เกาะสุรินทร์เปิดแล้ว ต้นฤดูกาลท่องเที่ยว บินลัดฟ้าไปเยี่ยมเยียนกันซักหน่อย ไปชมประการังสวยๆในเกาะที่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งดำน้ำตื่นที่สวยงามที่สุดในประเทศไทยด้วยกันค่ะ
มาช่วงเดือนตุลาคม ลงจากสนามบินภูเก็ตขับรถไปพังงาเพื่อเข้าที่พัก ฝนตกกกกกกกกกก
แวะทานข้าวเติมพลังกันที่ บ้านเขาหลักซีฟู้ด ร้านอาหารที่มีบรรยากาศป่าชายเลน มาถึงค่ำแล้วเลยไม่ได้ชมธรรมชาติรอบๆร้าน
อาหารรสชาติใช้ได้ค่ะ ไม่ผิดหวัง กุ้งซอสมะขามอร่อยแต่ให้น้ำซอสราดน้อยไปนิด พนักงานบริการดี ราคาอยู่ในเรททั่วไปค่ะ ราคาสูงสุดคือกะพงทอดน้ำปลาเพราะตัวใหญ่ สามร้อยกว่าบาท สั่งไปหกอย่างพร้อมข้าวเปล่าและน้ำดื่มหมดไปพันกว่าบาทค่ะ
อิ่มหนำกันแล้วมีพลังเดินทางต่อ
ทริปนี้พักที่ โรงแรม Casa de La Flora ร่ำลือมาว่าโรงแรมสวย Casa de La Flora เป็นภาษาสเปนที่แปลว่า "บ้านแห่งดอกไม้"ค่ะ อยู่ที่เขาหลัก พังงา ห่างจากสนามบินนานาชาติภูเก็ตประมาณ 62 กิโลเมตร มาดูกันค่ะ
โรงแรมนี้ตั้งอยู่ที่หาดบางเนียมค่ะ เป็นโรงแรมขนาดเล็กมีแค่ 36 ห้อง แต่คุณภาพไม่เล็กเลยค่ะ ติดชายหาดทำเลสวยค่ะ เช็คอินเข้าที่พัก มาถึงปุ๊บได้น้ำมะพร้าวสดหอมๆต้อนรับก่อนเลย พร้อมผ้าเย็นสมุนไพร ค่อยสดชื่นขึ้นมาหน่อย
เป็นโรงแรมที่กิ๊บเก๋ค่ะ มีให้เราเลือกตอนเช๊คอินเลยว่า กลิ่นแชมพู เจลอาบน้ำ และโลชั่นทาผิว เราชอบกลิ่นไหน เดี๊ยวโรงแรมจัดให้ค่ะ ทางโรงแรมจะเลือกกลิ่นที่เราชอบใส่ขวดเล็กๆน่ารักสีเขียว-แดง-ขาว ไว้ให้ เราเลือกกลิ่นลาเวนเดอร์กลิ่นหอมผ่อนคลายดี
ที่พักเราเป็นวิลล่าค่ะ เป็นห้องแบบ Duplex Grand pool Villa ชื่อบ้านพยอม มีเด็กอายุ 12 ปีเข้าพักด้วย จ่ายค่าเตียงเสริมเพิ่ม 2000.- บาท (อายุต่ำกว่า 12 ไม่คิดค่ะ) และมีค่าอาหารเช้า 700.- บาทต่อวันค่ะ ราคาห้องต่อคืน 1.7 หมื่นบาทอาหารเช้าฟรีสำหรับ 2 คน (ถ้าช่วง low มีราคาพิเศษให้คนไทยด้วยค่ะ)
เข้ามาในห้องมีพนักงาน เข้ามาแจ้งรายละเอียดต่างๆของห้องให้ด้วยค่ะ พนักงานที่นี่บริการดี ยิ้มแย้มแจ่มใสน่ารักทุกคนเลยค่ะ
Duplex Grand pool Villa มี 3 ชั้นค่ะ ชั้นล่างเป็นห้องนั่งเล่น เปิดออกไปเป็นสระว่ายน้ำแบบส่วนตัวเป็นสัดส่วนดีค่ะ
รายละเอียดชั้นล่าง มีเครื่องชงกาแฟ แบบใส่แล้วกดออกมาใส่แก้วดื่มได้เลย เครื่องดื่มในตู้เย็น ผลไม้ น้ำผลไม้ดอยคำ เบียร์ น้ำแร่ น้ำเปล่า ขนม ทุกอย่างฟรีหมดค่ะ เลือกทานได้ตามใจชอบ
