ถ้าพูดถึงที่เที่ยวสำหรับสายเดินป่าก็คงหนีไม่พ้น ภูสอยดาว เส้นทางเดินป่าที่โคตรโหดสำหรับมือใหม่อย่างเรา
.
.
เราไม่เคยมาที่นี่
เราไม่ใช่คนชอบเดินป่า
เราไม่ใช่คนออกกำลังกาย
.
.
.
หลายคนคงสงสัย… แล้วมึงไปทำไม?
เออ นี่ก็ถามตัวเองเหมือนกัน… กูไปทำไม 555
ทริปนี้เราไปกัน 11 คน เหมารถตู้ไปกันจากกทม. ใช้เวลาเดินกันประมาณ 5-6 ชั่วโมง โดยยึดคำว่า “เดินเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก” เป็นหลัก
พวกเรามาถึงจ.อุตรดิตถ์ช่วงใกล้เช้า ก่อนที่จะมุ่งหน้ามายังอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว เราแวะซื้อเสบียงอาหารไว้เตรียมทำกินกันก่อนที่ตลาดสด เทศบาลตำบลป่าแดง เพราะระหว่างทางเดินป่าและข้างบนภูสอยดาวจะไม่มีอะไรขายเลย
พอเรามาถึงอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว เราก็แยกย้ายกันทำธุระส่วนตัว เตรียมของที่จะฝากลูกหาบ และไปติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อทำการเช่าเต็นท์
พวกเต็นท์และสิ่งของที่ใชอนอนต่างๆค่าเช่าราคาค่อนข้างสูง เพราะนอกจากเช่าแล้ว ต้องมีค่าจ้างลูกหาบขึ้นไปด้วย ถ้าใครมีเต็นท์มาเองจะดีกว่า เพราะช่วยประหยัดไปได้เยอะเลยแหละ
ตอนแรกพวกเราก็ว่าจะเช่ากันหมด พอเห็นราคาเท่านั้นแหละ อะไรไม่เอาได้ก็ไม่เอา หลักๆที่จำเป็นก็คือเต็นท์ แผ่นรองนอน กับถุงนอน เพราะข้างบนอากาศหนาว และถ้าไปหน้าฝน พื้นจะแฉะ เปียก
หลังจากที่เราจัดการทุกอย่างเรียบร้อย เราก็มุ่งหน้าไปยังทางขึ้นภูสอยดาว โดยรถรับส่งที่ทางอุทยานมีให้บริการ ระยะทางขึ้นภูสอยดาวอยู่ที่ 6.5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 4-6 ชั่วโมง และมีความสูงจากระดับน้ำทะเล 2,102 เมตร
พอเราไปถึงทางเข้าเราจะเจอกับน้ำตกภูสอยดาวเป็นอย่างแรก แค่เห็นน้ำตกก็ไม่อยากขึ้นไปแล้วอ่ะ อยากเล่นน้ำมากกว่า 555 เราแวะถ่ายรูปกันสักพักก่อนที่จะมุ่งหน้าเข้าสู่สนามรบอันแสนโหดของเรา
แรกๆมันก็ยังสนุกกันอยู่ ถ่ายรูปเล่นกันไปเรื่อยตามทาง จนสักพักไม่ไหวละ เก็บกล้อง! แล้วเดินอย่างเดียว เราต้องเดินผ่านเนินทั้งหมด 5 เนิน นั่นก็คือ เนินส่งญาติ, เนินปราบเซียน, เนินป่ากอ, เนินเสือโคร่ง และเนินที่ใครๆก็ขนานนามกันว่าโหดอยู่ที่เนินสุดท้าย นั่นก็คือ “เนินมรณะ”
อย่าเพิ่งคิดถึงเนินมรณะเลย แค่เนินแรกก็จะตายละ ตอนนั้นก็คิดว่ากูเอาตัวเองมาลำบากทำไมวะ ที่เที่ยวสวยๆสบายๆมีตั้งเยอะ แต่ก็หันหลังกลับไม่ได้ละ ยังไงก็ต้องลุย!
เดิน เดิน เดิน เดินไปเรื่อยๆจนมาถึงป้าย “เนินมรณะ” ตอนนั้นเราอยู่คนเดียวก็คิดว่า เอาวะ! โค้งสุดท้ายละ เหลือแค่ 1.5 โลเอง เดินมาก็ตั้ง 5 โลละ ดูสิมันโหดขนาดไหนกันเชียว (ท้าทายๆ 555) ไม่ทันขาดคำ เดินไปแค่ 100 เมตร หยุดพักเลยค่ะ อยากแหกปากดังๆว่า “ทางอะไรวะเนี่ยยยยยยยยยย”
เดินขึ้นมาเรื่อยๆ เอ่อ… อย่าเรียกว่าเดินเลย เรียกปีนดีกว่า ทางโคตรชัน ชันแบบชันเหี้ยๆ (ขออนุญาติหยาบคาย เพราะมันเป็นแบบนั้นจริงๆ) ยิ่งเดินยิ่งสูง ยิ่งสูงยิ่งสวย เห้ยแก มันมองเห็นวิวข้างล่างแบบแทบจะลืมความเหนื่อยไปเลย
ไม่ต้องสงสัยนะ ว่าเดินคนเดียวทำไมมีรูป เราก็ขอให้คนแถวนั้นช่วยถ่ายให้นั่นแหละ มันสวยซะแบบ ยังไงก็ต้องมีรูปอ่ะ
หลังจากฟินกับบรรยากาศตรงนี้เรียบร้อย เราก็ลุยต่อ อีกนิดเดียว นิดเดียวเท่านั้น ฮึบไว้!!!
