ลองทานอาหารไทยที่ Blue Elephant สาทร
จะบอกว่าร้านนี้เคยเดินผ่าน ขับรถผ่านก็หลายที่ด้วยอาคารที่มีความโดดเด่น สีเหลือง ประกอบกับบริเวณที่ว่างโดยรอบทำให้ทุกคนต้องหยุดหันไปมอง ผมเองเคยตั้งคำถามกับร้านนี้มานานแล้วว่าร้านนี้ต้องดีแน่นอน โลเคชั่นดี ดูแล้วน่าจะแพงจนเอื้อมไม่ถึง แต่แล้ววันหนึ่งโอกาสก็มาคือมีโปรโมชั่นของงาน BK restaurant week Sep 2018 ที่เราจ่ายราคาประมาณ 1,000 บาท ก็ได้รับประทานอาหารที่ร้านนี้ (จริงๆมีให้เลือกหลายร้านมาก แต่ร้านนี้คือ 1 ในตัวเลือกที่อยากลองมานานแล้ว) ก็เลยจัดการจองร้านซะเลย
เริ่มต้นเข้ามาบริเวณร้านที่จอดรถแถวนั้นมีบริเวณรอบๆร้านให้จอดถ้าเต็มก็เอาไปจอดที่อาคารจอดรถที่ตึกด้านหลังได้ ตอนผมไปนั้นเจอรถทัวร์สมาสองสามคันคนจีนเยอะมาก แต่ด้วยการจัดการของร้านนั้นถือว่าทำการบ้านมาดีมาก คือจัดให้แบ่งแยกบริเวณไว้ต่างหาก คือเราจะเข้าไปเจอลูกค้าที่ไม่ใช่ลูกทัวร์มาทาน ซึ่งทำให้บรรยากาศดีไม่วุ่นวายอย่างนี้คิดไว้ตอนแรก
ตัวร้านตกแต่งแบบไทยมากต่างชาติมากินเพียบแทบทุกโต๊ะจะเป็นต่างชาติเท่าที่เห็นคือมีคนไทยอยู่โต๊ะเดียวพนักงานต้อนรับดีมาก แจ้งที่บุ๊คไว้มีการทำตารางลงชื่อไว้ระเอียดรอบคอบไม่ต้องโชว์อะไรมาก แค่บอกชื่อจบเลย โต๊ะจะเป็นแนวไม้และเครื่องสานๆ มาตกแต่งมีดอกกล้วยไม้ประดับไว้ กล้วยไม้นี่ของจริงนะเออ อย่าไปเด็ดของเค้าเล่นละ
มาถึงพนักงานมารับออเดอร์เครื่องดื่มคือพูดภาษาอังกฤษใส่เลย เราก็กลัวเค้าจะเขิน เลยคุยเป็นอังกฤษกลับไป ไม่ต้องแปลกใจเพราะลูกค้าคนไทยมากินน่าจะน้อยเค้าจึงเคยชินกับการต้อนรับด้วยภาษาอังกฤษ ถือว่าฝึกภาษาไปกันลืม
เมนูที่ทานวันนี้เป็นแบบ 3 คอร์ส ไม่ใช่ เทสติ้งเมนู (แต่ถ้าใครอยากมาลองก็ราคา 2,400บาท แบบไม่มีซุป และแบบครบทุกเมนู 2,700 บาท คิดอยู่ว่าอยากไปลองทานดูน่าจะอร่อย)
เริ่มต้น ด้วยเมนูเรียกน้ำย่อย (Appetizer) ยำกุ้งสัปปะรด อันนี้จะมีให้ทุกโต๊ะ เป็นผักสลัดกลีบดอกบัวสีชมพูด้านในใส่กุ้งสุกกับสัปปะรดราดด้วยน้ำยำ กินแบบคำเดียวได้ทั้งรสหวานของสัปปะรด ความเปรี้ยวของน้ำยำ แล้วตบด้วยความนุ่มของกุ้ง คือรสชาติที่กำลังจะโดดเกินไปกลับลงมาที่สมดุลของความพอดีเพราะมีกุ้งมาหนุน ประกอบกับความนุ่มของกุ้งเพิ่มความหลากหลายของอาหารคำนี้
Starters เริ่มจานแรกเป็นสาคูไก่เบรส ตัวสาคูหนึบพอดีไม่แฉะไส้ไม่ได้มีรสมากนักเน้นหนักไปที่ชูเนื้อไก่กับถั่วด้านในเป็นเมนูเริ่มต้นที่ดี
