ในสายตาของนักเดินทางชาวไทย อิหร่านคงเป็นประเทศที่น่ากลัว อันตรายไม่ปลอดภัยสำหรับนักเดินทางอย่างเราๆ เป็นประเทศปิดไม่มีความสะดวกสบายบ้างละ ต้องเดินทางเฉพาะตอนกลางวันอย่างเดียว และตอนกลางคืนห้ามออกไปไหน อยู่แต่ในโรงแรมรึเปล่า?



ในปัจจุบันภาพของอิหร่านในสายต่อของชาวโลก และผู้ที่ไม่เคยสัมผัส คงจะมีแต่ความรุนแรง ผู้คนน่ากลัว ดุดัน ถ้าหากใครเคยได้ดูหนังเรื่อง Argo ก็จะเห็นอีกมุมมองนึง และเรื่องข่าวไม่ดีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ทดลอง ยูเรเนียม โดยไม่สนใจคำคัดค้านจากประชาคมโลก แถมยังเคยกล่าวจะลบอิสราเอลออกจากแผนที่โลกอีกบ้างละ และมีนโยบายการทูตที่ดุดัน เป็นอุปสรรคในเสรีภาพของโลก ผู้ที่ท้าทายต่ออำนาจอเมริก เอ้าเอาเข้าไป แล้วพวกเราจะไปทำไม !!



ถ้าตัดเรื่องน่ากลัวที่พวกเขาลือๆ กันแล้ว อิหร่านเป็นประเทศที่น่าค้นหาและน่าสนใจไม่ว่าจะเป็นของสถาปัตยกรรมแบบเปอร์เซียแท้ๆ ที่สวยงาม และหาดูได้ยาก และสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลาย ไม่ว่าจะ ทะเลเกลือซึ่งมีอยู่หลายแห่งในประเทศทั่วทุกภูมิภาค หรือ ทะเลทราย หลากหลายรูปแบบ ใหญ่โตอลังกาลงานสร้างจริงๆ หรือจะเดินเล่นหาของที่ละลึก ที่ตลาด บาซ่าโบราณ หาชื้อพรมเปอร์เซียแท้ๆ จากดินแดนต้นตำรับก็มีให้เลือกมากมาย



ผู้คนอิหร่าน หลังจากที่พวกเราได้สัมผัสมาตลอด 11 วันในอิหร่านนั้นมีความเฟรนลี่มาก ต้อนรับนักท่องเที่ยวกันทุกคน ช่วยเหลือทุกอย่าง ไม่มีการโกง หรือ ทำอะไรไม่ดีเลย ในตลอดการเดินทางของพวกเรา สิ่งเหล่านี้ทำให้เรา ต้องมานั่งคิดใหม่ เปลื่ยนความคิดกันเลยทีเดียว…Must know before traveling to Iran.



Money and costs in Iran



สกุลเงินของอิหร่านมีสกุลเดียว ทางสากลเรียกว่า Iranian Rial แต่คนอิหร่านจะเรียก Toman กัน การมาเที่ยวอิหร่านครั้งนี้ต้องคำนวนค่าใช้จ่ายดีๆ เพราะบัตรเครดิตที่เราใช้ๆกันในไทย หรือทั่วโลก เช่น Visa ในอิหร่านใช้ไม่ได้เลยสักใบ ดังนั้นสิ่งที่ต้องเตรียมมาดีๆก็คือ เงินสด ดอลล่า (USD) มาแลกที่อิหร่านเลย แลกได้ที่สนามบิน และ Downtown ตามเมืองต่างๆ จะมีร้านให้แลกกัน เราว่าเรทในเมืองได้เยอะกว่าในสนามบินอีกHow to find budget accommodation in Iran?



การจองโรงแรมที่พัก Booking.com , Agoda.com ใช้ไม่ได้ในอิหร่าน ดังนั้นหากอยากหาข้อมูลราคาที่พักล่วงหน้า แนะนำเว็ป hostelsiniran.com เลย มีข้อมูลวิธีการเดินทางพร้อม หรือดูในหนังสือ lonely planet ซึ่งแนะนำที่พักได้ดีมากๆ ช่วยชีวิตเราได้หลายครั้งจริงๆ



Recommend Hostels by Twin Traveller



Tehran

Seven Hostel in Tehran

Isfahan

Seven Hostel in Isfahan

Shiraz

Golshan Hostel in Shiraz

Yazd

Silk Road HotelWhat to Wear in Iran



ภาพที่เห็นจนชินตาในระยะเวลาตลอด 11 วันในอิหร่าน ก็คงจะเป็นภาพของสตรีภายใต้ผ้าคลุมศรีษะ และเสื้อผ้าสีทึบที่ปกคลุมเรือนร่างอย่างมิดชิด ต้องสวมใส่ผ้าคลุมศรีษะ ห้ามเห็นเรือนร่างเลยแม้แต่นิดเดียว ผู้หญิงอิหร่านนั้นเมื่ออายุครบ 9 ขวบบริบูรณ์ จะถือว่าพ้นจากความเป็นเด็กไปแล้ว ก็จะต้องคลุมผ้าเก็บเรือนผมให้มิดชิด ทั้งนี้ผ้าคลุมผม หรือที่เรียกกันว่า “ฮิจาบ" นั้นจะต้องคลุมลงมาจนจรดหน้าอก ต้องแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่เรียบร้อยไม่เปิดเผยให้เห็นส่วนสัดของร่างกาย ดังนั้นเสื้อผ้าของผู้หญิงอิหร่านที่กลายเป็นเสมือน “เครื่องแบบ" ไปแล้ว



