดเราก็ได้มาเห็นกับตา และถ่ายภาพเก็บมันไว้
หากใครมาจอร์เจียแนะนำเลยว่าต้องมา Kazbegi ให้ได้ เหมือนดินแดนในฝันที่มีอยู่จริง.
หลังจากที่อยู่ด้านบนมาสักระยะนึงแล้วก็ได้เวลาลงจากเขา ถึงเวลานัดกับคนขับรถแล้ว เพื่อกลับไปยังที่พักไปเพื่อพักผ่อนก่อน วันนี้เราจะเข้าเมืองหลวง ชื่อว่า Tbilisi กัน
ภาพนี้ถ่ายจากที่พักเลย เห็นทั้ง Mount Kazbegi และ Gergeti Trinity Church.
ระหว่างทางไปยังเมือง Tbilisi เจอบ้านเรือนของชาวบ้าน กับวิวข้างทางที่สวยสุดๆ
ก่อนจะเข้าเมืองกัน เรามีแวะที่ Uplistsikhe ก่อน ที่นี้มีประวัติที่ยาวนานเป็นพันๆปี เป็นป้อมปราการของกษัตริยในสมัยก่อน เป็นเมืองดถ้ำโบราณในภาคตะวันออกของจอร์เจียบาง 10 กิโลเมตรทางตะวันออกของเมือง Gori จัดเจาะภูเขาเพื่อเป็นที่อยู่ พักอาศัย คนผู้คนตั้งอยู่ในชัยภูมิที่ดีมาก เพราะอยู่บนเขา สามารถมองดห็นข้าศึกได้จากระยะไกล และป้องกันได้ง่าย
ดูถ้ำโบราณเสร็จก็เดินทางชั่วโมงกว่าๆก็มาถึงเมืองหลวงของจอร์เจียแล้ว นั้นก็คือเมือง Tbilisi ที่พูดถึงนั้นเอง คำว่า ทบิลิซี (Tbilisi = warm) มีความหมายว่า อบอุ่นเนื่องจากเมืองนี้มีความพิเศษที่ไม่เหมือนใครคือ น้ำพุร้อนที่มีธาตุซัลเฟอร์ปนอยู่ด้วย ซึ่งเชื่อว่ามีประโยชน์มากต่อร่างกาย (เครดิต praew.com)
มาถึงเมืองปุ้บ เรารีบมาจุดชมวิวเลย รอจนกลางคืนรอไฟเมืองเปิดเลย แสงสีจากเมืองแห่งนี้ สวยงามมาก จากด้านบนนี้เราจะสามารถเห็นสถานที่ท่องเที่ยวหมดทุกแห่งเลยไม่ว่าจะ
