รีวิวนี้จะพาไปตระเวนเที่ยวจังหวัดสุราษฏร์ธานี (Suratthani) ที่เที่ยวได้ตลอดทั้งปี แบบไม่ต้องง้อทะเล ซึ่งก็มีที่เที่ยวมากมายหลากหลายสไตล์ กิน เที่ยว เปรี้ยวได้ค่ะ :)

10 สถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดสุราษฏร์ธานี ที่ไม่ได้มีดีแค่ทะเล พร้อมแล้ว เปิดตา เปิดใจ ตามไปเที่ยวด้วยกันได้เลยนะคะ

1. สินมานะฟาร์มสเตย์

ล่องเรือไปกินหอยนางรมตัวใหญ่ๆ ที่ อ.กาญจนดิษฐ์ ซึ่งที่นี่เป็นฟาร์มเลี้ยงหอยนางรมและยังมีที่พักแบบโฮมสเตย์ด้วยค่ะ รองรับนักท่องเที่ยวได้เป็นร้อยคนเชียว อยากฟินเต็มที่ มีชีวิตกินนอนที่ขนำกลางทะเล ก็เลือกพัก 1 คืนนะคะ จะได้มาเรียนรู้การเลี้ยงหอยนางรมด้วย และได้ฟินกับบรรยากาศเย็นๆ กลางทะเลแบบชิลๆ กินอาหารทะเลแบบหนำใจไปเลย

นั่งเรือประมาณ 30 นาทีจากฝั่ง ชมวิวธรรมชาติสองข้างทาง ได้เห็นวิถีชีวิตชาวเลอ่าวบ้านดอน ในรูปด้านล่างนี้ที่เห็นกระท่อมนั้น เรียกว่า ขนำ ที่ชาวบ้านทำไว้พักเวลาออกไปเก็บหอยจับปลาที่เลี้ยงไว้ในกระชังที่อยู่กลางทะเล

บรรยากาศที่สินมานะฟาร์มสเตย์ มีจุดให้ถ่ายรูปเช็คอินได้สวยๆ

และที่สำคัญต้องห้ามพลาด กินหอยนางรมสดๆ ตัวใหญ่ๆ ใหญ่จริงๆๆ ก่อนจะกินลุงสมชายซึ่งเป็นเจ้าของสินมานะฟาร์มสเตย์ ได้บอกวิธีและศิลปะในการกินหอยนางรมให้ได้อัตถรส ว่าจะต้องกินยังไง ก่อนกินควรล้างปากให้สะอาดเพื่อจะได้รับรู้รสชาติที่แท้จริงของหอยนางรม จากนั้นค่อยเคี้ยวและกลืน ความสดหวานจากหอยผสมกับใบกระถิน ได้รสชาติที่หวาน อร่อย อย่างแท้จริง และก็อย่าลืมออกไปยืนกินมองทะเลปล่อยใจให้โล่งๆสบายๆฟินๆไปด้วยนะคะ มันใช่เลย แต่ห้ามกินเกินวันละ 2 ตัว ไม่งั้นจะไม่ได้อัตถรสการกินหอยนางรมนะ ไม่ใช่กินเพื่ออิ่ม ^^

คุณสมชาย เจ้าของสินมานะฟาร์มสเตย์ เล่าถึงที่มา ของชื่อที่นี่มาจาก สินมา คือ สินทรัพย์ เป็นนามสกุล รวมกัน ได้ความหมายที่ตั้งใจคือ สินทรัพย์เข้ามาหานะ

หอยสุราษฎร์ธานีของแท้ ฉายาเค้าละ " ขาว นวล อ้วน สะอาด " ตัวโตใหญ่มากจริงนะ

ราคาแพตเกจวันเดย์ทริปหัวละ 550 บาทต่อคน มีอาหารเที่ยง 1 มื้อจัดเต็มแบบบุพเฟ่ ส่วนราคาที่พักต้องติดต่อสอบถามก่อนนะคะ โทรศัพท์ 08 1597 7575

