สวัสดีครับ เพื่อนๆทุกท่านที่แวะเข้ามาอ่านรีวิวนี้ ทริปนี้ผมจะพาเพื่อนๆเดินทางหนีกรุงไปเที่ยวไกลถึง "เชียงดาว" ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงหน้าฝน บรรยากาศก็จะเขียวๆชื่นใจหน่อย ทริปนี้เดินทางง่ายๆครับจากกรุงเทพเราเดินทางแบบสโลว์ไลฟ์ด้วยขบวนรถไฟที่ 52 ออกจากกรุงเทพ 4 ทุ่ม ถึงสถานนี้เชียงใหม่ ประมาณ 12.30 น. คืนแรกแวะพักเอาแรงในตัวเมืองเชียงใหม่ ก่อนออกเดินทางต่อไปยังเชียงดาวในรุ่งเช้า ทริปนี้เราเลือกการเดินทางไปเชียงดาวด้วยรถโดยสารประจำทาง ได้เวลาเดินทางเราเรียกรถแดงจากคูเมืองให้ไปส่งที่ สถานีช้างเผือก

เราถึงสถานีช้างเผือกประมาณ 9 โมงเช้าได้ตั๋วรถเที่ยว 9.30 น. ไปยังช่องขายตั๋ว เชียงใหม่ ท่าตอน เลยครับ บอกคนขายว่าไปลงเชียงดาว ค่าตั๋วคนล่ะ 40 บาท

หน้าตารถบัสก็ประมาณนี้ครับ รถออกทุกครึ่งชั่วโมงนะครับ

ได้ตั๋วมาล่ะ เลือกที่นั่งกันเองแล้วแต่ชอบครับ แล้วก็นั่งชิลกันไปกับบรรยากาศข้างทาง

บรรยากาศบนรถเที่ยวนี้นั่งสบายๆครับคนไม่เยอะ อย่าลืมบอกเด็กรถว่าให้จอดที่ โลตัส เชียงดาวด้วยนะครับ เพราะเราต้องนั่งรถชาวบ้านจากที่นั้นไปยังที่พัก รถใช้เวลาเดินทางจากเชียงใหม่ก็ประมาณชั่วโมงครึ่ง เสียงเด็กรถตะโกนถึงล่ะ โลตัส เชียงดาว ลงจากรถสักแป็บก็มีหญิงสาวชาวลีซูเดินมาถามว่าไปไหนค่ะ เราบอกไปว่า ไปบ้านสายหมอก โฮมเสตย์ คิดคนเท่าไหร่ครับ เสียงหญิงสาวชาวลีซูตอบกลับมาว่า ค่าโดยสารคนล่ะ 60 บาท โอเครครับ รถจอดไหน? เดินไปรอที่รถในซอยข้างร้านขาหมูเลยค่ะ ส่วน เพื่อนๆคนไหนที่หิวแวะหาไรกินก่อนได้ครับ แถวนี้เค้ามีร้านขาหมูยูนานร้านดังให้แวะชิมกัน แต่เราไม่ได้แวะทาน มุ่งหน้าไปยังรถเลย

รถคันนี้แหล่ะที่จะพาเราไปยังที่พัก เส้นทางคดเคี้ยวเขียวตลอดทางน่าหวาดเสียวนิดหน่อย แต่คนขับขึ้นลงทุกวันจนจำโค้งได้จึงขับด้วยความชำนาญ ใครที่ขับรถมาเองแนะนำให้ระวังหน่อยครับ บีบแตรทุกโค้งเวลาขึ้นเส้นทางค่อนข้างแคบแต่ถนนดีครับ เกือบลืมบอกไปเราต้องเสียค่าผ่านด่านอุทยานเพิ่มด้วยคนล่ะ 20 บาท

ใช้เวลาเดินทางขึ้นดอยประมาณ 45 นาทีก็ถึงหมู่บ้าน

เป็นไงครับบรรยากาศของหมู่บ้านที่นี้ น่าอยู่ใช่มั้ยล่ะ

รถวิ่งมาส่งเราถึงหน้าโฮมเสย์เลยครับ เป็นไงล่ะบรรยากาศน่าระเบียงของบ้านสายหมอก โฮมเสตย์ เห็นวิวดอยหลวงเชียงดาวเต็มๆ แอบอิจฉาเจ้าหมาน้อย นอนรับลมสบายเชียว