1. Holy Trinity Cathedral of Tbilisi.
2. Cathedral of Saint George.
3. Kashveti Church.
4. National Bank of Georgia.
5. The Bridge of Peace.
คืนที่สองของพวกเราจบไป เวลาช่างผ่านไปเร็วจริงๆ แป๊ปๆก้หมดไปอีกวันแล้ว เราพักที่ Tbilsi แค่ 1 คืน เพราะเดี๋ยวพรุ่งนี้เราต้องไปเมือง Akhaltsikhe ต่อDAY 3
Akhaltsikhe เป็นเมืองเล็กๆ ในจอร์เจีย อยู่ทางตอนใต้ของประเทศ อยู่ใกล้ชายแดนของประเทศตุรกีเลย ขับรถจากเมือง tbilisi ประมาณเกือบ 3 ชั่วโมง
เมืองแห่งนี้มีสถานที่ที่น่าสนใจอยู่ 1 แห่งด้วยกันนั้นก็คือ Rabati Castle ป้อมปราสาทแห่งนี้ มีประวัติที่น่าสนใจมาก โดยปราสาทแห่งนี้ถูกก่อตั้งในศตวรรษที่ 9 ซึ่งมีพื้นที่อยู่ใกล้กับชายแดนประเทศตุรกี แลัวในปี 1393 นั้นปราสาทแห่งนี้เคยถูกรุกรานจากนักรบตุรกี(เติร์ก) กับ นักรบมองโกล แต่ก็ไม่พ่ายแพ้แก่นักรบเหล่านั้น เพราะที่ตั้งของปราสาทอยู่ในภูมิประเทศที่ดีได้เปรียบต่อการรบกับข้าศึก
เมืองยังคงเดินหน้าต่อไปได้ และมีความเจริญจนมาถึงปัจจุบัน ภาพนี้เป็นภาพของ Rabati Castle ยามค่ำคืนเปิดไฟส่องสว่างสวยงามDAY4
เรากลับมาที่เมือง tbilisi อีกครั้งเพราะวันนี้เราต้องคืนรถให้กับบริษัทรถเช่าแล้ว เรานัดเขาคืนในเมืองเลย สะดวกดี คืนปุ๊ปเราก็เดินเที่ยวต่อในเมือง เวลาเดินทางไปสถานที่อื่นๆในเมือง ก็นั่งรถไฟใต้ดินเอา ได้ยินมาว่าหากเดินทางโดยรถไฟใต้ดิน จะราคาถูกมากๆเลยทีเดียว เดี๋ยวเรามาลองกันดีกว่า
เป็นครั้งแรกที่ได้ลองนั่งรถไฟฟ้าใต้ดิน ในจอร์เจีย เมืองทบิลิชิ สภาพที่เห็นครั้งแรกคือ เป็นสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินที่เก่าแก่มากก ด้านหน้า เป็นอาคารใหญ่ๆ มีป้ายตัว M (Metro) เก่าๆ ไฟไม่เปิดอีก ถ้าไม่สังเกตุดีๆ คงไม่เจอ พอเราเข้าไปก็ไปชื้อตั๋วที่ช่องจำหน่ายกับคนขาย ราคาค่าโดยสารคือ 0.50 gel ในราคานี้จะไปไหนก็ได้ในเที่ยวเดียว ในเมืองนี้ พอเราชื้อเสร็จเขาจะใบเสร็จ และเราก็เดินเข้าช่อง เอาแผ่นใบเสร็จทาบกับตัวรับสัญญา คนละ 1 ครั้ง แล้วเดินเข้าไป ก็จะเจอยันใดเลื่อนลงชั้นใต้ดิน บันใดเลื่อนที่นี่ลงไปข้างล่างลึกพอสมควร สภาพเก่าโทรมมากๆ แต่อากาศดี มีช่องระบายอากาศทั่วไปหมด ลงมาถึงตรงกลางจะมีสองฝั่งให้เลือก ว่าเราจะขึ้นรถไฟ สายไหน ก็ไปรอตรงนั้น ไม่นานนัก รถไฟก็มา ขึ้นไปปุ้บ สภาพด้านไหนตัวรถเก่า โบราณดี ชอบๆ ไม่มีป้ายตัวอักษรบอกว่า เราถึงสถานนีไหนแล้ว ฟัง และ นับป้ายเอาเอง รถไฟขับเร็วดี ไม่นานเราก็ถึงจุดหมาย โดยรวมแล้วชอบมากๆ ได้บรรยากาศรัสเซีย เพราะเคยเป็นขั้วอำนาจเก่า จึงได้รับอิทธิพลมาเต็มๆ
หลังจากที่ทดสอบนั่งรถไฟฟ้ากันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราเดินทางมา ณ สถานที่แห่งนึงเลยดีกว่า นับว่าเป็นอีกจุดนึงที่เราชอบมาก นั้นก็คือ Holy Trinity Cathedral of Tbilisi นั้นเอง
วิหารศักดิ์สิทธิ์ของทบิลิซี ที่เรียกกันว่า Sameba เป็นโบสถ์หลักของคริสตจักรออร์โธดอกจอร์เจียตั้งอยู่ในทบิลิซีเมืองหลวงของจอร์เจีย สร้างขึ้นระหว่างปี 1995 และปี 2004 และเป็นวิหารที่สูงที่สุด อันดับที่ 3 ของโบสถ์ออร์โธดอกในโลก
แล้วพอพระอาทิตย์ตกดินปุ๊บเราก็ย้ายมายินถ่ายกันตรงนี้ National Bank of Georgia. ครับ ธนาคารกลางแห่งนี้ ก่อตั้งขึ้นในปี 1919 เป็นสถานที่ที่ออกแบบอย่างทันสมัยโด่ดเด่นเรื่องสถาปัตยกรรม ที่สวยงามดีนะ
The Bridge of Peace. Georgian.
