ทริปนี้ไปไปเที่ยวทะเลแถวจังหวัดพังงาเมื่อวันที่ 14-17 พ.ย.โดยได้รับการเชิญชวนจากพี่หญิงสุธิดา อึ้งบริบูรณ์ไพศาลผู้อำนวยการกองตลาดภาคใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยโดยจะพาไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวหลายๆที่ๆไม่ค่อยมีคนรู้จักเพื่อกลับมาทำรีวิวชวนเพื่อนๆไปเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆกันโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด



ในรีวิวตอนนี้จะมีพาไปเที่ยวที่ เกาะคอเขาดำน้ำกันที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ชมวิถีชีวิตมอร์แกน ที่อ่าวบอนชม หาดอ่าวเคย หาดที่ไม่ได้เป็นที่รู้จักมากนักในหมู่นักท่องเที่ยวชม“พลับพลึงธาร" ณ คลองตาเลื่อน พันธุ์ไม้ที่ใกล้สูญพันธุ์ของโลกและทำกิจกรรมล่องแพไม้ไผ่ที่คลองลำรู



เพื่อนๆจะเห็นได้ว่าอาจมีบางที่ที่หลายท่านอาจไม่เคยได้ยินหรือรู้จักกันยังไงก็ลองตามเข้าไปเที่ยวพร้อมๆกันนะครับ



(ในภาพฝรั่ง3คนพ่อแม่ลูกนี้เค้าบอกเราว่าหลงรักประเทสไทยมากและทุกปีต้องมาเที่ยวที่นี่คราวละ1เดือนเป็นเวลาติดต่อกันมา5ปีแล้วโดยนอนเต้นท์บนเกาะ ณ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ หาดช่องขาด)



ยังไงถูกใจชอบใจรีวิวขอทิปให้แม่ประนอมคนทำรีวิวด้วยนะครับโดยกด + ที่มุมล่างซ้ายมือ



หรือคิดว่าข้อมูลน่าสนใจก็ช่วยกันแชร์ต่อๆเพื่อนเพื่อนๆได้รับชมกันทั่วหน้ากันคราบ...



ขอบคุณครับ



แม่ประนอมการเดินทางของเราก็แน่นอนว่าใช้บริการของแอร์เอเซียที่ใครๆก็บินได้สะดวกดีเพราะบ้านเราอยู่ใกล้ดอนเมือง

แวปเดียวก็มาถึงภูเก็ตแระตามโปรแกรมเค้าจะพาเราไปทานข้าวเที่ยงที่เขาหลักก่อนลงเรือไปเที่ยวเกาะคอเขาแต่พี่หญิงเค้ากลัวเราจะหิวข้าวเช้าเลยพามาแวะทานติ๋มซำรับประทานอาหารเช้ากันที่ร้านอาหารพิงงา ซึ่งเป็นร้านระหว่างทางจากสนามบินภูเก็ตไปเขาหลัก


รสชาติอาหารก็ใช้ได้และไม่แพง ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าจะจานละ 15 บาทครับ

ร้านก็ออกแนวชิวๆน่ารักน่ารัก

แล้วก็นั่งหลับยาวมาถึงเขาหลักแวะทานข้าวเที่ยงที่โรงแรม Casa de La Floraซึ่งโรงแรมเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารเที่ยงให้กะคณะเรา(เข้าใจว่าอยากอวดโรงแรมให้เราดูมั้งซึ่งก็ได้ผลพอเรากลับมาก็ทำจองไปนอนที่นั่นเลยในเดือนก.พ.)


เราทานกันที่ร้านนี้แหละครับซึ่งเป็นห้องอาหารเดียวของโรงแรมแต่บรรยากาศดีมากครับ


แต่ยังไม่หิวเลยอะเพราะเพิ่งทานมาเมื่อชั่วโมงที่แล้วเองก็เลยขอเดินชมห้องพักหน่อยเผื่อได้จองมานอนทีหลังถ้าดี


เดินไปดูห้องกันก่อนครับ

อันนี้แอบดูห้องสปาเค้าสวยมากน่ามาสปามากเลย(เสียดายน่าจะให้เราสปาด้วยเนอะ)


แล้วไปดูห้องกันครับที่นี่จะเป็นพูลวิลล่าทุกห้องนะ

ห้องนี้จะเป็นห้องแบบดูเพลคพูลสวีทมี2ชั้นบนเป็นห้องนอนกะห้องน้ำล่างเป็นห้องนั่งเล่นกะสระส่วนตัว


