สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้ผมจะมารีวิว ประเทศรัสเซีย ซึ่งเป็นตอนที่ 3 ตอนสุดท้ายสำหรับการรีวิวการเดินทาง 30 วัน 3 ประเทศ จอร์เจีย ตุรกี รัสเซีย กันแล้วสำหรับใครที่เพิ่งติดตาม การเดินทางของพวกเรา ก็สามารถรับชมตอนเก่าๆ ได้ ตามลิ้งค์ที่แปะไว้ด้านล่างครับ



[ Twin Traveller ] 30 วัน 3 ประเทศ ตอนที่ 1 " เดินทางเพื่อทำตามความฝันในดินแดน จอร์เจีย “GEORGIA"

http://pantip.com/topic/34332822



[ Twin Traveller ] 30 วัน 3 ประเทศ ตอนที่ 2 " ท่องโลกไปยังดินแดนอารยธรรมโบราณ ตุรกี " TURKEY "

http://pantip.com/topic/34412202



การเดินทางสุดแสนจะยาวนานสำหรับผม กำลังจะจบแล้วครับ หลังจากที่ไปตะลุยกันมา 2 ประเทศทั้งจอร์เจียและตุรกี 20 กว่าวันที่ผ่านมา พวกเราได้พบเจอสิ่งต่างๆ มากมาย ทั้งสถานที่ที่สวยแปลกตา และความตื่นเต้นที่พบเจอได้ตลอดทาง ตอนนี้กำลังจะถึงจุดหมายของพวกเรากันแล้ว นั้นก็คือประเทศรัสเซียครับ เป็นประเทศในฝันอีกประเทศที่นึงที่ก่อนตายต้องไปให้ได้ !! ชื่อเสียงต่างๆ ที่ขึ้นชื่อประเทศนี้คงไม่พ้นเรื่องประวัติศาสตร์ และสถาปัตยกรรม ครับ ใครที่ชอบเรื่องพวกนี้ รับรองจะไม่ผิดหวังเลยครับ



เพื่อน ๆ สามารถแวะไปทักทายหรือดูรีวิวสถานที่อื่นๆของพวกเราเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ



https://www.facebook.com/TwinTraveller

http://twintravellerblog.com



กล่าวมาก็มากแล้ว มาชมรีวิวการเดินทางกันเลยดีกว่าครับหลังจากที่เราเดินทางเที่ยวกันครบหมดแล้วในตุรกีในตอนที่แล้วเราก็เตรียมตัวเดินทางกันต่อไปเลย เที่ยวบินเดินทางของเราเครื่องออก ประมาณ ตี 2 กว่าๆ ครับ วันเดินทางเลยชิลๆ ไม่ต้องรีบร้อนอะไรมาก เดินเล่นแถวที่พัก ชื้อของกินอะไรไปเรือยเปือยย พอถึงเวลาประมาณ 4 ทุ่มก็เริ่มเตรียมตัวนั่งรถไฟ ไปยังสนามบิน Istanbul Atatürk Airport (IST)



พอถึงเวลาเข้า Gate เราก็เตรียมตัวรอต่อคิว โหลดกระเป๋ากันครับ สายการบิน Aeroflot ในความคิดเห็นส่วนตัวที่บินกับสายการบินนี้ครั้งแรก ในหลายๆเที่ยวบินในทริปนี้ประทับใจดีครับ เครื่องสภาพดีทุกครั้ง อาหารอร่อย เครื่องถึงตรงเวลาดีครับ ปลอดภัยด้วย สำหรับใครที่ลังเลสายการบินนี้ รับรองหายห่วงเลยครับ



สนามบินรัสเซียใหญ่มาก เมื่อเข้ามาถึงด้านใน Gate ที่เราได้ ก็คือ 217 ครับ เรามาถึงก่อนเวลามากพอสมควร เลยไม่ต้องรีบเดินไปยัง Gate ครับเดินเล่น ดูของ Duty Free เพลินๆ หรือจะแลกเงินก็ตามสะดวกครับ



ถึงเวลาเดินทางแล้วครับ เครื่องออก ประมาณ ตี2 กว่าๆ ผู้โดยสารจากรัสเซียไปยังกรุงอิสตัลบูล ประเทศตุรกี นั่งกันเต็มลำเลย พอเครื่องบินออกไปสักพัก อาหารก็มาเสริฟให้เราได้ลิ้มลองกันครับ เป็นข้าวผัดเครื่องเทศ ผัดกับไก่ และผักเล็กน้อยครับ และสลัดผักทูน่า ครับ อร่อยมากก ชอบเลยหลังจากที่รับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เตรียมตัวพักผ่อน เที่ยวบินนี้ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง 25 นาที เลยอยากจะหลับพักผ่อนเพราะเราไปถึงที่รัสเซียเช้ามืดเลย เดินทางเข้าที่พัก เก็บของ แล้วก็จะออกไปลุยเที่ยวทั้งวันเลย

หลังจากที่เราเดินทางมาถึง สนามบิน Sheremetyevo International Airport (SVO) กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถึงตรงเวลาเป๊ะ ผ่าน Immigration อย่างง่ายๆ ไม่ติดปัญหาอะไร รับกระเป๋าเสร็จเรียบร้อย ก็เตรียมตัวออกเดินทางเข้าไปยังใจกลางเมือง มอสโคกันเลย ระหว่างที่กำลังยืน งง กันอยู่ว่าจะเข้าไปในเมืองยังไง รถแท๊กซี่ หรือ รถไฟดี อยู่ๆ ก็มีลุงคนนึงมาเสนอราคาค่ารถ เพื่อส่งพวกเราเข้าไปยังที่พัก พวกเราเห็นพ้องกันว่า กระเป๋าเยอะแยะ หากขึ้นรถไฟอาจจะไม่สะดวก ถ้าขึ้นรถแท๊กซี่ จะดีมากเก็บของไว้ท้ายรถ ละนั่งชิลๆ ไปยังที่พัก ก็คุยกันไปคุยกันมา เขาก็เสนอราคามาราคานึง ลืมไปแล้ว ว่าเท่าไหร่ แต่รู้สึกว่า จะแพงพอสมควร เราเลยต่อไปสุดๆ เขาก็ทำหน้าไม่พอใจ บอกว่า ลดได้แค่นี้นะ นี่ถูกสุดๆ ละ เราก็พยายามต่อราคาลดลงไปอีก แต่ก็ไม่สำเร็จ เลยตกลงโอเค เพราะ เสียเวลามาก อยากไปถึงที่พัก ออกไปเที่ยวไวๆ เลยตกลงตามนั้น ตาลุงคนนั้นก็ดีใจ และก็พาเดินไปยังรถของเขา ซึ่งจอดอยู่ด้านหน้าของอาคารสนามบิน พอเราเดินไปเจอปุ้บ ตอนแรกลุงมันบอก รถคันใหญ่ แต่พอพบเข้าจริงๆ กับกลายเป็นรถ คันเล็กๆ เก่าๆ ไม่ใช่รถแท๊กซี่ พวกเราก็เริ่มมองหน้ากันแล้ว โดนกันแล้วไง วันแรกเลยเชียวก็เลยช่างมัน เก็บกระเป๋าขึ้นรถ แล้วนั่งเข้าไปในเมืองกัน เพื่อไปหาที่พัก มอบแผนที่ที่พักให้เขา เราปริ้นเป็นใบที่พักที่เราจองไว้ เป็นภาษารัสเวียเพื่อง่ายต่อการเข้าใจ เพราะคนรัสเซียพูดภาษาอังกฤษได้น้อย ไม่ค่อยมากเท่าไหร่ ขับเข้าเมืองไปประมาณ 45 นาที เราก็ถึงที่พักที่พวกเราได้จองไว้ ที่พักแห่งนี้เราชอบทำเลมากๆ เพราะใกล้กับสถานที่เที่ยวมากๆทั้งเครมริน และ เรด สแควร์ พนักงานต้อนรับช่วยเหลือพวกเราได้เต็มที่ ทั้งเรื่องการเดินทางเที่ยวในรัสเซีย และการจองรถไฟเดินทางข้ามเมือง หรือจะคำถามต่างๆ เขาก็จะตอบอบย่างจริงใจเสมอ โรงแรมชื่อ Hostel Kremlin Lights แนะนำเลยครับ พวกผมไปกัน 4 คน ได้ห้อง แบบเตียง 2 ชั้น เป็นห้องส่วนตัวเก็บของสะดวกมากครับ