Designed by Michele De Lucchi
อีกหนึ่งงานสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจในเมือง Tbilisi อีกแห่งครับ โดยงานนี้มีชื่อว่า The Bridge of Peace ออกแบบโดย สถาปัคนิกชาวอิตาเลื่ยนชื่อ Michele De Lucchi สะพานมีความยาวที่ 150 เมตร โครงสร้างนั้นถูกออกแบบและสร้างที่ อิตาลี่ และ นำเข้ามาโดยรถบรรทุก 200 คัน เพื่อเข้ามาติดตั้งในเมือง Tbilisi ที่ตั้งนั้นอยู่บนแม่น้ำ Mtkvari River สามารถมองเห็นได้หลายมุมจากในเมือง และยังมี illuminating ที่จะแสดงแสงสีจากไฟ LED ที่ติดตัวรอบตัวสะพาน เป็นเวลา 90 นาที ก่อนพระอาทิตย์จะตกลับขอบฟ้าไป
DAY5
วันนี้ถ่ายแสงเช้าเมือง ทบิลิซิ อีกมุมนึง ตื่นตี 4 มารอแท้กซี่ที่พี่เขานัดไว้เมื่อคืน ให้มาขึ้นเขา เพื่อถ่ายรุปมุมสูง มาถึงเดินหามุมอยู่นาน ขึ้นเขานุ้น ย้ายไปเขานี้ หามุมที่โล่งเหมะแก่การถ่ายเมือง แต่ไม่เจอสักที และอันตรายมาก เพราะทางที่เดินภูเขามันชัน กลัวตกลงไป จนเจอพระท่านนึง ออกมาจากโบสถ์ เดินออกมาตอน 6 โมง ส่องไฟมาทางเรา ละตะโกนมาบอกว่า "ตรงนั้น อันตราย ทำไมยูไม่ไปทางนั้นฟะ " (ความรุ้สึกน่าจะประมาณนี้) เพราะทางที่เขาชี้ไปนั้น เดินสบายกว่าเยอะ เราจึงเดินไปตามทางที่เขาบอก เพื่อไปเขาอีกลูกนึง จนได้มุมที่หามา ในที่สุด ต้องขอบคุณพระท่านนั้นมากๆเลย ที่ทำให้เราได้มุมที่ตั้งใจไว้จนได้ ที่จริงไม่ต้องพยายามอะไรมากเลย มีทางให้เดินเลยทีเดียว ฮ่าๆ เราตั้งกล้งอรอตั้งแต่ ตี 5มุมด้านบนนั้นสวยสุดยอดมากๆ เราสามารถมองเห็นทุกอย่างจากมุมนี้ วิหารซามีบ้าแห่งกรุงทบิลิซี่ (Holy Trinity Cathedral Of Tbilisi) , สะพานแห่งสันติภาพ The Bridge of Peace , เมเตฆี (METEKHI CHURCH) โบสถ์เก่าแก่อายุราว 800 ปี , Musical Theatre and Exhibition Centre , Presidential Palace
เมื่อพระอาทิตย์ขึ้น แสงสาดส่องเข้ามุมเมืองเก่า ยิ่งทำให้ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าสวยยิ่งขึ้นอีก พอเห็นภาพแบบนี้แล้วก็อดนึกไมไ่ด้เลยว่าสมัยก่อน จะเป็นอย่างไร เหมือนดินแดนในฝันมาก เลยไปค้นในเน็ตหาภาพวาด ในสมัยก่อนว่าจะเป็นอย่างไรนะ ก็เจอเลย
มันใกล้เคียงมากๆ จนเราจิตนาการไปไกลเลย ในช่วงบรรยากาศตอนนั้นรู้สึกอินมาก ฮ่าๆๆ แอบฟินเล้กน้อย ที่เราอยู่ในดินแดนที่มีประวัติเป็นพันๆปี