แต่สำหรับนักท่องเที่ยวแล้ว โดยเฉพาะผู้หญิงที่สนใจจะไปเยือนอิหร่าน ข้อสำคัญที่ควรปฎิบัติก็คือ ต้องใช้ผ้าคลุมผมขณะอยู่ในที่สาธารณะตลอดเวลาที่เดินทางในอิหร่านและต้องแต่งกายอย่างมิดชิด ไม่รัดรูป เสื้อแขนยาว ไม่เปิดไหล่ กางเกงขายาว และห้ามจับมือถือแขนกับเพศตรงข้ามหากไม่ใช่คู่สมรสกัน หากคนอิหร่านเห็น อาจจะโดนตักเตือน



ถ้าถามว่าผู้หญิงเที่ยวอิหร่านอันตรายมั้ย?



ในมุมมองของผมที่ได้เดินทางมา ถือว่าปลอดภัยในระดับนึง แต่ควรที่จะระมัดระวังตัวตลอดเวลา ควรเดินในแหล่งท่องเที่ยว ห้ามกลับบ้านดึกเกิน 2 ทุ่ม เวลาเจอคนแปลกหน้าเข้ามาทักทาย ก็ควรทักทายเป็นพิธี หรือหาคู่หูเดินทางไปด้วย เพราะตอนเดินทางเราเห็นผู้หญิงเดินทางเป็นคู่ๆ เยอะแยะ แต่หากไม่มี ละอยากเดินทางไปคนเดียว แนะนำให้หาโฮส ที่อิหร่าน ให้เขาดูแล พาเที่ยวหรือแนะนำสิ่งต่างๆที่ควรรู้ในอิหร่านดีกว่า แต่ส่วนใหญ่คนอิหร่านจะเป็นมิตรกับนักท่องเที่ยวมากๆ ยิ่งคน ตจว เมืองอื่นๆ จะเทคแคร์ดีเป็นพิเศษ ดังนั้นการเดินทางโดยผู้หญิงคนเดียว หรือ คู่นั้นเป็นไปได้ในอิหร่าน ไม่ต้องห่วงอะไรมากครับ



สำหรับการแต่งกายของผู้ชายนั้น ผู้ชายในอิหร่านส่วนใหญ่จะใส่เสื้อเชิ้ต กางเกงขายาว ไม่มีขาสั้นให้พบเห็นเลย สำหรับนักท่องเที่ยวสิ่งที่ลืมไม่ได้เลยคือห้ามใส่ขาสั้น หรือ กางเกงสามส่วน เพราะฉะนั้น เวลาที่เดินตามท้องถนน จะเป็นเป้าสายตาของชาวอิหร่าน และอาจจะโดนตักเตือนเอาได้ ข้อนี้เลยสำคัญยิ่ง สำหรับผู้ชายที่มาเที่ยวอิหร่าน ควรแต่งกายให้เรียบร้อยPeople is very friendly



ชาวอิหร่านส่วนใหญ่ที่พบเจอนั้น มีอัธยาศัยดี เวลาเดินตามท้อนถนนต่างๆ ผู้คนชาวอิหร่านจะยิ้มแย้มและทักทายอยู่เสมอ บ้างก็เดินเข้ามาคุย มาแนะนำสถานีท่องเที่ยว เผลอๆ จะนำทางพาเที่ยวให้ด้วย บ้างก็พาไปเลี้ยงข้าว หรือหากเรามีปัญหาอะไร ชาวอิหร่านก็จะเดินเข้ามา ถามว่า มีอะไรให้ช่วยมั้ย? สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่พบเจอจนชินในประเทศอิหร่านFood Must Eat in Iran



อาหารที่พลาดไมไ่ด้เลยเมื่อเดินทางมาถึงอิหร่าน ก็คือ Kabob ครับ ก็คือของย่างนั้นเอง มีทั้งเนื้อแพะ ไก่ เสริฟมาพร้อมกับข้าวร้อนๆ มีสลัดผักตกแต่งข้างๆ และมีแผ่นแป้งเสริฟมาให้อีก (flatbread) อร่อยมาก ราคาไม่แพงมากด้วยครับ แต่ที่อยากจะแนะนำมากที่สุดคือ ไก่ ครับ และที่สำคัญที่สุดคือ อาหารอิหร่านจะจานใหญ่มาก หากใครที่ทานน้อยๆ อย่าลิมสั่งมาแบ่งกันกินด้วยนะครับ เดี๋ยวจะไม่หมดเอาTransportation Around Iran



Iran Buses



การเดินทางในประเทศอิหร่านนั้นแสนง่ายมากๆ การเดินทางที่ได้รับความนิยมมากที่สุด สำหรับนักท่องเที่ยวที่ใช้บริการ ก็คงจะเป็นรถบัสครับ รองจากรถบัสก็คงเป็นเครื่องบิน ซึ่งจะประหยัดเวลามากกว่า แต่ราคาอาจจะสูงขึ้นมาหน่อย แต่ไม่แพงมาก แต่สำหรับใครที่ไม่มีปัญหาเรื่องเวลา แล้วอยากจะประหยัดก็แนะนำบัส แบบ VIP ที่สะดวกสบาย และปลอดภัยมาก สำหรับการชื้อตั๋วรถบัสนั้นไม่จำเป็นต้องจองออนไลน์ครับ โดยปกติอล้ว รถบัสทุกเมืองจะเรื่มวิ่งประมาณ ตี 5 จนไปถึงรอบสุดท้าย รอบเที่ยงคืน ใครที่อยากจะเดินทางช่วงไหน ก็แนะนำให้มาก่อนเวลาสักชั่วโมง เพราะรถที่มี มีออกทุกชั่วโมง และหลากหลายบริษัท ชื้อง่ายมาก แค่บอกปลายทาง และเวลา คลาสรถก็เป็นอันจบ



