สวัสดีจ้าาาาา หน้าฝน ทริปนี้ขอต้อนรับท่านผู้อ่านด้วยสีเขียวๆของนาที่ Sapa นะคะ


นี่ตามหัวเรื่องเลย เราเดินทางไปตั้งแต่วันที่ 15 - 20 สิงหาคม 2561 บินไปพร้อมๆกับพายุเบบินคาเลยค่ะ สำหรับสถานที่ในฝันของเราในครั้งนี้คือ 3 สิ่งที่สุด และ 1 มรดกโลก ของHanoi นะคะ ได้แก่


- เจดีย์เตริ่นกว็อก (Tran Quoc Pagoda) (เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในเวียตนาม)



- พิชิตยอดเขาฟานซีปัน (ยอดเขาที่สูงที่สุดในอินโดจีน) เป็นภูเขาที่มีความสูงที่สุดในประเทศเวียดนามด้วยความสูง 3,143 เมตร โดยได้ฉายาว่า "หลังคาแห่งอินโดจีน" อยู่ในเมืองซาปา จังหวัดหล่าวกาย ในประเทศเวียดนาม ฟานซีปังอยู่บนทิวเขาฮหว่างเลียนเซิน (Hoàng Liên Sơn)


- วัดโบราณสถานวัดบ๊ายดิ๊งห์ Bai Dinh Pagoda (เป็นวัดที่กว้างใหญ่ที่สุดในเวียตนาม หรืออาจบอกว่าใหญ่ที่สุดในเอเซียนี้ก็เป็นได้ )


- Tràng An หรือ จ่างอาน คือเขตภูมิทัศน์แห่งหนึ่งใกล้เมืองนิญบิ่ญ จังหวัดนิญบิ่ญ บริเวณดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแดง ประเทศเวียดนาม ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแบบผสม ทั้งทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติ




สุดท้าย ที่พักในฝัน ที่จะต้องไปพักให้ได้เมื่อไปถึงซาปา นั่นก็คือ Eco Palm House ค่ะ



มาเริ่มต้นการเดินทางกันเลยค่ะ เริ่มจากการจองตั๋วโปรโมชั่นของแอร์เอเชีย พวกเราได้ราคาไป-กลับที่ 1,910 บาท ลงสนามบินนอยไบ เมืองฮานอย สำหรับการเดินทางและการซื้อตั๋วต่างๆในฮานอย เราซื้อผ่านคุณเฮือง เอเย่นที่ป๊อบที่สุดก็ว่าได้ โดยเราทำการพูดคุยกับเฮืองทางอินบ็อกซ์ในเฟซบุ๊คส์ค่ะ แจ้งวันเวลาในการเดินทางและสถานที่ที่ต้องการไป หลังจากนั้นคุณเฮืองก็จะลิสต์ราคาค่าใช้จ่ายต่างๆมาให้ (ความจริงเราก็หาข้อมูลเพิ่มเติมไว้ส่วนหนึ่งแล้วค่ะ แต่คำนวณแล้วว่าหากต้องซื้อเองทุกอย่าง ราคาก็ไม่ต่างจากคุณเฮืองซื้อให้เท่าไหร่ และเพื่อความสะดวกสบายเราก็เลยตัดสินใจให้คุณเฮืองซื้อให้หมด อ้อ ยกเว้นที่พักบางที่นะคะ อันนี้จองเอง)

สำหรับการแลกเงิน เราแลกเงินดอลล่าห์ไปประมาณ 200 เหรีญ เรทอยู่ที่ 33.2 เป็นเงินไทยประมาณ 6,640 และแลกเงินด่องอีก 1,995,170.29 หรือเป็นเงินไทย 2,800 บาท (ปล. เหลือ กลับไทยตั้ง 1,000 แหน่ะ)


เราเดินทางวันที่ 15 สิงหาคม บินไปถึงนอยไบประมาณ 20.20 น. (เวลาในไทยกับเวียตนามไม่ต่างกันค่ะ) ถึงปุ๊บเจ้าหน้าที่จากคุณเฮืองก็มารับเราที่สนามบินไปที่พักค่ะ


ถึงสนามบินเราก็เดินไปซื้อซิมการ์ดก่อนเป็นอันดับแรกค่ะ ... ร้านแรกขวามือ มีหลายแพคเกจสามารถเลือกซื้อได้ตามต้องการ แต่เราเลือกแบบแรงสุด 2 ซิม และไปแชร์ไวไฟกันค่ะ