สรุปว่าได้ผลนะทำให้เราอยากมานอนที่นี่จริงๆซักครั้งแต่ค่าห้องราคาสูงมากคิดว่างบคงไม่ไหวแน่นอน


ลองเซิรช์ๆหาราคาหน้าโลดูปรากฏว่าได้ราคาห้องแบบนี้ที่7,902 บาทในเดือนก.พ.จัดไปรวมภาษีแล้วก็ตกราคานี้ 9,301 บาทก็ถ่ายรูปห้องพักมาได้แค่นี้ครับไงรอดูรีวิวโรงแรมนี้ละเอียดๆอีกทีตอนที่ไปพักมาหลังเดือนก.พ.นะครับแล้วก็ถึงเวลาทานอาหารครับ

อาหารที่เค้าจัดให้ครับ

หลังจากที่อิ่มข้าวเที่ยวกันแล้วเราก็จะไปเที่ยวเกาะคอเขากันโดยไปขึ้นเรื่อที่ท่าเรือบ้านน้ำเค็ม



เกาะคอเขาถือเป็นพื้นที่ๆ ยังคงความเป็นธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์อยู่มากเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายในตัวเมืองมาพักผ่อนตากอากาศท่ามกลาง

ธรรมชาติที่แสนบริสุทธิ์และเงียบสงบ สภาพบนเกาะส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ราบมีหาดทรายขาวสะอาดยาวหลายกิโลเมตร สามารถว่ายน้ำบริเวณชายหาดได้

บนเกาะมีที่พักแบบรีสอร์ท บังกะโล และร้านอาหาร ประมาณ 6 แห่ง ไว้บริการนักท่องเที่ยวด้วย

การเดินทางไปขึ้นเกาะ สามารถขึ้นเรือข้ามฟากไปเกาะคอเขา เรือเล็กคนละ 20 บาท ส่วนเรือยนต์ 150 บาทหลัง 6 โมงเย็น คิดค่าบริการ 2 เท่า


หรือเอารถขึ้นเรือข้ามฟากก็ได้คิดราคาคันละ 150 บาทแต่รอบเรือหยุดวิ่งหลัง 5 โมงเย็นนะครับ(ใครนอนพักโรงแรมบนเกาะก็เอารถไปจะสะดวกสุด)

อันนี้เรือข้ามฟากที่คิดเป็นรายหัวก็ขึ้นเรือแบบนี้

ขึ้นมาบนเกาะแล้วเราก็มาพักผ่อนกันซักครู่ดื่มน้ำท่าที่รีสอร์ต ซีแอนด์เอ็นโดยพี่รุ่งสุริยา ปิยะธำรงโรจนา เจ้าของรีสอร์ตและเป็นประธานชมรมเกาะคอเขาจะพาพวกเราเที่ยวรอบๆเกาะและกลับมาทานอาหารค่ำดูพระอาทิตย์ตกที่รีสอร์ตนี้กัน


ชายหาดเงียบสงบมากเหมาะแก่การพักผ่อนจริงๆ

ไปแอบดูครัวมาเย็นนี้เราจะได้ทานกุ้งมังกือกันและอาหารทะเลที่นี่ส่วนมากจะจับกันมาได้สดๆที่ทะเลหน้าหาดนี่เอง

แล้วพี่รุ่งสุริยาก็พาเราเที่ยวรอบๆเกาะโดยพาไปชมแหล่งโบราณคดีเกาะคอเขา หรือที่เรียกว่า แหล่งโบราณคดีบ้านทุ่งตึก



ประวัติความเป็นมา

แหล่งโบราณคดีที่สำคัญบนเกาะคอเขาตั้งอยู่ในบริเวณที่ชาวบ้านเรียกกันว่า "ทุ่งตึก" หรือ "เหมืองทอง" เหตุที่เรียกเช่นนี้คงจะเป็นเพราะว่าในบริเวณนี้มีซากอาคารโบราณสถานอยู่ ๓ แห่ง



นอกจากนี้ในบริเวณนี้ยังได้พบฐานเทวรูปเหรียญเงินอินเดีย เศษทองคำ และผงทรายทอง ปัจจุบันโบราณสถานดังกล่าวถูกทำลายไป คงเหลือแต่เพียงซากของฐานก่ออิฐเพียงบางส่วนเท่านั้น