ชั้นล่างเปิดม่านออกไปเป็นสระว่ายน้ำส่วนตัวเล็กๆ
ระบบไฟเป็นแบบสัมผัสอัตโนมัตมีหลานซีนให้เลือกตามอารมณ์ 555
เบื่อๆมีเกมส์ OX เตรียมไว้ให้เล่นกันด้วยเพลินๆเลย
สตูเปลี่ยนสีตลอดเวลาวางไว้นั่งเล่นที่สระว่ายน้ำได้
สมาร์ททีวีเครื่องใหญ่ๆ
ชั้นสองหรือชั้นลอย เป็นห้องน้ำห้องแต่งตัวค่ะ
มีอ่างจากุชชี่ด้วย แช่เพลินเลยเข้าไปแช่สองคนได้สบายๆอ่างค่อนข้างใหญ่ค่ะ
ห้องน้ำมี Rain Shower อันใหญ่ถึง 2 อัน ให้อาบกันไม่ต้องแย่งกันน้า
มุมล้างหน้าแปรงฟัน น้ำร้อนน้ำเย็นเลือกได้ค่ะ มีผ้าเช็ดหน้า เช็ดตัวแบบหนาแบบบางจัดไว้ให้
เป็นโรงแรมเก็บรายละเอียดได้ดีมากค่ะสมกับระดับห้าดาว มีทุกอย่างที่คิดว่าไม่น่ามีก็มี มีแปรงยาสีฟันให้พร้อม แม้แต่ลำสียังแยกประเภทไว้ว่าเป็นแบบกลม แบบเหลี่ยมเหมาะสำหรับสาวๆเราใช้ทำความสะอาดผิวหน้า มีหวีไม้เล็กๆ มีแชมพูครีมนวดและโลชั่นทาผิวกลิ่นที่เราเลือกไว้ตอนเช๊คอิน เตรียมไว้ให้พร้อมเลยค่ะ เสื้อคลุมทั้งของผู้หญิง ผู้ชาย ยากันยุงก็มีไว้ให้ ทั้ง 3 ชั้นนี้จะเปิดโล่งหากันหมด แอร์จะคุมอุณหภูมิห้องให้ตามที่เราเลือกค่ะ เย็นตลอด
ห้องน้ำเป็นกระจกใส ใครรักความเป็นส่วนตัวจะเขินหน่อยนะคะ
ไดร์เป่าผมตัวใหญ่
แม้แต่หมอนหนุนก็มีให้เราเลือกหลากหลายทั้งหมอนสุขภาพ หมอนขนเป็ด แถมมีขนาดต่างๆให้เลือกด้วย ว่าชอบแบบบางหรือแบบหนา เราเลือกหมอนขนเป็ด กับหมอนสุขภาพเพิ่ม
ชั้นบนสุดเป็นห้องนอน
เงียบสงบหลับสบายเตียงนิ่มดีไม่แข็งมาก
วิวบนห้องนอนเปิดมาตอนเช้า เจอแบบนี้ค่ะ อากาศสดชื่น
ว่ายน้ำเล่นซักหน่อย
มีน้ำสมุนไพรเตรียมไว้ให้ดื่มด้วย นั่งให้น้ำนวดตัวสบายดีค่ะ
บรรยากาศรอบโรงแรมเมื่อคืนฝนตก
ติดชายหาดบางเนียมสวยงาม
สระว่ายน้ำรวม ออกแบบสวย
หิวแล้วมาทานอาหารเช้ากันค่ะ ไปดูกันมีไรให้หม่ำบ้าง ที่ Casa de La Flora มีเชฟมิชลินสตาร์ 3ดาว ชาวสเปนมาร่วมทำงานกับเชฟที่ห้องอาหาร La Aranya ค่ะ และนอกจากนี้ยังมีเมนูใหม่ที่มีการผสมผสานระหว่างอาหารที่ขึ้นชื่อในท้องถิ่นกับดีไซน์ที่มีเสน่หตามสไตล์ของคาซาเดอลาฟลอร่าหลากหลายมาก
La Aranya ลาอรัญญา เป็นห้องอาหารหลักของที่นี่ มีความหมายว่า “ป่า” เปรียบเสมือนต้นน้ําแห่งความอุดมสมบูรณ์ของบ้านแห่งดอกไม้ค่ะ ออกแบบมาแบบเปิดโล่งโปร่งสบายหันหน้าออกสู่ทะเล ตกแต่งเรียบง่ายด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้เป็นหลัก กลมกลืนกับธรรมชาติดีค่ะ