หลังจากจัดการเก็บของไว้ที่พักเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาออกไปเที่ยว เมืองมอสโคกัน เช้าวันนี้อากาศดีมากๆเลยครับ ฟ้าเปิด สดใส อากาศเย็นสบาย เดินเล่นชิลๆ ไม่เหนือยเลยครับ จุดที่เราเดินเป็นริมแม่น้ำ เป็นท่งเพื่อจะไปยัง Red Square ระหว่างทางมองไปทางด้านซ้ายมือ ก็จะเห็น Kremlin Palace ซึ่งตั้งอยู่อย่างสง่างาม และมีสถาปัตยกรรมที่สวยงามมากๆ



บรรยากาศรอบๆ ดีมากเลยครับ เดินไปสักพักก็เจอ จิตรกร นักวาดรูป ซึ่งกำลังวาดตัวพระราชวังเครมลินอยู่ สวยงามมากเลยครับ ยืนดูอยู่สักพักก็เดินกันต่อ...



และแล้วเราก็มาถึง จัตุรัสแดง ศูนย์รวมสถาปัตยกรรมของรัสเซีย จัตุรัสแห่งนี้นอกจากจะมีสถาปัตกรรมสวยๆรายล้อมเต็มไปหมดแล้ว สถานที่แห่งนี้ยังเป็นลานกิจกรรมสำคัญต่างๆ ซึ่งในสมัยก่อนจัตุรัสแดงแห่งนี้ถือว่าเป็นเวทีของเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของรัสเซีย ไม่ว่าจะเป็นงานเฉลิมฉลองทางศาสนา และทางการเมือง จนปัจจุบันสถานที่แห่งนี้กลายเป็นสถานที่สำคัญสำหรับการท่องเที่ยว ซึ่งมีนักท่องเที่ยวต่างๆ มากมายมาเยื่ยมชม ความงามพื้นที่ประวัติศาสตร์แห่งนี้ครับ

ภาพที่เห็นด้านหน้า คือ Saint Basil's Cathedral อายุ 500 ปี สร้างโดยซาร์อีวานจอมโหด (Ivan The Terrible) เป็นสัญลักณ์ของชัยชนะของสงคราม Kazan Khanate จุดเด่นคือมีโดมหัวหอม 8 โดมที่ออกแบบไม่เหมือนกัน ตามประวัติเมื่อสร้างเสร็จ ซาร์ได้ถามผู้ออกแบบว่ายังจะสามารถออกแบบได้สวยกว่านี้อีกไหม ผู้ออกแบบตอบว่ายังได้อีก เลยถูกจับไปควักลูกตาเพราะซาร์ไม่อยากให้มีอาคารใดสวยไปกว่านี้อีก ช่างน่าสงสารจริงๆ



สภาพอากาศตอนเดือนตุลา ฟ้าใสตลอดทั้งวันเลยครับ โชดดีไม่มีฝนตกเลย เวลาที่ผมไปเที่ยวที่ไหนแล้ว ฝนตกเนี้ย จะเสียอารมณ์มากๆ เพราะไม่อยากพลาด ที่จะถ่ายภาพสวยๆ เก็บไว้ บรรยากาศตอนพระอาทิตย์ตก ช่างโรแมนติกมากครับ เป็นช่วงเย็นที่ผ่อนคลายจริงๆ



จากมุม Saint Basil's Cathedral หากเราหันหลังกลับมาอีกด้าน จะเห็นตึกสีแดง รูปร่างเหมือนตึกของเล่น นั้นคือ State Historical Museum ครับ ประมาณคือพิพิธพันธ์แห่งชาติรัสเซีย เก็บรวมรวมของตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์จนถึงยุคชนเผ่าต้นตระกูลรัสเซีย สมัยกษัตริ์ (ซาร์ และจักรพรรดิ์) จนถึงยุดโซเวียตคอมมิวนิสต์ ซึ่งหากใครอยากศึกษาประวัติความเป็นมา สถานที่แห่งนี้ควรค่าแก่การเข้าชมเลยครับ

ข้างๆ พิพิธพันธ์แห่งชาติรัสเซีย จะมี Kazan Cathedral ตั้งอยู่ครับ สีสันสวยงาม เหมือนเมืองของเล่นเลยจริงๆ



สถานที่ที่อยากจะแนะนำที่สุด สำหรับคนที่ชอบช้อปปิ้ง ก็คือ ห้าง Gum ห้างที่มีอายุร้อยกว่าปี ภายในตกแต่งสวยงาม มีร้านค้าแบรนเนมชื่อดังมากมายหลายร้าน เลยทีเดียว ด้านในจะมีซุปเปอมาเก็ตขนาดใหญ่อยู่ จำชื่อไมไ่ด้และ แต่มีของเยอะแยะมากมาย เหมาะแก่การชื้อของฝาก



ตรงกลางของอาคารด้านบนของเรือนกระจก จะมีประดับไฟเปิดตอนกลางคืนสีสันสวยงามม การออกแบบภายในยังคงความเก่าแก่ของสถานที่นั้นๆอยู่ ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีมากๆเลยครับ ดูขลังดี



พวกเราได้เดินเข้าไปชมใน ซุปเปอร์มาเก็ตของห้าง Gum ซึ่งมีของขายเยอะแยะมากมาย ทั้งอาหาร เครื่องดื่ม ของฝากที่ละลึกต่างๆ มีให้เลือกดูเยอะแยะมากมาย และเป็นครั้งแรกที่ได้ลองทานไข่ปลาคาเวียร์รัสเซียแท้ๆ อาหารที่มีราคาแพงในรัสเซีย พอได้ลองทานจริงๆแล้วอร่อยมาก เค้มๆ มันๆ หากได้ลองทานคู่กับส่วนประกอบอย่างอื่นคงอร่อยมากกว่านี้ แนะนำเมนูง่ายๆ ทานคู่ แครกเกอร์ ชาวครีม คาเวียร์ แค่นี้ก็โอแล้วมารัสเซียแล้ว ต้องลองมาทานดูนะครับ

เครดิตภาพ : http://www.onthegotours.com/blog/wp-content/uploads/2010/12/Facade-72.jpg



หลังจากที่เดินชมกันทั่วหมดแล้ว ก็ถึงเวลาถ่ายรูปตอนกลางคืน ที่พวกเราต่างรอคอยกันมาทั้งวัน กับมุมพิเศษที่สุดในทริปนี้ โดยมุมที่เราจะถ่ายวันนี้จะต้องขึ้นไปยัง Rooftop bar ของโรงแรม Ritz Carlton ครับ โดยเราจะใช้บริการของ O2 Lounge ซึ่งอยู่ชั้นบนสุดของอาคารโรงแรมแห่งนี้



วิวจากด้านบนสามารถมองเห็นสถานที่สำคัญๆ ได้หลายแห่งเลย

พอขึ้นไปแล้วคุณจะเจอกับวิวที่สวยงาม ของ Red Square ระหว่างที่เรากำลังตะลึกกับวิวที่สวยอลังกาลแล้ว ก็มี พนักงานสาวสวย มาต้อนรับ ทักทาย และเชิญเราไปยัง โต๊ะนั่งชมวิวด้านนอก พวกเราไม่รอช้า จับจองที่นั่งกันเสร็จ ก็เลือกเครื่องดื่มคนละอย่าง ตามธรรมเนียม



มาถึงรัสเซียทั้งที ขอสั่ง Moscow Mule เครื่องดื่มที่เป็น ซิกเนเจอร์ของที่นี้หน่อย ผสมด้วยวอกก้ารัสเซียแบบดั่งเดิม และก็จิน และน้ำมะนาว รสชาติดีมากๆ ครับ เครื่องดื่มมีให้เลือกหลากหลายดีครับ ส่วนอาหารแต่ละอย่างก็ให้เลือกมากมายอีกเช่นกัน แต่ ราคาโหดแพงมากก เลยขอข้ามดีกว่า ฮ่าๆ



