สวัสดีทู๊กกกโคนนนนอีกครั้งงงงจ้าาาาาา!!

WELCOME TO BLOG ... ของเราอะเกน ฮรี่ๆๆๆๆ

วันนี้ทางเราไม่ได้พาไปเที่ยวพื้นที่ราบสูงกันแต่อย่างใด แต่วันนี้เราจะพาทุกคนดิ่งลงใต้กันฮ่ะ

ใช่ค่ะ!!ใต้

ทริปนี้เราจะพาทุกคนเลาะเที่ยวแบบบ๊านบ้านรอบ ' จังหวัดตรัง ' พ่วงด้วย ' พัทตะลุง ' อีกนี๊สพอกรุบ

ออกตัวก่อนเลยว่านี่เป็นการลงใต้ เที่ยวใต้ แหลงใต้ และกินอาหารใต้แบบเต็มรูปแบบครั้งแรกของเราเลย

ต้องขอขอบคุณเจ้าบ้านที่ต้อนรับอย่างดีตั้งแต่เเม่กบ พี่กิ๊บ พี่ปอ พี่กาล เล๊ยยยย [ พนมมือไหว้ย่อ ]

ส่วนใครจะเป็นใครอะไรยังไงนั้นเดี๋ยววตามเรามาละกันเนอะ.........


ก่อนจะไปเที่ยวกันนั้นเรามาเเวะอ่านทำความเข้าใจเพื่อให้การท่องเที่ยวของเราคุ้มค่าที่สุดกันจ้า....

ขั้นเเรกเลยเราขออธิบายแบบนี้ว่าประเทศไทยแบ่งทะเลออกอย่างคร่าวๆเป็น 3 โซนได้แก่ โซนตะวันออก อ่าวไทย และอันดามัน ซึ่งช่วงมรสุมในแต่ละโซนก็ไม่ตรงกันเอาซะเลยละคะ

โซนอันดามัน
โซนนี้ก็ได้แก่ ภูเก็ต เกาะพีพี กระบี่ ตรัง ระนอง พังงา เกาะสิมิลัน หมู่เกาะสุรินทร์ เกาะหลีเป๊ะ ตะรุเตา เกาะอาดัง เกาะตาชัย เกาะพยาม ช่วงเดือนที่เหมาะสม ที่พักแพงแลกกับทะเลสวยก็คือ พ.ย. - เม.ย.

และถ้าทุกคนสังเกตุคือเราไปตรงกับช่วงมรสุมของโซนอันดามันเลย ซึ่งนั่นหมายความว่าทั้งทริปของเราต้องแพลนกันวันต่อวันเลยละ แต่จะชุลมุนชุลเกแค่ไหนต้องงตามมาน๊าาาาาาา


- - เฉลี่ยค่าใช้จ่าย - -

    • ค่าตั๋วเครื่องบิน ราคาประมาณ 500 - 1590 บาท [เเต่ละช่วงจะต่างกัน/ของเราไปกลับ 1200]
    • ค่าที่พัก ราคาประมาณ 250 - 800 บาท [ราคาคร่าวๆ]
    • ค่าเข้าลงเรือรอดท้องมังกร ลำละ 300 บาท [ลได้ลำละ 5 คน]
    • ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ คนละ 50 บาท
      • ค่าอาหารตกคนละราคา 1500 บาท [ราคานี้คือกกินหรูอยู่อย่างราชาเลย]

    ปล.ส่วนค่ารถในการเดินทางไปสถานที่ต่างๆเราไม่มั่นใจนะคะ เลยขอสรุปให้ตามด้านบนเลย



BIG THANKS : แม่กบ พี่กิ๊บ พี่ปอ พี่กาล มากสำหรับที่พัก อาหาร และไกด์ค้า



- - กรุงเทพ - ตรัง - พัทลุง - กรุงเทพ - -

----------------- วันที่ 1 -----------------



-ถึงสนามบินพร้อมเช็คอินน์เวลา 09.50 น. ถึงตรัง 10.40 น. เมื่อเท้าเหยียบเมืองตรังครบทุกชีวิตลุยค้าา

-หลังจากเจอกันครบทุกชีวิตพลขับของเราก็ได้รับคำสั่งจากเจ๊ใหญ่ให้พาพวกเราไปกินติ่มซำประทังชีพเพื่อ เป็นการเวลคัมทูดาเซาธ์ที่ ' LAY TRANG '

-ตบท้ายให้จุกตายกันไปข้างนึงด้วยการแวะกินขนมเปี๊ยะร้านเด็ดม๊วกกที่ร้าน 'ขนมเปี๊ยะซอย 9'

-ต่อด้วยแวะให้อาหารปลาที่สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ [เที่ยวกันจนที่บ้านโทรตามให้เอาของไปเก็บ 555]

เมื่อโดนตามตัวให้กลับบ้านพร้อมกับการไปง้อพี่ที่โดนทิ้งอยู่บ้านเสร็จสรรพ เราก็ลุยกันต่อค่ะซิสสสส

-เวลาประมาณ 17.30 น. เราก็ออกจากบ้าน [อ.กันตัง] ไปหาดปากเมงที่ อ.สิเกา ซึ่งห่างกันราว 30 K.M.

เพื่อไปดูพระอาทิตย์ตกดินกันจย้าาาาาาาาา เย้วววววววววว

-ดูพระอาทิตย์เสร็จเรียบร้ออยก็ยกพลขึ้นรถตีรถเข้ามาในเมืองเเวะรับเจ๊ใหญ่พร้อมกับจอดรถเพื่อมมาซื้อ 'ขนมปอดควาย' [ขนมถังแตก V.คนตรัง] ร้านเด็ดในตัวเมืองตรัง

-ปิดทท้ายวันแรกของการเหยียบประเทศตรังด้วยการไปกินหมูกะทะแบบฉบับคนเมืองตรัง ที่มีที่นี่ที่เดียวว



----------------- วันที่ 2 -----------------



-กริ๊งงง!!นอระกาดัง 05.30 น. ทุกชีวิตหอบขี้ตาไปเข้าห้อน้ำล้างหน้าแปรงฟัน เตรียมตัวไปแช่บ่อน้ำพุร้อน

-หลังจากเเช่เสร็จสรรพก็กลับบ้านมาอาบน้ำเปลี่ยนชุดเวลาใกล้ๆจะตีสิบ ก็หอบสังขารแว้นแง้นแง้นไปร้าน ติ่มซำกันอีกยก [ก่อนออกจากบ้านโดนเเม่เรียกไปเอาค่าติ่มซำ 1000 บาทคือพันนึงนี่กินได้ทั้งอาทิตย์]

-ต่อด้วยไปเดินย่อยอาหารตามรอยประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2

-ไหนๆก็ไหนๆแล้วตามรอยประวัติศาสตร์กันให้สุดไปเล๊ยยย เมื่อคิดได้แบบนี้พวกเราก็เเว้นไปตามรอยกันต่อ ที่ 'บ้านพระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี' [เจ้าเมืองตรัง]

-หลังจากตามรอยประวัติศาสตร์กันมาทั้งวันเราก็เลือกมาคล้ายร้อนกันที่ 'ร้านสถานีรัก สถานีรถไฟกันตัง'

พร้อมกับเช็คอินน์คู่กับป้ายสุดเขตรถไฟสายอันดามัน

-กลับมาเปลี่ยนชุดเตรียมตัวตัดขาดจากดาวโลกเพื่อไป 'น้ำตกนกยูง' ที่ทางไปประหนึ่งว่าทางเราอยู่ บนดวงจันทร์อย่างงั้นเลยฮ่ะ