รถยนต์ที่มารับเราจากสนามบินหน้าตาแบบนี้ค่ะ ราคาเหมาอยู่ที่ 15 เหรียญ หารกัน 4 คน


ที่พักคืนแรกมีชื่อว่า Cristina Hotel (ราคา 1,800 บาท นอน 4 คน รวมอาหารเช้า) เป็นโรงแรมที่หรูหราหมาเห่ามาก พนักงานบริการดีน่ารัก อาหารเช้าก็อร่อย ส่วนตัวประทับใจมากค่ะ (แต่ทางเข้าไม่สามารถเอารถเข้าไปได้ ต้องจอดข้างถนน แต่ก็เดินเข้าไปนิดเดียว)




เก็บของเสร็จ เราก็เดินตามหาเฝ๋อกันค่ะ ... จะเจอมั้ย


สรุปมื้อนี้ ไม่เจอเฝ๋อค่ะ เจอแต่ผัดหมี่กับ Spring Roll แล้วมาต่อด้วยยานอนหลับ 1 กระป๋อง


ที่นี่ ไม่ใช่อาหารจะอร่อยอย่างเดียวนะ ห้องอาหารก็หรูไปอิ๊ก... โอ้ยยย ถูกและดี ก็มีในโลกนะเท้อ



วันที่ 2 (16/08/61) เราเช็คเอ้าท์จากคริสติน่า โฮเทล ประมาณ 9 โมงเช้าค่ะ และเริ่มต้นด้วยพายุเบบินคาเคลื่อนเข้าทางเหนือของเวียตนาม พวกเราก็เจอเต็มๆเลยค่ะ ฝนตกตั้งแต่เช้าถึงเย็น สำหรับการเดินทางของวันนี้ เราเหมารถส่วนตัวกับคุณเฮืองไว้ค่ะ รถ 1 คัน พร้อมน้ำมันและคนขับ และค่าผ่านทางต่างๆ ราคา 80 USD ต่อวันค่ะ (เราสามารถบอกคนขับได้เลยว่าอยากจะไปที่ไหนบ้าง ถ้าไปกันหลายคนเดินทางแบบนี้สะดวกกว่าค่ะ) ส่วนตัวเราเหมาไว้เดินทางท้งสิ้น 5 คนค่ะ หารกันออกมาแล้วประมาณคนละ 500 บาท ถูกกว่าไปเดย์ทริปกับทัวร์เยอะเลย

แพลนนี้คือ Tran Quoc-Tam Coc- Tang An- Hang Mua แต่เนื่องจากมีเวลาจำกัด เราไม่สามารถไป Tam Coc กับ Trang An ในวันเดียวกันได้ และไปขึ้นดูวิวที่ Hang Mua ได้ทัน ดังนั้นเราก็เลยเลือกไปแค่ Tran Quoc-Bai Dinh-Trang An 3 ที่นี่แทนค่ะ

เจดีย์เตริ่นกว็อก (Tran Quoc Pagoda) (วัดนี้ไม่เสียค่าเข้าชมนะคะ)

Tran Quoc Pagoda มีความสูงกว่า 10 ชั้น เป็นงานศิลปะผสมของจีน เวียดนามและญี่ปุ่น ทั่วบริเวณมีบรรยากาศที่ร่มรื่น และมีต้นไม้ดัดแคระในกระถางมากมาย มีแผ่นหินอายุตั้งแต่ปี ค.ศ.1639 นอกจากนี้ยังมีเจดีย์สีชมพู ไล่ระดับเป็นชั้นๆ ขึ้นไปประมาณ 10 ชั้น ถ้าวันนั้นมีแดดภาพที่ถ่ายออกมาจะสวยมากๆค่ะ ... แต่นี่ ฟ้าปิดหมดเลย


เราออกจากวัด เจดีย์เตริ่นกว็อก ประมาณ 11 โมงครึ่งค่ะ และจะเดินทางต่อไปที่ Bai Dinh Pagoda ที่อยู่ในส่วนของเมือง Ninh BinH ใช้เวลาประมาณ สองชั่วโมงครึ่ง เพราะถนนที่เวียตนามจะตรวจจับความเร็วค่ะ ขับได้ไม่เกิน 60 ใครรีบนี่ ควรเผื่อเวลาไว้ดีๆนะคะ

ที่นี่ ลานจอดรถกับเจดีย์จะอยู่ห่างกันมากนะคะ เราไม่สามารถจะเอารถไปจอดใกล้ๆได้ เพราะเค้าจะมีรถรางไว้บริการค่ะ สำหรับราคาไปกลับอยู่คนละประมาณ 50 000 ด่อง ค่ะ ..

