สวัสดีเพื่อนๆอีกครั้ง หลังจากที่ได้เขียนเรื่องราวประสบการณ์ทริปโมโกจูไปเมื่อต้นปี พอเข้าปลายฝนทีไรใจมันเรียกร้องเข้าป่าทุกที และที่ที่จะไปนั้นก็คือดอยหลวงเชียงดาว ก็เลยจะมาแชร์ประสบการณ์ผ่านพันทิปอีกเช่นเคย
สำหรับกระทู้เก่าโมโกจูคลิกที่นี่เลยครับ http://pantip.com/topic/33260417
ต้องย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 11 ปีที่แล้ว ผมได้มีโอกาสมาฝึกงานที่เชียงใหม่ ในช่วงวันหยุดก็จะออกหาที่เที่ยวและได้มาที่อำเภอเชียงดาว ครั้งแรกที่เห็นภูเขาลูกนี้ถึงกับอึ้งครับเพราะไม่เคยเห็นภูเขาอะไรมันตั้งตะหง่านสูงเทียมฟ้าขนาดนี้ และไม่กี่ปีต่อมาก็พอทราบว่ามันสามารถเดินขึ้นไปบนยอดนี้ได้ จึงตั้งใจไว้ว่าสักวันจะต้องมาขึ้นยอดเขานี้ให้ได้ จนมาปีนี้วันที่ 27-29 พ.ย.58 ก็ได้ฤกษ์งามยามดีออกเดินทางสู่ยอดดอยหลวงเชียงดาว
ดอยหลวงเชียงดาวเป็นภูเขาที่สูงเป็นอันดับ3 ของประเทศไทย รองจากดอยอินทนนท์ และดอยผ้าห่มปก ความสูง 2,225 เมตร จากระดับน้ำทะเล การเดินขึ้นยอดดอยสามารถเดินขึ้นได้สองเส้นทางคือเด่นหญ้าขัดกับปางวัว สำหรับสายโหดแนะนำขึ้นทางปางวัวเลยครับ สายชิลขึ้นทางเด่นหญ้าขัดดีกว่า ได้เห็นวิวเยอะกว่า ปางวัวระยะทางจะสั้นกว่าเด่นหญ้าขัดแต่ทางชันกว่า ข้างบนไม่มีน้ำไม่มีไฟ ไม่มีห้องส้วม มีเพียงส้วมหลุมที่เจ้าหน้าที่ทำไว้ให้ ส่วนผมชอบเข้าป่ามากกว่า โอเพ่นแอร์ การจะถ่ายหนักนั้นขอให้หาที่ที่ห่างจากทางเดินหลักด้วยนะครับ เพื่อคนอื่นจะได้ไม่เดินมาเหยียบ ถ่ายเสร็จควรเอาทิชชูปิดไว้ด้วยก็ดีหรือจะฝังกลบเลยยิ่งดี
ขอยืมภาพจาก น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา มา ณ ที่นี้ด้วยครับ แสดงให้เห็นถึงเส้นทางการเดิน และระดับความชันได้ชัดเจน
เอาหละพรรณนามาเยอะแล้วเข้าเรื่องเลยดีกว่า กลุ่มผมในนามหาเรื่องเดินป่า...ใส่บ่าแบกหาม กลุ่มเล็กๆที่มีแนวทางเหมือนกัน จัดทริปไม่พึ่งทัวร์ ทริปนี้มีสมาชิกทั้งหมด 13 คน มีทั้งสมาชิกเก่าและใหม่ จริงๆตั้งใจไว้ 17 แต่หาเพิ่มไม่ได้ 13ก็13 วะ (รอบหน้ารับสมัครผู้หญิงเพิ่มนะครับ) พวกเรารวมกลุ่มไปกันเองไม่ได้ใช้บริการทัวร์ ดังนั้นทุกอย่างต้องวางแผนกันเอง เริ่มจากเตรียมข้อมูลการเดินทาง หาเช่ารถตู้ แบ่งกันเตรียมของส่วนกลางเช่น อุปกรณ์ทำอาหารต่างๆ คิดเมนูอาหารที่จะทำกินกันตอนอยู่บนดอยสำหรับ 5 มื้อ พวกอาหารแห้งเราซื้อจากกทม.ไป แต่พวกของสดไปหาซื้อเอาที่ตลาดเชียงดาว เมื่อทุกอย่างพร้อม ใจพร้อม กายพร้อม ไปลุยกันเลย