-เเช่น้ำตัวเปื่อยฟ้าเปลี่ยนสีก็หลบบ้านมากินซีฟู้ตกันเถ๊อะ



----------------- วันที่ 3 -----------------



-เริ่มด้วยการกิข้าวเช้าที่ปากซอยบ้านเป็นการรองท้อง ต่อด้วยยกพลขึ้นกะบะไปดูอุ๊งๆเเละพยูน ที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำใน ม.เทคโนโลยี่ราชมงศรีวิชัย

-ต่อด้วยการวัดใจ วัดดวง ไปลอดถ้ำท้องมังกรที่ว่ากันว่าเป็นหนึ่งในที่เที่ยว UNSEEN THAILAND ที่เกิดมาเเล้วต้องมาให้ได้สักครั้ง คือทุกคนต้องมาอะมันโคตรดีเเบบดีมากๆๆๆๆๆๆช๊อบบบบ

-ก่อนกลับก็ขับรถเลยไปยูเทริน์ที่วังเทพทาโรแวะเช็คอินน์กันสักนิดก่อนกลับเข้าเมือง

-ก่อนจะส่งพี่กลับนครปฐมเราก็แวะมาฝากท้องร้านดังร้านหนึ่งใกล้สถานีรถไฟ ซึ่งสำหรับเราไม่ประทับใจกับร้านนี้มากๆเราขอไม่บอกถึงชื่อร้านนะคะ แต่เรามีภาพมาฝากนิดหน่อยเนอะ

-เมื่อส่งขึ้นรถไฟเรียบร้อยเราก็เอาความเฟลเมื่อตอนเย็นมาลงกับถนนคนเดินกันตังกันอย่างหนักหน่วง เดิน ช็อป ชม ชิลล์ ชิม อาหารพื้นเมืองกันก่อนหล๊บบ้าน น๊อนนนนนนน



----------------- วันที่ 4 -----------------

-บางครั้งโชคก็ไม่ได้เข้าข้างเราเสมอไปวันนี้ฝนตกหนักตั้งแต่เช้ายันเย็น แพลนที่เราจะไปนั่งตุ๊กตุ๊กหัวกบ ชมเมืองก็ยกเลิกกันไปแบบน้ำตาตกในนังชี ฮรืออออออ

-แต่มากับโชคไง๊ไม่ได้เที่ยวแต่ได้ไปกินมื้อใหญ่แสนหรอยที่ร้านมีลาภ อิอิ



----------------- วันที่ 5 -----------------


-พลขับได้รับคำส่งจากเจ๊ใหญ่ให้พาพวกเราไปเที่ยว 'พัทลุง' เพื่อรอรับเจ๊ใหญ่กลับจากทำงานแบบง๊งงง

แต่ถึงจะงงขนาดไหนก้หอบความงงขึ้นรถมาจนถึงพัทลุงพร้อมกับเพ่ฝนที่ตกเก่งงเหลือเกิ๊นนนน

-ระหว่างทางไปพัทลุงเราวิ่งเส้นขึ้นเข้าพับผ้า ระหว่างทางก็โดนเปิดประตูไล่ลงจากรถไปถ่ายรูปบ้าง โดนแกล้งขับรถหนีบ้าง วิ่งตามรถบ้าง อรรถรสดีค่ะ

-หลังจากวิ่งตามรถบ้าง โดนขับรถหนีบ้างก้แวะถ่ายรูปหน้าวัดถ้ำสุมะโน นิ๊สสสนุงงง

-ขับรถมาเรื่อยๆแบบไม่พึ่ง GPS เราก็มาถึงนาโปแกแวะถายรูปแบบคลูๆกันสักนิ๊ส หมุนกาชาปองกันหน่อย

ก่อนเตรียมตัวไปบันเทิงกันต่อในสถานีถัดไป

-เอาละคะหลังจากที่เราขับรถกันแบบไม่พึ่ง GPS เราก็หลงกันรอบแรกแต่หลงไปหลงมาดั๊นมาโผล่ที่บ้านปากประเราก็เลยโดนไล่ลงจากรถไปถ่ายรูปยอยักษ์เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา และการหลงที่คุ้มค่าน่านนเอง

-หลงรอบแรกมันน้อยไป ทางเราก็หลงรอบที่สองด้วยการขับอ้อมหาทางเข้าสะพานเอกชัยเป็นการหลงที่เล็กน้อยจริงๆค่ะะหลงกันแค่ 40 K.M. เองเบ๊าเบาาาาาาาาาาา

-หลังจากหลงแล้วหลงอีกเราก็มารับเจ๊ใหญ่พร้อมกลับบ้าน แต๊เจ๊ใหญ่มาทั้งทีต้องมีมื้อใหญ่กันสักหน่อยพวกเราเลือกแวะฝากท้องที่ 'ร้านกุ๊กศักดิ์สาขา 2' อาหารดีงาม ราคาน่าร๊ากม๊ากกกกกกก

-ก่อนจะหมดวันเสี่ยปอและเจ๊กิ๊บก็พาเรามาแวะถ่ายรูปกับหอนาฬิกาเมืองตรังก่อนกลับกันโหน๊ยยยยย



----------------- วันที่ 6 -----------------


-ก่อนที่สมาชิกที่เหลือจะแยกย้ายกันกลับบ้าน เสี่ยปอก็พาเราแวะมาไหว้พระขอพรเพื่อเป็นสิริมงคลก่อน กลับบ้านละคะ


เอาละ!!!พอมาถึงตรงนี้เราทุกคนก็แยกย้ายกันกลับบ้าน และมาสนุกกันใหม่กับเราทริปหน้านะ


แวะอีกสักนิดมารู้จักพวกเราก่อนเนอะจะได้สนิทกันว่าใครเป็นใครกันบ้างน๊าาา


  • ไหนๆก็ไหนๆแล้วด้วยความเยอะขอทวนชื่อเสียงเรียงนามอีกทีแล้วกันนะคะ แฮร่........

จากซ้ายไปขวา : พี่กุ๊บกิ๊บ [เจ๊ใหญ่/คนวางแพลน/ภรรยาเสี่ยปอ] / พี่ปอ [เสี่ยปอ/พลขับ/ช่างภาพ2] / พี่กาล[รุ่นพี่เจ้าถิ่น] / พี่กัน [เพื่อนซี้พี่กาลเจ้าถิ่น]/ พี่อ๋อง [เพื่อนพี่กาล] / จ้าวอ้วนมุก [เพื่อนซี้เราเอง/คนถือไฟและหลายสิ่ง] / เราเอง [หนุงเมร่าช่างภาพ]



- เอาละถ้าพร้อมงง มึน อึน ตามเรามาเล๊ยยยย -


SKIPP >> อย่างรวดเร็วมาถึง 'ตรัง' กันเล๊ยยยยยยยยย



WELCOME TO THE SOUTH : ติ่มซำ 'เลตรัง' ก่อนนึ่ง



และนี่คือการวอมพ์การกินด้วย 'ติ่มซำ 19 เข่ง'



ต่อด้วยการกินหวานเพื่อไม่ให้เป็นไพร่นั่นเอ๊งงงงงง อิอิ



บรรยากาศในร้านขนมเปี๊ยะซอย 9 เพราะไม่มีขายที่ซอย 10 เด้อออกิ๊วๆ



เปี๊ยะวินเทจไปที



ขนมเปี๊ยะ + ชาร้อน ชิมคู่กันคือดีงามพระรามนายเฟร่ออออออจย้าาาา [เปี๊ยะไส้เผือกคือ Signature]



ชิมแล้วก็ต้องซื้อกลับไปกินตามระเบียบ [ขอบคุณเสี่ยปอผู้อุปการะด้วยความกลัวน้องอดตาย]



สวนศรีนคริทร์และร้านไข่ปิ้งในตำนาน



เตรียมตัวไปให้อาหารปลากันเถ๊อะ......



