ทริปนี้เกิดขึ้นเพราะอยากมาวัดภูทอกและตัวจังหวัดบึงกาฬ รอบนี้เราเดินทางด้วยรถทัวร์ของบริษัทแอร์อุดร เส้นทางที่ผ่านอำเภอศรีวิไล ออกจากหมอชิต 22:30 เบาะใหญ่นั่งสบาย แบบ 3 แถว บนรถแจกข้าวด้วย

รถไปจอดที่อุดรธานีก่อน ไม่นานก็ออกเดินทางต่อมาที่อำเภอศรีวิไลในเวลา 6 โมงเช้า รถจะจอดที่หน้าร้านสะดวกซื้อพอดี แถวนั้นก็มีร้านอาหารหลายร้านเราก็เลยแวะกินมื้อเช้าก่อน 6:30 เราคุยกับลุง Skylab พาไปส่งวัดภูทอกและรับออกมาส่งที่เดิม ตกลงราคากันที่ 200 บาท ระยะทางจากปากทางไปถึงวัดประมาณ 20 กิโลเมตร

มาถึงวัดภูทอกก็เจอป้ายนี้ที่ลานจอดรถกันเลย

วัดเจติยาคิรีวิหาร หรือ ภูทอกมีขนาดความสูง โดยวัดจากฐานถึงยอด 460 เมตร มีบันไดเรียงขึ้นตามชั้นต่าง ๆ 7 ชั้น และฐานชั้นที่ 6 วัดโดยรอบได้ 800 เมตร โดยมี "พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ" เป็นผู้ก่อตั้ง ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินเท้าเพื่อขึ้นไปสู่ยอดภูทอก โดยนักท่องเที่ยวจะต้องเดินเท้าด้วยการขึ้นบันไดไม้ที่ถูกสร้างขึ้นด้วยแรงศรัทธาของพระ เณรและชาวบ้าน ที่ใช้เวลาก่อสร้างถึง 5 ปี

การเดินขึ้นด้านบนควรใช้ความระมัดระวัง พื้นไม้ลื่น เรามาถึง 6:30 ไม้ยังเปียกอยู่ ฝากไว้สำหรับทุกคนที่จะไปวัดภูทอก ตระหนักไว้เสมอว่าที่นี่คือวัด ควรปฏิบัติตามกฏระเบียบของทางวัดที่ป้ายก่อนขึ้น

เริ่มต้นเดินกันได้ ชั้นที่ 1 บันไดสู่ชั้นที่ 2

ชั้นที่ 2 ก็ยังคงเป็นบันไดสู่ชั้นที่ 3

ชั้นที่ 3 ซึ่งเริ่มเป็นสะพานเวียนรอบเขา มีต้นไม้หนาแน่น มีโขดหินลานหิน สุดทางชั้นที่ 3 มีทางแยก สองทาง ทางซ้ายมือ เป็นทางลัดไปสู่ชั้นที่ 5 ได้เลย ซึ่งเป็นทางชันมาก ผ่านซอกหินที่มีลักษณะเหมือนอุโมงค์ ทางขวามือ เป็นทางขึ้นสู่ชั้นที่ 4

เราเลือกเดินทางขวา ทางก็สูงชันแต่สนุก (ขากลับค่อยเลือกลงอีกทาง)


ชั้นที่ 4 เป็นสะพานลอยไต่เวียนรอบเขา


ชั้นที่ 5 จะมีศาลาขนาดใหญ่ พระพุทธรูป กุฏิพระ และเป็นที่เก็บสังขารของพระอาจารย์ จวนด้วย พื้นที่เหมาะสำหรับการนั่งสวดมนต์ปฏิบัติธรรม



เดินวนมาจะเห็นสะพานหินธรรมชาติทอดสู่พุทธวิหารอันเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ มีลักษณะเป็นหินแยกตัวออกมาจากหินก้อนใหญ่ แต่ไม่ตกลงมา เพราะตั้งอยู่อย่าง ได้ฉากกับพื้นโลกพอดี ปัจจุบันมีสะพานไม้เชื่อมต่อระหว่างสะพานหินกับพุทธวิหาร มองออกไปจะเห็นแนวของภูทอกใหญ่อย่างชัดเจน





ชั้นที่ 6 จะเป็นระเบียงไม้เดินได้รอบประมาณ 400 เมตร และเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุด



ชั้นที่ 7 จะมีบันไดไม้ขึ้นมา ทางก็รกหน่อยๆ ก็จะเห็นวิวสวยๆ ในมุมสูง


ขาลงพอมาถึงชั้นที่ 5 เราเลือกลงอีกทาง (คนละฝั่งกับทางขึ้น) ได้วิวอีกแบบ

ลงมาถึงด้านล่างก็เดินรอบวัดอีกรอบ







ได้เวลาตามที่นัดกับลุง Skylab ลุงพามาส่งที่เดิมแถมยังโบกรถโดยสารให้เรา และบอกคนขับให้เสร็จสรรพ ค่ารถเข้าเมือง 20 บาท จากจุดจอดรถเดินไปที่พัก โรงแรมแม่น้ำ อยู่ริมโขง มีแค่ถนนกั้น ได้ห้องชั้น 3 ด้านริมโขงพอดี ราคาที่พัก 500 บาท




วิวจากหน้าต่างห้องพักก็จะเห็นน้ำโขงชัดเจน


ถึงเวลาออกซนเส้นทางริมโขง

เริ่มมึดแล้วและเจอร้านนม+ขนมปังปิ้ง เราสั่งเสร็จนั่งสักพักก็มีเด็กมากลุ่มใหญ่เลือกนั่งฝั่งริมโขง ไม่งั้นคงรอนาน

อิ่มของหวานก็กลับที่พักอาบน้ำนั่งพักก่อนจะลงมากินมื้อเย็นหน้าโรงแรมเป็นครัวของโรงแรม ราคาไม่แพงด้วย เราสั่งแค่ 2 อย่าง ต้มยำกุ้งกับปลาคัง อีกจานเป็นเนื้อน้ำมันหอย และข้าว 1 จาน โค้ก 1 ขวด ทั้งหมดราคา 160 บาท

อิ่มแล้วก็กลับขึ้นไปนอน เหนื่อยมาทั้งวันหลับสบายมาก

เช้ารุ่งขึ้นเรามีเวลาเดินริมโขงและเข้าตลาดสดก่อนตลาดวาย

ตลาดสดส่วนใหญ่จะเป็นของสด เราติดใจปากหม้อญวน

พออิ่มแล้วก็เริ่มสำรวจเมืองต่อ เริ่มเข้าวัดบุพพารามราชสโมสร

เดินต่อมาที่วัดศรีโสภณธรรมทาน

กลับที่พักไปเก็บของเพื่อเดินทางไปหนองคายต่อ


ติดตามทริปเดินทางอื่นๆ ได้ที่:

เพจ: ตะลุยเดี่ยวแบกเป้เที่ยว

IG: prapat / ตะลุยเดี่ยวแบกเป้เที่ยว


ตะลุยเดี่ยวแบกเป้เที่ยว

 วันจันทร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2561 เวลา 04.16 น.

ความคิดเห็น