มาทำความรู้จักประเทศตุรกีกัน ตุรกีเป็นประเทศที่สวยงามด้วยมรดกโลกและสิ่งมหัศจรรย์ของโลก รวมทั้งร่องรอยแห่งอารยธรรมโบราณอันยิ่งใหญ่ ผู้คนเป็นมิตร อาหารอร่อย และราคาไม่แพงอย่างที่คิด ควรค่าแก่การเดินทาง เก็บสะสมประสบการณ์ชีวิต ที่มีค่ามิอาจลืมไปชั่วชีวิต โดยบทความนี้จะแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว ของประเทศตุรกี มาให้ชมกัน



ก่อนที่จะไปดูกันเพื่อน ๆ สามารถแวะไปทักทายหรือดูรีวิวสถานที่อื่นๆของพวกเราเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ



https://www.facebook.com/TwinTraveller

http://twintravellerblog.com


1. Lake Uzungol, Trabzon

Trabzon เป็นเมืองซึ่งตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศตุรกี เมืองที่มีประวัติศาสตร์สำคัญมายาวนานหลายร้อยปี ซึ่งในสมัยก่อนเมืองแห่งนี้เคยเป็น เส้นทางสายไหม (Silk Road) อีกด้วย เมืองแห่งนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ หลายแห่ง แต่ที่ไม่ควรพลาดเลย ก็คือ ทะเลสาป Lake Uzungol ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมือง Trabzon สถานที่แห่งนี้เปรียบเสมือนหมู่บ้านเล็กๆ กลางหุบเขา มีทะเลสาปที่สวยงาม บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะแก่การพักผ่อน

2. Yakutiye Medresesi, Erzurum

เมือง Erzurum เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ และมีประชากรมากมาย นักท่องเที่ยวน้อยคนนักจะมาเยือนดินแดนในภาคตะวันออกของตุรกี แต่ก็ใช่ว่า จะไม่มีอะไรน่าสนใจนะ เมืองแห่งนี้ มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม อย่างเช่น สถานที่แห่งนี้ ในสมัยก่อนเป็นสถานที่ศึกษา อาคารมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีลานล้อมรอบ ตกแต่งด้วยหินแกะสลักและสุเหร่ากับการตกแต่งทางเรขาคณิต ซึ่งในปัจจุบันเปิดเป็นเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ทุ่มเทให้กับกลุ่มชาติพันธุ์และศิลปะตุรกีและอิสลาม

3. Ishak Pasha Palace, Doğubeyazıt

เมืองโดอูเบยาซึต (Dogubeyazit)ตั้งอยู่ทางตะวันออกของประเทศตุรกี ซึ่งสถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ติดกับชายแดนอิหร่าน ปราสาทอิสฮัค พาชา ซารายึ Ishak Pasha Sarayi เป็นวังที่ซุกตัวอยู่ในหุบเขาสูงเหนือเมืองโดอูเบยาซึต ชัยภูมิของวังเป็นฐานที่มั่นสำคัญ ตั้งอยู่บนเส้นทางกองคาราวานโบราณที่นำความมั่งคั่งมาสู่นคร

4. Akdamar Island, Lake Van

เมือง Van มีสถานที่ที่น่าสนใจอยู่แห่งนึง ซึ่งเป็นเกาะ สถานที่แห่งนี้ในสมัยก่อนเป็นของกษัตริย์ อาร์เมเนีย สร้างพระราชวังแห่งนี้ขึ้นเพื่อเป็นที่ลี้ภัย ตอนเกิดสงคราม เพราะเป็นพื้นที่เกาะ และมีทะเลรายล้อม จึงยากต่อการยึดครอง

5. Midyat, Mardin

Mardin เมืองสวรรค์บนดิน ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศตุรกี เป็นเมืองโบราณและมีสถาปัตยกรรมที่เป็นที่รู้จักกันดีโดยการการสร้างขึ้นด้วยหินที่นำมาวางซ้อนกันตกแต่งอย่างสวยงาม เป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดบนพื้นที่เมโสโปเตเมียตอนบน