เมื่อเราไถึงประตูใหญ่ทางเข้าเจดีย์แล้ว จะมีทางเดินเป็นขั้นบันไดไปเรื่อยๆค่ะ จนถึงเจดีย์ .. แต่กลุ่มเราไปไม่ถึง เพราะว่าต้องรีบไปอีกที่กลัวเวลาจะไม่ทัน เพราะคนขับบอกว่า เราต้องออกขาก Nin Binh ไม่เกิน 5 โมงเย็นค่ะ

เขตโบราณสถานวัดบ๊ายดิ๊งห์ประกอบด้วยวัดบ๊ายดิ๊งห์โก่ตื๋อหรือวัดบ๊ายดิ๊งเก่าแก่และวัดบ๊ายดิ๊งเตินตื๋อหรือวัดบ๊ายดิ๊งห์ใหม่ ชื่อบ๊ายดิ๊งห์นั้นมีความหมายว่า การถวายพระพรดินฟ้า พระพุทธเจ้าและทวยเทพที่อยู่บนที่สูง เขตโบราณสถานฯนี้ถูกก่อสร้างในพื้นที่อยู่ทางทิศตะวันตกของราชธานีฮวาลือ


ด้านในมีพระพุทธรูปมากมายสวยงาม เดินยังงัยก็ไม่เหนื่อย แถมเดินไปเจอกลิ่นหอมๆ พอแวะเข้าไปดู โอ้วววแม่เจ้า ดอกลิลลี่กระถางใหญ่มาก .. นี่ของจริง หอมมาก



เดินมาซักพักมาเจอหอระฆังยักษ์ไว้ชมวิว ... เดินขึ้นไปเลยค่ะ จะมองเห็นวิว 360 องศา

วัดกว้างใหญ่ขนาดนี้ เดินแค่ 2 ชม. คงไม่พอหรอกค่ะ เอาไว้โอกาสหน้าเราจะมาอีกนะคะ ตอนนี้เราต้องไปทานอาหารเที่ยงกันแล้วค่ะ ...

สำหรับอาหารเที่ยง ดึ๊ก คนขับรถได้ถามเราว่าต้องการทานอาหารงบประมาณ คนละกี่บาท เราก็เลยบอกเค้าว่า คนละไม่เกิน 200 บาท เราเลยได้แพคเกจนี้มาค่ะ

อาหาร 9 อย่าง ราคา 320 000 ด่อง ต่อ 4 คน

สำหรับ รสชาติของอาหารน้านนนนนนนนน ... เอิ่มม เดี๋ยวค่อยเล่าเนอะ แต่แค่อยากจะบอกว่า เอามาม่าที่ไทยไปด้วยก็ดี จริงๆ

ทานข้าวเที่ยงเสร็จประมาณบ่ายสองครึ่ง เราต้องรีบดิ่งไปที่ Trang An ค่ะ เพราะเดี๋ยวเวลาจะไม่พอ ถึงปุ๊บ ต้องไปซื้อตั๋วเด้อ ตกคนละประมาณ 300 บาทไทยค่ะ นั่งรอประมาณ 2 ชม. มีลอดเข้าถ้ำประมาณ 6 รอบค่ะ ..... อยากบอกว่า คุ้มมากๆ (มีหลายคนบอกว่า ระหว่าง Trang An กับ Tam Coc เค้าบอกว่าให้มา Trang An ดีกว่า เพราะสวยกว่า ระบบดีกว่า ว่างั้น)

แต่สำหรับเราแล้ว สิ่งที่ทำให้เราต้องมาที่นี่ให้ได้ คือศาลานี้ค่ะ มันสวยมากๆ ของจริงยิ่งสวยมาก เหมือนสวรรค์เลย

วันนี้ถึงเราจะโชคร้ายที่ฝนตก แต่ก็ยังโชคดีที่คนน้อยนะคะ เพราะถ้าเวลาปกติที่นี่คนจะเยอะมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก เป็นร้อยๆลำ แล้วต่อคิวลอดถ้ำที่ละลำงี้ ... โห้วว แค่คิดยังขนลุกเลย