มีแบบบุฟเฟให้เลือกตัก
และมีเมนูเป็นจานให้สั่งทานค่ะ เราเลือกสั่งจากเมนู
น่าทานมากค่ะ
จัดจานมาสวย รสชาติอร่อยใช้ได้ค่ะ
อิ่มแล้วมีแรง ไปแอ่วเกาะกันนนนน^^ ทริปนี้ไปกับซีสตาร์ ไปท่าเรือของ Seastar กัน ท่าเรือ seastar จะเดินทางมาเกาะสุรินทร์จะอยู่ที่บ้านน้ำเค็ม ใกล้มากค่อนข้างสะดวก ถ้าเดินทางไปเกาะจากฝั่งใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงค่ะ
เราจองผ่าน Thailandlism เป็น one day trip รวมอาหารกลางวัน ราคาประมาณ 2,000.- กว่าบาท/คนค่ะ ราคานี้รวม เรือสปีดโบทไป-กลับ, อาหารกลางวัน, เครื่องดื่ม (น้ำผลไม้, น้ำอัดลม, ชา, กาแฟ) และผลไม้, อุปกรณ์ดำน้ำตื้น (หน้ากาก, ตีนกบ, เสื้อชูชีพ, ผ้าเช็ดตัว), มัคคุเทศก์, ประกันอุบัติเหตุตลอดการเดินทาง และค่าธรรมเนียมอุทยาน
ไกด์อธิบายว่าทริปนี้เราจะดำน้ำ ทานข้าวที่ไหนกันบ้าง
กัปตันลุงขับเรือคนนี้ของ seastar เป็นคนใจดีมาก พูดจาสุภาพ ประทับใจมากค่ะเราชอบมาก ลุงเฉาะมะพร้าวแช่เย็นๆให้เราด้วย ลุงบอกมีลูกเดียวไหว้แม่ย่านางแล้วแช่ไว้ ขอบคุณไว้ ณที่นี้ด้วยนะคะ^^
ไปเกาะกันนนนนน
อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา เป็นหมู่เกาะที่ตั้งอยู่
จุดแรกดำน้ำที่ อ่าวช่องเขาขาด กันก่อนเลย บริเวณนี้เป็นบ้าน
ฟ้าครึ้มเพราะมีฝนบ้าง แต่น้ำทะเลยังสวยใส
แนวปะการังสวยจริงไรจริงค่ะ ไม่ต้องลงไปดำน้ำ มองจากเรือลงไปก็อลังการม๊ากกกก
สมกับที่เป็นแหล่งดำน้ำตื่นที่มีปะการังสวยงามติดอันดับโลกเลยค่ะ ตั้งแต่ดำน้ำตื้นมาเกาะสุรินทร์อยู่ลำดับต้นๆเลยที่ปะการังสวย อลังมาก
จุดที่ 2 ดำน้ำที่อ่าวบอน อยู่ทางตะวันออกของเกาะสุรินทร์ใต้ เป็นที่อยู่ของชาวมอแกนค่ะ
จุดนี้สัตว์น้ำก็เยอะ
ปะการังหลากสี หญ้าทะเลเยอะม๊ากกกก ปะการังสมอง ปะการังไฟก็เยอะ ไม่ต้องลงน้ำก็มองเห็นค่ะ หมู่เกาะสุรินทร์ จะเป็นเกาะที่วางตัวอยู่ในกลุ่มอ่าวขนาดใหญ่ ดังนั้นจึงบังคลื่นลมได้ดี ทั้งฤดูร้อน และฤดูฝน จึงเป็นแหล่งกำเนิดแนวปะการังน้ำตื้น ที่มีความอุดมสมบูรณ์ และมีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศไทยค่ะ
ขึ้นเกาะเตรียมทานข้าวกัน
มีเรือเล็กของแต่ละบริษัทมาจอดรอทานข้าว เดินเล่นพักผ่อนแล้ว จะนั่งเรือเล็กไปหมู่บ้านมอแกน ไม่ไกล
