ร้าน ARNO'S ที่ โรงแรม สีลมศิรีนทร์ สีลม ซอย 3

วันก่อนที่พาไปกินอาหารไทย รสถึงที่ "ร้านอาหารออมทอง" โรงแรม สีลมศิรีนทร์ บนถนนสีลม 3 ก็ลืมบอกไปว่าที่ร้านออมทองนี่ นอกจากขายอาหารไทยแล้ว ยังขายอาหารฝรั่งประเภทสเต็กสไตล์ butcher ด้วย แถมเป็นร้านสเต็กที่มีกรรมวิธีพิเศษ อยากรู้ใช่มั้ย มา ๆ ล้อมวงเข้ามาจะเล่าให้ฟัง

เนื่องจากทางผู้บริหารของโรงแรมสีลมศิรีนทร์ และร้านออมทองได้รู้จักกับ Mr. Arnaud Carre เป็นเวลาหลายปีแล้ว และได้เล็งเห็นถึงความสามารถและความเชี่ยวชาญในการประกอบอาหารของคุณ Arnaud จึงได้ตัดสินใจเชิญชวนเข้ามาร่วมมือในการเพิ่มความหลากหลายของรายการอาหารครบรสในร้านเดียวทั้งไทยและเทศเพื่อตอบสนองความต้องการในการสรรหาอาหารที่อร่อยของชาวกรุงเทพฯ

บรรยากาศภายในร้าน

สงสัยหละสิว่า Mr. Arnaud Carre เขาคือใคร Mr. Arnaud Carre หรือ เชฟอาโนด์ คาร์เร่ เกิดที่ฝรั่งเศส ในครอบครัวค้าเนื้อและทำฟาร์ม เชฟอาโนด์ได้ซึมซับกลยุทธ์ในการแล่เนื้อและคัดเนื้อมาตั้งแต่เด็ก เขาถือว่าเป็นรุ่นที่ 5 ของครอบครัว นอกจากซึมซับจากประสบการณ์ในการทำงานและช่วยเหลือจากที่บ้านทั้งหมด ตั้งแต่การคัดเนื้อ การเก็บเนื้อ การแล่เนื้อ จนไปถึงการทำอาหาร การหมักหรือการย่างเนื้อนั้นเอง เมนูบางตัวของเชฟได้ถูกสืบทอดกันมาหลายรุ่น

บาร์เทนเดอร์ พร้อมให้บริการ

ทุกขั้นตอนในการปรุงอาหารผ่านการคัดสรรจากมือของเชฟเองทั้งหมด เชฟอาโนด์ได้กล่าวว่าเขาเรียนรู้ทุกอย่างมาจากพ่อของเขา “Learn from the best” - Chef Arnold

หลังจากนั้นเชฟอาโนด์ได้เดินทางไปอเมริกา เปิดร้านที่สร้างชื่อเสียงให้กับเขา คือ ร้าน “The French Butcher” ที่โด่งดังมากในนิวยอร์ก จากนั้นจึงตัดสินใจมาประเทศไทย เพราะชอบที่ สงบ ปลอดภัย และผู้คนอัธยาศัยดีมาก

Arno’s Butcher and Eatery เป็นร้านสเต็กที่ เชฟอาโนด์ ประจำอยู่ในไทย ด้วยความเชี่ยวชาญในเนื้อวัว ด้วยการบ่มแบบ Dry-Aged ทำได้ด้วยการแขวนเนื้อห้อยไว้ในห้องบ่มซึ่งมีอุณหภูมิต่ำ ภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้, ย่างไฟ, ตัดเนื้อในสไตล์ฝรั่งเศสโดยพ่อครัว Mr. Arnaud Carre ด้วยประสบการณ์การทำงานที่ยาวนานกว่า 45 ปี คุณ Arnaud ยังได้เคยออกสื่อช่องทีวีและหนังสือพิมพ์หลากหลายรวมถึงนิวยอร์กไทม์สนิตยสารนิวยอร์กและการสำรวจของ Zangat นั่นหละค่ะ เป็นที่มาของร้าน ARNO's ที่ โรงแรม สีลมศิรีนทร์ สีลม ซอย 3

ด้านริมสระน้ำ โต๊ะเต็มหมดแล้ว

Dry-Aged หรือ การบ่มเนื้อ คือ การเปลี่ยนสภาพเนื้อโดยกรรมวิธีการในแรกเริ่ม คือ “บ่มแห้ง” ด้วยการนำเนื้อมาแขวนห้อยไว้ในที่ซึ่งมีอุณหภูมิต่ำประมาณ 1-5 องศาเซลเซียส ที่ความชื้นประมาณ 70-80 % ภายในระยะเวลาที่กำหนด ส่วนใหญ่มักนาน 30 - 45 วัน ไม่ต้องปรุงแต่ง ห้อยทิ้งไว้ให้เอ็นไซม์ในเนื้อย่อยสลายเยื่อหุ้มมัดกล้ามที่แทรกตัวอยู่ตามเนื้อแดง เปลี่ยนโครงสร้างเนื้อที่กระด้างให้นุ่มขึ้น