ต่อมา ห่อหมกปูทอดราดด้วยซอสพริก รสชาติไม่จัดจ้านมากฝรั่งทานได้คนไทยก็ทานดีไม่ได้แย่ รสเปรี้ยว หวานเผ็ดหน่อยๆ คือตัดไปนี่เนื้อปูแน่นมากจริงๆ ตัวแป้งที่ห่อมาคือไม่หนามีความกรอบนิดๆ
ตบท้ายด้วยยำมะม่วงกุ้งสด เรียกว่าจัดลำดับการเสริฟมาดีมาก รสชาติยำจะคล้ายตัวแรก แต่อันนี้จะมีมะม่วงมาเป็นตัวหลักแทนสัปปะรด ลงตัวแบบตัวแรกที่เป็นกลีบบัวเลย ล้างปากเพื่อให้พร้อมที่จะทานจานหลักได้ดีมาก
Main courses เข้าสู่อาหารจานหลัก ปลากะพงน้ำมะขาม ตัวเนื้อปลาคือทอดกรอบมากำลังดีไม่แข็งหรือแห้งจนเกินไป ราดด้วยน้ำซอสที่ใส่มาคือน้ำมะขามจะออกหวานๆ หอมกลิ่นมะขาม กินกับข้าวคือกินง่ายอร่อยมาก
พะแนงเนื้อ เป็นเนื้อที่ผ่านการ ดรายเอจ คือผ่านการบ่มมา 55 วัน เป็นการทำให้เนื้อมีรสสัมผัสที่ลุ่มลึกมากขึ้น จานนี้จะต่างจากพะแนงเนื้อทั่วไปที่ปกติจะออกเหนียวๆเคี้ยวให้ขาดยาก แต่จานนี้คือไม่เลยเนื้อคือนุ่มไม่ถึงกับละลายแต่กินเป็นพะแนงเนื้อที่ดีเลยรสพะแนงจะไม่เข้มมากเพราะทำให้ชาวต่างชาติทานด้วย จานนี้ให้เนื้อมาเยอะอยู่นะไม่หวงของ
ผัดผักบุ้งกระเทียมโทน จานนี้คือเอามากินเข้าชุดกันกับสองจานแรกได้กำลังดี ดูรักสุขภาพขึ้นมาทันที ผักกรอบดี ตัวกระเทียมโทนฝานเป็นแผ่นบางๆกินง่าย แบบไม่รู้สึกถึงความเป็นกระเทียมเลย
ส่วนข้าวนั้นจะมาเสริฟใส่คล้ายๆที่นิ่งข้าวเหนียวแบ่งเป็นสองฝั่งด้านในให้เราเลือกว่าจะเอาข้าวสวยหรือข้าวไรส์เบอร์รี่ ตัวข้าวสวยคือหุงมาสุกพอดีเป๊ะๆ ส่วนตัวข้าวไรส์เบอร์รี่ก็จะออกเหนียวๆแต่ไม่ถึงกับข้าวญี่ปุ่น กินอร่อยทั้งคู่
มาถึงจานของหวานระหว่างนั่งรอก็จินตนาการไปต่างๆนานาว่าเอเค้าจะทำออกมาแบบไหนน้า จะแบบธรรมดาหรือมีกิมมิค สุดท้ายก็มาแบบไม่ธรรมดาเป็น ไอศกรีมมะลิ กับตัวขนมหม้อแกง ถ้ากินแยกจะขาดๆนะต้องกินพร้อมๆกัน ร้านเลยให้ช้อนกับส้อมมาจะได้กินถนัดๆ ตัวไอศกรีมมีเป็นเหมือนขนมกรอบรองมาเพิ่มความกรอบ และมิติของอาหารได้ครบมา สนุกเวลากิน ตัวไอศกรีมจะออกหวานแต่กินกับขนมหม้อแกงที่ไม่หวานจะได้รสพอดี ด้านใต้ขนมหม้อแกงแอบมีฝอยทองรองมาด้วย เป็นการปิดท้ายมื้อเย็นที่ดีจริงๆ
*เครื่องดื่มไม่รวมอยู่ในเซทระครับต้องจ่ายเพิ่มใส่ส่วนของค่าเครื่องดื่ม
whereveego
วันพฤหัสที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2561 เวลา 16.56 น.