ทานข้าวแบบบุฟเฟ
มีมะม่วงน้ำปลาหวานให้ด้วย^^
เดินเล่นรอบเกาะกันค่ะ บนเกาะมีบ้านพักให้บริการแก่นักท่องเที่ยว ทั้งชนิดบ้านเดี่ยว และบ้านแฝดให้คุณได้เลือกตามสไตล์ของคุณเอง บริเวณที่ทำการอุทยานฯ สนใจ โทรศัพท์ 076-472145, 076-472146
เดินเล่นรอบเกาะ สีน้ำสวยมากค่ะ นี่ถ้าอากาศเปิดแดดสดกว่านี้ คงสะท้อนแสงสวยมาก
เล่นน้ำสนุกจังเลย
จิกทะเล พรรณไม้งามตามชายหาด
ไปชมวิถีชีวิตของชาวเลกลุ่มสุดท้ายที่ยังดำรงวัฒนธรรมดั้งเดิมมากที่สุด คือ "มอแกน" หรือ "ยิบซีแห่งท้องทะเล" กันค่ะ เป็นหมู่บ้านเล็กๆมีจำนวนประมาณ 200 คน ปัจจุบันตั้งหมู่บ้านอยู่ที่เกาะสุรินทร์ใต้ ทำประมงพื้นบ้าน ขายของที่ระลึกให้นักท่องเที่ยว และบางส่วนทำงานเป็นลูกจ้างของอุทยานฯค่ะ
บ้านเรียบง่ายเป็นธรรมชาติมากๆค่ะ
ทำเลที่หมู่บ้านตั้งอยู่กันลมมรสุมได้ดี เพราะมีเขาล้อมรอบค่ะ
เด็กๆชาวมอแกน พกขนมมาแจกเล็กน้อย ใครมาพกขนมหรือของอื่นๆมาฝากเด็กๆกันได้นะคะ
ชาวมอแกนช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวผู้หญิงและเด็กๆจะขายของที่ระลึกให้นักท่องเที่ยว สร้อยข้อมือสวยๆเส้นละ 50.- บาทค่ะ
ไม้แกะสลักก็มี
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ยึดเหนี่ยวจิตใจชาวมอแกน คล้ายกับศาลเล็กๆ กลางหมู่บ้าน มี "หล่อโบง" หรือเสาวิญญาณบรรพบุรุษเป็นไม้แกะสลักรูปชายหญิง สีสันสดใสสะดุดตา ในทุกๆ ปีชาวมอแกนเขาจะมีงานฉลองเสาวิญญาณบรรพบุรุษ หรือที่ชาวมอแกนเรียกกันว่า "เหนียะอินหล่อโบง" ถือเป็นงานสำคัญของชาวมอแกนค่ะ
ในเดือนเมษายนของทุกปีกลุ่มมอแกนที่กระจัดกระจายอยู่ตามเกาะต่างๆ ในบริเวณใกล้เคียงและในประเทศพม่าจะมารวมตัวกันที่หมู่เกาสุรินทร์เพื่อประกอบพิธี “ลอยเรือ” บวงสรวงผีและวิญญาณของบรรพบุรุษ อีกทั้งเป็นการสะเดาะเคราะห์ให้ปลอดภัยและแคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง ถือได้ว่าชาวมอแกนเป็นชนเผ่าที่ยังคงรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิมไว้มากที่สุด
ตัวบ้านสร้างแบบง่ายๆเป็นไม้ไผ่ ปิดฝาบ้านรอบด้านมุงหลังคาด้วยใบตาล ทางมะพร้าว ตามที่จะหากันได้ ดูรวมๆแล้วมีเสน่ห์เหลือเกิน
มีวิถีชีวิตที่อิงแอบธรรมชาติมาก
หมู่บ้านมอแกนน่าจะมีชื่อเรียกอีกชื่อว่า หมู่บ้านแมว น้องมิ้วเยอะม๊ากกกก
มิ้วอ้วนตัวใหญ่น่ารัก
หัวจุกนั่งเล่นอยู่ใต้ถุนบ้าน