หมูให้อาหารปลาแต่ในขณะที่ให้หัวก็คิดตอดเวลาว่าจะกินไรดี๊ ว้อยยยยย



อีกสักใบ Cover Pre Wedding ของเจ๊กับเสี่ย [ฟิลล์บับเที่ยวตามรอยตำนานรักงี้เล๊ยยยชริง]



วันหนึ่งฉันขับรถผ่าฝน อิอิ



ระหว่างทางไปหาดปากเมง ถ้าจำไม่ผิดจะเรียกว่า 'อุโมงค์ต้นสน' หรืออะไรทำนองนี้ละคะ เราเองก็จำไม่ค่อยได้อีกอย่างตอนลงไปถ่ายฝนพี่เค้าก็เทลงมาเทลงมา



เราและอุโมงค์ต้นสนที่ผ่าฝนลงมาถ่าย



สาบานว่าไม่จริงจังเล๊ยยยจริงแค่ทริปนี้กล้อง 3 ตัว / ช่างภาพ 3 คนเอ๊งงงงงงง



ขับรถขึ้นสะพานมาฟ้าก็เปิดให้แสงเย็นส่องลงมา จ๊วยยยยยม๊วกกกกก



พาสเทลน่ารักๆกับวิวข้างทางบนสะพานอีกสักทีฮ่ะ



หัดมาเจอพี่เหวี่ยงเบ็ดตกปลาพอดี๊พอดี



หัดมาเจอเพื่อนแอ๊คอีกหนึ่ง



แอ๊คคู่ไปอี๊กอะ!!!รำค๊าญญญญญญ ว้อยยยยยยยย



แอ๊คไปแอ๊คมา!!มาโผล่ปากเมง เฉยเลยยย



ทะเลก็มีชีวิต ทะเลก็มีหัวใจใยใย



น้องบ่าววิ่งลงเลแล้วหลาววววว



ก่อนพระอาทิตย์จะตกมันก็จะพาสเทลประมาณนี้ โซคิ้วท์มั่กๆ



คนเตี้ยหาอัลไลในนี้ไม่มีปูหรอกเห้ยยยยยยยยยย



บ้าหน่า!!เราถ่ายทีนตัวเองต่างหากกละ



อ๊ะ!!!พี่กาลนี่ก็ถ่ายเก่งที่ 1 เล๊ยยยว๊อยยยยยย



เราจะสนุกที่สุดก็เมื่อมีเพื่อนคอยสนุกไปกับเราด้วย 'มิตรภาพ' คือสิ่งที่แม่งโคตรสวยงามมม



เออดี!!ถ่ายซ้อนถ่าย ซ้อนถ่ายอีกที




ก่อนพระอาทิตย์จะตกดิน นี่ขนาดฝนตกฟ้าปิดนะแสงยังสวยประมาณนี้เลยสุดมากกกก



ถ่ายแบบแกงค์ แกงค์ ก่อนแสงจะหมดหน่อยเด้พวกกกก



ทิ้งท้ายกับหาดปากเมงด้วยภาพนี้กันเลยละกันเนอะ ......




ขนมปอดควายร้านดังในตัว เมืองตรัง



ผู้สนับสนุนรายใหญ่ใจดีและขนมปอดควายร้านเด็ด อิอิ



หมูกะทะสไตล์คนตรัง และน้ำจิ้มหมูกะทะสูตรเฉพาะที่มีให้กินแค่เฉพาะที่ตรังเท่านั้น

เราขออนุญาตส่งทุกคนเข้านอนตรงนี้เลยแล้วกันนะคะ ไหนๆก็หนังท้องตึงกันแล้ววว เย้วววววววว



จู๊ดมอนิ่ง เอฟวี่บอดี้ !!!

กระโดดขึ้นกะบะคูรพ่อเตรียมตัวไปโดนต้ม เอ้ยแช่น้ำพุร้อน กันเถอะค๊าาาาา



ทะด๊าาาา!!!ถึงบ่อน้ำพุร้อนกันแล้ว ตรงนี้เป็นบ่อที่ร้อนที่สุดอยู่ราวๆ 70 C.

ตรงนี้จะไม่มีคนลงแช่เพราะมันร้อนม๊วกก แต่จะเอาไว้อาบหลังจากเราแช่ตัวเสร็จแล้ว พร้อมละตามมาจ่ะ....



บรรยากาศตรงบ่อน้ำร้อน

ตรงนี้เป็นบ่อที่คนลงเเช่เยอะม๊ากกและเป็นบ่อที่เราลงแช่ด้วย ตรงนี้ราวๆ 40-50 C.



โฉมหน้าของคนโดนขุดมาต้มในบ่อน้ำร้อน น๊านนนเอ๊งงงงงง



แกงค์โดนต้มม เอื้อออ



หลังจากไปประมาณ 10 นาที เรารู้สึกว่ามันสบายขึ้นเยอะมากๆ

เทคนิคการเเช่คือ : ห้ามขยับบ่อย เพราะถ้าขยับบ่อยจากตรงที่เราแช่นานจนชามันจะต้องเริ่มใหม่ ฮ่าๆ



ป่ะ!!ไปปิดรูขุมขน บ่อต่อไปกันเถ๊อะ



เอาบรรยากาศมาฝากก



ปิดรูขุมขนบ่อที่ 1 บ่อนี้อุณภูมิราวๆ 20 C. ซึ่งบ่อน้ำร้อนที่นี่จะวัดอุณหภูมิแบบวันต่อวัน




ปิดรูขุมขนบ่อที่ 2 บ่อนี้อุณภูมิประมาณ 5 C. เป็นบ่อสุดท้ายที่เรามาแช่ปิดรูขุมขนกัน

หลังจากแช่ ล้างตัวเสร็จ พวกเราก็จะพาทุกคนไปเดินดูบรรยากาศรอบ 'วนอุทยานบ่อน้ำพุร้อนกันตัง' กัน




ใบมันปู เอาไว้กินกับขนมจีน !




จุดชมวิว !

ช่วงที่เราไปเป็นอะไรที่โคตรโชคดีเลย ทั้งอากาศเย็น ไอน้ำลอยมาเป็นฉากหลัง แสงอาทิตย์ตกลงมา ว้อยยย




เลิ้บ!! บรรยากาศแบบนี้ม๊ากกกก



ทิ้งทวนกันอีกสักใบ ก่อนจะกลับบ้านไปกินของอร่อยยย อิอิ



วุ้นมะพร้าวเย็นๆสักแก้วก่อนกลับบ้าน



ขึ้นมอไซค์แว้นแง้นๆ!!!ไปกินติ่มซำกันเถ๊อะ




ฝั่งที่เราพักเป็นฝั่งท่าส้ม ซึ่งถ้าเราจะไปในตัวเมืองกันตังได้ จะต้องข้ามแพขนานยนต์ไปอีกฝั่ง



แว้นนนนนนนนน แว้นนนนนนนนนนน



บรรยากาศบนแพขนานยนต์



ถึงร้านติ่มซำแล้ววฮ่ะ มาช่วยกันเลือกเร็ววววววววว



ติ่มซำ



เมื่อเลือกเสร็จ >> ส่งให้ร้านนึ่งให้ร้อนๆ >> รอรับประมานได้เลยยยย



นี่คืออาหารที่เราสั่งมาเริ่มจากซ้ายบนนะคะ

ต้มเลือดหมู + ข้าวเปล่า >> ก๋วยจั๊บ >> ขนมจีนน้ำยากะทิ [ตอนเช้ารสชาติจะอ่อนๆ] >> หมี่ห่อหมู