- Tràng An หรือ จ่างอาน คือเขตภูมิทัศน์แห่งหนึ่งใกล้เมืองนิญบิ่ญ จังหวัดนิญบิ่ญ บริเวณดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแดง ประเทศเวียดนามเป็นที่รู้จักในฐานะแหล่งท่องเที่ยวล่องเรือในถ้ำ การประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 38 เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2557 ที่กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ แหล่งภูมิทัศน์จ่างอานการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 38 เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2557 ที่กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ แหล่งภูมิทัศน์จ่างอานได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแบบผสม ทั้งทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติ[1] ซึ่งรวมตามก๊ก-บิ๊กด่ง เมืองฮวาลือ (Hoa Lư) และวัดบ๊ายดิ๊ญ (Bái Đính Temple) ทั้งทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติ[1] ซึ่งรวมตามก๊ก-บิ๊กด่ง เมืองฮวาลือ (Hoa Lư) และวัดบ๊ายดิ๊ญ (Bái Đính Temple)



ซื้อตั๋วเสร็จ เจ้าหน้าที่ก็จัดเราลงเรือตามคิวค่ะ ลำนึงนั่ง 4 คน รวมคนพายก็ 5 คน (คุณป้าคนพายแข็งแรงมาก)



อันนี้ทักทายแฟนคลับค่ะ พอบอกว่าเรามาจากไทยแลนด์ เค้าดีใจใหญ่เลย เค้าบอกว่าไอเลิฟภูเก็ต


มาถึงถ้ำแรกแล้วค่ะ เตรีมก้มหัวลง



รูนี้ใช้เวลาไม่นานค่ะ 5 นาทีก็ออกมาปากถ้ำแล้ว ... อ้อ ด้านในไม่น่ากัวนะคะ มีไฟสีส้มตลอดทาง และมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลความปลอดภัยทุกจุดค่ะ

ออกจากถ้ำที่หนึ่ง จะเจออ่าวกว้างๆค่ะ ด้านในมีวัดอยู่ด้วยนะ (ถ้าใครอยากแวะก็สามารถบอกคนพายได้ค่ะ)



เตรียมมุดอีกรูที่ สอง

ใช้เวลาไม่นานเช่นกันค่ะ มุดออกมาละจะเจอแบบนี้

ต้องตีโค้งไปมุดอีกรูที่สาม ฝนก็เริ่มลงเม็ดหนักขึ้นเรื่อยๆ .... ฮือออ ฉ้านมาทำอะไรที่นี่

พายมาซักพักก็เจอแล้วค่ะ ........ ศาลากลางน้ำ โอ้ยย ดีใจมาก ด้านบนศาลา มีเจ้าหน้าที่เล่นดนตรีคลอไปกับเสียงฝนด้วยค่ะ ... งดงามมาก


หลังจากเราวนศาลานี้แล้ว ถ้ำต่อไปที่เราต้องมุด มันจะต่ำมาก ดังนั้นเราต้องนอนราบไปกับเรือค่ะ


ถ้ามีเวลาแนะนำให้เดินเที่ยวเกาะคิงคองนะคะ เจ้าหน้าที่คนพายจะปล่อยเราลงตรงด้านหน้า แล้วจะมีสะพานเชื่อมเราก็เดินๆไปเลยค่ะ จะมีฉากหนังจำลองเรื่อง คิงคอง ไว้ให้ถ่ายรูปค่ะ แต่เรารีบเลยไม่แวะ


เรามาถึงที่ขึ้นเรือประมาณ 4 โมงเย็นค่ะ ได้เวลาที่กำหนดพอดี เพราะหลังจากที่เราถึงฮานอย เราต้องไปอาบน้ำที่ออฟฟิศเฮืองค่ะ เพื่อไปต่อรถไฟไปซาปา (เฮืองแนะนำรถไฟเจ้าของ Dream Train ค่ะ เพราะห้องใหม่ ราคาต่อคนขาละ 28 เหรียญ ค่ะ


ด้านในมีพิพิธภัณฑ์หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้วยค่ะ


ออกจากจ่าง อาน ประมาณ ห้าโมงนิดๆค่ะ ออกมาก็เจอพายุเลย มองไม่เห็นทาง จากที่ขับได้ 60 ก็เหลือประมาณ 50 กว่าจะถึงฮานอย ประมาณ ทุ่มครึ่งค่ะ