ตอนบ่ายเรามาเที่ยวจุดนี้ต่อ Monument of Freedom เป็นอนุสาวรีย์ที่แสดงถึงความมุ่งมั่นที่จะมีเสรีภาพและความเป็นอิสระของประเทศจอร์เจีย
เดินเล่นในเมืองต่อ สังเกตุหน้าบ้านบ้านเรือนไปทั่ว หากเป็นส่วนในเมืองเก่า สภาพบ้านเรือนจากดูสภาพโทรมๆ ไปบ้าง แต่ยังมีผู้คนอาสัยอยู่ รับรู้ถึงเมืองที่มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน ในจอร์เจีย เมือง Tbilisi หากสังเหตุ จะเห็นรถตำรวรเยอะมากก วิ่งทั่วเมืองไปหมด เหมือนตรวจตรากันตลอด รู้สึกปลอดภัยดีเหมือนกัน
ตอนเย็น มุมนี้ถ่ายจากบนเขาที่สูงอยู่เหมือนกัน ตรงหอคอยอะไรสักอย่าง ลัดเลาะไปเรือยจนเจอ ที่โล่งๆ จุดนี้เราสามารถเห็นได้กว้างขึ้นอีก ทั้งเมือง tbilisi เลยหละ คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายแล้วสำหรับที่จอร์เจีย พรุ่งนี้เราต้องเดินทางไปยังชายแดนตุรกีแล้ว โดยนั่งรถไฟตู้นอนไป พวกเราได้จองผ่านอินเตอเน็ตกันเรียบร้อยย ไม่มีปัญหาไร เลือกแต่พรุ่งนี้รอเวลารถไฟออก น่าจะประมาณ 3 ทุ่มDAY 6
วันนี้เป็นวันพักผ่อนของพวกเรา คงใช้ชีวิตแค่ใน โฮสเทล เพราะที่ผ่านมา 3 วันเราใช้พลังงานไปเยอะมาก เลยอยากพักซะหน่อยย ที่โฮสเทลแห่งนี้เราว่าโอเคเลยหละ ประเทศจอร์เจีย นอกจากขึ้นชื่อ เรื่ององุ่นแล้ว และไวน์องุ่นแล้ว ผลไม้อย่างอื่น เช่น พลัม (Plumes) ยังอร่อยอีกด้วย เราได้ลองกินครั้งแรกก็เพราะโฮสเทลที่เราพักมีวางไว้ในโซนห้องครัวส่วนกลางให้ลองทานกันตั้งแต่วันเข้าพัก เขาเสนอให้ลอง จนเรากินแล้วติดใจ รสชาติหวาน กรอบ สดใหม่ เพราะเค้าเพิ่งเด็ดมาจากต้น เดินผ่านทีไรก็หยิบกินตลอด เกสเฮาร์ที่เราพักนั้นหลังบ้าน เขาทำสวนองุ่น และต้นพลัมไว้เยอะแยะมากมาย เลยทำให้บรรยากาศ บริเวณที่พัก ดีมากๆ ใครมาจอร์เจียแล้ว อย่าลืมลองกันนะ ผลไม้ของเขาขึ้นชื่อหลายชนิดเลย
นี่คืออาหารที่พวกเรามักกินกันบ่อยๆ หากโฮสเทลไหนมีครัวกลาง พวกเราก็จะไปชื้อของสด ที่ซุปเปอมาเก็ตมาช่วยกันทำ ที่ครัวกัน ส่วนมากเป็น มาม่าผัด ไข่เจียว ผัดกะหล่ำปลี ง่ายๆ ส่วนข้าวสวยหอมมะลิ เราก็เตรียมมาจากประเทศไทย 2 กิโล แบ่งๆกันแบกไป 4 คน ข้าวจอร์เจียเคยลองเอามาหุงแล้ว เม้ดมันสั้นๆ เลยเอามาผัดข้าวผัดน่าจะเหมาะกว่า
รถไฟขบวนที่ 14
Sleeper train in georgia.