Taxi service



บางเมือง มีขนาดใหญ่ สถานที่เที่ยวแต่ละที่ไม่ได้อยู่ใกล้กัน การที่เราจะเที่ยวได้ครบ และประหยัดเวลามากที่สุดก็คงจะเป็น การเช่ารถท้กซี่ เหมาวันไป ซึ่งราคาไม่แพงมากเลย ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีมากสุดเลย แต่ควรตกลงค่าโดยสารให้ชัดเจนก่อนออกเดินทางด้วยก็ดี ให้แน่ใจว่าราคานี้แน่นะ ส่วนเรื่องราคา ให้คำนวนตามระยะทาง ตามความเหมาะสมIRAN : Tales from Persia 10 DAYS



Tehran – Isfahan – Shiraz – Kerman – Yazd – TehranTehran


สถานที่แห่งแรกที่เราจะไปชมกันในทริปอิหร่านก็คือ Azadi Tower ณ กรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน ตามรอยหนัง Argo แม้จะเห็นแปปเดียวในหนัง แต่ทำให้ต้องหาข้อมูลกันเลยว่าคือที่ไหน มีที่มายังไง ซึ่งได้คร่าวๆว่า จุดประสงค์ในการสร้างเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 2,500 ปี ของการก่อตั้งอาณาจักรเปอร์เซีย สร้างขึ้นมาในปี 1971 โดยใช้หินอ่อนสีขาวมากกว่า 8,000 ก้อนจากเมือง Esfahan ในการก่อสร้าง ซึ่งจะเป็นการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมของชาวอิสลามและชาวซาสซานิยะห์ สวยงามอลังการเป็นอย่างมาก



HOW TO GET THERE



Imam Khomeini International Airport – Tehran : หารถแท๊กซี่เข้าเมือง หาที่พัก ราคาไม่เกิน 25 USDIsfahan



อิสฟาฮาน ถูกยกเป็นเมืองที่สวยที่สุดของประเทศอิหร่านและเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อที่สุด รวมทั้งเป็นเมืองแห่งอารยะธรรมเปอร์เซีย เป็นเมืองที่เราชอบมากที่สุด ยิ่งตรง Imam square ตอนเช้าๆ จะเป็นสถานที่พักผ่อนของชาวอิหร่าน จะพบเจอคนมาออกกำลังกายกัน นั่งรถม้าชมวิวรอบๆ หรือจะนั่งจิบชา ตามร้านอาหารวิวดีๆ ก็เก๋ไปอีกแบบ เราใช้เวลาในเมืองแห่งนี้ประมาณ 2 วัน เป็นอะไรที่คุ้มค่ามากๆ



เมืองแห่งนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆอยู่หลายแห่ง ตามละเอียดดังนี้


1. Naqsh-e Jahan Square

2. Sheikh Lotfollah Mosque

3. Khaju Bridge

4. Shah Mosque

5. Vank Cathedral



เมืองนี้เราว่ามันเที่ยวง่ายมากๆเลยนะ เพราะสถานที่ท่องเที่ยวมันอยู่ติดกันหมด สามารถเดินต่อไปกันได้เลย แต่อาจจะมีบางจุดที่จะต้อง นั่งรถแท้กซี่ไป อย่าง Khaju Bridge เป็นต้น แนะนำให้จองที่พักใกล้ๆสถานที่ท่องเที่ยว จะได้ไม่ต้องเสียค่าโดยสารรถประจำทางเยอะ โรงแรมที่เราอยากจะแนะนำเลยก็คือ Seven Hostel in Isfahan มีทั้งนอนโดม และ ห้องส่วนตัว ราคาไม่แพง และบริการดีเลยทีเดียวSheikh Lotfollah Mosque.



มัสยิดชีคห์ ลอทฟอลลาห์ (Sheikh Lotfollah Mosque) เป็นอันดับที่ 1 ที่มีแบบสถาปัตยกรรมที่งดงาม แปลกตาที่สุดในโลก ไฮไลท์ที่สำคัญที่สุดของที่นี้ก็คือ แสงลอดจากช่องหน้าต่าง เข้ามายังภายในมัสยิด เป็นอะไรที่สวยแปลกตามากๆ แนะนำให้มาช่วงเช้า เพราะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเข้าชม.



Khaju Bridge



เป็นนนึ่งในสถานที่รวมตัวของวัยรุ่นในเมือง ใต้สะพาน Khaju จะมีกลุ่มคนรวมตัวกันร้องเพลง หลายคนเสียงดี ฟังเพลินมากๆ บ้างก็มานั่งเล่นพักผ่อน อ่านหนังสือ หรือจะนอนเล่นกันอย่างสบาย ก็ไม่มีใครว่า น่าเสียดายที่แม่น้ำสายนี้ไม่ค่อยเปิดน้ำไหลผ่านแล้ว ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ไม่งั้นตอนกลางคืน สะพานแห่งนี้จะเปิดไฟ และจะสามารถถ่ายรูปเงาสะพานแสงไฟของสะพาน ได้อย่างสวยงาม



HOW TO GET THERE



Tehran – Isfahan : ขึ้นรถที่ South Bus Terminal มีรถออกทุกชั่วโมง รอบสุดท้ายเที่ยงคืน Normal Class ประมาณ 200 Baht. VIP Class ประมาณ 300-400 BahtShiraz



Nasir ol Molk Mosque.