2. พิพิธภัณฑ์ปลาหิน

ที่เกิดจากความตั้งใจของ ลุงกิตติ สินอุดม ที่อยากจะให้ลูกหลานได้เห็นและรู้จักปลาหลากหลายชนิด จากที่ตัวเองทำประมงมาทั้งชีวิต หันมาแกะสลักหินเป็นรูปปลานานาชนิดสะสมมาเรื่อยๆ แล้วรวบรวมแสดงไว้ที่บ้าน เลยขออุทิศทำประโยชน์นี้ให้แก่รุ่นลูกได้ชมกัน ไม่คิดค่าเข้าชม แล้วแต่จะร่วมบริจาค ลุงกิตติทำด้วยใจรักจริงๆ

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทรศัพท์ 077 371 197 พิกัด https://goo.gl/maps/BMMXtPXmFtK2

3. บ้านเกาะแรต

บ้านเกาะแรต เป็นเกาะเล็กๆ อยู่ในอ่าวบ้านดอน อ.ดอนสัก ห่างจากฝั่งประมาณ 500 เมตร เป็นชุมชนประมงต้นแบบ ส่วนมากเป็นชาวบ้านเชื้อสายจีนไหหล่ำ ที่อพยพมาตั้งบ้านเรือนที่นี่ เป็นเกาะที่มีวิวสวยโดยรอบ ได้ชมพระอาทิตย์ขึ้น และพระอาทิตย์ตก ในช่วงน้ำแห้งสามารถเดินไปยังพื้นที่เกาะแรตได้ มีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย บ้านเรือนยังคงเป็นแบบดั่งเดิม

ที่บ้านเกาะแรต ยังมีโฮมสเตย์ให้พักด้วยนะคะ

พิกัดบ้านเกาะแรต https://goo.gl/maps/apU2UPDwYt82

4. วัดเขาสุวรรณประดิษฐ์ หรือ วัดเขาล้าน

วัดเขาสุวรรณประดิษฐ์ เดิมชื่อ วัดเขาล้าน ตั้งอยู่ ต.ดอนสัก อ.ดอนสัก มีการสร้างพระเจดีย์จตุรมุขอยู่บนยอดเขา บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งได้มาจากวัดพระเกียรติ อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่

ที่วัดเขาสุวรรณประดิษฐ์มีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมา ก็เนื่องด้วย พระกิตติมงคลพิพัฒน์ หรือ หลวงพ่อจ้อย ได้ทำนุบำรุงและพัฒนาในทุกด้าน บารมีของท่านเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไป ถึงแม้จะมรณะภาพแล้วเมื่อปี 2536 สังขารก็ยังไม่เน่าเปื่อย จึงได้มีการบรรจุสรีระของท่านไว้ในโลงแก้วภายในมณฑปหลวงพ่อจ้อยไว้เป็นอนุสรณ์เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มาสักการะบูชาราบไหว้

ลั่นระฆังเพื่อความเป็นสิริมงคล

บนพระธาตุสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของอ่าวดอนสัก เกาะต่างๆ บ้านเกาะแรต และท่าเรือเฟอรี่ดอนสักไปเกาะสมุยและเกาะพะงันด้วย

พิกัดวัดเขาสุวรรณประดิษฐ์ https://goo.gl/maps/BzAK5Pd7GGL2

5. ชุมชนบ้านเขาเทพพิทักษ์

เป็นชุมชนสวนผลไม้ มีที่พักโฮมสเตย์ในสวน กินอยู่แบบบ้านบ้าน มีชีวิตอยู่ในสวนผลไม้ ทุเรียน มังคุด เงาะ ผลไม้สดๆ จากต้น มี ทุเรียนคลองแสง ซึ่งเป็นทุเรียนบ้านที่ขึ้นชื่อ มีต้นทุเรียนอายุนับ 100 ปี และนอกจากนี้ยังจะได้กิน อาหารพื้นบ้าน และเมนูที่หากินได้ยาก อย่างเช่น ปลาส้ม ปลากระโสด ปลายอก และหลามข้าว ซึ่งเป็นภูมิปัญญาของชาวบ้านสมัยก่อน อีกทั้งยังมีบุพเฟ่ผลไม้สดในสวนอีกด้วย ช่วงหน้าผลไม้ เดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม เป็นช่วงที่ผลไม้ออกลูกสุก