ในรูปมี 12 คน รวมผมซึ่งเป็นคนถ่ายก็เป็น 13 ครับ
วันที่ 26 พ.ย.58 เรานัดหมายกันที่ BTS หมอชิต เวลา 20.00 น. เดินทางด้วยรถตู้ 2 คัน กว่าจะครบทีมก็ออกเดินทางราวๆสี่ทุ่ม ถึงเชียงดาวแปดโมงหาซื้อของเพิ่มเติมและหาข้าวเช้ากินกัน ได้มาลงเอยที่ข้าวขาหมูเจ้าเก่าแก่ขายมากว่า 20 ปี (จำชื่อร้านไม่ได้นะ)
กินเสร็จก็สิบโมง พวกเราสายชิลครับไม่ค่อยจะรีบกันเลย ข้อดีของการไปกันเองไม่ได้ไปกับทัวร์ มันสามารถจัดสรรเวลาเองได้ทั้งหมดปรับเปลี่ยนแผนได้ตลอด ประมาณ 11 โมงเรามาถึงที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว ทำการลงทะเบียนและชำระเงินและรอนั่งรถกระบะที่ทางเจ้าหน้าที่จัดไว้ให้เพื่อไปส่งยังจุดเริ่มเดินเท้า ค่าธรรมเนียมต่างๆดังนี้
ค่าเข้าเขต40 บาท
ค่ากางเต้น 40 บาท
ค่ามัดจำขยะ 300 บาท
ลูกหาบวันละ 500 บาท ต่อวันต่อคน
ค่ารถไปส่ง-ไปรับ เด่นหญ้าขัด 1200 บาท (ขาเดียว)
ส่วนปางวัว 600 บาท (ขาเดียวเหมือนกัน)
นั่งรถมาสถานีเด่นหญ้าขัดไกลพอสมควร นึกว่าจะนั่งถึงยอดเขาแล้ว เพราะความสูงอยู่ที่ 1,200 เมตรจากระดับน้ำทะเล นี่ถ้าเริ่มเดินตั้งแต่ตีนเขาต้องมีสัก 4-5 วัน แน่ๆ
และก็นั่งรถมาถึงจุดที่จะต้องเตรียมตัวเดินเท้ากันต่อ
ก็กินข้าวเที่ยงกันซะที่นี่เลยครับ เสร็จแล้วก็ถ่ายรูปก่อนเดินกันซะหน่อย ให้เห็นสีหน้า หน้าตาสดใส
กว่าจะได้เริ่มเดินก็เกือบบ่ายโมง นั่นแหละครับถึงแค้มป์มืดแน่ๆ คือวันนี้ตอนเช้ามีฝนตกท้องฟ้าปิดเราจึงไม่รีบไปดูอาทิตย์ตกดิน ก็เลยเดินสบายๆแต่ต้องไปให้ถึงก่อนมืดเพื่อที่จะได้กางเต๊นท์ไม่ลำบากนัก ระยะทางจากเด่นหญ้าขัดไปถึงจุดกางเต๊นท์ 8.5 กิโลเมตร
เหลียวมองป้ายนิดนึง พร้อมกับคิดในใจว่าแค่นี้สบายๆ
ช่วงแรกๆเป็นทางราบๆเดินสบายๆ ชมวิวข้างทาง ถ่ายรูปเล่นได้ไม่ได้เหนื่อยมาก แต่หลังจากผ่านระดับความสูง 1,700 เมตร ทางจะเริ่มชันไต่ระดับขึ้นเรื่อยๆจนถึง 2,xxx เมตร
เดินไปหยุดถ่ายรูปไป แหม๋...ไม่กลัวมืดเลยนะ ฟ้ายิ่งครึ้มๆอยู่
เค้าบอกว่าปลายทางคือจุดหมาย แต่ระหว่างทางก็สำคัญ ก็เลยถ่ายต้นไม้ใบหญ้าเก็บไว้
บางทีก็โดนแอบถ่ายบ้าง นายเป็นไงบ้าง B1 แค่นี้ยังไหว สบายๆ B2
เดินเรื่อยๆมาเรียงๆ ถ่ายรูปเล่นไปเรื่อยเพราะยังเดินเกาะกลุ่มกันอยู่
ก็มาเจอกลุ่มผู้นำที่หยุดพักรอพวกผมอยู่ ก็เลยพักถ่ายรูปเล่นกันซะหน่อย