สุเหร่าสีชมพู (Pink Mosque) หรือมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า Nasir al Mulk Mosque ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสุเหร่าที่มีความสวยงาม และสำคัญที่สุดของอิหร่านตอนใต้ เอกลักษณ์ของสุเหร่านี้ คือ ส่วนต่างๆ จะถูกตกแต่งด้วยกระเบื้องสีชมพู ที่เมื่อแสงยามเช้าสาดส่องเข้ามาแล้วก็ จะเห็นแสงที่ส่องเข้ามาเป็นลวดลายของแสงสีที่สวยงามมากๆเลยทีเดียวเลย



แนะนำให้มาช่วงเช้า รอประตูเปิดเลยประมาณ 8 โมงเช้า เพราะช่วงเวลานั้นคนจะน้อย และไม่วุ่นวาย ถ่ายภาพสะดวก และเป็นช่วงที่แสงส่องเข้ามายังสุเหร่าสีชมพูแห่งนี้ สวยที่สุดด้วย



Vakil Mosque



ตอนเราอยู่เมือง Shiraz เราพักอยู่ที่ Golshan Traditional Hotel เป็นทั้งโฮสเทลราคาถูก และมีเป็นแบบห้องส่วนตัวด้วย พักได้ 2 คน ราคาไม่แพงเลย มีอาหารเช้าบริการ และใกล้สถานที่ท่องเที่ยวอย่าง สุเหร่าสีชมพู (Nasir al-Mulk Mosque) ที่สามารถเดินไปถึงได้ภายใน 2 นาที และ Vakil Mosque ที่มีจุดเด่นอย่างหนึ่งคือ เสาแต่ละต้นจะเป็นเกลียวบิดไป มีรูปร่างที่สวยงามมากๆน่าตื่นตา ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโฮสเทล เดินเท้าแค่ประมาณ 15 นาทีเท่านั้น แต่ตอนที่เราไปมีบางส่วนที่กำลังซ่อมเลย เก็บภาพมาไม่หมด



Salt Lake (Maharloo Lake)



เรามีความฝันที่อยากจะเห็นทะเลเกลือสักครั้งในชีวิต ถ้าพูดถึงทะเลเกลือคงเป็นที่โบลิเวีย แต่มันไกลมาก คงต้องใช้เงินและเวลามากพอสมควร แต่หลังจากที่ศึกษาแผนเที่ยวในอิหร่าน เราก็มาค้นพบว่า ในประเทศอิหร่านแห่งนี้ มีทะเลเกลืออยู่หลายแห่งเลย และเมืองที่เราอยู่นั้นมีอยู่แห่งนึง ซึ่งไม่ห่างจากเมืองที่เราอยู่เลย ห่างออกไปจากเมือง Shiraz ไปแค่ 40 กิโลเอง มีชื่อว่า Maharloo Lake เราได้สอบถาม ทางที่พักโฮสเทลว่า เราจะเดินทางไปยังที่นั้นได้อย่างไร เขาบอกว่า เราสามารถจัดทัวร์ทะเลเกลือได้หากคุณต้องการ แต่ต้องไปแชร์กลุ่มกัน ออกบ่าย4 โมง แต่วันนี้ไม่มีนะ คุณต้องไปพรุ่งนี้ ซึ่งเรามีเวลาแค่วันนี้เท่านั้น เพราะพรุ่งนี้เราต้องย้ายเมืองไปที่อื่น เลยถามว่า แล้ววิธีอื่นละมีมั้ย ? พนัดงานโฮสเทลเลยบอกว่า หากอยากไปเอง แนะนำให้เหมารถแท้กซี่ดีกว่า แต่ราคาจะสูง ประมาณ 1,000,000 เรียว (ประมาณ 1000 บาท) เรานั่งไปสองคนก็เฉลี่ยคนละ 500 บาท สามารถอยู่แถวนั้นได้ตั้งแต่ช่วงบ่าย ถึง พระอาทิตย์ตกดินเลย พวกเราสองคนคิดๆดูแล้ว ก็ดูคุ้มค่าดี เลยเดินออกจากโฮสเทลเพื่อหารถแท้กซี่ไปยังทะเลสาป รถคันแรกๆ เรียกราคาแพงมาก ประมาร 2 ล้านเรียว (2000 บาท) เราจึงไม่เอา รอคันอื่น จนมาได้คันที่ 4 ได้ประมาณ 1500 บาท เรารับราคานี้ได้ และคนขับก็ดูดี ไม่น่ากลัว เลยตัดสินใจตกลงไป คนขับแท้กซี่พาเรามุ่งสู่ทะเลเกลือ Maharloo Lake โดยใช้เวลาเดินทางประมาร 40 นาที ก็ถึงที่หมาย เราไปถึงตอนพระอาทิตย์ใกล้จะตกอยู่พอดี แสงสวยมาก คนขับแท้กซี่ชี้ไปยังทะเลสาป และบอกให้เดินไป เขาจะรออยู่ที่นี้ พร้อมกับพูดว่า Enjoy !! เราจึงเดินเข้าไปยังทะเลสาป และ!ภาพที่เห็นคือ ทะเลสาปที่กว้างใหญ่มากๆ แต่น้ำนั้นแห้งไปหมด เหลือแต่พื้นขาวๆ สุดลูกหูลูกจา พอเราเดินเข้าไปใกล้ๆ เราเห็นเป็นก้อนๆ สีขาว เลยสัมผัสดู หยิบเกลือก้อนเล้กๆ มาชิมดู และมันก็เป็นเกลือจริงๆในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงทะเลเกลือจนได้ !! ดีใจมากก เราใช้เวลาอยู่ที่นี้นานมาก จนพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า และแล้วเป้าหมายในชีวิตก็สำเร็จไป 1 อย่าง นั้นก็คือการได้มาเห็น ทะเลเกลือที่อิหร่าน



