ทุกครั้งของการเดินทางเราจะตั้งความหวังไว้ที่ความสุขเสมอ ครั้งนี้ก็เช่นกัน แล้วมันก็มีความสุขแบบนั้นจริงๆ ผมออกเดินทางข้ามน้ำข้ามเทะเลจากแดนอีสานมุ่งหน้าสู้ปักใต้ คุณเชื่อมั้ยครับว่าผมตื่นเต้นมากที่การเที่ยวครั้งนี้ของผมจะเป็นการท่องเที่ยวแบบวิถีชุมชนอาจะฟังเหมือนธรรมดา แต่ที่ผมอยากบอกว่ามันน่าตื่นเต้นก็คือ ผมได้ไปท่องเที่ยววิถีชุมชนของคนต่างภาคนี่สิครับ บอกเลยว่าทุกอย่างมันช่างน่าหลงไหลไปหมด ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติ วัฒนธรรม หรือแม้แต่การแต่งตัว ที่นั่นคือชุมชนตะโหมด จ.พัทลุงครับ
'ตำบลตะโหมด' เมืองเล็กๆ ในอำเภอตะโหมด จังหวัดพัทลุงเเต่เมืองเล็กๆเเห่งนี้กลับเป็นเเหล่งประวัติศาสตร์ที่สำคัญทั้งในด้านประเพณี วัฒนธรรม สะท้อนถึงวิถีชีวิตของคนที่นั่น
บ้านตะโหมดตั้งอยู่ที่ราบเชิงเขาทางตะวันออกของแนวเทือกเขาบรรทัด โดยพื้นจะลาดชันลงไปทางทิศตะวันออกมีการสลับกันของเนินเขาเตี้ยๆและพื้นราบ พื้นที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าไม้และแม่น้ำลำคลองที่มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาบรรทัดที่นี่ครับนอกจากจะเปิดเป็นชุมชนเพื่อการท่องเที่ยวแล้ว ทุกคนรู้มั้ยครับที่นี่เป็นจุดรวมสองศาสนาเข้าด้วยกันด้วยนะ บอกเลยว่าน่าทึ่งมากครับ ตื่นเต้นสิครับงานนี้ ไปครับเราไปเที่ยวกันเราเริ่มต้นจากจ.นครศรีธรรมราชครับ ไกลกันมาก เพราะอะไรละ เพราะผมจองตั๋วผิดนี่ไงฮ่าๆ เลยมุ่งหน้าสู่ชุมชนด่วนเลยครับ แต่ก็สายๆกว่าจะถึง พอถึงก็ไม่รอช้าครับ ติดต่อเจ้าหน้าที่ด่วนเลยที่เบอร์ 0872988588 ชื่อพี่ธานินครับ จากนั้นเราก็ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างนี้ คุยกับพี่เขาคร่าวๆแล้วขอทริปด่วนเลยครับฮ่าๆ
เราเรื่องทริปแบบเน้นเที่ยวกึ่งวิถีชีวิต ที่แรกที่เรามาครับคือ สวนตานึง เป็นสวนเศรษฐกิจพอเพียงที่เปิดให้การเรียนรูปแก่ผู้ที่สนใจ มีทั้งกินกรรมมากมายให้เราได้ทำ ชมสวน กินผักสดๆกันได้เลยครับที่นั่น แต่ที่สำคัญจุดเด่นของที่นี่เลยครับ คือขี่ม้าชมสวนโอ้โห ตื่นเต้นสิครับงานนี้
ขี่ไปกลัวไป ไม่ใช่กลัวอะไรนะครับ กลัวม้าเนี่ยหลังหักก่อน เพราะดูหุ่นน้องผมสิ อ้วนขนาดนั้น
ใครมาที่นี่ต้องห้ามพลาดเลยครับ ตานึงใจดีมากด้วย
พึ่งเที่ยวที่เดียวเองแต่หิวแล้ว ไปครับ อย่าให้ความหิวทำร้ายเรา บุกไปที่นี่เลย ร้านไม้เนื้ออ่อน เป็นร้านที่ตกแต่งด้วยไม้สไตล์คนพื้นที่ ผสมผสานให้สวยงาม ที่สำคัญครับ ที่นี่เป็นร้านของศิลปินด้วยนะครับ นั่นก็คือ จ๊อบ สบายฮาร์ท เจ้าของผลงานเพลงเสแสร้ง