ติ่มซำที่เราสั่งมาทานคู่กับน้ำจิ้มสูตรเฉพาะของตรัง [ส้มเจื่อน]




ฉ่าโก๊ยย [ปาท่องโก๊] อีกหนึ่งเมนูที่มาเที่ยวใต้แล้วต้องลองทานตามแบบฉบับคนใต้





อันนี้เป็น How to : การกินฉ่าโก๊ยแบบฉบับคนตรังแต๊ๆนะคะ

1.ฉ่าโก๊ยร้อนๆออกมาจากเตา

2.หยิบกระดาษมาซับมันฉ่าโก๊ย บีบๆให้น้ำมันไหลออกมา

3.จากนั้นโยนลงจานขนมจีน แล้วตักเข้าปากได้เล๊ยยยยยยยยย



หลังจากเรากินอิ่มกันไปแล้ว เราก็แว้นมาลุยต่อที่สวนตำหนักจันทร์กันค้าาาาา



ใบซ้าย >> ยิ้มแบบให้เกรียติสถานที่ที่สุด

ใบขวา >> ยิ้้มแบบเป็นตัวเองที่สุด




บริเวณด้านในอุโมงค์



ถ่ายกับป้ายสักหน่อยให้ความรู้สึกเสมือนคุณแม่มาเที่ยวด้วย อิอิ



บรรยากาศรอบควนตำหนักจันทร์กับคนแอ๊คคนที่ 1



คนแอ๊คอีกหนึ่งหน่วย



ให้สมกับเป็นวันตามรอยประวัติศาสตร์......

เราก็มาแวะเที่ยวต่อกันที่บ้านเจ้าเมืองตรัง ' พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี (คอซิมบี๊ ณ ระนอง) ' ว่ากันว่าท่านเป็นคนใจดีมีเมตตากับคนไทยอย่างมากซึ่งท่านเป็นคนแรกที่นำต้นอย่างพาราเข้ามาในไทยเป็นคนแรก ครั้งที่ท่านไปประเทศมาเลเซียได้แอบเอาเมล็ดยางพาราใส่ในไม้เท้าเข้ามาให้คนได้ปลูกกัน จึงเป็นที่มาว่าทำไมคนใต้ปลูกต้นยางพารากันอย่างแพร่



บริเวณครัว



ภายในบ้านบริเวณชั้นล่าง



ภายในบ้านบริเวณชั้นบน



ภายในห้องนอน



ภายในห้องนอน อีกสักใบ




พื้นไม้บนบ้าน ยังสมบรูณ์มากๆมีบางจุดเท่านั้นที่ผุไปตามกาลเวลา



บรรยากาศโดยรวมของบ้านนะคะ ร่มรื่นมาก เย็นมาก และที่สำคัญสวยมากๆเลย

พร้อมเที่ยวกันต่อเเล้วกระโดดขึ้นท้ายมอไซค์พวกเรามาเล๊ยยยยย เตรียมตัวเเว้นต่อไปค๊าาาาาาาาาา



ก่อนกลับบ้านมาแวะเช็คอินน์กันสักหน่อยเนอะ



เมื่อทางเรามากับโชคก็ยังคงมีโชคอยู่ร่ำไป

เรามาถึงสถานีรถไฟกันตัง ช่วงประมาณเที่ยงพอดี ประจวบเหมาะกับรถไฟที่มาจากกรุงเทพมาถึงพอดีเลย



เลยได้ภาพรถไฟวิ่งเข้าสถานีกันตังพอดิบพอดีมาฝากทุกคน อิอิ



อีกสักใบกับบรรยากาศสถานีรถไฟ



ถ่ายรูปกับป้ายสถานีโหน๊ยยยย เดี๋ยวหาว่ามาไม่ถึงกันตัง



อู้ววว!!!อากาศสดชื่นเหมือนยืนกลางภูเขา เล๊ยยยยย



หลังจากเจอความร้อนกันมาอย่างหนักหน่วงง เราก็เลยเลือกมาคลายร้อนกันที่ร้านกาแฟในสถานี



ร้านน่ารักม๊ากกกกก



เป็นความวินเทจที่โคตรรรรรรรรรน่าร๊ากกกกกก



ส ถ า นี รั ก ร้ า น น่ า รั ก ม า ก



เมื่อไปตามรอยประวัติศาสตร์กันมาแล้ว ทางเราก็กลับบ้านมาเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมตัวเที่ยวต่อ

และเป็นช่วงงาน ELLE FASHION WEEK พอดิบพอดีทางเราเลยจัด KANTANG FASHION WEEK

กันสักหน่อยไม่ให้น้อยหน้าาา แฮร่........



ไปข่ะคู๊ณณณณณณ



สวนยางข้างทาง



ระหว่างทางไป ' น้ำตกนกยูง ' แบบเบสิคก่อนจะไปเจอกับทางของจริงต่อไป



อันนี้คือทางของจริงค่าาาา เราบอกก่อนเลยนะว่าทางเข้ามามหาโหดมากกทางเป็นหินล้วนแถมคมมากๆ รถยนต์เข้าไม่ได้และที่ สำคัญคือไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ค้า ใครเตรียมเข้ามาไม่ดีคือเกมส์เลยนะ



แต่ก็นะธรรมชาติมักจะซ่อนอะไรดีๆไว้เสมอ และที่นี่ก็เป็นแบบนั้นค่ะ



ต้องบอกแบบนี้ว่าน้ำตกที่นี่ไม่ได้ใหญ่แถมสิ่งอำนวยความสะดวกนี่แทบจะเท่ากับศูนย์เลยละคะ

แต่ถ้าเทียบกับความร่มรื่นและบรรยากาศความเป็นธรรมชาติเราให้ที่นี่เต็ม 100 เลยเพราะมันสงบมากจริงๆ



ความสะดวกสบาย = 0 แต่ความสวยนี่คือ = 100




เราไม่รู้ว่าด้วยอะไรแต่วันที่เราไปไม่มีคนเลย นอกจากพวกเราที่ไปซึ่งมันทำให้เรายิ่งรู้สึกว่ามันสวยมาก

และสงบมากยิ่งทำให้มันสวยและมีเสน่ห์เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมอีกหลายเท่าเลย




สำหรับใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ เราเชียร์ให้ทุกคนที่มีโอกาสมาเที่ยวตรังได้ลองมาเที่ยวที่นี่ดูนะคะ

มันคุ้มค่ามาจริงๆกับการที่เราบุกป่าฝ่าดง แล้วก็หวังว่าวันนึงที่นี่จะกลายเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวใหม่



และเเน่นอนค่ะ เมื่อธรรมชาติอุดมสมบรูณ์ย่อมมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่อย่างแน่นอน





ก็อย่างที่บอกด้านบนละคะ เมื่อเงียบมากสงบมากมันก็จะมีคนร่าเริงเกินเรื่องประมาณนี้




น้ำใส หินสวย แสงสอดต้นไม้ลงมา นิพพานนนค๊าาาาา



เมื่อไม่มีใครถ่ายให้ก็ต้องถ่ายเองได้แบบเน้ ฮรืออออ



และแน่นอนเมื่อมีคนแฮปปี้มากมันก็จะมีคนอันแฮปปี้อยู่ด้วย

หมูมุกเพื่อนอ้วนของเราเป็นหนึ่งในคนที่อันแฮปปี้กับการลงน้ำมากที่สุดภาพก็จะออกมาประมาณเน้ ถถถถ