แวะเช็คอิน แล้วเดินไปยังห้องพัก คืนนี้เรานอนบ้านหลังนี้ครับจำชื่อห้องไม่ได้ ค่าห้องคืนล่ะ 600 ต่อคน รวมอาหารเช้า ฟรีวิวดอยหลวงเชียงดาวแบบเต็มๆ No wifi ที่นี้สัญญาณโทรศัพท์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะครับมีบ้างไม่มีบ้าง แต่ข้อดีของมันคือทำให้เราอยู่กับธรรมชาติได้เต็มอิ่ม ไฟฟ้าที่นี้ชาวบ้านเค้าใช้พลังงานแสงอาทิตย์กัน ไฟจะเปิดเวลา 6 โมงเย็นถึงเช้า ที่หน้าฟอนท์มีไฟฟ้าให้บริการชาตจ์แบตฟรี

บรรากาศวิวดอยหลวงเชียงดาวหน้าห้องพัก วันที่เรามาหมอกจะไม่ค่อยเยอะ แต่ก็พอมีให้สัมผัสบ้าง นี้มันบรรยากาศช่วงบ่ายๆแล้วนะครับ

พาเพื่อนชมบรรยากาศรอบๆครับ ซึ่งที่นี้จะมีที่พักอยู่หลายที่ให้เราเดินชมกันได้ ที่มีชื่อเสียงก็มี บ้านระเบียงดาว บ้านลีซู แต่ผมว่าวิวสวยสุดเป็นที่นี้ครับ บ้านสายหมอก โฮมเสตย์

มุมนี้ถ่ายจากระเบียงบ้านลีซูซึ่งอยู่ติดกัน

ส่วนเจ้ากับดักฝันนี้ถ่ายจากบ้านระเบียงดาว

เดินเล่นจนเหนื่อยได้เวลาอาหารเย็นครับ เสริฟถึงหน้าระเบียงกันเลย พร้อมวิวดอยหลวงเชียงดาว

หน้าตาอาหารเย็นที่ทางโฮมเสตย์จัดมาให้ก็มีประมาณนี้ครับ ง่ายๆ ไข่เจียว ต้มจืด ผัดผัก แล้วก็น้ำพริก รสชาติแบบชาวบ้านๆทำครับ พอทานได้

ส่วนใครที่ยังไม่อิ๋ม ที่นีมีหมูกะทะให้บริการด้วยครับชุดล่ะ 350 บาท น่าตาก็อย่างที่เห็นครับ เรากินกันจนอิ๋ม เสร็จอาบน้ำเข้านอนหลับสบาย พร้อมกับความหวังเล็กๆว่าตื่นมามาจะเห็นหมอกในยามเช้า

Good Morning เชียงดาว ตื่นเช้าด้วยความสดชื่นกับบรรยกาศหน้าห้องพัก วันนี้หมอกไม่เยอะเพราะทิศทางลมเปลี่ยน แต่สำหรับผม มันสวยเลยล่ะ

เดินชมวิวสักพัก ทานอาหารเช้า อาบน้ำเก็บของเตรียมคัวเดินทางกลับ เพราะเรานัดรถชาวบ้านมารับเช้า 8 โมง เพราะเราต้องเดินทางต่อไปยังแม่ริม

ระหว่างรอรถมารับ ก็เดินถ่ายรูปที่มุมระเบียงด้านบนกันหน่อย เพื่อบันทึกความทรงจำดีๆ

เวลา 2 วัน 1 คืนที่เชียงดาวนี้ถือว่ากำลังเหมาะเลยทีเดียว กับความสุขที่มีให้เราตักตวงอย่างเต็มอิ๋ม ส่วนใครที่ต้องการมาพักที่บ้านสายหมอกโฮมเสย์ติดต่อหน้าเพจด้านล่างเลยครับ

ติดต่อที่พัก : เพจบ้านสายหมอก โฮมเสตย์ เชียงดาว

สุดท้ายยี้ต้องขอขอบคุณเพื่อนทุกท่านที่สละเวลาอันมีค่ามาอ่านรีวิว ของเราผิดพลาดประการใดขออภัยไว้นะที่นี้ด้วย มีความสุขไปด้วยกันครับ

Smile Travel and Enjoy

ฝากติดตามผลงานเพิ่มเติมได้ที่

https://th.readme.me/id/sunnylifejourney




Sunnylife Journey

 วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2561 เวลา 11.59 น.

ความคิดเห็น