นี่ก็โฉมหน้ากลุ่มผู้นำ เกือบทุกทริปสมาชิกใหม่มักจะเดินนำตลอดไม่รู้ฟิตมาจากไหน แล้วบอกว่าเดินเป็นครั้งแรก หึหึ
ระหว่างทางก็ได้มิตรภาพจากกลุ่มอื่นๆที่เดินทางขึ้นพร้อมกัน แอดมินเพจสะพายเป้ เท่ทั่วไทยหละหนึ่งกลุ่ม เจอกันตรงจุดพักกินข้าวตรงสามแยก แต่ไม่ได้ถ่ายรูปกับพี่แกไว้เลย ระหว่างทางก็เก็บภาพวิวสวยเก็บไว้ แต่จะเก็บภาพวิวอย่างเดียวทำไมหละ มันต้องมีคนอยู่ในภาพด้วยถึงจะมีเรื่องราว นี่เลยครับ Gopro ช่วยท่านได้ ช่วยให้การเซลฟี่ง่ายขึ้น
เดินผ่านป่ากล้วยอยู่กระหย่อมนึง
เดินมาเรื่อยๆก็มาเจอสามแยกปากหวาน แวะพักกินข้าวกันตรงนี้แหละ ณ จุดนี้กลุ่มผมเดินตามมาทันกลุ่มอื่นแล้ว แม้ว่าจะเริ่มเดินกลุ่มหลังสุด
หลังจากกินข้าวเสร็จ ก็เริ่มออกเดินทางต่อ ดูท่าทางเหมือนฝนจะตก ให้ตายสิตกมาเปียกนี่สนุกแน่ แล้วก็เดินผ่านทุ่งดอกบัวตองกับวิวภูเขาสวยๆ
เราเดินผ่านขุนเขาที่โอบล้อมเรารอบด้าน
โค้งสุดท้ายแล้ว ยังสบายๆครับ เหนื่อยยังไงก็ยิ้มถ่ายรูปไว้ก่อน
พวกเราใช้เวลาเดินประมาณ4ชั่วโมงครึ่ง สำหรับกลุ่มผมนั้นจะให้ลูกหาบแบกเฉพาะของส่วนกลาง ของส่วนตัวแบกกันเอง ลูกหาบที่นี่รับน้ำหนักแค่ 20 กิโลกรัม/คน เท่านั้นนะครับ สำหรับผมทริปนี้ทำน้ำหนักไป 13 กิโลกรัม แต่นั่นก็ไม่ได้หนักสุดในกลุ่ม ยังมีน้องใหม่ไฟแรงบ้าพลัง แม้งแบกไปได้เกือบ 20 กิโล น้ำหนักขนาดนี้กับระยะทางขนาดนี้ แถมไม่ใช่ทางราบ ก็เหนื่อยสิครับแถมตะคริวกินด้วย 555 แต่เราก็ไม่ทิ้งกัน ผมมักจะเป็นคนปิดท้ายขบวน เพื่อดูแลลูกทีม (จริงๆเดินช้าครับ) ก็เดินรอๆน้องที่เป็นตะคริวไปจนถึงที่พัก มืดพอดี แต่เพื่อนๆที่มาถึงก่อนกางเต๊นท์ไว้ให้แล้ว สบายสิครับนั่งพักแล้วทำข้าวเย็นกินกันเลยมื้อนี้ก็ง่ายๆ ต้มจืดวุ้นเส้น ทอดหมู (เดิมทีเตรียมมาย่างแต่เค้าไม่ให้ก่อไฟ) ไข่เจียว น้ำพริก หมูหยอง อิ่มแล้วก็นั่งจับกลุ่มคุยกัน นั่งได้ไม่นานด้วยความหนาวและลมแรงบวกกับเหนื่อยล้า ก็เข้าเต๊นท์นอนสิครับ
เช้าวันที่ 28 พ.ย.58 เวลา 4.30 น. พวกเราตื่นนอนเพื่อจะไปยอดกิ่วลมเพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้น แต่โชคไม่ดีโดนหมอกปกคลุมไปทั่วมองไม่เห็นวิวเลย ได้แต่ถ่ายรูปดอกไม้ไปพลางๆ แต่ก็หวังเล็กๆว่าฟ้าจะเปิด นั่งรอกินกาแฟร้อนๆ ถ่ายรูปเล่นจน 10 โมง ฟ้าก็ยังไม่เปิด