ก่อนเราจะขึ้นไปชั้นบนของน้ำตกก็ต้องเดินต่อขึ้นไปอีกหน่อย



น้ำตกนกยูงชั้นที่ 2 สวยม๊ากกกกเหมือนกันละคะ แต่ไม่ได้ใหญ่เท่ากับชั้นล่าง



ฟิลล์ชั้นนี้จะเหมือนเป็นน้ำตกส่วนตัวหน่อยๆ



น้ำใส สีสวย แต่ปลาแอบเยอะไปนิ๊สสสส อิอิ



เราขออนุญาตทิ้งท้ายน้ำตกนกยูงด้วยการนั่งเเช่เท้า ชิลล์ๆนะคะ



ก็อย่างที่เราบกไปด้านบนละคะว่าถ้าเตรียมตัวมาไม่ดีก็เกมส์ ซึ่งทางเราเตรียมมาดีแต่ไม่เพียงพอเลยโดนตะปูปักไปหนึ่งรู ต้องขอบคุณคุณลุงบ้านตรงข้ามน้ำตกนะคะที่เปลี่ยนให้เราแถมไม่คิดค่าแรงด้วย ' คนใต้ใจดี ' สำหรับเรามันคือเรื่องจริงค่ะ แฮปพรี่ม๊ากกกกกกก



หลังจากการตามรอยประวัติศาสตร์ ผจญภัยตั่งต่างมั่กมายก่ายกอง

พวกเราก็หอบไส้ที่แห๊งแห้งกลับตั้งวงกินข้าวกันที่บ้าน ซึ่งสิ่งที่ดูดวิญญาณเราก็คื๊อ ' ปูไข่ ' โว้ยยยยยยย

โดยเฉพาะยำปูไข่แม่กบคือดีงามสุดจะบรรยายม๊ากกกก มาถึงตรงนี้เราขอตัวทุกคนไปกินต่อก่อนนะ

เตรียมตัวให้พร้อมแล้วมาลุยต่อกันพรุ่งนี้เด้อออออ ฝันดีหนิ้ Zzzzzzzzzz



จู๊ดดดดมอนิ่งวันอาทิตย์ด้วยการมาดูอุ๋งอุ๋ง ตามคำแนะนำของแม่กบว่าต้องมานะไม่มาไม่ได้เล๊ยยย



เมื่อแม่แหลงว่าต้องมาแลให้ได้เลยหนิ้เราจึงมาดู ' น้องเปรี้ยว ' แสดงความสามารถกันนนน



วันอาทิตย์ = วันครอบครัว



อุ๊งอุ๊งแกงค์ อุ๊งอุ๊งแกงค์ อุ๊งอุ๊งแกงค์ โย่วววววว



น้องออกมาเก็บทิปฮ่ะ




เจ๊ใหญ่ผู้ที่ทำให้ทุกเรื่องกลายเป็นเรื่องที่จริงจังได้เสมอออ อิอิ


ฤดูมรสุมอดดำน้ำดูปะการังก็ดูปลาในอควอเรี่ยมไปก่อนละกัน แฮร่



ชู วิี ดู๊ววว หว๊าาาา ดูปลาการ์ตูนในอควาเรี่ยมมมมมมม



หลังจากเดินวนในอควาเรี่ยมหากุญแจกันตั่งต่างนาๆ ทางเราก็ออกมาเดินรับอากาศดี๊ดีประหนึ่งว่าอยู่กรุงแบกแดด ยังไงยังงั้นที่หาดราชมงคล ในมหาวิทยาลัยเองงงง



มินิฮารท์ให้แก่แดดที่แผดเผาาาาา



แดดดีทะเลสวย อิอิ



หันกลับมาก็มาเจอคนแอ๊ค แอ๊คยันก่อนจะขึ้นรถ ถถถถถถถ



หลังจากเราโดนแดดแผดเผากันมาอย่างหนักหน่วง ก็มาถึงสถานที่ Unseen Thailand กันแล้วละ

ถ้าทุกคนพร้อมแล้วเดินตามเรามาได้เลย อ่อ!!!พกความกล้ากันมาเยอะๆด้วยล่ะ เราเตือนแล้วนะ



เมื่อมาถึงเวลาที่จะต้องเช็คจำนวนคนลงเรือก็เกิดการเกี่ยงและเเสดงสปีริตความเสียสละกันออกมา

แต่ผลสรุปก็คือเกิดการท้าทายอำนาจขึ้นระหว่าง หมูมุก VS เสี่ยปอ เกิดขึ้นนนผลจะเป็นไงตามลงมาจ้าา




เมื่อได้มติกันแล้วทีมเราก็เเบ่งสมาชิกออกเป็น 2 ลำ โดยราคาค่าเรือและไกด์ลำละ 300 บาท

ลงได้ทั้งหมดลำละ 5 คนด้วยกันนั่นเองค๊าาาาาาา



พร้อมลุยถ้ำกันแล้วตามเรามาเล๊ยยยยยย


ในช่วงแรกที่เรากำลังจะเข้าถ้ำนั้นยังไม่ต่ำมาก ยังนั่งไปได้แบบยังไม่ต้องนอนลงกับพื้นเรือเด้อ

แต่เมื่อเข้าไปสักระยะผนังถ้ำจะต่ำลงเรื่อยๆ จนถึงขั้นที่หินย้อยลงมาเฉียดปลายจมูกเราเลยละคะ

ทุกคนลองจินตนาการดูนะ ขนาดดั้งเราบี้มากหินยังเเตะปลายจมูกเลยอะ ทางที่ดีคือไว้ใจไกด์ของเราและ

ปฎิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดเลยนะคะ เชื่อเราเถอะว่าาปลอดภัยกว่ากันเยอะเล๊ยยยยย


เหล่าคนไม่ดีที่ถึงถ้ำแรกก่อนเรา




ถ้ำเลเขากอบ มีโถงถ้ำมากมายหลายถ้ำ อาทิ ถ้ำคนธรรพ์ ถ้ำรากไทร ถ้ำท้องพระโรง ถ้ำพระสวรรค์ ถ้ำตะพาบน้ำ ถ้ำเพชร ถ้ำพลอย และถ้ำแป้ง เป็นต้น แต่ปัจจุบันนี้ เปิดให้บริการท่องเที่ยวเพียง 5 ถ้ำเท่านั้น ได้แก่ ถ้ำคนธรรพ์ ถ้ำท้องพระโรง ถ้ำรากไทร ถ้ำเจ้าสาว ถ้ำลอด




ทางเดินไปถ้ำคนธรรพ์ฮ่ะ จะมีหินงอกหินย้อยตลอดทางเดินเยย




มีหินอยู่ส่วนหนึ่งที่เมื่อเคาะแล้วจะเกิดเสียงกังวาลคล้ายเสียงเครื่องดนตรีไทย ในอดีตมีคนธรรพ์มาเคาะเล่นดนตรีให้นางกินรีฟังขณะที่กำลังเล่นน้ำตกภายในถ้ำและมีหินส่วนหนึ่งย้อยลงมา คล้ายกับฉากมโนราห์สวยงาม [ ตรงที่เรายืนถ่ายรูปคือฉากมโนราห์นั่นเอง ]



เดินดูถ้ำแรกกันไปแล้วเราก็ลงเรือ ด้วยการนอนแบบนี้ไปยังถ้ำต่อไปเยย



บริเวณทางเข้าถ้ำท้องพระโรง



เดินไปหันซ้ายก็หินงอก หันขวาก็หินย้อยยย



แวะเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันสักนิด เพื่อเป็นสิริมงคล