ถึงแล้ววววววววว!!! ลานสน อยากจะกรี๊ด ไม่ใช่กรี๊ดเพราะถึงลานสนนะ กรี๊ดตรงนี่ต้องเดินอีก 500 เมตรเพื่อไปลานกางเต็นท์ใช่มั้ย TT ตอนนั้นก็อยากนอนมาก เพลียสุดๆ
ดูหน้าตาคนเพลีย 555 เพื่อนเราเดินตามมาถึงพอดีเลยให้เพื่อนถ่ายรูปให้นิดนึง ก่อนจะชิ่งหนีไปนอน
หลังจากถึงลานกางเต็นท์แล้ว เราก็แวะไปเอาอุปกรณ์สำหรับนอนกับเจ้าหน้าที่ด้านบน ก่อนจะแวะไปหาเพื่อนที่มาถึงก่อนที่เต็นท์
พอทุกคนมาถึงจุดรวมตัว บางคนก็ไปถ่ายรูปเล่นรอ (ไปเอาแรงมาจากไหนกันก็ไม่รู้) ส่วนเราไม่ไหว เลยขอตัวไปงีบแปปนึง แต่ก่อนงีบก็แอบเฟลนิดๆเพราะเต็นท์สกปรก เพราะฝนตกด้วยแหละ เลยเปียกและมีแต่ขี้ดินเต็มไปหมด ทั้งหน้าเต็นท์และด้านใน แต่ถามว่านอนมั้ย? นอนดิ รออะไร
ตอนแรกกะว่าจะงีบแปปนึงแล้วตื่นมาช่วยเพื่อนเตรียมอาหาร แต่ก็นะหลับเหมือนตาย จนเพื่อนต้องมาปลุกไปกินข้าว มื้อเย็นของเราคือชาบูที่เตรียมของกันมาเอง
บรรยากาศตอนนั้นมันโคตรดี บางคนจากที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ก็สนิทกันหมดเหมือนรู้จักกันมานาน ด่าได้ด่า แซวได้แซว พวกเรากินกันไปคุยกันไปและแยกย้ายกันไปนอน โดยประโยคทิ้งท้ายคือ เจอกัน ตี 5.30 ไปรอดูพระอาทิตย์ขึ้น
กลางคืนหลับไม่สนิทเท่าไหร่เพราะฝนตกหนัก ลมแรง เลยหลับๆตื่นๆ ตอนนั้นก็คิดแล้วแหละว่า ฝนตกขนาดนี้ น่าจะได้เจอกัน 7 โมงเช้า
ขณะนี้เวลา 5 นาฬิกา 30 นาที เราตื่นมาแล้วแชทหาเพื่อนในกลุ่ม… ไม่มีการตอบรับจากใครทั้งนั้น นอนต่อยาวเลยจ้า เพราะตอนนั้นฝนก็ยังไม่หยุดตก รู้ตัวอีกทีก็ฟ้าสว่างละ เพื่อนมาปลุกอีกตามเคย
ตอนนั้นฝนหยุดแล้ว เราโผล่หน้าออกไปนอกเต็นท์ ก็เจอกันอากาศเย็นๆ กับหมอกหนาๆ เอาจริงๆเราว่าเจอหมอกที่ภูสอยดาวสวยกว่าเจอแดดนะ มันเป็นวิวที่ถ่ายรูปออกมาแล้วสวย
หลังจากจัดการสภาพอันงัวเงียของตัวเองเสร็จ เรากับเพื่อนก็ออกไปถ่ายรูปเล่นตามประสาคนชอบถ่ายรูป
จุดที่คนสนใจที่สุดบนภูสอยดาวก็คงหนีไปพ้นดอกหงอนนาค เพราะมันจะบานช่วงนี้แหละ
เชื่อมั้ยว่า คนที่ไม่ค่อยชอบการเดินป่าแบบเรากลับติดใจกับประสบการณ์แบบนี้ เพราะถึงมันจะเหนื่อย แต่มันก็คุ้มกับการที่เราได้เห็นวิวสวยๆ ได้มาเที่ยวกับเพื่อนๆ ได้เจอเพื่อนใหม่ ที่สำคัญ ได้รูปสวยๆกลับไปเยอะเลยแหละ
สำหรับใครที่มีแพลนไปภูสอยดาว ไปช่วงหน้าฝนนี่แหละกำลังดี เพราะจะเจออากาศเย็นๆ หมอกหนาๆ รวมถึงดอกหงอนนาคที่กำลังสวย ที่สำคัญ ฟิตร่างกาย เตรียมเสื้อผ้า รองเท้า ไฟฉาย ยาประจำตัว รวมถึงพวกยากันแมลงต่างๆไปให้พร้อม
อย่าลืมเช่าถังน้ำด้วย เพราะที่นี่ไม่มีไฟฟ้าใช้ เวลาจะเข้าห้องน้ำเราต้องไปตักน้ำที่ลำธารมาใช้เอา
อีกเรื่องที่สำคัญ ตัดเล็บเท้าด้วยนะ เพราะเราลืมตัดเวลาเดินขึ้นเดินลงทางชันๆมันจะเจ็บมากกกก แล้วมันจะหมดอารมณ์ในการเที่ยวได้ ยังไงถ้ามีโอกาส อย่าลืมลากตัวเองกับเพื่อนๆไปลำบากดูด้วยกัน เพราะความลำบาก มันทำให้เราสนิทกันขึ้นมากจริงๆ
ดูรีวิวและที่เที่ยวอื่นๆ หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ใน https://facebook.com/Lakgunpai
ลากกันไป
วันพฤหัสที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2561 เวลา 09.45 น.