เนื้อที่ผ่านกระบวนการนี้จะมีลักษณะ แห้งจากรอบนอกสู่ด้านใน น้ำที่แทรกอยู่ตามผิวเนื้อจะระเหยออก ส่งผลให้สีเนื้อเข้มกว่าปกติ มีความนิ่มเพิ่มขึ้น กลิ่นหอมเข้มข้น และมีรสอร่อยลุ่มลึก สุดท้ายก็จะเหลือเนื้อส่วนข้างในที่เป็น ‘เนื้อคุณภาพสูง’ เพียง 30% เท่านั้น ซึ่งเหล่าเชฟต่างการันตีเป็นเสียงเดียวกันว่าเนื้อประเภทนี้คือสุดยอดเนื้อแสนอร่อย

อย่าตกใจไปค่ะ ข้อมูลพวกนี้ คือ ข้อมูลที่หามาที่หลัง ๆ จากพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ของทางร้าน หลังจากที่ไปกินอาหารร้านออมทองคราวก่อนหละคะ เลยทำให้อยากลองกินสเต็กกันเลยทีเดียว เพราะเท่า ๆ จากที่เอาเมนูมาอ่านดูแล้วก็ไม่ได้แพงอะไร

Open Air กับบรรยากาศชิล ๆ

ดังนั้นอย่ารอช้า รีบมาให้ไว แน่นอน เราก็ต้องมีลูกคู่ตามมาด้วย เป็นธรรมเนียม ขับรถมาจอดที่โรงแรมสีลม ศิรีนทร์ สีลม ซอย 3 เข้าร้านมา ลูกค้านั่งกันเต็มร้าน โดยเฉพาะมุมติดสวนข้างสระว่ายน้ำ เลยต้องระเห็ดมานั่งด้านหน้าเคาเตอร์บาร์ ตรงทางเข้า

โต๊ะด้านหน้า ที่ ๆ เรานั่งกัน

พอได้โต๊ะเรียบร้อย หยิบเมนูมาเปิดหารายการที่ต้องใจ และแน่นอนที่สุดมันต้องเป็นเนื้อ Dry-Aged ที่ขึ้นชื่อ อยากรู้จริง ๆ ว่ามันยอดเยี่ยมสักแค่ไหน

บางส่วนของเนื้อ Dry Aged ที่นำเสนอให้ลูกค้าได้ชมในตู้แช่เย็น

ซีซาร์ สลัด

เริ่มกันด้วย Starter พื้น ๆ อย่างซีซาร์ สลัด และขนมปังกระเทียมก่อน รสชาติเข้มข้นของ Dressing ให้รสชาติที่เข้ากันกับส่วนผสมต่าง ๆ ของสลัดจานสวยจานนี้ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นไข่ต้ม ขนมปังกรอบ เบคอนทอดกรอบ ที่ทอดได้กรอบและไม่เสียรสจริง ๆ และความมันของ พาเมซาน ชีส หอม ๆ เรียกน้ำย่อยได้เป็นอย่างดี

ขนมปังกระเทียม

ตามมาด้วยขนมปังกระเทียมเนื้อนุ่ม กรอบนอก นุ่มใน หอมกรุ่น ด้วยความสดของขนมปัง และกลิ่นเนย กระเทียมให้รสชาติหอมมัน กรอบเคี้ยวเพลิน

เคอรี่ ฟราย

เคอรี่ ฟราย หรือมันฝรั่งเกลียวชุปแป้งทอดกรอบ สีเหลืองสวยด้วยความร้อนที่พอเหมาะ พอกัดเข้าปากเสียงของความกรอบดังเต็มปาก ด้วยรสชาติเค็ม มันหอม จานนี้ได้ไปหมดใจ

ม๊อกเทล สูตรพิเศษจากทางร้าน

ไปกันสามคน เลยสั่งมาสามแก้ว เริ่มจาก Emerald Punch, Cherry Temple และ Virgin Mojito ที่ให้รสชาติเปรี้ยวอมหวาน ดื่มแล้วชื่นใจ โดยเฉาะ Emerald Punch ที่ให้รสชาติของน้ำผึ้งผสมมะนาวชุ่มคอ

ระหว่างรอจานหลักและเนื้อ Dry Aged

Traditional Berger

จานนี้เป็นอาหารแนะนำ จากบริกรของร้านบอกว่า ไม่ใช่มีแต่สเต็กที่อร่อย จริง ๆ แล้วอาหารอร่อยทุกอย่าง เอาหละสิ สั่งมาหมดคงตายคาโต๊ะ เลยบอกน้อง ๆ นอกจากสเต็ก ถ้าหากน้องมาร้านนี้น้องจะสั่งอะไร