และแลัวช่วงเวลาแห่งความประทับใจก็มาถึง พระอาทิตย์ตกดินเป็นที่เรียบร้อย แสงสีของเมืองมอสโค และตรง Red Square ทำให้ต่างก็มีชีวิตขึ้นมาอีกครั้งคุ้มค่ามากมายเลยครับ กับค่าเครื่องดื่มที่เสียไป ใครที่อยากชมบรรยากาศยามค่ำคืนวิวของสถานที่แห่งนี้ก็สามารถมาได้เลยนะครับ ยอมเสียค่าเครื่องสักดริ้ง ก็พอแล้ว ได้มุมที่สวยแปลกตาไปอีกแบบ แนะนำเลยครับ สำหรับคืนนี้ก็จบลงอย่างสวยงามDAY 2



วันนี้เราตื่นกันตี 4 กันเลยทีเดียว เพราะเรามีนัดกันเพื่อไปถ่ายรูปแสงเช้า เมื่อคืนก่อนนอน เราได้ไปคุยกับพนักงานโฮสเทลที่ดูแลที่พัก ให้ช่วยในเรื่อง จองนัดรถแท๊กซี่ให้มารับเราที่ที่พัก เพื่อไปยังจุดถ่ายรูป ซึ่งอยู่ห่างออกไปจากที่ที่พักไกลพอสมควร ตี4 ครึ่งรถแท๊กซี่มารับตรงเวลาพอดี เรานัดแนะกับคนขับเรียบร้อยก็เดินทางไปยังสถานที่นั้นเลย



Moscow International Business Centre



หากพูดถึงแหล่งท่องเที่ยวในรัสเซีย ใครหลายคนคงคิดว่าก็ต้องแถวๆ Red Square ใช่มั้ยครับ เพราะในบริเวณจตุรัสแดงนั้น คุณสามารถเข้าถึงความเป็น สถาปัตยกรรมของรัสเซีย ได้อย่างมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็น พระราชวัง หรือ โบสถ์วิหารต่างๆ คุณจะสัมผัสได้ถึงความอลังการ ความขลัง ของยุคสมัยนั้น แต่คราวนี้ผมจะนำเสนออีกมุมนึงของเมืองมอสโค ซึ่งใครหลายคนอาจจะไม่คุ้นเคย นั้นก็คือ Moscow International Business Center ซึ่งถ้าเรียกให้ง่ายๆนั้นก็คือ ย่านการค้าเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของเมืองหลวงมอสโค ตั้งอยู่ในเขต Presnensky District โดยพื้นที่เหล่านี้นั้นจะเป็นโซนแรกในรัสเซียที่จะรวมกิจกรรมทางธุรกิจทุกอย่างไว้บริเวณเหล่านี้ไว้ทั้งหมด โดยในเขตธุรกิจแห่งนี้ จะมีตึกอาคารที่คาดว่าจะสูงที่สุดในยุโรป นั้นก็คือ Oko Tower ที่มีความสูงทั้งหมดคือ 352 ชั้น อีกด้วย !! และบริเวณรอบๆนั้นยังมีตึกที่ออกแบบได้สวยงามมากมาย ผมคิดว่าเค้าออกแบบได้ออกมาตามสไตล์แบบรัสเซียเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็น ตึก Evolution Tower, City of Capitals หรืออย่างอาคาร Mercury City Tower ซึ่งผมชอบมากๆ และยังมีตึกอื่นอีกมากมายในเขตธุรกิจ ถ้าใครชอบงานสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ และ เอกลักษณ์ความเป็นรัสเซียด้วยแลัว ผมว่า Moscow International Business Centre นั้น จะทำให้คุณตะลึงในความอลังการงานสร้างได้มากมายเลยครับ

พอไปชมแสงเช้ากันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็นั่งรถไฟใต้ดินมาลงที่ สถานที่ที่ชื่อว่า Park Pobedy กันที่นี้ต่อเลยย ภาพที่เห็นคือ ประชูชัย Moscow Triumphal Arch ครับผม



เดินเข้ามายัง Victory Park ก็จะพบเจอ Monument ต่างๆมากมาย ซึ่งทำเพื่อให้คนในสมัยนี้รำลึกถึงคุณงามความดีของคนสมัยก่อนที่ต่อสู้เพื่อประเทศชาติของตน



Poklonnaya Hill



อนุสรณ์สถานที่ตั้งสง่างามของสถาปัตยกรรม ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวของสงครามโลกครั้งที่ 2



Temple of St. George the Victorious.



เป็นอีกสถานที่นึงที่น่าสนใจมากๆ เคยคิดมั้ยว่า ทำไมเวลาที่เรามาเที่ยวรัสเซียแล้ว เรามักจะเห็น อนุสรณ์สถาน มากมายหลายแห่ง ส่วนตัวคิดว่า คนที่ริเริ่มคิด และลงมือทำ คงจะพยายามให้คนรุ่นหลังได้ ลำลึกถึงอดีต ที่คนสมัยก่อนทำเพื่อชาติบ้านเมือง ให้คนที่ดูรู้สึกถึงความรักชาติ



วิหารเซนต์จอร์จ ตั้งอยู่ในสวน Victory Park ใกล้ๆกับลาน Poklonnaya Hill หาไม่ยาก ช่วงที่เราไป กันยาเป็นช่วง Autumn ของรัสเซีย ใบไม้เริ่มเปลื่ยนเป็นสีส้ม แดง สีสันสวยงามมากๆ สถาปนิกเจ้าของโครงการคือ Anatoly Trofimovich สถานที่แห่งได้สร้างเสร็จหลังจากที่เขาตาย เปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันครบรอบ 50 ปีแห่งชัยชนะในสงคราม The Great Patriotic War, May 6, 1995



หลังจากที่ได้เข้าไปชมในส่วนของ Victory Park เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราก็กลับที่พักเพื่อไปพักผ่อน เอาแรงกันก่อน เพราะคืนนี้เรามีนัดกันทัวร์สถานที่รถไฟใต้ดิน ของมอสโคกัน ซึ่งจะใช้เวลาทั้งคืน จนกว่าสถานีรถไฟจะปิดเลยทีเดียวDAY 2 22:00



ก่อนจะมารัสเซีย เราได้ศึกษาหาข้อมูลท่องเที่ยวเดินทางในเมืองมอสโค ตามสถานที่ต่างๆเรียบร้อยแล้ว พบว่า นอกจากพระราชวังเครมลิน หรือจะเป็น จตุรัสแดง และมหาวิหารเซนต์บาซิลที่เด่นๆ ที่นักท่องเที่ยวทั่วไปต่างไปชมเมื่อมามอสโคแล้ว ยังมีที่น่าสนใจอีกอย่างนึงคือ รถไฟฟ้าใต้ดินนั้นเอง รถไฟฟ้าใต้ดินในมอสโกนั้นสวยงามมากๆ ในปัจจุบันมอสโกมีรถไฟใต้ดินมากถึง 12 สาย รวม 194 สถานี แต่ละสถานีจะมีความสวยงามแตกต่างกันไป แต่ผมจะยกมาแค่ 8 สถานี จาก 12 สถานีที่ผมได้ไปมา และคิดว่าสวยที่สุดในสายตาผม หากใครชอบศิลปะ และสถาปัตยกรรมแล้ว ไม่ควรพลาดเลย ควรจะสละเวลาสัก 1 วันเที่ยวเล่น เดินชม ความงาม ในสถานีรถไฟใต้ดิน แต่ความงาม กลับมีความมิดซ่อนอยู่ ซึ่งในรีวิวนี้ จะอธิบายความหมาย ความเป็นมา ของสถานีต่างๆ อย่างละเอียด วิธีขึ้นรถไฟ วิธีการชื้อบัตรโดยสารต่างๆ เส้นทางที่ยังไปสถานีสวยๆ เผืออยากตามรอยไปกัน ข้อควรรู้และควรระวัง ในการเที่ยวในสถานทีรถไฟใต้ดินกันครับ



Metro Map in Moscow.