6. Mount Nemrut, Adıyaman

เป็นอีกสถานที่นึงที่ ต้องห้ามพลาดเลยทีเดียว บนยอดเขาสูง 2,150 เมตรแห่งนี้เป็นที่ตั้งของสุสานกษัตริย์แห่งอาณาจักรโคมายานา (Commagene Kingdom) มีการสร้างรูปหินแกะสลักเทพเจ้าขนาดใหญ่หลายรูป ปัจจุบันส่วนหัวของรูปหินสลักเหล่านี้ถูกแรงโน้มถ่วงโลกดึงลงมากองกันอยู่ที่พื้น แนะนำให้มาช่วงเช้า ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น เพราะเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นแสงจะค่อยๆสาดใส่รูปปั้นเหล่านี้ ให้ดูสวยงามยิ่งขึ้น

7. Mount Erciyes, Kayseri

ยอดภูเขาไฟอีร์เจเยส ERCIYES DAGI ตั้งอยู่ที่เมือง Kayseri เป็นเมืองที่เราต้องผ่านเพื่อไป Cappadocia ภูมิประเทศรอบๆ เมืองแห่งนี้มีภูเขาลูกใหญ่ๆ มากมาย รายล้อมเต็มไปหมด เป็นวิวที่สวยอลังกาลมากๆ ภูเขาลูกนี้มีความสูง 2770เมตร สามารถขึ้นไปบนยอดได้ มีกิจกรรมสำหรับคนที่ชอบ Trekking เพื่อพิชิตยอดเขาที่ระดับความสูง 3917เมตร

8. Goreme, Cappadocia

คับปาโดเกีย (Cappadocia) มีความสำคัญมาแต่โบราณกาลเพราะเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหมเส้นทางค้าขายแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่ทอดยาวจากตุรกีไปจนประเทศจีน เป็นพื้นที่พิเศษที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟ ทับถมเป็นแผ่นดินชั้นใหม่ขึ้นมา จนเกิดเป็นภูมิประเทศประหลาดแปลกตาน่าพิศวง ที่เต็มไปด้วยหินรูปแท่งกรวยเยอะแยะมากมาย

9. Old Harbor, Antalya

เมืองแห่งนี้ถูกจัดว่าน่าเที่ยวรองจากอิสตัลบูลเลยทีเดียว นักท่องเที่ยวไทยคงจะไม่ค่อยคุ้นชื่อเมืองแห่งนี้ซะเท่าไหร่ แต่เมืองแห่งนี้เป้นที่นิยมสำหรับนักท่อเที่ยวชาวยุโรปมากๆ เพราะเมืองแห่งนี้ มีรีสอร์ท ร้านอาหารดีๆต่างๆมากมาย อาหารทะเลสดใหม่ พอตกกลางคืน ก็จะมีผับ บาร์เปิด สร้างสีสรรให้แก่เมืองนี้ดีมากๆเลย เหมาะที่จะเป็นเมืองพักผ่อน บรรยากาศดีๆ รองจากอิสตัลบูล

10. Hierapolis Theatre, Pamukkale

Hierapolis Theatre โรงละครโรมันตั้งอยู่ในเมืองปามุคคาเล่ Pamukkale วิธีการสร้างน่าสนใจมาก สร้างโดยการสกัดเข้าไปในไหล่เขาเพื่อให้เป็นที่นั่งสำหรับคนนั่งชมการแสดง ซึ่งสามารถบรรจุคนได้มากกว่า 12,000 คน

11. Cotton Castle, Pamukkale.

Pamukkale หรือที่คุ้นชื่อกันว่า " ปราสาทปุยฝ้าย " เป็นน้ำตกหินปูนสีขาวที่เกิดขึ้นจากธารน้ำใต้ดินที่มีอุณหภูมิประมาณ 35 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นที่มีแร่หินปูน (แคลเซียมออกไซด์) ผสมอยู่ในปริมาณที่สูงมากไหล ไหลรินลงมาจากภูเขา “คาลดากึ" ที่ตั้งอยู่ห่างออกไปทางทิศเหนือ รินเอ่อท้นขึ้นมาเหนือผิวดิน และทำปฏิกิริยาจับตัวแข็งเกาะกันเป็นริ้ว เป็นแอ่ง เป็นชั้น ลดหลั่นกันไปตามภูมิประเทศ เกิดเป็นประติมากรรมธรรมชาติ อันสวยงามแปลกตาที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ยากจะหาที่ใดเหมือน