ต่อด้วยการรอดท้องช้างสไตล์คนสูงน้อยกว่า 160 C.M. ทางเราจำได้ต้องยืดตัวไปถึงท้องช้างด้วย

คื๊อถ้าผ่านธรรมดาตัวก็อยู่ต่ำกว่าช้างถือว่าไม่รอดอีก ต้องยืดค่ะยืดเข้าไปให้ตัวยาววถึงจะรอดดรั้ย ถ้อวววว



Welcome to ถ้ำรากไทร เด้อหล่าาาาาาาาา

ในภาพที่ทุกคนเห็นหยดน้ำย้อยลงมาตรงนี้ห้ามจับเด็ดขาดเลยเพราะถ้าจับแล้วหินจะตายทันที นั่นเท่ากับว่าหินบริเวณนั้นจะไม่โตอีกแล้ว ซึ่งน้ำที่ย้อยลงมานั้นใช้เวลาถึง 15 ปีกว่าจะเป็นหิน



จากที่เราบอกด้านบนถ้าเพื่อนๆจับมันก็จะตายกลายเป็นหินแบบนี้ ซึ่งเวลามีน้ำหยดมันสวยกว่าใช่ไหม

ถ้าใช่ก็งดจับเนอะ เราจะได้ดูอะไรสวยๆงามๆแบบนี้ไปอีกน๊านนานแถมเป็นการอนุรักษ์ด้วย



อีกสักหนึ่งใบกับถ้ำเลเขากอบ



Welcome to ถ้ำเจ้าสาว กันค๊าาาาามาเด้อพ่อจ๋าา แม่จ๋าาาา

เชื่อกันว่าหากคนที่ยังไม่มีคู่ เมื่อลอดเข้าโถงถ้ำทางช่องกลางของม่านเจ้าสาวกลับไปจะได้พบกันเนื้อคู่

หากมีคู่แล้วก็ให้ลอดช่องทางด้านซ้ายมือก็จะอยู่กันอย่างมีความสุข

แต่ถ้าหากคนไหนมีคู่แล้วต้องการมีเพิ่มก็ให้ลอดช่องด้านขวามือ

เมื่อออกจากโถงถ้ำเจ้าสาว จะต้องออกทางช่องใหญ่ มิฉะนั้นจะไม่เป็นดั่งคำอธิฐาน



นี่คือ How To : การเข้าห้องเจ้าสาวแบบคนมีคู่ [เป็นครั้งแรกที่เจ๊กับเสี่ยรอดช่องนี้ในฐานะคู่แต่งงาน]

หวานเฟร่อออ เบื้องหลังคือตีกันไม่ยอมจับมือเข้าแต่เพื่อน้องเจ๊กับเสี่ยย่อมทำได้ เยิ้บบบบมั่กกก



เข้าห้องเจ้าสาวแบบมนุษย์ที่สิงอยู่บนคานมาอย่างยาวนาน อิอิ



ห้องเจ้าสาว


ทางออกไปขึ้นเรือ ก่อนเตรียมตัวและเตรียมใจไปอดถ้ำมังกรกัน

เตรียมหายใจหายคอ สมาธารศีล หรือจะสวดมนต์อะไรก็แล้วเเต่กันมากพอแล้วตามเรามาเลยนะทุกคน



มาถึงตรงนี้เป็นจุดสุดท้ายที่เรายกมือมาถ่ายรูปให้ทุกคนดูได้แล้ว

คุณท้ายเรือจะให้สัญญาณถอดรองเท้าออกแล้วเอานิ้วเท้าใส่บริเวณขอบเรือแบบที่พี่กิ๊บทำด้านซ้ายมือเลย แต่เราเองด้วยขนาดขาที่มีจำกัดก็จะไม่สามารถเอาเท้าเข้า Save zone ได้แบบคนอื่นต้องงอเท้ากันไปยาวๆ

หลังจากตรงนี้ไปคุณลุงจะให้เราเอามือวางไว้ข้างตัวห้ามยกมือเด็ดขาดเพราะไม่รู้ว่าตรงไหนหินต่ำขนาดไหน ทำได้เพียงแค่เราต้องเชื่อใจคุณลุงทั้งสองคน

โดยวิธีการเคลื่อนที่ของเรือในพื้นที่ถ้ำต่ำๆแบบนี้คือคุณลุงที่อยู่หัวเรือจะใช้มือและบางจังหวะใช้ตัวดันกับผนังถ้ำเพื่อให้เรือเคลื่อนไปได้ ดังนั้นถ้าอยากช่วยคุณลุงให้ทำงานง่ายขึ้น [ คุณลงุฝากมาบอกว่าให้ทำตามที่คุณลุงบอกอย่างเคร่งครัดก็พอค่ะ ]

เราเก็บภาพมาฝากเท่านี้ที่เหลือช่วงรอดถ้ำมังกรถ้าเพื่อนๆอยากรู้ต้องมารอดเองให้ได้นะคะ



โฉมหน้าของผู้ท้าชิงทีเกิดอาการซีดอย่างเห็นได้ชัด สงสารรรม๊ากกกกฮ่าๆๆๆๆ



เหล่าคนไม่ดีที่ชิลล์ๆกับการลอดถ้ำ อิอิ



แวะเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันอีกทีก่อนออกเดินทางต่อ



โฉมหน้าเหล่าผู้ที่เอาสติออกมาจากถ้ำได้ครบสมบรูณ์



รวมกันอีกสักทีที่วังเทพทาโร

ภาพโดย : เสี่ยปอคนดีศรีกันตัง อิอิ



เจ้าพ่อมังกร



ระหว่างทางเดินไปลอดซุ้ม



วังเทพทาโรและคนอ้วนขี้แอ๊ค



ลอดซุ้มเสริมศิริมงคลกันไป เดินดมกันไปด้วยย

ไม้เทพทาโรเป็นไม้หอม เมื่อถากเปลือกออกจะมีกลิ่นหอม กิ่งมีลักษณะอ่อนเรียว เกลี้ยงและมักมีคราบขาว

สังเกตได้จากการดมของเจ๊ใหญ่เราที่สู๊ดดดดดดดเข้าไปเต็มปอดดด



แต่ละซุ้มที่เราเดินลอดกันนั้นจะมีความหมายของแต่ละซุ้มด้วยละคะ



ลอดครบ 9 ซุ้ม เที่ยวแบบเต็มอิ่มก็จะยิ้มๆประมาณนี้เลยฮ่ะ



เจ้าแม่มังกร



เสี่ยปอ ช่างภาพจำเป็นของทริปนี้



ประหนึ่งว่ามาเที่ยวกันแค่สองคนน้องไม่ได้มาด้วยมั้งงงงง เหม็นนนความรัก



แวะกินข้าวก่อนส่งพี่อ๋องกลับนครปฐม ซึ่งเป็นร้านที่เราบอกไปตอนต้นว่าเราเฟลมาก



หลังจากที่เฟลกันอย่างรุนแรงพวกเราก็โดนเสี่ยกับเจ๊ไล่ไปปั่นเป็ดพร้อมกับไอติมคนละโคน อิอิ



The war is on เกิดสงครามแย่งอาหารปลาเกิดขึ้น



เมื่อถึงเวลาอันสมควรนายแม่ก็โทรให้เรามาเจอที่ถนนคนเดิน เพื่อฟาดของอร่อยกันต่อ



เริ่มด้วย ' กือโป๊ะ ' [ขนมเกรียบปลากราย]