แหล่งโบราณคดีเกาะคอเขา หรือเหมืองทองได้มีการสำรวจเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๘ โดยพบซากโบราณสถานก่อด้วยอิฐขนาดยาว ๖๐ หลา กว้าง ๓๐ หลาสูงจากระดับพื้นดินประมาณ ๖ ฟุต และพบเศษภาชนะดินเผาที่ผลิตในสมัยราชวงศ์ถังของจีน (ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๒-๑๓) และเครื่องแก้วของชาวเปอร์เซียโดยที่ไม่ได้ดำเนินการขุดค้นในชั้นดินธรรมชาติ



โบราณวัตถุเหล่านี้จัดได้ว่ามีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ ๑๓-๑๕ จากโบราณวัตถุที่พบเป็นจำนวนมาก แหล่งโบราณคดีแห่งนี้อาจจะเป็นศูนย์กลางในการค้าขายของศรีวิชัย

พี่เค้าพามาเที่ยวพร้อมทั้งอธิบายเรื่องราวต่างๆได้สนุกมากครับ


อันนี้ต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงครับซึ่งจะหาดูได้ทั่วไปบนเกาะเลยครับ

อีกหนึ่งความ Amazing ของเกาะคอเขาก็ที่พี่เค้าพาเราไปดูก็คือปูเสฉวนปีนต้นไม้ครับซึ่งพี่เค้าก็หาคำตอบไม่ได้ว่าทำไมมันถึงชอบปีนต้นไม้กัน


ต้องไปดูที่หาดหาปลาที่เดียวนะครับที่อื่นไม่มีนะครับแปลกมาก

อัดคลิปมาให้ดูด้วยครับแปลกจริงๆ


https://www.facebook.com/video.php?v=965053806842074&set=vb.100000123926149&type=3&theaterได้เวลาแล้วก็กลับไปทานอาหารเย็นและดูพระอาทิตย์ตกกันที่รีสอร์ตของพี่เค้ากันครับ

จานนี้กุ้งมังกืออบเนยแต่ตัวเล็กก็เลยผสมกุ้งลายเสือไปหน่อยถามเค้าบอกว่าขายราคาแค่ 500 บาทสำหรับจานนี้


อันนี้แม่ประนอมเรค คอ เมน เลยครับแต่ไม่ได้มีทุกวันนะครับขึ้นอยู่กับเรือที่ออกไปจะหามาได้หรือป่าว

ดูกันให้เต็มๆตานะครับ


ด้วยความสงสัยว่าราคาไหงมันถูกจังหรือแกล้งบอกราคาถูกๆป่าวก็เลยกางเมนูถ่ายมาดูกัน


ก็อาหารราคาถูกจริงๆแถมท่ี่พักที่นี่เป็นบังกะโลค้าห้องก้ไม่แพงมากอยู่ระดับราคา 1000-2000 บาท(เสียดายไม่ได้ขอเค้าถ่ายรูปห้องมาให้ดูกัน)

อาหารที่เราทานกันครับ


จานนี้อร่อยมากพ่อของพี่เค้าไปลงแหมาเมื่อเย็นเพื่อมาทอดให้เราทานกันครับปลาเห็ดโคนทอดครับเค้าบอกว่าจานนี้ขาย 80 บาท ครับ

ที่เหลืออร่อยทุกอย่างเลยแต่จำชื่อไม่ได้แล้วอะ


มื้อนี้จัดอาหารแบบนี้มาทั้งหมด 3 ชุดถามน้องคนจ่ายตังเค้าบอกว่ารวมกันแล้วจ่ายไป 3800 บาทแต่ได้ลดพิเศษ 15 % สำหรับ ท.ท.ท. ครับเอาภาพบรรยากาศรีสอร์ตมาฝากกันครับที่นี่น่าพักจริงๆครับ

แล้วเราก็มาลงเรือกลับฝั่งกัะครับ


ก้วนเราทั้งหมดที่ทานอาหารกันเมื่อตะกี้ครับ


ออกจากเกาะแล้วคืนแรกเราพักกันทื่ โรงแรม La Flora Resort & Spa Khao Lak


ไปดูห้องกันครับ


ห้องก็กว้างใหญ่ดีครับแต่น่าเสียดายเราใช้ห้องแค่แป๊ปเดียวเองเพราะต้องตื่นเช้าไปขึ้นเรือไปเกาะแล้ว