12. Bodrum Castle, Bodrum

Bodrum เมืองชายทะเลที่ปราสาทป่อมปราการตั้งอยู่ริมทะเล สวยงาม และมีบ้านเมืองที่ตกแต่งสวยงามนั้นก็คือ ทั้งเมืองบ้านจะเป็นสีขาว เป็นกฎข้อบังคับของที่นี้ ที่บ้านทุกกลังต้องทำ หากไม่ทำตาม ก็จะโดนเก็บค่าภาษีเยอะ เพราะฉะนั่น้มืองนี้จึงเปรียบเหมือน ซาโตรินี ที่ กรีช เลยทรเดียว บ้านเมืองที่นี้สะอาด ร้านอาหาร ผับบาร์โรงแรมหรูเยอะแยะไปหมด

13. Ephesus Ancient City, Ephesus

เมืองเอเฟซุส (Ephesus) หรือเอเฟส (Efes) : เมืองโบราณของโรมัน เติมโตในยุคกรีนรุ่งเรืองในยุคโรมันสมัยจักพรรดิออกุสตุส ซีซาร์

14. Hagia Sophia, Istanbul

Hagia Sophia หรือ Aya Sofya Museum เดิมเคยเป็นโบสถ์ของคริสต์ศาสนานิกายออร์โธดอกส์ สร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิ์คอนสแตนติน ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นสุเหร่าหรือมัสยิด และเป็นพิพิธภัณฑ์ในปัจจุบัน เป็นอีกสถานที่นึงที่เมื่อมาเมือง อิสตัลบูลแล้ว ต้องมาชมที่นี้ ไม่งั้นมาไม่ถึง เพราะที่นี้ถูกตั้งเป็น มรดกโลก UNESCO เลยทีเดียว

15. The Balisilica Cistern, Istanbul

Yerebatan Sarnici/Basilica Cistern อุโมงค์เก็บน้ำใต้ดินใหญ่สุดในอิสตันบูล อ่างเก็บน้ำแห่งนี้มักจะถูกเรียกว่า 'พระราชวังใต้น้ำ'เนื่องจากสถานที่แห่งนี้ใช้เป็นอ่างเก็บน้ำใต้ดินโบราณที่ใหญ่ที่สุดท่ามกลางอ่างเก็บน้ำโบราณกว่าร้อยแห่งของเมือง มีลักษณะเป็นอุโมงค์ใต้ดินขนาดใหญ่ราวๆ กับมหาวิหารและสามารถกักเก็บน้ำได้ถึง 80,000 ลูกบาศก์เมตรซึ่งสามารถเก็บน้ำได้เยอะสุดๆ

16. Maiden's Tower, Istanbul

Maiden's Tower / Leander's Tower หรือที่คนตุรกีจะรู้จักกันนาม Kız Kulesi ในสมันก่อนป้อมปราการกลางน้ำแห่งนี้ ถูกสร้างขึ้นเมื่อสังเกตุการณ์ทางทะเล ในยามศึกสงคราม จนปัจจุบัน มีการบูรณะซ่อมแซมกันหลายจนปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเทียว และเป็นร้านอาหาร

17. Sultan Ahmed Mosque, Istanbul.

Sultan Ahmed Mosque หรือจะเรียกว่า Blue Mosque สวยงามไม่แพ้กับ Hagia Sophia เลย ทั้งสีสัน ความสวยงาม และสถาปัตยกรรม ความสวยงามเมื่อเข้ามาด้านใน นั้นสวยงามมากๆ เป็นห้องโถงกว้างๆ ด้านสถาปัตยกรรมของมัสยิดสีฟ้าแห่งนี้ ถือเป็นสุดยอดของสองจักรวรรดิ คือ ออตโตมันและไบเซนไทน์ เพราะได้รวบรวมเอาองค์ประกอบบางส่วนมาจากวิหารเซนต์โซเฟีย ผนวกกับสถาปัตยกรรมแบบอิสลามดั้งเดิม Blue Mosque ถือว่าเป็นมัสยิดที่ใหญ่สุดในตุรกี สามารถจุคนได้เรือนแสน และตัวมัสยิดตั้งอยู่ในพื้นที่ประวัติศาสตร์ของอิสตันบูลซึ่งได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมในปี พ.ศ. 2528ขอจบรีวิวเพียงเท่านี้ครับหากเพื่อนๆ มีข้อสงสัยวีธีการเดินทาง หรืออื่นๆ สามารถสอบถามมาได้เลยครับ ขอบคุณครับ



ปล. ประเทศตุรกี อนุญาตให้อยู่ได้ 30 วัน โดยไม่จำเป็นต้องขอวีซ่า

Twin Traveller

 วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 16.54 น.

ความคิดเห็น