ในปัจจุบันมอสโกมีรถไฟใต้ดินมากถึง 12 สาย รวม 194 สถานี มองแบบนี้แล้วตาลายเลยทีเดียว แทบไปไม่ถูก แต่สำหรับคนที่เคยไปประเทศญี่ปุ่นแล้ว ในเมืองใหญ่หลักๆ อย่างโตเกียว โอซาก้า จะมีความซับซ้อนพอๆ กัน คือมีหลายสายเป็นสีๆ หลายสถานียิบย่อยมากๆ แต่ถ้าเดินทางโดยรถไฟฟ้าที่ญี่ปุ่นเป็นแล้ว ที่นี้มอสโคก็คงจะไม่ยากเท่าไหร่ครับ

" Metropolitan "


ก่อนอื่นผมจะแนะนำ Application ที่ผมใช้ตอนเดินทางรถไฟใต้ดินในมอสโคดีกว่าครับ แอฟนี้ใช้ง่ายมาก ออกแบบสะอาดตาดีครับ ทำความเข้าใจกับเมนูต่างๆ ได้เข้าใจง่าย และสะดวกดีครับ เราสามารถ บุ๊คมาร์ค ( Bookmark ) สถานีที่เราต้องการจะเดินทางได้ ดีสำหรับคนที่ชอบวางแผนล่วงหน้าครับ เพราะเวลาเราไปไหน เราจะได้ไม่ต้องไปค้นดูชื่อ ไล่ดูอีกที กดปุ้บ มาปั้บ เลย และเราก็สามารถรู้ได้ว่าเราอยู่สถานีไหน เพราะแอฟนี่ มีโลเคชั่นติดมาด้วย เราอยู่สถานีไหน ก็จะมีวงกลมสีน้ำเงิน วงสถานี เตือนเราอีกที ไม่ต้องกลัวหลง หรือ เลยสถานีเลย



Tickets And SmartCards



การ์ดที่ใช้การเดินทางในสถานีรถไฟใต้ดิน มีหลายแบบมากๆ เลือกตามที่เราอยากใช้เลย จำนวนเที่ยวกี่รอบคำนวนแล้ว ก็ชื้อเลย และที่สำคัญหากเรามากัน 4 คน เราสามารถชื้อใบเดียวได้ และใช้ร่วมกัน เวลาไปถึงเครื่องแปะบัตรก็ แตะไป 4 ครั้ง คนละ ครั้ง ครับ ประหยัดดี บัตรสามารถเก็บได้ตลอด ไม่มีวันหมดอายุการใช้งาน



*บัตรใบนี้ใช้ได้แค่ที่ Moscow เท่านั้นนะครับ ไป St.Peter ก็ต้องชื้อใหม่อีกใบนึง

ข้อมูลเพิ่มเติม ( http://troika.mos.ru/en/ )



เอาละครับ หลังจากที่อธิบายคร่าวๆ เรื่องแผนที่สถานีรถไฟต่างๆ และบัตรโดยสาร เรียบร้อยแล้ว



เราจะย้อนกลับไปสู่ยุคสหภาพโซเวียดกันครับ กลับไปชมความรุ่งเรือนที่สุดของการปกครองในแบบคอมมิวนิคของรัสเซีย โดยการลงไปยังสถานนีรถไฟใต้ดินมอสโคกัน!!



เมื่อเราเดินเข้าสถานีรถไฟแล้ว เราจะพบเจอกับ ที่ขายตั๋ว เปิดเป็นช่องๆ ให้เราเดินไปคุย บางสถานีมีตู้ขายอัตโนมัติ ยังไม่ทันลงไปยังสถานีรถไฟใต้ดินด้านล่างเลย แค่ทางเข้าก็สวยอลังกาลงานสร้างแล้ว ตื่นเต้นๆ



หลังจากที่นำบัตรที่ชื้อจากช่องขายบัตร จากพนักงานเรียบร้อยแล้ว ก็เดินลงบันไดเลือนเลยครับ ไปดูด้วยกันว่าข้างล่างนั้น จะเป็นอย่างไรกัน

ซึ่งที่นี้เป็นอีกที่นึงที่สามารถศึกษาประวัติศาสตร์เกี่ยวกับสงครามของรัสเซียได้อย่างดีเลยก็ว่าได้ เพราะสถานีรถไฟแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อสงครามตั้งแต่แรก ไม่ใช่เพื่อให้ประชาชนใช้เลย จุดเริ่มต้นคือในยุคของประธานาธิบดี สตาลิน ได้เริ่มก่อสร้างรถไฟแห่งนี้เพื่อใช้ในการขนส่งทหาร และ อาหารไปยังหัวเมืองต่างๆของสหภาพโซเวียตในยามที่เกิดสงคราม ยิ่งช่วงฤดูหนาวยิ่งสำคัญที่สุด และยังใช้สถานนีรถไฟแห่งนี้เป็นที่ลี้ภัยแก่ประชาชนอีกด้วย เพราะด้วยความลึกที่จุดเจาะลงไป ถ้าเราได้มาใช้แลัว จะรู้เลยว่าลึกมากกก ลึกกว่าของบ้านเราหลายเท่าเลยครับ อาจจะเทียบได้ว่าลึกซะ 4 หรือ 5 ชั้นของอาคารเลยก็ว่าได้ จึงรับรู้เลยว่าจะระเบิดแรงแค่ไหน ปลอดภัยแน่นอน



ส่วนการสร้างสถานนีรถไฟแห่งนี้นั้นบอกเลยว่าไม่ธรรมดาครับ เค้าไม่ใช้ช่างก่อสร้างนะครับ พี่สตาลินแกใช้เป็นแรงงาน ทหาร และยุวชนทหารมาสร้างเองเลย ใช้กำลังคนประมาณ 13000 คนได้ ลักษณะการสร้างนั้นเน้นเรื่องความทนทานเป็นพิเศษ และศิลปะงานสถาปัตยกรรมนั้นจะเน้นไปที่งาน Monumental Art คือถ้าเรียกง่ายๆคือสร้างเพื่อระลึกถึงคุณความดีของวีรบุรุในยุคนั้น ให้คนรุ่นต่อไปเห็นแลัวรู้สึกมีความรักชาติ รักในชาตินิยม สังคมนิยม โดยสื่อจากงานปั้น งานหล่อ งานสลักนูนต่ำ ภาพวาดประดับลวดลาย และ งานโมเสกต่างๆคือมีเท่าไหร่พี่แกจัดเต็มมาก ไอ้เราเดินดูไปหลายๆสถานีก็อินแทนคนประเทศเค้ามากกก ถ้าใครมาเที่ยวมอสโค ประเทศรัสเซีย แนะนำว่าเผื่อไว้ซะ วันนึงไปเลย ลงมาสถานนีรถไฟใต้ดินเพื่อชมความสวยงามอันเก่าแก่และประวัติศาสัตร์ของประเทศนี้กันครับ คัดเน้นๆมีถึง 8 สถานนี ผมว่า สนุก ผมนี่เดินดูเพลินเลย



ถึงเวลาที่เราจะมาดูสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน 8 สถานีที่สวยที่สุด ในสายตาของผม จากทั้งหมดที่ได้ไปมากันครับ1. สถานี Komsomolskaya (Комсомольская) สายสีน้ำตาล



มีความลึก 37 เมตร เชื่อมต่อกับสถานีชื่อเดียวกันแต่เป็นสายสีแดง ออกแบบโดย Aleksey Shchusev และได้ร้บรางวัล New York World's Fair ที่โถงกลางประดับด้วยโคมไฟขนาดใหญ่ บนเพดานเรียงร้อยเรื่องราวด้วยการนำหินสีต่างๆ มาประดับอย่างสวยงาม เป็นสถานีที่ไกด์มักจะพาลูกทัวร์มาเยี่ยมชม โดยเป็นสถานีที่เชื่อมต่อกับสถานีรถไฟถึง 3 แห่ง คือ Leningradsky Rail Terminal, Yaroslavsky Rail Terminal และ Kazansky Rail Terminal จึงทำให้สถานีนี้เป็นสถานีที่มีคนใช้บริการมากที่สุดสถานีหนึ่ง โดยสถาปนิกสถานีนี้ А.Shchusev และ P.Korin ได้รับรางวัล State Prize of the USSR ในปี 1951



2. สถานี Elektrozavodskaya (Электрозаводская)