ก็เช็คราคาค่าห้องมาให้ดูครับว่าราคาประมาณไหน

แล้วเราก็ขึ้นรถไปท่าเรือท่าเรือคุระบุรีกันแต่เช้าๆเลยเพราะต้องไปให้ทันกรุ๊ปที่เรือจะออกตอน 9 โมงเช้า


โดยจะไปเที่ยวดำน้ำที่หมู่เกาะสุรินทร์กันและพักบนเกาะกันเลย 1 คืน

ทริปนี้เค้าเลือกใช้บริการของเรือกรีนวิวถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าค่าบริการจะอยู่ที่ 2500 บาท ไป-กลับ

ลงทะเบียน รับอุปกรณ์ดำน้ำ แล้วรับบริการเครื่องดื่ม ชา, กาแฟ กันก่อนครับ


รูปคู่กะพี่หญิงซะหน่อย (ผู้อำนวยการกองตลาดภาคใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย)ผู้ที่ชวนเรามาร่วมทริป


และ 3 หนุ่มจอมซ่าที่มาร่วมดูแลพวกเรา


แล้วก็มาถึงจุดดำน้ำจุดแรก

น้ำทะเลใสมากเลยครับ


พอดำขึ้นมาน้องไกด์ก็จะเข้ามาถามว่าเจอปลาอะไรกันมั่งก็มาชี้ๆกันเป็นที่สนุกสนานมาก


ใกล้เที่ยวแล้วก็ไปขึ้นเกาะกันสำหรับคนที่พักบนเกาะก็เอาของเก็บเข้าห้องพักแล้วทานอาหารเที่ยงกัน


อันนี้ร้านอาหารบนเกาะครับที่ให้บริการอาหารเหมาเป็นรายหัว ราคามื้อเที่ยง 250 บาทมื้อเช้า 130 บาทมื้อเย็น 260 บาท


แต่มื้อเที่ยงวันนี้เราทานกะทางเรือก่อนเพราะเป็นราคาเรือรวมค่าอาหารอยู่แล้วครับ


และนี่ก็อัตตราค่าที่พักบนเกาะครับ


เต้นท์ที่พักก็อยู่หน้าหาดเลยครับฟินมาก


อันนี้บ้านพักเป็นหลังครับไม่ติดหาดนะเราว่านอนเต้นท์ดีกว่านะฟินกว่าเยอะเลย

ตกบ่ายเค้าพาออกไปดำน้ำอีกรอบส่วนเราขอฟินอยู่บนเกาะดีก่าแบบว่าแก่แล้วไปลุยกะน้องๆเค้าไม่ไหว


หาดทรายบนเกาะนี้สวยมากครับอยากให้มาเห็นกะตาตนเองจริงๆ


อันนี้เหมือนอะไรเอ่ยใครรู้มั่งครับ


อันนี้อีกเหมือนแม่ไก่ไม๊ครับ


ตกเย็นเรานั่งเรือไปดูพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าที่อ่าวกระทิง หมู่เกาะสุรินทร์ซึ่งเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดบนเกาะ


ระหว่างทางบนเรือเราเจอนางฟ้าด้วยครับ อิ อิยิ้มหวานให้ด้วยเลยแถมโบกมือบ๋ายบายด้วยนะ

แล้วพระอาทิตย์ก็ค่อยๆลาลับขอบฟ้าไปครับ


แล้วก็กลับไปทานข้าวเย็นกันครับ


ที่ซุกหัวนอนเราครับ


ทุกๆคนที่พักบนเกาะก็มารวมตัวกันที่ห้องอาหารครับ

มือ้เย็นนี้ทานอาหารของทางห้องอาหารที่อุทยานเหมา หัวละ 250 บาทครับแบบว่ากินไม่อั้นจนอิ่มเลยครับ


มาดูอาหารกันพออร่อยอยู่เหมือนกันครับ

แต่ปลานี้เค้าให้มา 1 ตัวต่อ 4 คนครับหมดแล้วหมดเลยแต่กับข้าวอย่างอื่นเติมได้ไม่อั้นครับ