เราแวะชำระเงินทั้งหมด และอาอาบน้ำที่ออฟฟิศเฮืองค่ะ ... สำหรับออฟฟิศเฮือง จะเป็นตึกอาคารพาณิชย์เล็กๆค่ะ ชั้น 1 ขายเสื้อผ้า ชั้น 2 เป็นออฟฟิศเล็กๆ มีโต๊ะทำงาน กับคอม 1 ตัว มีผู้ช่วย 2 คน คือน้องสาว ส่วนชั้น 3 คือห้องรับรองและมีห้องน้ำพร้อมผ้าเช็ดตัวให้เปลี่ยนค่ะ


สองทุ่มครั้ง น้องสาวเธอก็ไปส่งเราที่สถานีรถไฟ


มาดูหน้าตารถไฟที่เราจองไว้กัน สวยงามตามท้องเรื่อง แต่.... ถ้าไม่ต้องการซื้อประสบการณ์ เราแนะนำให้ขึ้นรถทัวร์ไปซาปาดีกว่านั่งรถไฟนะคะ เพราะรถไฟไปไม่ถึงซาปา เราต้องต่อรถไปอีก แล้วก็นอนไม่สนุกเลยมันฉึกฉักตลอดๆๆ ปวดเนื้อปวดตัว .. นี่คิดว่าสู้รถทัวร์ไมไ่ด้เลยค่ะ จริงๆ รถทัวร์ฟินกว่าเยอะแถมถูกกว่ามากค่ะ



หกโมงเช้ามาถึงลาวไก... เราต้องต่อมินิบัส ที่ซื้อไว้กับเอืองเข้าลาวไกค่ะ ... พอออกประตูมาแล้วจะมีคนชูป้ายชื่อเราค่ะ แล้วเดินตามเลย ค่ารถคนละ 2.5 เหรียญ ส่งถึงโรงแรม


มาถึงซาปาปุ๊บ สัมผัสได้ถึงความหนาวเย็น ... หนาวมากๆ ฝนก็ตก โอ้ยยย แข็งไปหมดค่ะ ... เราถึงโรงแรมเช้าไปหน่อยห้องที่จองไว้ยังไม่ว่าง แต่ทางโรงแรมมีห้องอาบน้ำและห้องเก็บกระเป๋าให้ค่ะ เราอาบน้ำรอได้ หรือเดินไปทานข้าวที่อื่นได้ โรงแรมชื่อว่า Phoung Nam วิวสุดยอด อลังมากๆ เราจองห้องแบบพาโนราม่าไว้ค่ะ สวยสุด


เราเลือกฝากกระเป๋า แล้วเดินไปหาอะไรทานค่ะ มาเจอร้านนี้ อร่อยมาก (วงในบอกมา)

วิธีการปรุง ถ้าอยากเผ็ดก็ใส่พริก ถ้าอยากเปรี้ยวก็ใส่มะนาว ถ้าอยากเค็มก็ใส่เกลือ

อิ่มแล้วเดินชมวิวนิดหน่อยค่ะ เจอร้านวิวหลักล้านในตำนานด้วย ชื่อร้านว่า Coffee View Clouds


ช่วงบ่ายวันนี้ เราเดินทางไปหมู่บ้านกั๊ต กั๊ตค่ะ โดยให้ทางโรงแรมเรียกรถแท๊กซี่ให้ ไปกลับคนละ 40 บาท

ไปถึง ต้องจ่ายค่าเข้าชมด้วยนะ คนละ 70 000 ด่อง



ซาปา เดือนสิงหา มีความเขียววววววววววววววววไปหมดเลย




เราใช้เวลาอยู่ในหมู่บ้าน Cat Cat นานพอสมควรค่ะ เพราะระยะทางไกลใช้ได้เลย ประมาณ 2-3 โล เลยล่ะ แถมขากลับต้องขึ้นเขาด้วย ......

ขากลับเข้าเมืองซาปา เราเดินทางด้วย Taxi คันเดิมค่ะ ให้เค้ามาส่งเราที่ร้านชาบูปลาแซลมอน สำหรับร้านที่เราเลือก เราเน้นราคาเป็นหลักค่ะ บางร้านคิดหัวละ 100 000 ด่อง แต่ร้านนี้หัวละ 60 000 ด่อง เองค่ะ ส่วนรสชาติ เอาจริงคือปลามีกลิ่นดินค่ะ คล้ายๆปลานิลบ้านเรานี่แหล่ะแต่พอทานได้ค่ะ



ทานคาวแล้วก็มาทานหวาน ร้านนี้แนะนำจากวงในอีกแล้ว ทีรามิสุ อร่อยมาก


ทานเสร็จ เดินตามหามินิมาร์ท หรือซุปเปอร์มาเก็ทค่ะ พิกัดร้านจะอยู่แถวๆทะเลสาปนะคะ มีของขายเยอะแยะเลย นำเข้าจากไทยก็มี