สถานี Elektrozavodskaya (Электрозаводская) เปิดใช้เมื่อ 15-05-1944 มีความลึก 31.5 เมตร ตั้งชื่อนี้เนื่องจากมีโรงงานหลอดไฟฟ้าอยู่ใกล้ๆ จึงทำให้สถาปนิกได้ไอเดียในการออกแบบเพดานโดยการใส่โคมไฟวงกลมเป็นหกแถว (มีทั้งหมด 318 โคม) ประกอบกับหินอ่อนบนเสาสี่เหลี่ยม ส่วนด้านนอกบริเวณชานชาลา จะเป็นลูกกรงทองตกแต่งด้วยรูปค้อนและเคียว3. สถานี Arbatskaya (Арба́тская)



สถานี Arbatskaya (Арба́тская) สถานีนี้สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นบังเกอร์หลบภัย เปิดใช้เมื่อ 05-04-1953 เป็นสถานีรถไฟใต้ดินที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของมอสโก มีชานชาลายาว 250 เมตร ลึก 41 เมตร โดดเด่นด้วยลายปูนปั้นและโคมไฟ เป็นสถานีใหญ่ผู้คนคับคั่งตลอด เนื่องจากมีการเชื่อมต่อเมโทรถึง 4 สาย หลังจากสตาลินเสียชีวิตลง 1 เดือน ก็ได้รับการเชิดชูให้เป็นสถานีที่มีเอกลักษณ์การออกแบบในสไตล์ Stalinist Baroque ที่สมบูรณ์แบบ4. สถานี Ploschad Revolyutsii (Пло́щадь Револю́ции) Line3-DarkBlue



สถานี Ploschad Revolyutsii (Пло́щадь Револю́ции) Line3-DarkBlue เปิดใช้เมื่อ 13-03-1938 โดยการออกแบบของ Dushkin สถานีนี้ตกแต่งด้วยรูปปั้นหินอ่อนอาร์เมเนียจำนวน 76 ชิ้นที่ประดับตลอดแนวทางเดินที่ชานชาลา บางชิ้นจะมีคนมาลูบจนมันวับโดยเชื่อว่าจะทำให้โชคดี



5. สถานี Park Pobedy (Парк Победы)



เปิดใช้เมื่อ 06-05-2003 เป็นสถานีที่ลึกที่สุดคือลึก 73.6 เมตร และมีบันไดเลื่อนที่ยาวที่สุดของรถไฟใต้ดินในกรุงมอสโก คือ 126 เมตร สถานีนี้มีการตกแต่งด้วยโมเสกเกี่ยวกับประวัติสงคราม Patriotic War ตัวโถงใหญ่มีเสาและผนังที่ประดับด้วยหินอ่อนสีขาวและสีน้ำตาล6. สถานี Novoslobodskaya (Новослободская)



เปิดใช้เมื่อ 30-01-1952 มีความลึก 40 เมตร โดดเด่นด้วยงานสเตนกราส (กระจกสี) ที่สวยงามของศิลปินชาวลัตเวีย จำนวน 32 บาน แต่ละบานจะล้อมกรอบด้วยทองเหลือง ที่สุดชานชาลามีหินอ่อนอูรัลสีชมพูและขลิบปั้นทองเหลือง โมเสกเหล่านี้ทำโดย Pavel Korin ในชื่อว่า "Peace Throughout the World" ได้มีการทำความสะอาดและบูรณะแผงกระจกสี โมเสก โคมระย้า ครั้งใหญ่ในปี 20037. สถานี Mayakovskaya (Russian: Маяко́вская)



ถือเป็นหนึ่งในสถานีที่สวยที่สุดในโลก เคยได้รับรางวัน The Grand prize winner at the 1938 World's Fair ใน New York มาแล้ว บนเพดานจะประดับด้วยภาพโมเสค ที่สือถึงอนาคตที่สดใสของสหภาพโซเวียด เป็นฝืมือของ Alexander Deyneka8. สถานี Slavyansky Bulvar Station( 1 of 15 The Most Beautiful Metro Stations In The World)



สถานีนี่เป็นสถานีนึงที่เราชอบมากๆ เพราะออกแบบเหมือนเราหลุดอยู่ในโลกของอนาคตอะไรแบบนั้น สถานีกว้างใหญ่ สถานที่แห่งนี้ออกแบบโดย สถาปนิก S.Volovich ภายในผนังจะเป็นหินสีเขียวซึ่งเป็นหินอ่อนจากคิวบา "เวิร์ดกัวเตมาลา" และมีหินอ่อน ซึ่งเมื่อกระทบกับแสงไฟแล้ว จะมีแสงสว่างที่สะท้อนกลับมา สวยงามมากครับ



ขอบคุณข้อมูลบางส่วนของเว็ป ( http://www.oknation.net/blog/mena/2014/10/21/entry-1)ข้อที่ควรรู้ และ ระวังในการเดินทางโดยรถไฟฟ้าใต้ดิน



เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริงๆ เลยอยากจะมาเล่าให้เพื่อนได้รู้และทราบกันด้วยครับ จะได้เที่ยวกันอย่างมีสติ และจะได้ไม่เสียท่าให้กับพวกโจร



เหตุการณนี้เกิดขึ้นในสถานีรถไฟใต้ดินครับ จุดเริ่มต้นน่าจะตอนเข้าสถานีเลย โดยพวกมันเดินตามเข้าสถานีรถไฟ เดินตามพวกเรามาติดๆ และรอเข้ารถไฟด้วยกัน พอเข้ามาเรียบร้อยแล้ว รอรถใกล้ออก จะมีเสียงเตือนประตูบิน ก่อนประตูปิด มันจะรีบเดินออกจากรถ แล้วกระแทกเป้าหมายแรงๆ แล้วเอามือมาจับไหล่ด้วย แล้วให้อีกคนที่มาด้วยแอบล้วงหยิบกระเป๋าเงินจากกระเป๋ากางเกง ของเหยือ แล้วเดินออกรถไฟไปเลย พวกเราต่างมึนงง เพราะเวลานั้น คนในรถไฟก้ไม่ได้ได้เยอะเลย ที่ต้องยืนเบียดกัน คนทำน่าจะมาเป็นแก๊ง ประมาณ 3 คน หากใครมาโปรดระวังด้วยนะครับเมือเกิดปัญหาโดนล้วงกระเป๋าแล้วควรทำอย่างไร??



" Warning in St.Peterburg !! "



โพสนี้ว่าจะมาเล่าประสบการณ์ และ วิธีการรับมือแก้ปัญหา กับ เหตุการณ์เรื่องคนในกลุ่มโดนล้วงกระเป๋าที่ St.Peterburg นะครับ ซึ่งคนในกลุ่มโดนล้วงกระเป๋าในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีคนเดินกันมากมายตลอดเวลา โดยใช้วิธีมีตัวล่ออย่างคนถือป้ายทัวร์เดินมาคุยกับเรา เราบอกปัดไปและเดินต่อไปเพื่อจะไปยังสถานีรถไฟ มันก็ตามมาอีก โดยการพูดไม่หยุด ใช้ท่าทางยั่วยุ ดึงดูดความสนใจสุดๆ จนคนในกลุ่มเราคนนึงไม่รู้เลยว่ากระเป๋ากำลังจะถูกล้วงกระเป๋าจากคนในทีมคนถือป้ายทัวร์อีกคนนึง จนเดินไปหยุดตรงทางม้าลาย ผมว่าจังหวะนั้นแหละ ล้วงง่ายที่สุด สุดท้ายเราก็เพิ่งจะรู้ตัวว่าเสียรู้ให้พวกมันซะแลัว โดยมีของหายไปจำนวนนึง ตอนนั้นพวกเราก็ตกใจกันใหญ่ วิ่งหาตำรวจให้ทั่ว พอเจอตำรวจของสถานีรถไฟแถวนั่น เราก็อธิบายและพาไปดูที่เกิดเหตุ มีรูปให้ดูพร้อม และชี้ให้เห็นถึงกล้อง cctv ว่ากล้องจำนวนนึงน่าจะสามารถเห็นคนร้ายได้ แต่สุดท้ายตำรวจก็ไล่ให้ไปแจ้งที่สถานีตำรวจที่อยู่ในพื้นที่เกิดเหตุ พอรู้สึกเรื่องมาถึงตรงนี้แลัว ก็เริ่มคิดว่าเริ่มยากขึ้นแลัว เพราะนี้มันประเทศรัสเซีย !! ที่เป็นประเทศที่คนพูดภาษาอังกฤษได้น้อยมากกกก ถ้าไม่ใช่คนทำงานบริการ หรือท่องเที่ยว นี่ยากมาก ตำรวจก็กว่าจะพยายามพูดพอเข้าใจก็เหมือนเจ้าตัวก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน สุดท้ายเราก็เอาว่ะ หาสถานีตำรวจให้เจอ โชดดีที่กดแปปๆ พี่ Google Map ก็เข้าใจคำว่า Polis(ต่างประเทศเรียกประมาณนี่กัน) กดปุ๊ปมาปั้บเลย สถานีตำรวจก็ไม่ไกลมาก