เป็นครั้งแรกที่ได้นอนบนรถไฟตุ้นอน ของประเทศจอร์เจีย ก่อนขึ้นไปบนขบวนในใจก็คิดว่า จะเป็นแบบไหนนะ ตื่นเต้นดี ไม่รู้ว่าต่างกันมั้ย แต่ละประเทศ เพราะส่วนตัวเคยไปนอนแต่ของ มาเลย์เซีย และเวียดนาม และของไทยแค่นั้นเอง เลยเห่อเป็นธรรมดา ฮาาๆ รถไฟเราออก 3 ทุ่ม จุดหมายปลายทางของเราคือเมือง Ozurgeti ก่อนจะถึงเวลาซัก 10-20 นาทีจะมีพนักงานมายืนหน้าขบวนของเรา และ ตรวจตั๋ว ตรวจเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็ขนของขึ้นไปได้เลย เดินหาไม่นานก็เจอห้องของพวกเรา ขนาดไม่ใหญ่มาก ไม่เล็กมาก พอดี ๆ มีเตียงสองชั้น ทั้งช้าย และ ขวา เีที่เรามากัน 4 คนเลยได้เป็น ห้องนึงเลย เป็นห้องส่วนตัวของพวกเรา ในห้องมีโต๊ะกลางเล็กๆ มีไฟบนหัวที่นอนแต่ละคน มีที่วางของใต้เตียง สำหรับคนนอนข้างล่าง ส่วนข้างบน มีที่เก็บของอีก เยอะแยะมากมาย เราว่าสะดวกดี รถไฟที่เราจองมีแอร์ปรับอากาศให้บริการ ในห้องมีทีวีที่ใช้การไม่ได้ ดูสภาพเก่าพอสมควร ในขบวนมีห้องน้ำ สภาพคล้ายๆ ไทย มีอ่างล้างมือในห้อง เป็นน้ำร้อน น้ำเย็น ดีเหมือนกัน พอรถไฟเริ่มออกเดินทาง จะมีพนักงานมาแจกผ้าปูที่นอน กับปลอกหมอนให้คนละชุด ถือว่าสะอาดพอสมควร
รูปที่ 1. ตั๋วรถไฟ ไม่มีภาษาอังกฤษเลย มีแต่ภาษาจอร์เจียเต็มไปหมด
รูปที่ 2. เลขห้อง และเลขตำแหน่งเตียงของแต่ละคน
รุปที่ 3. ชีวิตผู้คนในรถไฟ
รูปที่ 4. ช่องวางของสำหรับคนที่อยู่ชั้นบน กว้างมาก
สภาพห้องน้ำ โอเคอยู่นะ กว้างไม่อึดอัด มีน้ำร้อน น้ำเย็น มีทิชชู อากาศถ่ายเทดี
เราขึ้นรถไฟตอน 3 ทุ่มกว่าๆ ถึงเมือง Ozurgeti เช้าพอดีเวลาจน่าจะ 6 โมงกว่าๆ ท้องฟ้ากำลังเปลื่ยนสี พระอาทิตย์กำลังขึ้น คนลงสถานีนี้ไม่เยอะเท่าไหร่ บรยยากาศดุเงียบๆ สถานนีนี้ดูเหมือนสถานีเล็กๆ อากาศเย็นสบาย
พอเราเดินเข้าสถานีปุ๊บ สภาพสถานีรถไฟที่นี้โล่งมาก ไม่มีอะไรเลย ว่างเปล่า สิ่งที่ต้องทำต่อไปก็คือ เราต้องหารถบัส หรือ แทีกซี่ เพื่อนั่งต่อไปยังเมืองที่ติดชายแดนตุรกี นั้นก็คือ เมือง Batumi นั้นเอง เมืองนั้นเราจะหา รถมินิบัส ข้ามชายแดนตุรกี ไปเมือง Trabzon จุดหมายแรกของประเทศตุรกีนั้นเอง