HOW TO GET THERE



Isfahan – Shiraz : ขึ้นรถที่ Kaveh Bus Terminal มีรถออกทุกชั่วโมง รอบสุดท้ายเที่ยงคืน Normal Class ประมาณ 200 Baht. VIP Class ประมาณ 300-400 BahtKerman (Dasht-e Loot)



เฮ้ยย นี่มันดาวอังคารชัดๆ เราหลุดมาอีกโลกจริงๆหรอเนี้ย?? เป็นคำที่พูดในรถกับนัท ระหว่างที่มองไปนอกหน้าต่างรถ ที่กำลังขับมุ่งหน้าไปยังทะเลทรายที่ใหญ่ที่สุดในเมือง Kerman ในประเทศอิหร่าน นั้นก็คือ Dasht-e Lut เราได้จ้างไกด์ส่วนตัว พร้อมเหมารถ เพื่อเดินทางไปยังทะเลทรายแห่งนี้ ในาคาประมาณ 2,000 บาท ทั้งไปและกลับมา เราออกจากเมือง Kerman ประมาณเที่ยง เพราะไกด์ได้บอกกับเราว่า ระยะเวลาในการเดินทางน่าจะประมาณ 3 4 ชั่วโมงพวกเราเลยรีบไปดีกว่า ระหว่างที่นั่งรถขับออกนอกเมืองไปเรือยๆ ไกด์ก็ได้อธิบายข้อมูลต่างๆให้พวกเราได้ฟังว่า Kaluts Desert เป็นทะเลทรายขนาดใหญ่ ซึ่งอยู่ห่างจากเมือง Kerman ไปประมาณ 140 กิโลเมตร ที่เห็นเป็นภูเขาลูกใหญ่ๆ ในทะเลทรายแบบนี้ก็เพราะ เกิดขึ้นจากลมนั้นเอง ซึ่งพัดเอาทรายมารวมตัวกัน ค่อยๆ ก่อเป็นภูเขาขนาดใหญ่ ซึ่งใช้เวลายาวนานนับร้อย นับพันปี ในตอนกลางวัน อุณหภูมิของที่นี้จะสูงขึ้นประมาณ 45 องศาเลยทีเดียว เราใช้เวลาอยู่ในรถในการเดินทางมานานพอสมควร ภูมิประเทศค่อยๆเปลื่ยนไปจากภูเขาสูงๆ มีต้นไม้มีบ้านคน ก็เริ่มที่จะหายไป จนไกด์บอกว่า เลยเขาลูกนั้นไป คุณจะเห็นทะเลทรายที่กว้างใหญ่



และไกด์ก็เปิดกระจกหน้าต่างรถ แล้วบอกให้พวกเรายื่นมือออกไป เราเลยยื่นมือออกไป และรู้สึกว่า อากาศร้อนขึ้นจริงๆ ร้อนมาก นี่เป็นครั้งแรกที่ได้สัมผัสอากาศแบบทะเลทราย และไกด์ก็ได้บอกอีกว่า แต่ถ้าตอนกลางคืน อุณหภูมิที่นี้จะลดลงเหลือแค่เลขตัวเดียว หรือ ติดลบ และช่วงเดือนที่เราไป (ตุลาคม) ท้องฟ้าจะใส สามารถมองเห็นดาวได้ในยามค่ำคืน…..



และแล้วรถก็ขับข้ามผ่านภูเขาลูกนั้นไป ภาพที่เห็นคือ ทะเลทรายที่กว้างใหญ่จริงๆ มีภูเขาทรายทั้งลูกเล็ก ลูกใหญ่ เป็นร้อยๆ พันๆ ลูก สุดลูกหูลูกตาเลยทีเดียว พวกเราเลยไม่พอช้าที่จะเปิดกระเป๋ากล้อง ละหยิบกล้องมาถ่าย เราบอกให้ไกด์จอดรถถ่ายรูป ไกด์บอกเราว่า ใจเย็น! ผมจะพาคุณไปยังมุมที่เด็ดกว่านี้ให้ดู..