อิ่มแล้วต่างคนก็ต่างแยกมุมกันนั่งเล่นมุมใครมุมมันเพราะบนเกาะไม่มีโทรทัศน์ในห้องพักมีแค่เครื่องเดียวในห้องอาหารนี่แหละ


และสัญญาณไวไฟก็มีตรงจุดนี้จุดเดียว

บางกลุ่มก็นั่งจั่วไพ่กัน


อันนี้ค่างครับจังหวะดีได้เห็นมันบินโชว์ด้วยครับธรรมชาติบนเกาะนี้สมบูรณ์มากจริงๆครับ


ตกดึกพอดีคืนนั้นมีเรือประมงไปจับปูจั๊กจั่นมาได้เลยเอามาให้พวกเราทานกันเล่นๆดูอร่อยดีครับเพิ่งเคยทานเป็นครั้งแรกเลย


ตื่นเช้ามาเราขึ้นเรือไปเที่ยวหาดไม้งามกันซึ่งเป็นอีกหาดหนึ่งที่มีเต้นท์ให้บริการกันแต่หาดนี้จะเปิดบริการวันที่ 5 ธ.ค.ที่จะถึงนี้


อยากบอกว่าหาดนี้สวยงามมากครับ

ชายหาดสวยงามมากครับ


วันนี้มีพี่ๆเนวี่มาดูแลพวกเราด้วยครับคือ หน่วยรักษาความปลอดภัยทางทะเลหมู่เกาะสุรินทร์


พี่เค้าฝากประชาสัมพันธ์เป็นกระดาษยับๆอันนี้มาด้วยครับเผื่อใครต้องการความช่วยเหลือติดต่อได้เลยครับ

แล้วเราก็ไปดำน้ำกันครับใช้บริการพี่เค้าซะหน่อยฟินดี


เราบอกว่าเราว่ายน้ำไม่เป็นพี่เค้าก็เลยดูแลเราประกบเราเลยขอบคุณพี่ๆมากครับสนุกมากจริงๆ


จุดหมายต่อไปก้ไปเที่ยวชมวิถีชีวิตมอร์แกน ที่อ่าวบอนกันครับ



ชาวเลหรือมอแกน ซึ่งเป็นชนเผ่าพื้นเมืองที่ยังคงมีวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมกินนอนอยู่ในเรือ อาศัยอยู่ นับถือเทวรูปอินเดียนแดง

ซึ่งแกะสลักด้วยท่อนไม้ ถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของชาวเล



ทางอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์อ.คุระบุรี จ.พังงา ได้เปิดพื้นที่ให้กับ ชาวมอร์แกน ด้วยการสร้างบ้านถาวร ให้จำนวน 40 หลัง

และทางกระทรวงมหาดไทย ก็ได้มอบสิทธิ ออกบัตรประชาชนไทย สัญชาติไทยให้ จำนวน 150 ชีวิต สำเร็จหลังจากรอบแรกพิจารณาเพียง34 คนและให้ใช้เรือประมงดำรงอาชีพทางทะเลต่อไป



และสร้างอาชีพพื้นฐาน กับการทำของทีระลึก เป็นเรือมอร์แกน ขายกับนักท่องเที่ยวและห้ามไม่ให้กลับไปค้าชีวิต ค้าซาก สิ่งมีชีวิตสัตว์ทะเลโดยเฉพาะพวกเต่า กระนำกระดองมาทำกำไรหรือ ดำน้ำหาประการังมาขาย



เพื่อนๆมาเที่ยวแล้วช่วยอุดหนุนของที่ระลึกด้วยนะครับ


พี่เนวีขอเชิญมาเที่ยวที่นี่ด้วยนะครับพี่เค้าบอกว่ามีปัญหาอะไรเรียกใช้บริการได้ตลอดเลยครับ


บนนี้มีโรงเรียนด้วยนะครับซึ่งพระเทพทรงสร้างไว้ให้เด็กชาวมอร์แกนได้ร่ำเรียนกัน


คุณครูสาวชาวมอแกนที่ได้ปริญาตรีคนแรกและคนเดียวบนเกาะครับ


คุณครูสวยไม๊ครับ


เดี๋ยวเที่ยวหน้ามาจะเอาลิปสติกและแป้งผัดหน้ามาฝากนะคุณครูจะได้สวยกว่านี้อีกหน่อยนึง