เราก็ตัดสินใจแยกกลุ่มกันไป โดยให้พี่ผู้หญิงเป็นคนเดินเรื่องเพราะภาษาดีกว่าเรามาก ส่วนเราก็เดินเป็นเพื่อน เปิดแผนที่ช่วยกันพาไปให้ถึงสถานีตำรวจ พอไปถึงคิดว่าบ่นๆให้มันฟังละจะทำเรื่องเครมอะไรให้ กลายเป็นว่าทั้งสถานีตำรวจพูดและฟังภาษาอังกฤษไม่ได้ซะคน !! มีบางคนพอพูดได้บ้าง พยายามจะช่วย สุดท้ายถอดใจยอมแพ้ บอกให้ไปหาล่ามมาละกัน กรูไม่ไหวละ แต่ต้องเป็นล่ามที่มีใบรับรองด้วยนะ ไม่งั้นไม่คุยด้วย เราก็วุ่นสิ มีงี้ด้วย มีประเทศไหนที่ต้องใช้ล่ามจริงๆจังๆแบบนี้ด้วย คือต้องไปลากล่ามมาที่ สน. และจัดการเรื่องให้ ตอนออกมาเราก็คิดกันว่า เราไม่เชื่อ เราหาคนรัสเซียที่ฟังอังกฤษได้ก็พอ มันจะต่างอะไรกับล่ามว่ะ พี่ผู้หญิงก็บอก ลุงที่โฮเทลเค้าก็ได้ ฟัง พูด โอเคเลย เราก็เอาตามวิธีนี่ละกัน ง่ายดี ใช้ทำไมว่ะล่ามที่มีใบรับรอง เราก็ดิ่งกลับไปแถวที่พัก ลุงก็ใจดีพาขึ้นรถเพื่อไป สน. ครั้งที่ 2 พอลุงเข้าไปคุยเราก็มั่นใจว่ามันต้องได้ดิ แต่ไม่นานลุงแกก็ทำเสียงอ่อน เราก็รุ้เลยว่างานเข้าละ พอคุณลุงคุยเสร็จก็เดินมาบอกเรา มันต้องใช้ล่ามจริงๆ ไม่งั้นเค้าไม่คุย ไม่ทำเรื่องอะไรให้ทั้งนั้น เรากับพี่ผู้หญิงก็ขอบคุณแกยกใหญ่ เพราะแกใจดีมากๆ สุดท้ายคุณลุงแกช่วยเป็นธุระให้พาไปที่บริษัทล่าม ( Translation Agency ) บริษัทประเภทแบบนี้บอกเลยงงมาก ได้ยินตอนแรกก็งง มันคืออะไร ที่ไทยมีรึเปล่า พอไปถึงเลยเข้าใจว่า บริษัทมันออกแนว พวกร้านปริ้นที่ไทยอะครับ ที่มันรับแปลเอกสาร หรือ รับเป็นล่ามให้ตามสถานที่ท่องเที่ยว แต่ที่นี้ออกแนวสำหรับเกือบทุกเรื่อง อาจจะเป็นเอกสาร งาน ท่องเที่ยว จดหมายบุคคลอะไรก็ว่าไป เพราะคนรัสเซียส่วนใหญ่พูดและเขียนภาษาอังกฤษไม่ได้ ดังนั้นบริษัทพวกนี้ก็จะจัดการให้ครับ โดยจัดคิวไปตามโต๊ะต่างๆจะมีพนักงานคนรัสเซียที่มีความรู้เรื่องภาษาอย่างดี มานั่งฟังเราพูดและพิมพ์ จากรัสเซีย ไปเป็นภาษาอังกฤษ และปริ้นเอกสารให้ ลูกค้าจะเอาไปส่งต่อหรือไปทำอะไรก็แลัวแต่เลย เห็นอย่างงี้แลัวแบบเป็นลู่ทางธุรกิจที่ดีมากๆในประเทศแบบนี้ ผมว่ารับเละอะ ค่าแปลเอกสารที่จะได้แต่ละชุด พอถึงตาเรา เราก็เล่าเหตุการณ์ตามที่เกิดขึ้น และ ขอล่ามให้ไปกับเราด้วยที่สถานีตำรวจ (มีค่าใช้จ่ายรวมทุกอย่างแลัวคือ 3,500 รูเบิ้ล) เราก็พาล่ามไปเจอตำรวจ และเค้าก็คุยและทำเรื่องให้จริงๆ



ตอนหลังเราก็เข้าใจแหละว่าตามระเบียบของเค้า เราต้องยอมรับและทำตามอย่างเคร่งครัด เค้าก็คงต้องการคนรับรอง คนประสานงานอย่างจริงจัง คุยไปสักพักเราก็ได้ใบเครมประกัน ส่วนไอ้เรื่องจับคนร้าย เค้าว่ายาก(และคงจะไม่ไปล่าตัวมาให้) เพราะวันนึงนักท่องเที่ยวโดนกันเยอะมาก ตามจับยาก สิ่งนึงที่ทุกประเทศท่องเที่ยวสอนเราคือ ต้องระวังตัวเอง รับผิดชอบตัวเองให้มากดีที่สุด สติต้องมี เมื่ออยู่ต่างถิ่นอย่าไว้ใจคน ให้ทำตัวขี้สนสัย ระแวงตลอดเวลา เพราะมันน่าจะช่วยได้จริงๆนะ ผมว่าต่อให้เราเก็บของดีแลัว ระวังตัวดีในระดับนึง ผมว่าพวกมันต้องเก่งกว่าเราแน่นอน เพราะพวกโจรมันฝึกเป็นอาชีพเลย



ดังนั้นดีที่สุดคือทำตัวเราเองให้มีสติตลอดเวลา น่าจะดีที่สุดครับ ถ้าไปเป็นกลุ่มก็ช่วยๆกันดู เห็นอะไรที่ดีไม่ดีให้รีบเตือน ไม่งั้นอาจพลาดพวกโจรได้ และศึกษาเกี่ยวกับสถานที่สำคัญในเมืองนั้นๆด้วยว่าอยู่ไหนบ้าง และระเบียบการต่างๆ จะได้ไม่เสียเวลาครับ



จบแล้วครับ กับการรีวิว 8 สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินที่สวยที่สุดในมอสโก ประเทศรัสเซียของผม ที่จริงมันมีอีก ที่สวยอีกหลายที่ แต่ด้วยเวลาที่มีจำกัดเลย เลยเก็บมาได้เท่านี่ครับ ถ้าขาดตกบกพร่องไปก็ต้องขออภัยด้วยนะครับ ขอบคุณเพื่อนๆที่ติดตามอ่านจนจบทุกท่านครับDAY 3



หลังจากที่เมื่อคืนที่เราไปถ่ายรูป ในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินกันอย่างเมามันส์ จนถึงตี 1 ก็กลับมาที่พักสลบคาที่นอนเลย น้ำไม่ต้องอาบ เพราะเช้าวันพรุ่งนี้เรามีแพลนว่าจะไปถ่ายรุป ที่ Red Square ตอนเช้ามืดอีก เลยนอนเอาแรงก่อนดีกว่า มารัสเซียทั้งที ขอมาเก็บภาพให้เต็มที่หน่อยเถอะ