เราออกมาจากสถานีไม่นาน ก็มีรถแท๊กซี่ขับมาทางเรา ละจอดลงมาถามว่า จะไปไหนกัน ตอนแรกเราก็บอกว่าจะไป บัส เทอมินอล เขาก็บอกว่า ตอนนี้เช้าไป ไม่มีรถหรอก ยังไม่ถึงเวลาของมัน เขาเลยเสนอว่า ผมจะพาไปเมือง Batumi เองไปส่งที่ท่ารถมินิบัสเลย โดยคิดราคาถูกที่สุดสำหรับ 4 คน พอเขาเสนอราคามา ตอนนี้จำไมไ่ด้ละว่าเท่าไหร่ แต่ไม่แพงเลย ถ้าเทียบกับระยะทาง พวกเราเลยตอบตกลง แท็กซี่เลยช่วยเก็บกระเป๋าไว้ท้ายรถ ละขับไปยังเมืองจุดหมายของเรา หลับๆตื่นๆอยู่ไม่นาน เราก็ถึงท่ารถแล้ว
ท่ารถที่นี้มีหลายบริษัทหลายเจ้า มีหลากหลายราคา จาก Batumi ไป Trabzon ไม่มีรถทัวร์ มีแต่มินิบัส ถ้าจะรถคันใหญ่ต้องไปอิสตัลบูลเลย
ราคาที่เราจ่ายไปต่อคน คนละ 20 GEL
นั่งรถ ประมาณเกือบ 3 ชั่วโมงเราก็ถึง เขตตรวจคนเข้าเมืองแล้ว ชายแดน จอร์เจีย - ตุรกี ขั้นตอนก็ตามปกติ ไม่มีอะไรมาก
ในที่สุดรีวิว จอร์เจียก็จบอย่างเป็นทางการ 6 วันในจอร์เจียพวกเราได้เจอ ได้ผ่านอะไรมาเยอะมากก เป็นประสบการณ์ใหม่ๆสำหรับผมเลย ความคิดเห็นส่วนผมว่า ธรรมชาติที่นี้สวยดีนะ มันยังสดใหม่อยู่ วิวอลังกาลดี อาจเป็นเพราะยังไม่เป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวหรือเปล่า คนเลยไม่เยอะเท่าไหร่ เลยดูสบายๆ เดินเที่ยวไม่ต้องไปเบียดใคร อาหารก็ราคาถูก คนจอร์เจียโดยรวมแล้วก็นิสัยดี อย่างตอนเรามีปัญหา บางคนก็ช่วยเราเต็มที่ดี ก็ถือว่า มีทั้งดี ไม่มีปนกันไปเนอะ เป็นธรรมดาของโลกเราอยู่ละ คิดแง่ดีไว้
รีวิวนี้หากมีส่วนไหนผิดพลาด ก็ต้องขออภัยด้วยนะครับ ติชมกันได้ แวะมาคุยได้เสมอคร้าบบบ รีวิวมีทั้งหมด 3 ตอน ตอนต่อไปก็คือ ตุรกี ใช้เวลาเดินทาง 15 วัน จะพบเจออะไรบ้าง มีเรื่องราว หรือสาถนที่ไหนน่าสนใจ รอติดตามชมกันนะครับ ขอบคุณเพื่อนๆ พี่ๆน้องๆ ที่ติดตามมาตลอดครับ ขอบคุณครับ เจอกัน ตอนที่ 2 ประเทศตุรกีครับ[ Twin Traveller ] 30 วัน 3 ประเทศ ตอนที่ 2 " ท่องโลกไปยังดินแดนอารยธรรมโบราณ ตุรกี " TURKEY "
http://pantip.com/topic/34412202
Twin Traveller
วันพุธที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2559 เวลา 14.54 น.