กือโป๊ะเนื้อปลาแน่นๆ ทอดกรอบๆ ฟินนนนคร่าาาาซิส



ราคาผลไม้ที่น่าร๊ากก คนใต้ก็ใจดี หยิบชิมฟรีไม่คิดเงิน



ปลาหมึกทอดร้านเด็ด ไม้ละ 5 บาท ต่อปลาหมึกเต็มๆ 1 ตัว ครื๊อคุ้มม๊ากกกเอาจริง


เมื่อหนังท้องตึงหนังตาหย่อน เที่ยวกันมาจนจะลมล้มทับกันเราขออนุญาตส่งทุกคนเข้านอนตรงนี้นะคะ



มอนิ่งด้วยการออกมากินกับข้าวมื้อใหญ่ที่ ' ร้านมีลาภ ' เจอกันใหม่พรุ่งนี้น๊าาาา



จู๊ดอาฟเตอร์นูน!!กันแบบง๊งงง หอบกันขึ้นมาบนรถแบบงงยิ่งกว่าเลสโกววทูพัทตะลุง กันจย้าาา



บรรยากาศบริเวณจุดชมวิวบน ' เขาพับผ้า ' ที่เราไม่โดนเนรเทศลงไปถ่ายรูป



บรรยากาศดีมาก สวยมากก



ศาลทวดเขาพับผ้าตรัง-พัทลุง



วัดถ้ำเขาสุมะโน คนนิยมมาบวชชีกันมากเนื่องจากบรรยากาศดี ที่สำคัญเงียบ สงบมากๆเลย



มาถึงล้าวววว!!นาโปแก แวะถ่ายรูปกับป้ายกันโหน๊ยยยยยยย กิ๊วๆ



How to : ถ่ายรูปยังไงให้โลกจดจำ



ธรรมดาโลกไม่จำไปอี๊ก กรู๊ววววววว



แลควายนาโปแกกับมนุษย์นกฮูก



ลงนา



เช่าพร๊อบเพื่อความสมจริงในการถ่ายรูป อิอิ



แอ๊ค 1



แอ๊ค 2


แอ๊คสไตล์ไฟจราจร



กังหันวิดน้ำ



ทริปนี้มีแต่คนแอ๊คเต็มไปโหม๊ดดด



นั่ น ก็ เ เ อ๊ ค



นี่ ก็ เ เ อ๊ ค



อันนี้ไม่แอ๊ค แต่แอบส่งใจให้นิดนิด



ป้อมปราการ



แอ๊คมันเข้าไป แอ๊คไป๊ ให้หน้าขาดเล๊ยยยย



กาแฟน๊อกท่อง แต่ไม่นอกท่อนาจา แฮร่



วินเท๊จจ วินเทจจ



ศึกการทำขนมแห่งศักดิ์ศรีระหว่าง เสี่ยปอ [ลูกขนมจีบ] VS หนุงเมร่า [ลูกตามสั่ง]



เมื่อจบการประชัน ก็ต้องทำเองกินเองนักเลงพอไปจย้าา



ก่อนกลับกับความวินเทจอีกใบ ให้หนำใจใยใย



' กาชาปอง ' เลิ้บเวอร์ เป็นสิ่งเดียวที่หลอกกินเงินเราได้อย่างงเเนบเนียนนนน



ยอดักปลา



หน่องควาย จุ๊บจุ๊บ อิอิ



มาช็อปของฝากจากคนในชุมชนกันเต๊อะ



พี่กาลสายเปย์และน้องหมูมุก



กระเป๋าจูดและวิธีการใช้ที่ถูกต้องโดยเสี่ยปอ



ทิ้งท้ายกับนาโปแกด้วยฉากหนังลุง พร้อมเที่ยวต่อแล้วตามเรามาเล๊ยยยยย



หลงรอบแรกเรามาโผล่กันแบบงงๆที่บ้านปากประ กับวันที่ฝนตกปรอยๆท๊างวันนนน



ยอยักษ์ที่บ้านปากประ พัทลุง



หลงครั้งที่ 2 หลงนี้ที่ 40 K.M. หลงวนไปวนจนมาโผล่ที่สะพานควายน้ำ [ สะพานเอกชัย ]



ที่มาของสะพานควายน้ำคือ เมื่อน้ำขึ้นบริเวณที่น้องทุยยืนอยู่จะเป็นพื้นน้ำทั้งหมดนั่นเองแต๊เรื่องมีอยู่แว๊ตอนที่เราไปเป็นช่วงต้นมรสุมฝนตกน้อยน้ำเลยน้อยตามไปด้วยย



โพสต์นี้ที่สะพานควายน้ำ



อย่างที่บอกธรรมดาโลกไม่จำ ต้องกระโดดแล้วทำท่ามารูโจ้ โจ้วๆโจ้วโจ้ววววววววววว



หลงจากหลงวนไปวนมาอยู่นานเราก็แวะมารับเจ๊กิ๊บเป็นการจบทริปหลงพัทลุงอย่างเป็นทางการ อิอิ

เนื่องจากขากลับเป็นทางผ่านอีกร้านเด็ดเมืองตรังเจ๊กิ๊บเลยพาเราฝากท้องที่ ' ร้านกุ๊กศักดิ์ ' สาขา 2

เริ่มจากบนซ้าย >> ใบเหลียงผัดไข่ >> ยำปลาหมึก >> ต้มซุปเปอร์ >> ผัดพริกแกง

และอีกมากายที่ถ่ายไว้ไม่ทันเนื่องจากทางเราหิวอย่างรุนแรว๊งงงงงงงงงงงงงง




ก่อนจะหลบบ้านนอนน๊านนเจ๊กิ๊บก็พาเราเช็คอินน์ที่ ' หอนาฬิกาเมืองตรัง ' อีกรอบเนื่องจากวันมาพกเราโดยเสี่ยปอทรมานด้วยการพาขับรถผ่านอย่างรวดเร็ววว




ทิ้งท้ายวันแห่งการหลงด้วยเจ๊กุ๊บกิ๊บผู้สนับสนุนใหญ่ใจดี ที่เป็นให้เราตั้งแต่ผู้วางแพลนการเดินทาง

งบประมาณแถมพาเที่ยวแบบสุดโต่งแม้จะมีงานมหาศาลก็เถอะน๊าา ยังไงขอบคุณเจ๊กิ๊บมากๆอีกทีนะคะ

แล้วก็ฝันดีค๊าทู๊กกโค๊นน ไว้แพ๊คกระเป๋าแล้วพรุ่งนี้เตรียมตัวหลบบ้านกันค้าาา



Wake up !!

แวะซื้อของฝากก่อนกลับกรุงที่ร้าน ' เลิศรส ' ร้านเก่าแก่ที่มีทั้งในตัวเมืองตรังและกันตัง ก่อนกลับอีกด้วย



เพื่อให้เป็นการมาเมืองตรังที่สมบรูณ์แบบก็ต้องมาไหว้พระก่อนกลับเพื่อเป็นสิริมงคลและรับพรดีๆ

ที่ ' ศาลเจ้าท่ามกงเยี่ย ' ในตัวเมืองตรัง



ทางเข้าศาลเจ้ากับเหล่าคนอ้วน



จุดรับบริจาค ก่อนเข้าไปไหว้พระกัน



เมื่อบริจาคก็จะได้ชุดของไหว้มา 1 ชุดนะคะ



จุดธูป ปักเทียน แล้วตะลุยขอพรกันเถอะค๊าาาาา



จุดเทียนแบบเบลอๆ



ปักเทียน ก็ยังทำเทียนล้มเล๊ยยยนังบล้าาาาาาา



ด้วยความที่เรากลัวเทพจีนมาก เลยจะไม่ค่อยถนัดอะไรแบบนี้เท่าไหร่เเต่ก็ได้พี่กาลและเสี่ยปอคอยแนะ



อย่างที่เราบอกไปด้านบนว่าเราไม่เคยเข้าศาลเจ้าเลย เราเลยได้ เทคนิคมาอีกว่าถ้าไม่อยากแสบตาเพราะควันธูปให้ยกธูปเหนือหัวเรา เรื่องง่ายๆที่หลายคนไม่รู้เช่นเรา แฮร่



มาถึงการไหว้และขอพรกันบ้าง เสี่ยปอแนะนำไว้ดังนี้นะคะ ......