เราเดินผ่านลมหนาว ตอนตีห้าครึ่ง มาเก็บภาพตอนเช้าของ Red Square กัน สำหรับใครที่อยากเดินชมสถาปัตกรรมแถวนี้แล้วอยากถ่ายรูปตัวเอง กับสถานที่สำคัญๆ ก็มากันตอนเช้าได้ครับ ประมาณ 6 โมงเช้า ถึง 7 โมงกว่าๆ ลานแห่งนี้คนน้อยมากๆ ไม่มีใครมาบังมุมเลย เดินชิลๆ รับลมหนาวยามเช้าที่แสงเย็นสบาย



หลังจากที่เดินเล่นยามเช้าเสร็จ เราก็เดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวสุดท้ายในมอสโคของเราต่อไป โดยการเดิน ไปยัง Cathedral of Christ the Saviour กันครับ



มหาวิหารพระคริสต์ผู้ช่วยชีวิต สร้างขึ้นเพื่อถวายพระ เกียรติแด่กษัตริย์อเลกซานเดอร์ที่ 1 ที่สามารถรบชนะนโปเลียนและกองทัพ ฝรั่งเศสได้ในสงครามปี 1812 เป็นมหาวิหารที่เราชอบมากที่สุด ใน มอสโค ด้วยรูปทรง และสีสันแล้ว ยิ่งใหญ่จริงๆ

ด้านหน้าของมหาวิหารแห่งนี้ มีสะพานทอดยาว ข้ามผ่านแม่น้ำ Moskva River ซึ่งหากยืนอยู่ ณ จุดๆนี้จะสามารถมองเห็น The Kremlin Palace ได้จากบนสะพานได้เลย



หลังจากที่เที่ยวทุกอย่างตามแพลนที่ตั้งไว้เสร็จแล้ว ในมอสโคเสร็จเราก็กลับที่พัก เพื่อพักผ่อน เพราะวันนี้ตอน 5 ทุ่มเราต้องเดินทางไปยังสถานีรถไฟไป St. Petersburg เราก็เดินเล่นในที่พัก ไปตรงพื้นที่ส่วนกลาง ที่เป็นห้องครัว มีโตะกินข้าว และก็ทีวีจอใหญ่ๆ เอาไว้ให้แขกที่มาพัก ได้มานั่งดูทีวีกัน

เพื่อนๆ สองคนในรุปที่ถ่ายด้วยกันคือชาวรัสเซีย เขาทำงานที่นี้ ในโฮสเทลที่พวกเราพักกัน ตอนแรกก็ไมได้คุยหรอก เราคุยกับกับผุ้หญิงคนนึงก่อน เป็นชาวมองโกเลีย เดินทางมาจาก เยอรมัน มาพักที่มอสโค หนึ่งคืน และพรุ่งนี้ เขาก็จะกลับ ไปประเทศของเขาแล้วที่มองโกเลีย เราก็ถามเรื่องทั่วไป ว่า ทำไมเราถึงเห็นชาวมองโก มาทำงานที่มอสโคเยอะมาก เขาจึงบอกมาว่า ชาวมองโก มาศึกษาเล่าเรียน และทำงานที่นี้เยอะพอสมควร เพราะประเทศอยุ่ติดกัน การศึกษา และ การงานที่นี่ดีกว่าบ้านเขามากๆ เพราะฉะนั้น จึงเป็นเรื่องปกติที่จะเห็นชาวมองโกเลีย มาหาโอกาสที่จะสร้างรายได้ในรัสเซีย คุยไปคุยมา ดึกแล้วเขาเลยขอตัวไปนอนก่อน ลืมถ่ายรุปกับเขาเลย เขาน่ารักดีนะ เฟรนลี่ดี หลังจากนั้น สองคนนี่ที่เปนชาวรัสเชียก็เข้ามา และเปิดทีวีดู ช่องของเขาไปเรือย อยุ่โต๊ะด้านหน้า เราก็นั่งเล่นโทรศัพที่ในห้องครัวไปเรือย มันสองคนก็หัวเราะ คิกคักกัน และหันมามองหน้า เราก็มอง และมันสองคนก็พูดอะไรไม่รุ้ใส่ เหมือนมันจะถามไรสักอย่าง และทำมือประหลาดๆใส่ และหัวเราะ เราก็ งง สื่อสารภาษามือกันไปมา ก็ไม่เข้าใจมันจะสือถึงอะไร จนคิดขึ้นได้ว่า มีแอฟแปลภาษาของ google นี่หว่า เลยหยิบมาลองใช้เลย ครั้งนี้เราใช้เสียงพูดกัน โปรแกรมนี้ เราตั้งค่าว่า รัสเซีย แปลเป็นอังกฤษ เราเลยจัด เอาโทรศัพให้มานพูด เราก็อ่าน ปรากฎว่า เขาสองคนถามว่า "ชอบ โอบาม่ามั้ย ??" เราได้ยิน เราก็มองทีวี อ่อ มันเป็นข่าวเรื่องสงครามในซีเรียนั้นเอง ที่รัสเซียประกาศสงครามกัน มิน่าถึงถามเรื่องนี่ เราเลยบอกไปทันทีเลยว่าไม่ พร้อมทำมือกากบาท แปลว่าไม่ ไม่ชอบ เพราะเห็นแล้วทั้งคู่กล้ามเป็นมัดเลย 555 จากนั้นเราก็คุยไปเรือย ถามว่าทำงานอะไร ชื่ออะไร คุณสองคนเป็นเพื่อนกันหรอ และอะไรต่างๆมากมาย แปลกใจนะ ทั้งคู่ดูสนุกกันมาก เวลาคุย เขาถามว่า เราสองคนเป็นพี่น้องกันใช่มั้ย หน้าคล้ายๆกัน แล้วทำหน้าตากวนประสาทใส่ เหมือนล้อเลืยนเราสองคน เราก็ขำๆ และหยอกมุขกลับไป 555 ดีจริงๆนะเราต่างพูดภาษาคนละภาษาแต่ก็เข้าใจกันได้เพราะมีโปรแกรมแปลภาษา เพิ่งเห็นข้อดี ก็ที่รัสเซียนี่แหละ สุดท้าย ดึกแล้ว เราขอตัวไปนอนก่อน เลยขอถ่ายรุปเป็นที่ละลึกก่อนจากกัน หวังว่าคงได้เจอกันอีก

หลังจากที่ได้พบเจอรู้จักเพื่อนใหม่ๆกันแล้ว ก็ใกล้ถึงเวลาที่เราจะต้องไปสถานีรถไฟ เราก็เตรียมตัวแพคกระเป๋า ลากไปยังสถานที่รถไฟ Leningradsky Railway Station เราจองรถไฟไว้เป็นรอบดึก ขบวนรถไฟตู้นอน ไปถึง ที่ St. Petersburg ประมาณ เช้ามืด ตี5 ครับ ข้อแนะนำสำหรับการเดินทางข้ามเมือง แนะนำให้จองตั๋วรถไฟล่วงหน้า จากเว็ปการรถไฟของประเทศรัสเซีย พอจองเสร็จแล้วเราก็จะได้เป็น E -Ticket เพื่อไปแสดงตัวกับเจ้าหน้าที่ ประจำรถตู้นั้นๆ ครับ



หลังจากที่ขึ้นรถไฟเรียบร้อยแล้ว รถไฟขบวนนี้ก็เคลื่อนตัวออกจาก ชานชาลา จุดหมายปลายทางของรถไฟขบวนนี้คือ Moskovsky Station ครับ ก่อนที่เราจะมาขึ้นรถไฟขบวนนี้พวกเราได้นอนพักมาจาก ที่พักกันอย่างเต็มอิ่ม ดังนั้นตาของพวกเราก็สว่างกันเลยทีเดียว แม้ว่าตอนนี้จะเวลาเที่ยงคืนกว่าๆแล้ว เลยคุยกันว่า จะเดินไปยัง ตู้เสบียง เพื่อไปหาอะไรทานกัน ดริ้งเบียร์คนละขวด จะได้รู้สึกง่วงๆ จะได้ไปนอน เดินไปสักพัก ก็ถึงตู้เสบียงแล้ว ก็สั่งเบียร์มาดื่มคนละแก้ว ราคาอาหาร เครื่องดื่ม บนรถไฟ ราคาบวกขึ้นมาพอสมควรครับ หากจะให้แนะนำ อยากมานั่งชิลๆ สั่งเครื่องดื่มดีกว่า ราคาไม่แรงมาก นั่งเอาบรรยากาศก็ดีเหมือนกัน พวกเรานั่งดื่มกันสักพักใหญ่ ก็ถึงเวลาที่จะต้องนอนกันแล้ว พรุ่งนี้เราถึง St. Petersburg แต่เช้ามืด เก็บของเข้าที่พัก ละออกไปเที่ยวกันทั้งวันอีก