ยอดกิ่วลมก็มีหลายจุดที่ให้ถ่ายรูปเหมือนกัน ไหนๆก็ขึ้นมาแล้วถึงฟ้าไม่เปิดก็ขอเดินสำรวจหน่อยหละกัน ไม่มีวิวให้ถ่ายก็ถ่ายกันเองนี่แหละ ทริปนี้ได้เจ้า xiaomi yi ไปด้วย ถ่ายเซลฟีสนุกเลย
โชว์โลโก้กลุ่มซะหน่อย รอบหน้าจะสกีนข้างหน้าหละ
สิ่งที่ขาดไม่ได้ ในเมื่อมาเป็นกลุ่มก็ต้องมีภาพหมู่ เอ้า 1 2 3 แชะ
คนนี้คือหญิงเหล็ก ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในทีม เดินนำทุกทริป สุดยอดแล้ว
ผมเองก็ขอเดี่ยวเท่ห์ๆบ้าง
10 โมงกว่าแล้ว มองไปทางไหนก็ยังขาวไปด้วยหมอก จึงตัดสินใจกลับไปที่เต๊นท์เพื่อเตรียมอาหารเที่ยงและนอนพัก
ระหว่างทางก็เก็บภาพดอกไม้ใบหญ้า
รอบนี้มีสายมาโครมาด้วย พอได้รูปดอกไม้สวยมาเยอะเลย
นั่งทำอาหารกินข้าวรอเวลาจนสี่โมงเย็นเพื่อขึ้นไปยอดสูงสุดของดอยหลวงเชียงดาวชมพระอาทิตย์ตก ที่นี่ไม่ให้ก่อกองไฟนะครับลูกหาบจะเข้มงวดมาก และของที่ใช้แล้วเป็นขยะก็ให้เอากลับลงไปข้างล่างด้วย เพื่อรักษาธรรมชาติ
สี่โมงกว่าๆเราก็เริ่มเดินขึ้นยอดดอยหลวงเชียงดาว
ทางขึ้นค่อนข้างชัน บางช่วงต้องปีนป่าย หินก็แหลมคมหกล้มมานี่ได้แผลแน่ๆครับ ผมเจอมาแล้ว
โชคดีที่ฟ้ายังเห็นใจเปิดให้เราได้เห็นความสวยงามของแสงอาทิตย์ที่ส่องผ่านช่องเมฆทะลุลงมายังพื้นโลกเกิดเป็นลำแสงพิฆาต(ไปกันใหญ่หละ) จังหวะนี้ถ่ายรูปรัวๆสิครับ รออะไรอยู่ ส่วนผมหนะเหรอไม่ได้เอา DSLR ขึ้นมา ถ่ายกล้องตัวเล็กจนแบตหมด เสียดายเล็กน้อย
วิวมันสวยเลยขอยืนซึบซับให้นานๆ
และจุดๆนี้เอง คือเป้าหมายที่จะมาเชียงดาว ได้ถ่ายรูปมุมนี้ก็พอแหละ 5555 ไม่ได้กลัวความสูงนะแต่นั่งนานๆแล้วใจหวิว ขาเริ่มสั่นเหมือนกัน
และเวลาที่ทุกคนรอก็มาถึง พระอาทิตย์ค่อยๆตกลงมาเรื่อยๆ ความงดงามทำให้ผู้คนฮือฮากันเป็นระยะๆ
แสงเริ่มหมด คนเริ่มน้อย มองอะไรไม่ค่อยเห็น ก็มาถ่ายรูปเล่นกัน
ภาพนี้ให้ชื่อว่ารักเชียงดาว
พวกเราอยู่กันจนมืดจึงกลับลงมาที่พัก ระหว่างทางก็ตั้งกล้องถ่ายดาวเล่นกันไป เสียดายที่เดือนนี้ท้องทางช้างเผือกไม่ขึ้นมาให้เห็น ค่ำคืนวันนี้อากาศหนาวเย็นกว่าเมื่อวาน พวกเราทำกับข้าวกันหลายอย่างเพราะของที่เตรียมมาค่อนข้างเหลือเยอะ หลังจากนั้นก็นั่งเพิ่มแอลกอฮอล์ให้ร่างกายเพื่อความอบอุ่น สำหรับผมคืนนี้ใส่เสื้อ4 ชั้นเลยครับ บวกถุงนอนอีกแต่ก็ไม่สามารถต้านทานความเหน็บหนาวได้ หลับๆตื่นๆเพราะมันเย็นมาก
หางช้างมาพอให้เห็นลางๆ
ก็ทนจนถึงเวลานัดหมาย 4.30 น. เตรียมตัวไปถ่ายภาพอาทิตย์ขึ้น ถือเป็นโชคดีสำหรับวันนี้ ฟ้าเปิด ทะเลหมอกมา นั่งเฝ้ารอจนแสงแรกค่อยๆมา