ก่อนกลับที่พัก เราแวะชิมหม่าล่า กันคนละไม้ค่ะ รสชาติเฉยๆ เผ็ดร้อนไม่สู้ที่เชียงใหม่เลย


เช้าวันที่ 17/08/18 ตื่นมาพร้อมฝน วันนี้มีแพลนไปขึ้นกระเช้าเพื่อขึ้นยอดเขาฟานสิปันค่ะ ...... ฟ้าปิดแน่นวล เตรียมใจไว้เลย และหลังจากกลับลงมาจากฟานสิปันแล้ว เราก็จะไปเช็คอินที่พักแถวหมู่บ้านตาฟานค่ะ นั่นคือ Eco Palm House

เก็บกระเป๋า พร้อมเช็คเอ้าท์และฝากกระเป๋าไว้เลยค่ะ เพราะเราจะกลับลงมาจากยอดฟานซิปันก็บ่ายๆ จะได้ไม่รีบร้อน ... แต่เดี๋ยวมาชมอาหารเช้าของ Phoung Nam กันนะคะ ว่ามีอะไรบ้าง


อาหารเช้ามีเฝ๋อ ทำแบบสดใหม่ไว้บริการด้วยนะคะ แต่ ....... ไม่อร่อยค่ะ เพราะกลิ่นเนื้อฉุนมากกกกกก


ทานอาหารเช้าเสร็จประมาณ 9 โมง ค่ะ เดินออกมาทานด้านหน้าโรงแรม เราก็เจอตึก Sun Plaza ที่ขายตั๋วรถไฟ กับกระเช้าแล้ว .... ราคาไป-กลับทั้งหมดคนละประมาณ 1,200 บาท ค่ะ (รถไฟ-กระเช้า-รถไฟ) ซื้อแบบไม่ต้องเดินเลย 55555++

มาถึงโถงใหญ่แล้ว เราต้องเดินขึ้นไปนั่งรถไฟต่อขึ้นไปยอดอีกนะค ะ ......... สภาพอากาศก็อย่างที่เห็น ขาวโพลน และที่สำคัญ หนาวมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก กอ.ไก่ล้านตัว หนาวแบบละอองหมอกเป็นเม็ดเลย


ก่อนจะขึ้นไปถึงยอดบนสุดจริงๆ เราพักร่างด้านในโบสถ์ก่อนค่ะเพราะมันมีฮีตเตอร์อยู่ 1 ตัว สามารถเข้าไปหลบพายุหมอกก่อนได้ ใครไม่ไหว อย่าฝืนนะคะ เพราะอาจช๊อคได้



พิชิตยอดเขาฟานซีปัน (ยอดเขาที่สูงที่สุดในอินโดจีน) เป็นภูเขาที่มีความสูงที่สุดในประเทศเวียดนามด้วยความสูง 3,143 เมตร โดยได้ฉายาว่า "หลังคาแห่งอินโดจีน" อยู่ในเมืองซาปา จังหวัดหล่าวกาย ในประเทศเวียดนาม ฟานซีปังอยู่บนทิวเขาฮหว่างเลียนเซิน (Hoàng Liên Sơn)


ด้านบนยอดอากาศหนาวมากค่ะ อยู่นานไม่ได้ ประมาณ 20 นาที ก็ลงมาแล้วค่ะ แต่ถ้าลงมารอให้ฟ้าเปิดก็คงจะไม่มีหวัง งั้นเราก็เตรียมตัวลงข้างล่างเลยค่ะ


ลงแล้ววววววววววววว ไม่ไหวแล้วววววววววววววว มือแข็ง ถ่ายอะไรไมไ่ด้เลย



ลงมาถึงข้างล่าง ประมาณ 4 โมงเย็นแล้วค่ะ แวะส่งเพื่อที่ อีเด็น บูทีค 2 คน แต่สำหรับ เราพักที่ Eco Palm ที่หมู่บ้านตาฟานค่ะ


ส่งเพื่อเช็คอินที่อิเด็นบูทิค แล้วเราก็ให้ Taxi ไปส่งเราที่ Eco Palm กันต่อค่ะ ค่ารถคนละประมาณ 30 บาท แต่ค่าเข้าหมู่บ้าน เกือบร้อยบาทเด้ออ