1.เมื่อไปถึงให้นั่งลงก่อนที่จะเริ่มขั้นตอนต่อไปนะคะ

2.ให้บอกชื่อจริง นามสุกล วัน เดือน ปีเกิด ของเราให้ครบถ้วนท่านจะได้ให้พรถูกคน

3.บอกวัน เวลา ที่เรามาไหว้หรือมาขอพรให้ละเอียด

4.เริ่มขอพร

5.และข้อสุดท้ายเมื่อทำทุกขั้นตอนครบแล้วให้เราปักธูป และไหว้อีกหนึ่งครั้งก่อนไปโต๊ะต่อไปค่ะ



มาขอพรกันเถอะค๊าาาาา




ขอพรเสร็จก็ปักธูปเป็นอันเสร็จการสักการะพระหนึ่งองค์



ตรงนี้เป็นโต๊ะที่เรามาขอพรกับเจ้าแม่กวนอิมและจะมีไม้เซ้งปวยให้เราเสี่ยงทาย ซึ่งการเสี่ยงเซ้งปวยมีหลักดังนี้นะคะ

ห้ามกำหนดวิธีการใช้ด้วยตนเองต่อองค์เทพอย่างเด็ดขาด

  • คว่ำทั้งคู่ เข่าปวย หรือ อิมปวย แปลว่า ไม่ใช่ , ไม่ได้ , ไม่รับ ,ใช้ไม่ได้, ห้ามใช้ ฯลฯ
  • หงายทั้งคู่ เฉี่ยปวย แปลว่า ไม่มีความเห็น , ให้ตัดสินใจได้เอง ,แล้วแต่ผู้เสี่ยงทายจะเลือก
  • คว่ำหนึ่งอัน-หงายหนึ่งอัน เซ้งปวย หรือ อิ้นปวย แปลว่า ใช่ , ใช้ได้ , รับได้ , ถูกต้องแล้ว ฯลฯ

การใช้ไม้เสี่ยงทายต่อหนึ่งคำถาม สามารถอนุโลมให้โยนใหม่ได้ไม่เกิน 3 ครั้งต่อ 1 คำอธิษฐาน




ต่อจากเสี่ยงเซ้งปวยก็มาเขย่าเซียวซี โดยการเสี่ยงเซียมซีที่ดีคือไม่ขอพร ไม่ถาม แต่ให้เขย่าเลย





แฝดอ้วนผอม เขย่าเซียมซี



ตรงนี้เป็นที่ฝากเซียมซีที่ไม่ดีนะคะ วึ่งเซียมซีเราออกมาไม่ดีเสี่ยปอเลยให้เราเอามาฝากไว้กับพระไม่ให้เรานำติดตัวกลับมาบ้านด้วย [ เราแอบกระซิบว่าเซียมซีตรงมาก อันนี้เเล้วแต่ความเชื่อนะคะ ]



ก่อนกลับเราก็มาเผากระดาษเงินกระดาษทองก่อน



เสี่ยปอแนะนำให้พันกระดาษให้ยาวและเเบนเพื่อให้ไฟติดง่ายและไหม้ไวแบบในรูปเลยย



นำกระดาษที่เราเผาใส่ในนี้ก็เป็นอันเสร็จพิธี พร้อมกลับบ้านกันแล้วละคะ



แต่มาถึงตรังแล้วไม่ได้มาเห็นตุ๊กตุ๊กหัวกบก็เหมือนมาไม่ถึงตรัง เราแวะมากดตังที่ตรังพอดีก็เลยได้ถ่ายรูปตุ๊กตุ๊กหัวกบมาเป็นอัน ปิดทริปเที่ยวตรัง อย่างเป็นทางการแล้วละคะ



CAMERA SUPPORT :

MAIN BODY : NIKON D7000 + 18-140 MM

MAIN PHONE : ViVO V5 [ ช่วงถ้ำเลเขากรอบ และ ศาลเจ้า ]

BODY P'KARN : NIKON D750 + 50 MM

BODY P'POR : CANON EOS 750D + 10-18 / 55-250 / 50 / 18-55 MM


SPECIAL THANK :

-ขอบคุณ พี่กาล เจ้าถิ่นที่ชวนมาจอยแถมเป็นคนพาเราแว้นแบบเอ็กซ์คลูซีฟสุด

-ขอบคุณ พี่กุ๊บกิ๊บ เจ๊ใหญ่ประจำทริปของเราทั้งแพลนที่เที่ยว เป็นแหล่งเงินทุนรายใหญ่ ที่ใจดีกับเรามาก

-ขอบคุณ เสี่ยปอ พลขับและเอทีเอ็มอีกแห่งของน้องที่พาเราเลาะเที่ยว พาตะลอนกิประหึ่งว่ากลัวน้องผอม

-ขอบคุณ แม่กบ คุณแม่คนสวยของเราที่เป็นทั้งแม่ครัวและเอทีเอ็ม สลัดแม่กบเด็ดมาก ยำแม่อร่อยม๊ากกก

-ขอบคุณ คุณพ่อ ที่พาพวกเราซิ่งกะบะไปโดนต้มกันที่บ่อน้ำร้อน และสละกะบะให้เราเอาไปเที่ยวกัน

-ขอบคุณ พี่กัญ คุณครูคนสวยที่มาเป็นพี่สาวและพาสเนอร์ผู้ร่วมทริปที่น่ารักของเราอีกคน

-ขอบคุณ คนอ้วน ที่เป็นทั้งเพื่อนและผู้ช่วยเราในการทำงานทุกครั้งเลย และทุกคนที่ร่วมทริปที่เราอาจจะ

ไม่ได้กล่าวถึง ขอบคุณนะที่เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการผจญภัยของเรามันดีมากสำหรับเราเลยนะเว้ยยยย


และสุดท้าย ขอบคุณ ' ทุกคน ' ที่อ่านมาถึงตรงนี้ เราหวังว่าทุกคนจะสนุกไปกับเราด้วยนะคะ


ถ้าชอบรีวิวของเราฝากอ่านและแชร์เป็นกำลังใจให้เราด้วยน๊าาาาาาา



เราเคยกลัวการออกไปไหนมาไหนคนเดียวโดยเฉพาะต่างถิ่นแบบนี้ แต่คร้งนี้มันพิสูจน์แล้วนะว่าเอาเข้าจริงแล้วไม่ได้มีเราคนเดียวบนโลกและการมีเพื่อน และคนรอบตัวที่แม่งโคตรดีเลยมันทำให้ทุกครั้งที่เราก้าวเท้าออกจาก Save zone ของเรามันสนุกและมั่นใจว่าเราจะไม่โดนทอ้งให้อยู่คนเดียว ขอบคุณนะ....



ขอบคุณนะทุกคน

........ จนกว่าจะได้พบกันใหม่ ........
























































































Camera Rasza

 วันอังคารที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2561 เวลา 21.22 น.

ความคิดเห็น