หมอกมันเยอะจนทำให้เกิดปัญหาไอน้ำจับหน้าเลนส์ ถ่ายไปเช็ดไป ก็ได้ภาพฟุ้งฟริ้งมา
เมื่อพระอาทิตย์โผล่พ้นก้อนเมฆก็ทำให้เห็นทะเลหมอกงามๆ
ภาพจาก Timelape
รวบรวมความงดงามตอนเช้าอีกที
และสิ่งที่พลาดไม่ได้ก็คือการถ่ายภาพกับป้ายครับ จัดไปคนละหลายแอ๊ค
แต่คนนี้จัดว่าเท่ห์มากครับ สมาชิกใหม่ พี่ม่ำ
สำหรับวันนี้กาแฟบนยอดดอยเราเป็นกาแฟกึ่งสด กลิ่นหอมรันจวนใจ กาแฟร้อนๆกับอากาศเย็นๆบนยอดดอย ฟรินซิครับ พวกเราเสพบรรยากาศกันอย่างเต็มที่ก่อนจะลงมาทำอาหาร เก็บของเตรียมเดินทางกลับ
ถ่ายภาพหมู่กับป้ายเป็นที่ระลึกซะหน่อย
ทำอาหารเช้ากินกันแล้วก็ทำเผื่ออาหารกลางวันด้วยเลย เอาไว้กินระหว่างทาง เราออกเดินทางประมาณสิบโมงครึ่ง ก่อนเดินทางก็ภาพหมู่อีกแหละ ทริปนี้ถือว่ามีภาพหมู่เยอะที่สุดก็ว่าได้
ระหว่างทางเดินกลับวันนี้ฟ้าใสมากๆ ทำให้เห็นวิวท้องฟ้าต้นหญ้าสวยๆเยอะ
เป็นธรรมดาของขาลงครับ มันจะเดินเร็วกว่าตอนขึ้น เพียงไม่กี่ชั่วโมงเราก็มาถึงสามแยก และก็นั่งพักกินข้าวเที่ยงกัน
ต่อจากนั้นก็เดินต่อ รอบนี้เราลงทางปางวัวครับ จะไปดูว่ามันชันขนาดไหน แรกๆก็ไม่ชันครับเดินเรื่อยๆ จนมาถึงจุดที่เค้าบอกว่าทางชัน เอออออ.....เชรี้ยมันชันจริงๆ ชันยาวเป็นกิโลเลยนะ ใครเข่าไม่ดีก็เดินระวังๆกันหน่อย ทางค่อนข้างลื่นแต่รองเท้าผมก็เอาอยู่เพราะดอกรองเท้าลึก
กลุ่มหลังเหลือกันแค่นี้แหละครับ กลุ่มนำเดินไปถึงนอนรอแล้วมั้ง
ประมาณบ่ายสามโมงครึ่งก็ลงมาถึงป้ายปางวัว แล้วก็ถ่ายรูปเอาไว้บอกเพื่อนๆที่จะมาว่าให้ขึ้นทางนี้นะ มันสนุกมาก แล้วก็นั่งรถกลับที่ทำการอาบน้ำอาบท่า เป็นอะไรที่สดชื่นมาก
เป็นธรรมดาที่ในกลุ่มที่มีผู้ชายมากๆม้นก็ต้องมีเบียร์เย็นๆดื่มให้ชื่นใจ กินข้าวกินปลา เคลียร์ค่าใช้จ่าย เซอร์ไพร์ครบรอบแต่งงานให้พี่ม่ำและพี่ก้อย สมาชิกใหม่ที่พึ่งเคยเดินป่ากับกลุ่มเรา แล้วก็เดินทางกลับสู่โลกความเป็นจริง แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของแต่ละคน 2-3 คืนที่ผ่านมาก็เพียงเพื่อให้เราได้จำประสบการณ์และมิตรภาพดีๆ สุดท้ายขอบคุณเพื่อนร่วมทางทุกๆคน แล้วพบกันใหม่ #หาเรื่องเดินป่า..ใส่บ่าแบกหาม
เครดิต : ภาพทุกๆกล้องจากเพื่อนในทริป
กับอีกหนึ่งวีดีโอในการเดินทางของพวกเรา
numishiro
วันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2561 เวลา 15.01 น.