นอนโฮมสเตย์ 1 คืน อาหาร 3 มื้อ คนละ 600 บาท ช่วงเดือนสิงหาคม มี บุฟเฟ่ผลไม้ ทุเรียนบ้าน มังคุด เงาะ คนละ 150 บาท กินไม่อั้น กินให้หน้าใสกันไปเลย

ติดต่อ วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์บ้านเขาเทพพิทักษ์ ลุงฤทธิรงค์ โทร 08 4843 7924 ชุมชนบ้านเขาเทพพิทักษ์ ต.เขาพัง อ.บ้านตาขุน จ.สุราษฏร์ธานี พิกัด https://goo.gl/maps/ezB4vhP4ZX62

6. เขื่อนรัชชประภา หรือ เขื่อนเชี่ยวหลาน

แหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับฉายาว่าเป็น กุ้ยหลินเมืองไทย เพราะมีความสวยงามของเทือกเขาหินปูนที่เหมือนกันกับกุ้ยหลินที่ประเทศจีน สร้างกั้นลำน้ำคลองแสง ที่บ้านเชี่ยวหลาน ตำบลเขาพัง อำเภอบ้านตาขุน มีพื้นที่ส่วนใหญ่ติดกับอุทยานแห่งชาติเขาสก สร้างเพื่อพัฒนาแหล่งน้ำ พลังงานไฟฟ้า บรรเทาน้ำท่วม กักเก็บน้ำเพื่อการเกษตร และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม

7. ป่าต้นน้ำ บ้านน้ำราด

แหล่งท่องเที่ยวชุมชน Unseen แห่งใหม่ น้ำใสกิ๊งเหมือนกับกระจก “ป่าต้นน้ำ บ้านน้ำราด” ต.บ้านทำเนียบ อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี เป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำที่มีความอุดมสมบูรณ์ โดยมี ตาน้ำ เป็นหัวใจหลักของป่าต้นน้ำนี้ น้ำที่ผุดขึ้นมาจากพื้นดิน ไหลลอดใต้ภูเขาผ่านออกมาเป็นตาน้ำ ซึ่งเป็นน้ำที่ใสบริสุทธิ์และชาวบ้านก็เชื่อว่าเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์

บ่อน้ำจืดสีฟ้าอมเขียว ลึกประมาณ 1 เมตร ต้ำน้ำเป็นพื้นทรายตะกอนหินปูน จึงทำให้น้ำไม่ขุ่น ใสอยู่ตลอด น้ำจากตาน้ำจะไหลลงไปยังคลองมะเลาะ ไปสู่น้ำตกน้ำราดธารทอง แล้วจึงไหลไปยังพื้นที่ของหมู่บ้านบ้านน้ำราดและบ้านย่านยาว

น้ำใสมากๆ ซึ่งเป็นน้ำที่เกิดจากธรรมชาติ แต่แนะนำให้มาแต่เช้าหรือช่วงบ่ายเกือบเย็นจะได้ไม่พบกับคนหมู่มาก สามารถลงเล่นน้ำได้ และต้องช่วยกันดูแลรักษาความสะอาดด้วยนะคะ

สอบถามเพิ่มเติม กำนันสุจินต์ โทรศัพท์ 080-6961166

พิกัดป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด https://goo.gl/maps/Y8jNSYpa2z62