แล้วเราก็ได้เวลากลับไปทานข้าวเที่ยงกันซะทีนะ


มื้อเที่ยงนี้ 250 บาท/คนครับเหมือนเดิมปลาเติมไม่ได้อย่างอื่นไม่อั้น


ก็ 4-5 คนต่อชุดครับกับเติมได้หมดยกเว้นปลา


หลังจากกลับจากเกาะแล้วเราก็มาพักที่นี่ครับ โรงแรมคุระบุรีกรีนวิวรีสอร์ท


บรรยากาศดีมากครับ


ไปดูในห้องกันครับ


ค่าห้องพักที่นี่ราคาไม่แพงครับเช็คราคามาให้ดูครับ


อาหารเย็นเราทานที่นี่ครับ


ที่นี่อาหารอร่อยมากและเรียกว่าถูกได้เลยครับเดี๋ยวเอาเมนูมาให้ดูโพสต่อไปนะครับอันนี้แม่ประนอมอยาก เรค คอ เมน จริงๆครับ


ใครผ่านมาแถวนี้แวะทานกันดูนะครับรับประกันว่าชอบแน่นอน

และใครพักที่นี่อยากบอกว่าอย่าลืมดูดาวบนฟ้าด้วยนะครับ

วันต่อมาหลังจากทานอาหารเช้าเสร็จเราก็มาแวะชม“พลับพลึงธาร" ที่ คลองตาเลื่อน พันธุ์ไม้ที่ใกล้สูญพันธุ์ของโลก



“พลับพลึงธาร"

เป็นพืชน้ำเฉพาะถิ่นของประเทศไทย พบได้ที่บริเวณแม่น้ำ ลำคลอง ในอำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา และอำเภอสุขสำราญ อำเภอกะเปอร์ จังหวัดระนอง พลับพลึงธารถือเป็นดรรชนีชี้วัดความสะอาดและความอุดมสมบูรณ์ของน้ำและลำคลอง เนื่องจากต้นพลับพลึงธารจะขึ้นได้เฉพาะลำคลองที่มีต้นน้ำที่อุดมสมบูรณ์

พลับพลึงธารจะออกดอกบานสะพรั่งในช่วงประมาณปลายเดือนตุลาคมถึงเดือนธันวาคม

ด้วยเหตุที่ดอกมีความสวยงามประกอบกับความหายาก จึงทำให้พลับพลึงธารได้รับฉายาว่า “ราชินีแห่งสายน้ำ"

ตาเลื่อนซึ่งเป็นเจ้าของที่ได้พยายามอนุรักษ์ต้นพลับพลึงธารไม่ให้สูญพันธ์


ไปถึงแล้วเรียกหาได้เลยครับแล้วคุณตาจะพาเดินชมพร้อมทั้งอธิบายให้ฟังด้วยโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย

อันนี้ต้นชาดครับที่สมัยก่อนเอาไว้ใช้ทาปากแดงๆ


มาเที่ยวที่สวนคุณตาเลื่อนกันนะครับได้ความรู้มากมาย


กดไลท์ให้ตาเลื่อนด้วยครับ


ข้อมูลสนใจมาเที่ยวก็ตรงนี้ครับ


สามารถเดินทางไปได้ที่บริเวณคลองคลองตาเลื่อน บ้านคุระ หมู่ที่ 7 ต.คุระ อ.คุระบุรี จ.พังงา

หรือสามารถติดได้ที่ศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวจังหวัดพังงา โทร.0-7648-1900-2จุดต่อไปไม่ไกลจากคลองตาเลื่อนเราก็เที่ยวหาดอ่าวเคยหาดที่ไม่ได้เป็นที่รู้จักมากนักในหมู่นักท่องเที่ยว

มีนักท่องเที่ยวไม่มากนักที่มาเที่ยวหาดนี้ เพราะไม่มีแหล่งบันเทิง และจุดช๊อปปิ้งเลย

หาดอ่าวเคยยังเป็นหาดที่ธรรมชาติที่สุดไม่มี่ร่องรอยการสูญเสียจากการทำลายของฝีมือมนุษย์ ไม่มีการบุกจากนายทุนเลย

แม้กระทั่งร้านค้าริมหาดก็ไม่มี

ลองแวะมาดูกันนะครับเงียบสงบมากครับและก็สวยงามมากด้วย


มื้อเที่ยงวันนี้เค้าพาเราไปทานที่ร้าน ช้าวต้มโกศักดิ์ คุระบุรีซึ่งก็อร่อยอีกตามเคยร้านนี้แนะนำเหมือนกันครับ