มาคราวหน้าพกขนมมาฝากหนูเยอะๆนะคะ
เด็กๆเล่นอยู่แบบใกล้ชิดธรรมชาติมาก สังเกตุดูวัยจะใกล้กันหมด ไกด์เล่าว่าเพราะเขาวางแผนมีลูกให้ใกล้เคียงกันเวลาไปคลอดไปโรงพยาบาลจะได้สะดวกไปพร้อมๆกันที่เดียวค่ะ
ชาวมอแกนที่อ่าวบอนใหญ่นี้ ทุกคนมีบัตรประชาชน และเป็นประชากรชาวไทยคนหนึ่ง ทุกคนบนเกาะได้รับนามสกุลพระราชทานจากสมเด็จย่า ว่า "กล้าทะเล" คงสมชื่อเพราะว่ากันว่าว่ายน้ำกันเก่งม๊ากกก
เรือเป็นสิ่งสำคัญของมอแกน เพราะทุกบ้านต้องรู้จักการหาปลา หาสัตว์น้ำ
บนเกาะมีโรงเรียนด้วยค่ะ เป็นพระกรุณาธิคุณของสมเด็จพระเทพฯ ที่ทรงห่วงใยเด็ก และคุณภาพชีวิตของชาวมอแกน จึงมีพระราชดำริให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันจัดการเรียนการสอนในรูปแบบของ “ศูนย์การเรียนชุมชนชาวมอแกน” ขึ้น โดยพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์มาสนับสนุนการดำเนินงาน เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2548 ค่ะ
บ้านนี้รักธรรมชาติมาก
จะกลับแล้วเหรอนุษ แล้วมาเที่ยวหาพี่ใหม่นะ คราวหน้าพกขนมแมวมาด้วยล่ะ ^^
จุดดำน้ำเกาะสุดท้ายค่ะ
ปะการังเยอะสมบูรณ์เหมือนเดิม
ถึงโรงแรมเริ่มเย็นแล้ว
วันนี้เป็นวันศุกร์โชคดีมีปาร์ตี้คอกเทลให้แขกด้วย เริ่ม 18.00-18.30 น. ค่ะ
ไม่ดื่มแอลกอฮอร์ก็มีมอกเทล (น้ำผลไม้ผสม) ให้ด้วยค่ะ
มุมเซลฟี่ตรงนี้ของโรงแรมเป็นที่นิยมมาก เหมือนนอนอยู่ตรงเส้นขอบฟ้าพอดี
มื้อเย็นทานที่โรงแรมค่ะ
จานนี้ 380.- บาท ชีทเยอะม๊ากกก ลูกสาวชอบ แต่แม่ชอบแบบไทยๆจัดจ้านมากกว่า ต้มยำอร่อยดีค่ะ
ชายหาดเล็กๆเงียบสงบ ในวันสบายๆ
อาหารเช้าจัดเต็มเหลือเกิน
เป็นโอวันตินที่อร่อยที่สุดในสามโลก 5555 ตั้งแต่กินมาที่นี่ชมอร่อยมากไม่หวานแหลม ละมุนมาก
ข้าวอบหมูญี่ปุ่นก็อร่อยค่ะ
ขนมจีนน้ำยาปู จัดจ้านมาก
อาหารเช้าที่นี่ทานได้เรื่อยๆ จนถึง 11 โมงเลยค่ะ
บริเวณรอบโรงแรม
สระว่ายน้ำ
เช็คเอาท์เดินทางไปแอ่วต่ออออออ
จบทริปเกาะสุรินทร์แสนสนุก ไว้เดี๊ยวไปแอ่วท้ายเมืองกันต่อในกระทู้ถัดไปนะคะ https://th.readme.me/p/20861
ฝากติดตามเพจท่องเที่ยวเล็กๆด้วยนะเจ้า ไปแอ่วกัน Fun Trip ^^
รวมกระทู้ท่องเที่ยวของเพจค่ะ https://th.readme.me/id/PaiAewKan.FunTrips
ไปแอ่วกัน Fun Trip
วันอังคารที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2561 เวลา 08.48 น.