8. อำเภอบ้านนาสาร

อำเภอบ้านนาสาร ห่างจากตัวเมืองสุราษฏร์ ประมาณ 45 กิโลเมตร เป็นอำเภอที่ขึ้นชื่อเรื่องผลไม้ โดยเฉพาะ เงาะโรงเรียนนาสาร ที่ว่า แห้ง ล่อน กรอบ หวาน ขนดก เปลือกบาง สุกปลายขนยังคงเขียว ยกให้เป็นเงาะอร่อยที่สุด และเงาะโรงเรียนนาสารได้ประกาศขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indications หรือ GI) แล้วโดยกรมทรัพย์สินทางปัญญา เงาะจะแปลกแตกต่างจากเงาะที่อื่นยังไง อยากชวนให้มาชิมเองนะคะ ช่วงที่เงาะออกลูกสุกคือเดือนกรกฎาคมถึงเดือนสิงหาคม

นอกจากเงาะโรงเรียนนาสารแล้ว ยังมีผลไม้อื่นๆ อีก เช่น ทุเรียน ลองกอง มังคุด สละ

9. ชุมชนบางใบไม้

ชุมชนบางใบไม้ ต.บางใบไม้ อ.เมือง เป็นชุมชนที่มีคลองเล็กคลองน้อยเป็นร้อยสายเชื่อมต่อกัน ไหลรวมไปลงแม่น้ำตาปี จึงได้ฉายาว่า คลองร้อยสาย ชุมชนบางใบไม้เป็นชุมชนขนาดเล็กที่มีเอกลักษณ์ไทยแบบดั้งเดิม มีวิถีชีวิตที่เรียบง่ายสองฝั่งคลอง บางใบไม้ก็สมชื่อนะคะ เต็มไปด้วยใบไม้จริงๆ ใบจากและพืชน้ำจำนวนมากขึ้นหนาแน่นตลอดสองฝั่งคลอง ส่วนมากชาวบ้านจะทำอาชีพประมงและทำสวน ห่างจากตัวเมืองสุราษฏร์ฯ แค่ 15 นาที

ทุกวันอาทิตย์ เวลา 9.00 - 15.00 น. จะมี ตลาดน้ำประชารัฐบางใบไม้ ตลาดชุมชนของชาวบ้านบางใบไม้ มีของกิน ของใช้ อาหารพื้นบ้านมากมาย ของอร่อยทั้งนั้น ทั้งชิมทั้งกิน ฟินได้อีก ที่นี่แนะนำเลยค่ะ ของกินเยอะมาก ชิมฟรีก็ชอบ แฮะๆ ชอบก็ซื้อ ช่วยกันอุดหนุน กระจายรายได้สู่ชุมชนนะคะ ชาวบ้านก็น่ารักเป็นกันเอง และที่นี่ยังมีบริการล่องเรือชมวิวทิวทัศน์ธรรมชาติสองฝั่งคลองบางใบไม้ คนละ 20 บาท เป็นเรือแจวเนิบๆ ชมธรรมชาติก็ฟิน สดชื่น สูดอากาศบริสุทธิ์ ช่วงค่ำก็ล่องชมหิ่งห้อยได้อีก มาเที่ยวแล้วก็ไม่ควรพลาดล่องเรือนะคะ

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กำนันจรัญญา ศรีรักษ์ โทร 08 1607 4935 พิกัด https://goo.gl/maps/ZSZ8LvehdF22

10. ร้านภูณิศา เขาหัวควาย

ร้านอาหารภูนณิศา ซึ่งตัวร้านตั้งอยู่บนภูเขาที่เรียกว่า เขาหัวควาย มีแม่น้ำตาปีไหลผ่านทอดยาว คดเคี้ยว สองฝั่งแม่น้ำเป็นสวนปาล์มของชาวบ้าน มองเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม พร้อมทั้งได้ชมพระอาทิตย์ตกที่สวยมากอีกที่นะคะ