ขับมาไม่นาน ก็มาถึงจุดๆ นึงเอาจอดรถที่ด้านล่างภูเขาลูกนึง แล้วบอกให้เราเดินขึ้นไปกับเขา เราเดินขึ้นไปไม่นาน ก็มาถึงยอด และได้เห็นวิวที่เราไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้เลย มันสวยเกินคำบรรยาย ความคิดในหัวบอกว่า ชีวิตนี้คุ้มแล้ว ที่ได้มาเห็นอะไรแบบนี้ในชีวิต ทะเลทรายที่กว้างใหญ่ บรรยากาศที่แสนร้อน แต่มีความสงบ มุมที่สูงมองเห็นอะไรได้หมด มันทำให้เราทึ่งไปอีก ธรรมชาติสร้างสรรค์สิ่งมหัศจรรย์ให้เราได้เห็นอยู่เสมอ…



เรานั่ง เดินปืนเขาลุกนั้นลูกนี้ ชมวิวไปเรือย ถ่ายรุปอยู่ตลอดเวลาในช่วงพระอาทิตย์ตกดิน เป็นช่วงเวลาที่ดีมากๆ เราได้นั่งจิบชาร้อน บนยอดเขาและมองวิวที่สวยงามอลังการแบบนี้ ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว ไม่ต้องมีอาหารชั้นเลิศ ขอแค่ชาธรรมดาๆ แค่นี้ก็มีความสุขที่สุดในชีวิตแลัว…



HOW TO GET THERE



Shiraz – Kerman : ขึ้นรถที่ Karandish Bus Terminal มีรถออกทุกชั่วโมง รอบสุดท้ายเที่ยงคืน Normal Class ประมาณ 200 Baht. VIP Class ประมาณ 300-400 BahtKerman to Dasht-e Loo : เหมารถแท็กซี่ไปยัง Dasht-e Loo ราคาอยู่ที่ 1,500-2,000 บาท (รวมไปกลับ) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3-4 ชั่วโมง อยู่ได้ถึงพระอาทิตย์ตกดิน



Yazd



เมืองทะเลทราย ที่เก่าแก่แห่งนึงของประเทศอิหร่าน มีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง และสวยงาม บ้านเรือนเป็นแบบเก่าแก่ ทำให้เรารู้สึกย้อนยุคกลับไปยังอดีต เป็นเมืองที่ตื่นตามาก และเป็นเมืองที่เงียบสงบไม่วุ่นวาย ผู้คนยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นมิตร เป็นอีกเมืองที่ควรลิสไว้ อยู่เที่ยวสักวัน สองวันก็ดีไม่น้อยเลย



Ashura Day in Iran ( พิธี Ashura ศรัทธาสีเลือดของมุสลิม(ชีอะ)) เปิดมุมมองโลกของอิหร่าน




ระหว่างที่พวกเราอยู่เมือง Yazd พวกเราได้ขยับไปอีกขั้น เป็นครั้งที่ให้ประสบการณ์แก่ผมมากที่สุด นั้นก็คือการได้ร่วมในพิธีกรรม ของนิกายซีอะห์ ในเทศกาลอาชูรา เพื่อรำลึกถึงการถูกสังหารของ Imam Hussain หลานของนบีมูฮัมหมัด ในแผ่นดินกัรบาลา



จุดเริ่มต้นของการได้ไปงานนั้นต้องยกความดีให้แก่เพื่อนชาวต่างชาติ 3 คน ที่ได้เจอกันที่โฮสเทล ด้วยที่ว่าอยู่ห้องเดียวกัน เลยทักทายตามมารยาทแต่พอคุยไปคุยมาทำให้รู้ว่า 3 คนนี้ กำลังจะไปพิธีงาน Ashura ซึ่งเพื่อนผมที่เจอกันที่พักนั้นคนนึงเป็นชาวตุรกี พูดไทยได้นิดหน่อย เป็นมุสลิม นิกายสุหนี่ และยังจมูกโด่งเป็นยิวอีก และเพื่อนผู้ชายอีกคนเป็นคนคาซัคสถาน ก็เป็นมุสลิม นิกายสุหนี่ เหมือนกัน และคนสุดท้ายเป็นผู้หญิงลูกครึ่งอังกฤษ – อินเดีย ศาสนาคริสต์ เคยเป็นครูสอนภาษาอินเตอร์แถว ทองหล่อ คือตอนมันชวนเพื่อนชาวสุหนี่ผมบอกว่า จะลองขอเข้าไปชมพิธีกรรมดูแบบใกล้ชิดเลย ผมถามว่า ทุกคนเข้าได้ใช่มั้ย มันบอก ไม่ได้ เป็นงานที่ส่วนตัวมากๆต้องเป็นมุสลิม นิกายซีอะห์เท่านั้น แต่เพื่อนชาวคาชัค บอกผมว่า เดวจะลองขอดู เพราะมันลงทุนอยู่ที่นี่เป็นเวลา 2 อาทิตย์ ฝึกพูดฟานซี และไปเนียนคุยกับคนในมัสยิดทั้งทหารที่ดูแลจนไปถึงอิหม่ามที่นั้นกันเลยทีเดียว เพื่องานนี้โดยเฉพาะ ผมถามต่ออีกว่าเสี่ยงมั้ยที่ไปกัน เพราะ นิกายต่างกันนะ เพื่อนชาวตุรีนี่ก็ยิวมาเลย มันก็บอกว่า เสี่ยง แต่มันอยากหาความจริงที่เกี่ยวกับศาสนาอิสลามว่าแม้ว่านิกายจะต่างกัน จะอยู่ด้วยกันได้มั้ย