กั้งผัดพริกไทดำจานนี้ 500 บาทครับสดมากครับ


มื้อนี้ทั้งหมดตามนี้เลยครับ


อันนี้พี่หญิงและแม่ประนอม เรค คอ เมน ครับ


อิ่มแล้วเค้าก็พาไปล่องแพกันครับ



ทำกิจกรรมล่องแพไม้ไผ่ที่คลองลำรู (โกมลคอนเนอร์ ผญ.โกมล โทร. 089-7273021 หรือคุณเกด โทร. 081-0852389)

กิจกรรมล่องแพไม้ไผ่เป็นกิจกรรมท่องเที่ยวสัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่โดยการนั่งบนแพไม้ไผ่ล่องตามสายน้ำร่มรื่นคลองลำรู

น้ำเย็นใส เห็นตัวปลา ไหลนิ่งลัดเลาะตามโขดหินลำคลองปกคลุมด้วยป่าไม้และสวนผลไม้หลายชนิด เพิ่มความสดชื่นได้ง่ายๆ

ด้วยการกระโดดลงว่ายน้ำในทะเลสาบห้อมล้อมด้วยป่าไม้เขียวขจีเป็นกิจกรรมที่สามารถล่องแก่งได้ตลอดทั้งปี

การเดินทางตั้งอยู่บริเวณบ้านลำแก่น อ.ท้ายเหมือง ไม่ไกลจากเขาหลักมากนัก



อัตราค่าบริการ คนไทยแพลำละ 400 บาท ชาวต่างชาติแพลำละ 700 บาท นั่งได้ 2 คน (ไม่รวมคนพาย)


เปิด - ปิดเวลา 8.00 – 17.00 น.

อันนี้อีก 1 บริการที่เค้ากำลังจะเปิดบริการครับเป็นการขี่ควายครับก็ได้ลองเล่นๆดูขำๆครับ


จริงๆแล้วไม่ใช่ขี่แบบเรานะครับต้องนั่งเกวียนข้างหลังครับอันนี้เราไปฐานะสื่อเค้าเลยให้เราเล่นขำๆได้ครับ


แล้วก็ปิดทริปกันตรงนี้ครับแล้วก็เดินทางไปสนามบินกันแล้ว


แล้วก็มาเช็คอินกะแอร์เอเซียโดยที่น้องแอม(เพื่อนในเฟสและแฟนรีวิว)ซึ่งแอบรู้ว่าเราจะมาเช็คอินวันนี้อุตสาห์รอทำเช็คอินให้เราทั้งๆที่เลิกงานไปแล้วตั้งแต่บ่ายขอบคุณคุณน้องมากๆครับ


เรากลับไฟล์นี้กันครับ


สุดท้ายยังตามมารอส่งจนขึ้นเครื่องเลยขอบคุณมากๆครับ


ก็จบแล้วครับ


สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ พี่หญิงสุธิดา อึ้งบริบูรณ์ไพศาลผู้อำนวยการกองตลาดภาคใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ที่ชวนเรามาเที่ยวด้วย



ขอบคุณทีมงาน ท.ท.ท.น้องโบ๊ตน้องโต้งน้องต๊อดที่ดูแลเราอย่างดี(3 หนุ่มนี่อย่างฮาเลยครับ)



ขอบคุณน้องแอมคนสวยที่รอทำเช็คอินให้ทั้งๆที่เลิกงานก่อนแล้วตั้ง 3 ชั่วโมง



ขอบคุณ Pantip สำหรับพื้นที่ดีๆที่ให้เราได้แบ่งปันข้อมูลและหาข้อมูลดีๆในการท่องเที่ยวด้วยตนเอง



ขอบคุณเพื่อนๆแฟนๆที่ให้การสนับสนุนแม่ประนอมมาตลอดๆ



แล้วจะพยายามทำรีวิวให้ดีขึ้น ดีขึ้น นะครับ



แม่ประนอม



รักผู้อ่านทุกคนคราบ..........................................



แม่ประนอม นะจ๊ะจริงครับทะเลไทยสวยมากๆไม่แพ้มัลดีฟเลยครับ

แม่ประนอม

 วันจันทร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 22.28 น.

ความคิดเห็น