พิกัดร้านภูนิศา https://goo.gl/maps/xvkC19ZANg22 โทรศัพท์ 080 5296111

สะพานศรีสุราษฎร์ มาเที่ยวจังหวัดสุราษฏร์แล้วต้องได้นั่งรถผ่าน เป็นสะพานข้ามแม่น้ำตาปี สะพานที่สูงที่สุดในภาคใต้ และยังมีความชัน ขึ้นสะพานไปเห็นวิวสวยมาก โดยเฉพาะตอนพระอาทิตย์ตก บางคนบอกว่าที่เห็นชันขนาดนี้เป็นที่มุมกล้อง ต้องได้มาเห็นด้วยตัวเอง สะพานมีความยาว 2.5 กิโลเมตร สามารถใช้เส้นทางเลี่ยงเมืองสุราษฎร์ ข้ามสะพานศรีสุราษฎร์ โดยไม่ต้องวิ่งผ่านตัวเมืองสุราษฎร์ธานี

เป็นยังไงบ้างค่ะ เที่ยวจังหวัดสุราษฏร์ธานีแบบไม่ง้อทะเล ก็ฟินเฟี้ยว เที่ยวชิลได้ หาเวลา หาโอกาส หาเงิน หาเพื่อนเที่ยว แล้วมาเปรี้ยวที่สุราษฏร์ฯ บ้างนะคะ

สำหรับการเดินทางมาเที่ยวที่จังหวัดสุราษฏร์ธานี เลือกการเดินทางที่ตัวเองสะดวก ไม่ว่าจะเรื่องเวลา งบประมาณ นะคะ ทุกวันนี้มีทางเลือกให้นักเดินทางได้ประหยัดในงบที่เราพอใจ จะขับรถ นั่งรถไฟ รถทัวร์ หรือจะเครื่องบิน สะดวกแบบไหนก็เลือกแบบนั้น โดยเฉพาะถ้าบินมาก็มีสายการบินหลายสายออกราคาตั๋วโปรโมชั่นในราคาถูกที่เท่ากับรถทัวร์รถไฟก็ว่าได้

แต่ ... สำหรับสายเที่ยวที่เน้นประหยัด ที่เดินทางด้วยเครื่องบิน ก็อยากจะมีประกันเดินทางในประเทศ ไว้คุ้มครองกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในช่วงเดินทาง ซึ่งตอนที่เราซื้อตั๋วเครื่องบินในเวบของสายการบินนั้นจะมีช่วงให้เราติ๊กซื้อประกันเดินทางไปด้วย ต้องดูและอ่านรายละเอียดให้ดีดีก่อนจะกรอกข้อมูลนะ ซึ่งสำหรับเราราคาประกันนี้ค่อนข้างแพง ก็อาจจะมีลังเลที่จะซื้อไม่ซื้อบ้าง แต่ถ้าราคาถูกลงก็คงไม่ต้องลังเล เพื่อความสบายใจ

แต่เดี๋ยวก่อน !!! เราก็มีทางเลือก ตอนจองตั๋ว ให้ติ๊กประกันเดินทางที่พ่วงมาออก แล้วไปหาซื้อประกันออนไลน์กับบริษัทประกันโดยตรงได้ ซึ่งช่วงนี้ก็มีโปรโมชั่นราคาที่ถูกกว่า แต่ให้ความคุ้มครองได้เท่ากันหรือมากกว่า และก็ยังซื้อง่ายๆ ผ่านเว็บไซต์หรือแอพมือถือได้สะดวกรวดเร็ว ลองดูทางเลือกของที่นี่ดูนะคะ ประกันเดินทางในประเทศ TIP FLY SURE ของทิพยประกันภัย ราคาเบี้ยประกันเที่ยวเดียวแค่ 55 บาท ไป-กลับ 129 บาท แค่มีตั๋วเครื่องบนในประเทศ ซื้อประกันตัดเงินผ่านบัตรเครดิต ก็ได้กรมธรรม์ทางอีเมล์ได้เลย

ซื้อได้ที่เว็บไซต์ : https://www.tipinsure.com/tipflysure หรือทางแอปพลิเคชัน TIPINSURE M

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

ติดตามและพูดคุยกันต่อได้ที่ Fanpage เที่ยวแล้วยัง : www.facebook.com/welikejourney

Email : [email protected]

IG : lingple

เที่ยวแล้วยัง

 วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2561 เวลา 18.18 น.

ความคิดเห็น