เพื่อนชาวคาชัดเห็นผมถามเริ่มมาก มันเลยถามว่า ยู จะไม่ไปก็ได้นะถ้ากลัว ไอ้เราสองคนเลยรีบตอบว่า ไปแน่นอน เพราะตั้งใจแบบนั้นเหมือนกัน แต่มันต้องถามให้แน่ใจสิว่ะ 5555 สรุปคือ ไปครั้งนี้เสี่ยง แต่ต้องไป เพราะโอกาสไม่ได้มีมาบ่อยๆ ถ้าที่ไทยเราอาจจะคุ้นเคยแต่กับอิสลาม นิกายสุหนี่ แต่กับนิกาย ซีอะห์ ผมไม่เคยได้ส้มผัสเลยนะ ไม่รู้ว่าต่างกันอย่างไร คืนนั้นเลยเก็บกระเป๋าเสร็จก็เดินออกไปกันเลย ผมจำชื่อมัสยิดไม่ได้ เป็นบรรยากาศที่อยู่ด้านหน้ามัสยิดแลัวรู้สึกกลัวนิดๆเพราะว่าโดยรอบมัสยิดตกแต่งด้วยผ้าใบที่มีภาษาฟานซี และมีธงสีดำประดับเต็มไปหมด พร้อมกับคนแต่งชุดดำทั้งงาน ผู้หญิงก็ต้องใส่ผ้าคลุมดำคลุมทั้งตัว ซึ่งผมก็ยังไม่ชินนะ เพื่อนชาวคาชัคก็เป็นคนนำเลย โดยไปเจอทหารที่รู้จักกัน และขอให้พาเดินไปหาอิหม่ามในงานหน่อย เพื่อจะขอท่านเข้าไปในส่วนทำพิธี ระหว่างที่เดินหาคนในงานก็มองอย่างประหลาดใจ เพราะว่าในนั้นไม่มีคนต่างชาติเลย เพื่อนตุรกีผมนี่โดนถามตลอดทางว่า ใช้เปอร์เซียมั้ย ซีอะห์หรือเปล่า และ ชี้ไปที่จมูก เพื่อจะถามว่าและเป็นยิวด้วยมั้ย เพื่อนผมก็ได้แต่บอกว่า ไม่ ผมมาจากตุรกี ไอ้เด็กแฝดที่ตามข้างหลังก็ระทึกจริงๆ ว่าเค้าแค่ถามใช่มั้ยว่ะ แต่ก็ราบรื่น ตอบไปก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น คนในงานก็โอเค ถือว่าไปได้สวย และแลัวเราก็ได้เจอกับอิหม่ามที่ดูแลงานนี้ เราก็ได้ขอเข้าไปนั่งสังเกตการณ์ในงานพิธีด้วย ซึ่งเค้าก็ไม่ได้ว่าอะไร และเราก็เข้าไปด้วยกันเลย เพราะว่างานกำลังจะเริ่มแลัว พอได้เข้าไปนั่ง และอิหม่ามก็ขอตัวขึ้นไปพูด กลายเป็นว่ามีประกาศอีกว่าวันนี้มีคนมาดูด้วย บอกหมดเลย ใครเป็นใคร มาจากไหนบ้าง เล่นเอาเขินเลย



เรียงจากซ้ายมาขวา 1. Imam ผู้นำศาสนาที่เจอในงาน 2. Ali เพื่อนชาวคาชัคสถาน นับถือศาสนาอิสลาม นิกาย สุหนี่ 3. Tiger เพื่อนชาวตุรกี เป็นมุสลิม นิกาย สุหนี่ และเป็น ยิว ด้วย 4. Rahena เพื่อนชาวอังกฤษ เป็นลูกครึ่งอินเดีย



ต่อจากนั้นก็จะเป็นการเล่าถึงอิมาม ฮุเซน และมีการขอดุอาร์ เพื่อแสดงถึงการไว้อาลัย พอได้กล่าวเสร็จคราวนี้ก็เป็นพิธีกรรมการลุกขึ้น ร้องเพลงรำลึกถึง และมีการทุบหน้าอกตัวเอง เพื่อแสดงถึงการอาลัย ช่วงนั้นนี่นั่งดูไปกลัวไป เพราะทุบกันแรงจริงๆ ยิ่งถ้าวันที่ 10 ตุลา จะมีจัดขึ้นอีกที่ลานกว้างในเมือง จะโหดกว่านี้เยอะครับ มีดาบ มีมีดมาฟันร่างกายกัน แต่สำหรับผมดูแค่นี่ก็พอละครับ ระหว่างที่ดูก็กำลังพยายามททำความเข้าใจไปว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร พอจบพิธีพวกเราได้ตามอิหม่ามไปยืนคุยอย่างส่วนตัว โดยที่เค้าก็อธิบายถึงประวัติศาสตร์มุสลิม ในมุมมองของเค้า พูดถึงการเมืองของอิสราเอล พูดถึงสังคมมุสลิมทุกวันนี้ผ่านมุมมองของชาวซิอะห์ ซึ่งเราก็รับฟังกันอย่างสนใจ สุดท้ายแลัวเค้าก็กล่าวขอบคุณที่มาในวันนี้ เป็นอีกวันที่เค้าดีใจที่ได้คุยกับเพื่อนต่างศาสนา ต่างนิกาย อย่างตรงไปตรงมา กลายเป็นว่าแรกๆเครียดกันหลังๆนี่ไปทางฮามากกว่า




ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่หาได้ยากครับ ดีใจที่ตอนอยู่ที่โฮสเทลตอนนั้นได้ตอบตกลงว่าจะไปกัน เพราะจริงๆแลัวคิดว่าจะนอนกัน เพราะดึกละ ปล่อยให้พวกมันไปกัน สุดท้ายแลัวคิดไม่ผิดจริงๆครับ



HOW TO GET THERE



Kerman to Yazd : ขึ้นรถที่ Kerman Bus Station มีรถออกทุกชั่วโมง รอบสุดท้ายเที่ยงคืน Normal Class ประมาณ 200 Baht. VIP Class ประมาณ 300-400 Baht