หิวแล้วลุยเลยครับ กับอาหารใต้ ผมนี่ตายไปเลยเพราะไม่กินเผ็ด เออลืมบอกครับ อีกหนึ่งอย่างที่ดีมากๆเลยของที่นี่คือมีผลไม้ให้กินเยอะมากครับ
กินเสร็จเราก็ไปเที่ยวต่อครับ มีนักท่องเที่ยวหลายกลุ่มมาก แต่เราสามารถเลือกเที่ยวได้นะ ผมเลยไปอีกทริปนั่นคือ ไปชมวิวน้ำตกหลังเขื่อนครับ
พอมาถึงก็ต้องร้องว้าวเพราะวิวสวยมาก หมอกฝนกำลังไหลมาบนยอดเขา มันสวยมากเลยครับ
จากนั้นเราก็นั่งเรือไปยังท้ายเขื่อ นี่คือไกด์ตัวเล็กของเราครับ เชี่ยวชาญการเดินป่ามาก
วิวสวยมากเลยครับ
อย่างที่บอกเลยครับว่าทริปนี้ผมท่องเที่ยวธรรมชาติกึ่งวิถีชุมชน และนั่นก็ชัดเจนทุกอย่างเลยครับที่ หลังเขื่อนเราจะเห็นวิถีชีวิตของคนที่นั่นอีกมุมหนึ่งเลยครับ ทั้งหาปลาหาของป่า ส่วนเด็กๆก็เล่นน้ำรอพ่อแม่สวัสดีพ่อหนุ่ม ทักทายเจ้าถิ่นซ๊ะหน่อย
น้ำตกที่นี่จะไม่ใช่น้ำตกจ๋าครับ จะเป็นกึ่งลำธาร และได้เดินป่าเข้าไป แต่ๆ ด้วยความที่ไม่เตรียมตัวอะไรมาเลย เท้าเปล่าเดินป่าก็มาครับงานนี้
หินสีขาวกับน้ำใสๆ มันสวยแบบเรียบๆง่ายๆในตัวมันมากเลยครับ
ตอนเราไป ทั้งแดดทั้งฝน มาหมดครับ
ที่นั่นเราจะเห็นวิถีชีวิตแบบชัดเจนมากเลยครับ และนี่ก็คือคุณยายที่เข้าไปเเก็บลูกปะมาขาย ส่วนตัวผมแล้ว ผมชอบรูปนี้มากเลย
นี่เลยครับหน้าตาลูกปะ รสชาติคล้ายๆเกาลัด คนที่นั่นนำออกมาขาย กิโลละ 300 บาทเลยนะ
จากนั้นเราก็ยังเดินป่ากันต่อครับ ใช่ครับนั่นขาพวกเราเองกางเกงบล๊อกเซอร์เท้าเปล่าเดินป่า พีคไปอีกครับ เจ้าทากก็แวะมาทักทายไม่หยุด
เดินมาซักพักเราก็มาถึงจุดพีคของน้ำตกวังช้างตาย เห้ย ผมว่ามันชิลมากเลยครับ เงียบสงบ เหมาะมากกับการนั่งเล่นชิลๆซึมซับบรรยากาศ พวกเรานั่งอยู่ตรงนั้นนานเลยอะ ไม่ใช่อะไรนะ คือเอาให้คุ้มเพราะเดินมาไกล ฮ่าๆล้อเล่น
จากนั้นเราก็เดินกลับออกมายังจุดรอขึ้นเรือ และนี่ละครับ วิถีชีวิตของคนที่นั่น นั่งรวมกันเป็นกลุ่มเสวนาถามสารทุกข์สุขดิบกัน พี่กูญบอกพวกผมว่า ที่ตรงนี้ ถ้าวันพระจันทร์เต็มด้วย ชาวบ้านจะมีการค้างแรมปาร์ตี้กันด้วยนะครับ
จากนั้นเราก็นั่งเรือกันต่อครับ ไม่กลับนะ แต่เราไปที่นี่ครับ ผมตั้งชื่อว่ากรีนแลนด์ตะโหมดเลยละกัน มันสวยมากครับ
ทุ่งหญ้าสีเขียวกับภูเขา เห้ยมันเข้ากันมากครับ
นี่ละครับ ความสวยงามของธรรมชาติแบบไม่ต้องปรุงแต่ง จ้องเราทำไมนายอะ จ้องเราทำไม เราไปก็ได้ ฮ่าๆ