วิวข้างทางแทบกรี๊ดค่ะ คือมันสวยมาก ...... นี่เสียดายแดด เสียดายที่สุด ถ้าอากาศดีๆ ภาพคงสวยกว่านี้ค่ะ นี่แสงไม่พอ แล้วฝนก็ตกด้วย เสียใจจจจจจจ



เรามาถึงที่พัก ยังไม่ทันได้วางกระเป๋าเลย เจ้าของไล่เราให้ไปถ่ายรูปแล้วค่ะ โอ้โห้ น่ารักมาก เพราะว่าเค้ารู้ว่าเรามีเวลาน้อย แถมพรุ่งนี้เช้าก็ต้องไปขึ้นรถทัวร์กลับฮานอย 8 โมงเช้าอีกค่ะ เสียใจ เสียดาย มีเวลาอยู่น้อยเกิ้นน



ห้องนอนของเราที่จองไว้คือ แบบนอนรวมค่ะ แชร์ห้องน้ำ (ห้องน้ำมี 2 ห้อง ใหญ่โตกว้างขวางมาก และสะอาดมากด้วยค่ะ ไม่ต้องห่วง แถมวิวนะ สวยมากๆ) เพราะจองแบบ Private Room ไม่ทัน วันที่เราเข้าพักเต็มหมดเลย แต่สภาพก็ดีมากค่ะ ผ้าห่มอุ่นมากกกกกกกก อาหารเช้าก็อร่อยมากด้วย



เราทานอาหารเย็นกันที่ที่พักค่ะ มีสปาเก็ตตี้ เบอร์เกอร์ และก็ปอเปี๊ยะสด ซึ่งอร่อยมากกกก นี่มาเวียตนามตั้งหลายวันแล้ว มีมื้อนี้แหล่ะที่อร่อยสุด แถมไม่แพงด้วย หารกันแล้วจ่ายคนละ 250 บาทเองค่ะ


ทานเสร็จก็อาบน้ำนอน พรุ่งนี้เช้าเช็คเอ้าท์ 6 โมงค่ะ (เรานัดให้แทกซี่มารับ เพื่อไปขึ้นรถทัวร์ของบริษัท กรีนบัสค่ะ ราคาคนละ 12 เหรียญ หรือประมาณ 400 บาทค่ะ)

ที่พักน่ารักมาก เนื่องจากเราเช็คเอ้าท์แต่เช้า ทางที่พักเลยรีบทำอาหารไว้ให้เราค่ะ โดยเมื่อวานตอนเย็น ก็มีพนักงานมาถามว่าเราจะทานอะไรบ้าง พอตอนเช้าเค้าก็รีบทำตามที่เราออร์เดอร์ไปค่ะ ... น่ารักมาก



นี่รีบไปหมดทุกอย่าง กินก็จะกิน ถ่ายรูปก็จะถ่าย คือถ่ายไม่ทันจนพี่พนักงานต้องมาช่วยเราถ่ายค่ะ 555+ (เรานัดลุงแทกซี่มารับ 7 โมง ค่ะ เพื่อไปส่งที่ออฟฟิศรถทัวร์ รถจะออกจากซาปา 8 โมงเช้าค่ะ)



บนรถฟินมากค่ะ มีไวไฟ มีที่ชาร์ท มีแอร์ มีผ้าห่ม มีน้ำให้ 1 ขวด มีถุงใส่รองเท้าให้เก็บ ขับไม่เกิน 60 ชอบบ (มีการจอดพักรถให้ทานอาหารด้วยนะคะประมาณ 30 นาที)

นั่งเพลินๆมาก็ถึงซาปาละคะ ประมาณ บ่าย 2 แดดแรงเชียว ......... คืนสุดท้ายนี้เราจองที่พักจากบุ๊คกิ้งดอทคอมค่ะ ชื่อว่า Prince ll Hotel ราคาห้อง 46.2 เหรียญ หรือประมาณ 1,538.46 บาท ต่อ 3 คน รวมอาหารเช้า จะบอกว่าอยู่ใกล้แหล่งสถานบันเทิง และถนนคนเดินมากกกกกกกกกก ค่ะ ดีงามอีกแล้ว อ้อ จากจุดจอดรถทัวร์ เดินไปที่พักปริ้นส์ทู ไม่ไกลค่ะ เดินได้ เปิด GPS เลย



ก่อนออกเดินทางไปตามหาโบสถ์ เซ็นต์จอนห์ เราเติมพลังกันที่ร้านอาหารหน้าโรงแรมค่ะ

....... ปอเปี๊ยะ อีกแล้ว (หน้าจะเป็นปอเป๊ยะแล้วเนี่ย)