Yazd to Tehran : ขึ้นรถที่ Yazd Passenger Terminal มีรถออกทุกชั่วโมง รอบสุดท้ายเที่ยงคืน Normal Class ประมาณ 200 Baht. VIP Class ประมาณ 600-800 Baht

สรุปค่าใช้จ่ายทริป อิหร่าน 30 กันยา – 10 ตุลา (10วัน)


Tehran – Isfahan – Shiraz – Kerman – Yazd – Tehran



รายละเอียดราคา จะมีแค่ค่าที่พัก เดินทาง ค่าตั๋วเครื่องบิน ไม่รวมอาหาร ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ นะครับ ทริปนี้ตั้งใจว่าอยากจะประหยัดเท่าที่ประหยัดได้ เลยเลือกนอน โฮสเทล นอนโดมเป็นส่วนใหญ่ อาหารการกินครบทุกมื้อครับ หาร้านอาหารแบบโลคอลๆ ที่คนอิหร่านกินกัน ราคาจะไม่แพงมากเท่าไหร่ ส่วนการเดินทางระหว่างเมือง จะมีรถให้เลือกแบบธรรมดา กับ VIP ซึ่งราคาจะต่างกันไม่มากเท่าไหร่ เดินทางหลายชั่วโมงอยากนอนสบายก็จอง วีไอพีได้เลยครับ สะดวกสุด ๆ



มาดูรายละเอียดค่าใช้จ่ายกันครับ ว่ามีอะไรบ้าง



1. ค่าตั๋วเครื่องบิน AirAsia 6,500 บาท (จองช่วงโปรโมชั่น)

2. ค่ารถแท็กซี่สนามบินไปที่พัก Seven Hotel 20 USD

3. ค่าที่พัก Seven Hotel 1 คืน คนละ 15 USD/Night รวมอาหารเช้า ขนมปัง ชา กาแฟ ( นอน Dorm )

4. ค่ารถบัส Tehran – Isfahan 200,000 R /คน (รถบัสธรรมดา)

5. ค่าที่พัก Noghli Hostle Isfahan คนะ 15 USD/Night รวมอาหารเช้า ( นอน Dorm )

6. ค่ารถบัส Isfahan – Shiraz 200,000 R /คน (รถบัสธรรมดา)

7. ค่าโรงแรม Golshan Traditional Hotel 1 คืน คน 15 USD/Night รวมอาหารเช้า ( นอน Dorm )

8. ค่ารถบัส Shiraz – Kerman 205,000 R (รถบัสธรรมดา)

9. ค่าที่พัก Azadi Hotel 2 คืน คนละ 200,000 R /Night ไม่มีอาหารเช้า ( นอน Dorm )

10. ค่ารถบัส Kerman to Yazd 200,000 R /คน (รถบัสธรรมดา)

11. ค่าที่พัก Silk Road Hotel Yazd 2 คืน คนละ 15 USD/Night รวมอาหารเช้า ( นอน Dorm )

12. ค่ารถบัส Yazd to Tehran 410,000 R / คน (VIP)

13. ค่าที่พัก Seven Hostel in Tehran 2 คืน คนละ 15 USD/Night รวมอาหารเช้า ขนมปัง ชา กาแฟ ( นอน Dorm )

14. ค่าแท้กซี่ไป สนามบิน 700,000 R

15. ค่าทำ Visa ที่สนามบิน 75 Euro ค่าประกันภัย 15 Euro = 90 Euro

16. เหมารถแท้กซี่ ทะเลเกลือ ( Maharlu Lake ) เมือง Shiraz 1,500,000 R ตั้งแต่ช่วงบ่าย ถึงพระอาทิตย์ตกดิน

17. เหมารถแท้กซี่ พร้อมไกด์ 2,000,000 R ไปทะเลทราย Kalut ที่เมือง Kerman เริ่มเที่ยงถึงพระอาทิตย์ตก



ส่วนค่าอาหารการกินต่างๆ ถ้าเป็น Fastfood ราคาเริ่มต้นที่ 80,000 – 120,000 R จะเป็นพวกพิชซ่า แซนวีส ไก่ย่าง



หรือถ้าเป็นตามร้านอาหารทั่วไป พวกเมนูเคบับ (Kebab) ที่เสริฟพร้อมกับข้าว ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 100,000 – 150,000 R ไม่เกินไปจากนี้ครับ



สรุปแล้วทริปนี้ ผมไปกับน้อง ใช้เงินไปทั้งหมด 700 USD พอดิบพอดี ถ้าหารต่อหัวก็คือ คนละ +-12,000 บาท เท่านั้นไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าวีซ่า ถือว่าไม่แพงเลยครับ



หวังว่าข้อมูลในส่วนนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจไปยังประเทศอิหร่านนะครับ หากมีข้อผิดพลาดอะไรสามารถติได้เลยครับ ขอบคุณครับ



** วิธีการคิดเงินเรียว (IRR) 100,000 = -+100 บาทครับ ** งงอีกละ ถ้าผิดช่วยบอกทีครับ คิดยากจริงๆ 5555



ก็ขอจบการรีวิวไว้เพียงเท่านี้นะครับ หากมีข้อสงสัยก็สามารถสอบถามได้นะครับ ขอบคุณครับVOA ที่สนามบินเลยครับ ค่าทำ Visa ที่สนามบิน 75 Euro ค่าประกันภัย 15 Euro = 90 Euro

Twin Traveller

 วันเสาร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2559 เวลา 20.32 น.

ความคิดเห็น