ดูจากสภาพครับ เหน็ดเหนื่อยอะไรขนาดนั้น ยังนะครับ ยังไม่กลับที่พักนะ ไปต่อกันที่ควนตาขมเลยครับ จุดชมวิวพระอาทิตย์ตกและสายหมอกของชุมชนตะโหมด
ด้านบนเราจะมองเห็นวิวชุมชนได้อย่างสวยงาม
กลับครับกลับก่อนที่จะหลงทางฮ่าๆ
กลับไปพบเจอกับอาหารที่ตั้งรอพวกเราอยู่บนโต๊ะ โอ้่โหัต่กใัจเลยครับ น่ารักและอบอุ่นมากครับ รอก่อนน้า ผมขออาบน้ำแปป จากนั้นเราก็ไปที่บ้านพี่กูญโซนชาวพุทธ พูดคุยเสวนาจนดึกดื่นก็กลับมานอน
เช้าแล้วเช้าอีก พี่เจ้าของบ้านปลุกเราไปล่องแก่งประมาน 3 รอบฮ่าๆ โอเคจ้า ล่องในฝันสนุกมากเลย ฮ่าๆละนี่คือรูปที่พี่ธานินส่งมาให้ดู เหมือนกันเลยครับพี่ ในฝันพวกผมก็แบบนี้เลย เป็นไงละ ทำซ่าดีนักตอนกลางวัน
นี่คือห้องพักของบ้านที่เราพักครับ กว้างขวางและโล่งมากครับ หลับสบายไปเลยที่เดียว
จากนั้นก็ได้เวลาโบกมือลา พร้อมกลับถ้อยคำของพี่ๆเจ้าของบ้านว่า กลับมาหาบ้างนะ คิดถึง คำธรรมดาที่ฟังแล้วรู้สึกอบอุ่นมาก ขอบคุณมากเลยครับ ที่ดูแลพวกเราเป็นอย่างดี ถ้ามีโอกาศจะกลับไปแน่นอนครับ
เจริดาโฮมเสตย์ 0898694383
ค่าบริการโฮมเสตย์ของที่นี่คือ 900 บาทเท่านั้นเองครับ
จากนั้นเราก็มุ่งหน้าไปยังสนามบิน แต่ๆ ระหว่างทางต้องแวะเที่ยวครับ ไป อะไรเด็ดๆของพัทลุง สะพานเอกชัยเลยครับ สะพานที่ยาวที่สุดในไทย และวิวยอดนิยมกับบ้านแฝดหลังเล็กๆ
สีสันสดใสและวิวสวยมากครับ เป็นที่ที่นิยมของนักท่องเที่ยว ที่มาจอดชมวิวสัตว์น้ำ นก ควายน้ำครับ และพวกผมก็ลงไปชมวิวนั้นเช่นกัน
สวัสดีเจ้านก กว่าจะได้รูปมา เหนื่อยแทบแย่
นี่เลยครับ ควายน้ำ อีกหนึ่งจุดเด่นของพัทลุง
กลับมั้ยตอบเลยว่าไม่ ไปนี่เลยครับ หลงทางกันไปที่คลองปากปะ ฮ่าๆเก็ยวเขาว่ามาไม่ถึง มันสวยมากครับ เคยเห็นในทีวีตอนเด็กๆ วันนี้ได้มาเห็นกับตาแล้ว แค่มาไม่เหมือนเวลาที่ชาวบ้านชาวช่องเขามาแค่นั้น ที่นี่ต้องมาตอนเช้ามืดและเย็นครับ วิวโคดสวย
นั่นละครับ มันสวยจริงๆ กลับเถอะเดี๋ยวตกเครื่อง บอกใครหรอ อ่อบอกมึงเนี่ยฮ่าๆ ไปแล้วน้าพัทลุง
ขอบคุณผู้ร่วมทริปในครั้งนี้มากครับ ขอบคุณชาวตะโหมดที่ต้อนรับเป็นอย่างดี ผมอยากให้ทุกคนมาเที่ยวที่นี่ดูครับ เพราะไม่น่าเชื่อเลยว่า จะมีจุดอันซีนของธรรมชาติที่สวยงามซ่อนอยู่ มาเถอะครับ มาสนับสนุนการท่องเที่ยววิถีชุมชนดู แล้วคุณจะหลงรักแน่นอน
เที่ยวจนวันลาหมด
วันพุธที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2561 เวลา 13.29 น.