อิ่มแล้ว เดินต่อ

เสียงแตร สนั่นหวั่นไหว นี่ถ้าอยู่นานกว่านี้ หูดับแน่ๆ ........ เหนื่อยด้วย ร้อนด้วย กินติมดีกว่า

จะบอกว่าอร่อยมากกกกกกกกกกก มันกะทิเข้มข้นที่สุด ลูกนี้ราคา 60 000 ด่อง แบบเล็ก 35 000 ด่อง


เดินมานิดเดียวก็เจอแล้ววว



ถ่ายเสร็จ เดินมาสะพานแดงตรงทะเลสาปกันต่อค่ะ นี่ยิ่งดึกคนยิ่งเยอะ เยอะมาก เค้าออกมาทำกิจกรรมกันดีอ่ะ คนที่นี่ไม่เป็นโรคซึมเศร้าแน่นอน


เดินไปเดินมาเราเจอนี่ค่ะ หอยขมมมมมมม โอ้ยย จะบอกว่าดีงาม กินแล้วสดชื่น แต่แอบแพงนะคะ หอยแครงจานละ 250บาท หอยขมจานละ 200 รวมน้ำ 1 ขวด หมดไปเกือบ 500 บาท ค่ะ(แต่ได้เยอะมาก)


กินอิ่มแล้ว ไปกินแหนมเนืองต่อ วงในบอกมาว่าร้าน Wrap & Roll อร่อย ... ตามไปค่ะ


รสชาติอาหารอร่อยดีค่ะ แต่แหนมเนือง ไม่เหมือนแหนมเนือง น้ำจิ้มนี่ยิ่งคนละเรื่องเรื่อง ส่วนปอเปี๊ยะปู อร่อยมากกกกกกก แล้วก็บั่นชา (ที่มีหมูปิ้งในชามกับหนมจีน ก็อร่อยค่ะ)


ทานเสร็จ เราเดินชมวิวสะพานแดงซักพักก็กลับที่พักค่ะ แต่ .......... นี่ไม่เข้าใจว่าน้ำอันนี้มันอร่อยตรงไหน


มันเป็นน้ำเปล่า แล้วเค้าบีบมะนาว กับส้มใส่ค่ะ วัยรุ่น นิยมกินมาก ดื่มทานคู่กับเม็ดทานตะวัน ... ถนนเต็มไปด้วยเปลือกเม็ดทานตะวัน .... แต่ก็คงจะอร่อยแหล่ะ ไม่งั้นคนไม่นิยมดื่มขนาดนี้นะ





เช้าวันที่ 20/08/18 เราเช็คเอ้าท์จากปริ้นส์ ทู แต่เช้าค่ะ เพื่อขึ้นเครื่องกลับดอนเมืองเวลา 9 โมงเช้าค่ะ ... ส่วนการเดินทางจากโรงแรมไปสนามบิน เราเหมารถจากคุณเฮืองเช่นเคยค่ะ

สำหรับประสบการณ์ที่ฮานอย เราว่า ผู้คนไม่ค่อยยิ้มแย้มเท่าไหร่ บางคนแค่เรามองสินค้าที่เค้าขายแต่ไม่ซื้อ เค้าก็ด่าเราแว้ดๆแล้วอ่ะและถ้าเวลาจะถ่ายรูป ก็จะรีบก้มหน้าหลบทันที ... เราว่าไม่โอเค ส่วนอาหาร บางร้านก็อร่อย แต่ถ้าอาหารพื้นเมืองจริงๆเลยนี่กินไม่ได้เลยค่ะ

เนื้อหมูบ้านเค้า รสชาติเหมือนเนื้อวัวบ้านเรา แล้วเนื้อวัวก็จะมีกลิ่นฉุน เหมือนเนื้อควายบ้านเราเลย .. จริงๆ ขนาดเพื่อนที่ไปด้วยกันทานเนื้อ ยังทานไมไ่ด้เลยค่ะ มันคาวมาก สรุป พวกเรากินได้แต่เฝ๋อไก่ ( Pho Ga) ส่วนเฝ๋อเนื้อ (Pho Bo) กินม่ายได้เลย






สุดท้าย ซาปา ยังจะเป็นครั้งที่ 2 ของเรานะคะ เดี๋ยวกลับไปใหม่


สำหรับค่าใช้จ่าย :แลกเงินไทยไปทั้งสิ้น 9,500 บาท




ความคิดเห็น