เวลา ตี 5 กว่าๆ แสงไฟในขบวนรถไฟที่เรานอน ได้เปิดไฟส่องสว่าง เป็นสัญญาปลุกเรา ให้ลุกขึ้นจากที่นอน เพราะตอนนี้ พวกเราได้มาถึง สถานที่ Moskovsky Station เมือง St. Petersburg เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผู้คนในขบวนต่างเก็บของสัมภาระต่างๆ เราก็ตื่นอย่างงัวเงีย เก็บไปเรือยๆ จนรถไฟได้จอดเทียบกับชานชาลาเป็นที่เรียบร้อย เราก็ต่างขนของออกจากรถไฟ เมื่อเท้าทั้งสองข้าง ก้าวออกจากขบวนรถไฟ สิ่งแรกที่รู้สึกก็คือ ลมหนาวที่กระแทกเข้าหน้า อย่างหนัก รู้สึกถึงทุกส่วนของร่างกาย ตอนที่เราออกจากมอสโค อุณหภูมิมันมันประมาณ 14 องศา แต่พอมาถึงที่นี้ อุณหภูมิลงไปตั้งเท่านึงเหลือแค่ 4 องศา เท่านั้น เราต่างรีบเดินเข้าไปตัวอาคารสถานี หาไออุ่น เตรียมเปลื่ยนเสื้อผ้าที่สามารถกันหนาวได้มากกว่านี้



พอเตรียมอุปกรณ์เครื่องกันหนาวเสร็จเรียบร้อยปุ้บ เราก็เดินออกมาจาก อาคารสถานีรถไฟ เพื่อที่จะหารถแท๊กซี่ พาไปส่งเข้ายังที่พัก ได้มาคันนึง นั่งกัน 4 คนพอดิบพอดี ขับไปไม่นานมาก ก็ถึงที่พัก เราติดต่อกับเจ้าของที่พักไม่นานนัก เขาก็ลงมาเปิด ให้พวกเราได้เก็บของ เวลานั้น 7 โมงเช้ากว่าๆ เราเก็บของได้ปุ่บก็เดินออกจากที่พัก เพื่อไปยังจุดท่องเที่ยวต่างๆ กันต่อไปเลย



มื้อแรกในเมือง St. Petersburg สั่งเป็น เคบับไก่ที่แสนอร่อย ราคาถูก และชื้นใหญ่มากกก อร่อยกินให้อื่มท้อนก่อนที่เราจะเดินทางจุดท่องเที่ยวที่แรก นั้นก็คือ Peterhof Palace

พระราชวัง Peterhof หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า Petrodvorets พระราชวังแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของเมือง St. Petersburg พระราชวังแห่งนี้ของประเทศรัสเซียที่มีมนต์เสน่ห์ และมีความแตกต่าง โดดเด่น เป้นที่น่าสนใจ ควรค่าแก่การไปเยี่ยมชมครับ



บรรยากาศรอบๆ ของพระราชวังมีทางเดิน ที่มีสองข้างทางเป็นต้นไม้ เปลื่ยนสีสุดแสนจะโรแมนติก สองข้างทางให้เดินชมกัน



จุดที่ต้องไปชม ก็คือบริเวณสระน้ำกลางสวนน้ำพุ มีงานทองเหลืองชิ้นเอกเป็นรูปของแซมซั่น ที่มีชื่อว่า Samson wrestling the jaws of a lion ให้ดูเยอะแยะมากมายเลยทีเดียว



หากใครชอบเยื่ยมชมพระราชวัง สภานที่แห่งนี้ควรค่าแก่การมาเข้าชมครับ



หลังจากที่ชมพระราชวังฤดูร้องกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ไปยังจุดไฮไลท์อีกที่นึง ที่เมื่อมายัง เมือง St. Petersburg แล้วต้องมาที่นี้นั้นก็คือ Savior On Blood Cathedral นั้นเองครับ



สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญใน เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก อนุสรณ์สถานที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 2 ผู้เป็นที่รักของชาวรัสเซีย ตั้งอยู่ถนนเนฟสกี้ ถนนสายประวัติศาสตร์ เป็นสถานที่ในฝันที่เมื่อมาที่เมืองแห่งนี้แล้วต้องมาถ่ายรูป เก็บไว้ให้ได้ สถาปัตยกรรมงดงาม ยิ่งใหญ่ สมคำล้ำลือจริงๆ



เราเดินชมบรรยากาศรอบๆ มีนักดรตรีสองคน บรรเลงเพลงเพราะๆเล่นกันอยู่ทำให้บรรยากาศแถวนั้นไม่รู้สึกเหงาเลยแม้แต่น้อย



Kazan Cathedral สถานที่แห่งนี้อยู่ใกล้ๆ Savior On Blood Cathedral เดินไปแค่ 3 นาที ข้ามถนนก็ถึงแล้ว โบสถ์คาซาน (Kazan Cathedral) มหาวิหารคาซาน ตั้งอยู่บนถนนเนฟสกี้ ซึ่งเป็นถนนเส้นหลักของตัวเมือง มหาวิหารคาซานทำการสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าปีเตอร์มหาราช ตรงกับช่วงปีค.ศ. 1708 ซึ่งแต่เดิมนั้นจัดได้เพียงว่าเป็นโบสถ์เล็กๆเท่านั้น โดยภายในมีรูปไอคอนและพระแม่มาเรีย (Our Lady Of Kazan) ที่วาดขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 16 อีกด้วย



พอฟ้าใกล้มืดสนิทเราก็รีบเดินไปกันต่อไปยัง จตุรัสพระราชวัง ซึ่งสถานที่แห่งนี้มีสถาปัตยกรรมตระการตา สวยงามสมบูรณ์แบบมากที่สุดสถานที่แห่งนี้คล้านๆ กับ จตุรัสแดงของเมืองมอสโค ซึ่งผ่านประวัติศาสตร์ เหตุการณ์สำคัญๆ เกิดขึ้นที่นี้เสมอ.



St. Isaac's Cathedral ตามที่บอกตั้งแต่ต้น หากใครชอบสถาปัตยกรรม รัสเซียมีให้คุณหมด ตลอดเวลาที่อยู่ที่นี้มีงานดีๆให้เสพเยอะมากก เดินไปทางไหนก็สวยไปหมด ยิ่งเราได้รู้เรื่องราวของแต่ละสถานที่แล้วละก็ จะยิ่งอินไปกับมันด้วย คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายของการเดินทางเที่ยวในรัเซียแล้ว พรุ่งนี้เช้าต้องเดินทางกลับประเทศไทยแล้ว เป็นการเดินทางที่คุ้มค่าจริงๆ

สิ้นสุดการเดินทาง 30 วัน 3 ประเทศ จอร์เจีย ตุรกี รัสเซีย ทุกๆวันที่ผ่านมาล้วนสำคัญหมดทุกวัน เพราะทุกวันที่เราพบเจอล้วนเป็นประสบการณ์ที่ดีทั้งหมด ได้สอนเราหลายๆอย่าง ทุกเส้นทางการเดินทางล้วนมีอุปสรรค์แต่ก็สอนให้เราแก้ปัญหาและผ่านมันไปด้วยกัน เมือการเดินทางมาเป็นนส่วนนึงของงานที่เรารัก เราก็จะทำมันให้ดีที่สุด ยังไงเราก็เดินสายนี้ต่อไป ขอบคุณ เพื่อนๆ พี่ๆ ที่ติดตามมาตลอด ที่ช่วยเหลือ และให้ข้อมูลยามที่มีปัญหา ขอบคุณครับ

Twin Traveller

 วันพุธที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2559 เวลา 15.04 น.

ความคิดเห็น