น้องมองหน้าตอบไม่คิดเลยค่ะ Traditional Berger ค่ะพี่ ของเราขึ้นชื่อ ลูกค้าสั่งกันเยอะนะคะ ทั้งมื้อกลางวัน และมื้อเย็น ระหว่างพูดคุย หลานสาวอิชั้น มองตาเป็นมัน แอบทำตาปริบ ๆ แต่ปิดไม่มิด อยากกินอะดี๊ สั่งมา

เปิดด้านใน น่ากินไม่น้อยกว่าด้านนอก

เจ้าของออเดอร์คว้าหมับ งับซะเลย

หลานงับแล้ว ป้าเลยของับบ้าง ได้ความนุ่มหอมของขนมปังที่สดใหม่ แม้นว่ากลิ่นของเนื้อจะคลุ้งละมุนอยู่ในปาก ความหวานกรอบของเบคอน และความสดของผัก และมะเขือเทศ ทำให้เบอร์เกอร์ต้นตำรับชิ้นนี้มีเสน่ห์น่าสั่งมากกินซ้ำ ๆ

สเต็กกำลังจะมา ขอไวน์แดงซักแก้วละกัน

Tenderloin Dry Aged 45 Days

ในที่สุดสิ่งที่รอคอยก็มาถึง Tenderloin Dry Aged 45 Days มาดูหน้าตากันก่อนเลย เสิร์ฟมาบนจานร้อน แบบดิบ ๆ ไม่ต้องแต่งต้องเต็มอะไร หั่นมาขนาดพอดีคำพร้อมกิน โชว์ให้เห็นความสดของเนื้อด้านบนความฉ่ำที่แทรกซึมตัวเนื้ออกมาอย่างเห็นได้ชัด เส้นใยของเนื้อชัดเจน ให้กลิ่นหอมฟุ้ง จนน้ำลายสด

ด้านในของเนื้อแบบมีเดียมแรร์ สีชมพูสวย สด เนื้อเทนเดอร์ลอยน์ เป็นเนื้อแบบที่ไม่ติดมัน เหมาะกับคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก ความฉ่ำของเนื้อนอกจากดูจากสายตาแล้ว เวลาที่เราเอาซ่อมจิ้มลงไป จะเห็นความฉ่ำของเนื้อแทรกออกมาตามแรงกด สัมผัสได้ถึงความนุ่มของตัวเนื้อ Dry Aged ที่มีอายุ 45 วัน

เมื่อเอาเข้าปาก เราจะเข้าใจได้เป็นอย่างดี ว่าทำไมถึงยกให้เนื้อแบบ Dry Aged เป็นอาหารที่ต้องยกนิ้วให้ ความนุ่ม ความหอม และรสชาติของเนื้อเต็มปาก เต็มคำ แบบไม่จำเป็นต้องติดมันเลยซักนิด เนื้อนุ่มไร้ความกระด้าง หวานหอมฟุ้งอยู่ในปาก ให้รสละมุนลิ้น

Rib Eye Steak Dry Aged 45 Days

จานนี้ไม่ต้องพูดถึง แต่ถ้าจะพูดก็พูดได้อย่างไม่อายใคร Rib Eye Steak Dry Aged 45 Days จานนี้ เป็นเนื้อซีโครงล้วน ๆ ที่นุ่มและนิ่ม ชุ่มฉ่ำ ให้ความหวาน หอม ละมุนลิ้น ให้รสสัมผัสที่หนึบหนับ ไม่เหนียว หอมกรุ่น

Rib Eye Steak Dry Aged 45 Days and Red Wine

Pork chop steak หรือ เนื้อสันติดกระดูกยอดนิยม

จานต่อมา เพื่อเพิ่มความหลากหลาย เราจึงสั่งสเต็กยอดนิยมอย่าง Pork chop มาลองกินดูบ้าง ที่ได้มาคือ เนื้อสันติดกระดูกจานใหญ่ เลาะเนื้อออกจากกระดูก ย่างมากับใบไทมป์หอมฟุ้ง สุก และสดกำลังดี กินตัดรสกับเนื้อได้อย่างพอเหมาะ ตัวเนื้อนิ่มและมีความหนึบนิด ๆ ได้ใบไทมป์มาเพิ่มกลิ่นและรสได้อย่างพอเหมาะ พอเจาะ

อีกอย่างที่จะไม่พูดถึงเลยไม่ได้นั่นก็คือ "น้ำจิ้มแจ่ว" ถึงแม้นจะเป็นร้านสเต็ก พ่อครัวหรูหราจากฝรั่งเศส ก็ยังจัดให้มีน้ำจิ้มคุ้นปาก คุ้นลิ้นคนไทย นั่นคือ น้ำจิ้มแจ่ว ๆ ของที่ร้านให้รสชาติเปรี้ยวอมหวานของส้มมะขาม ตามด้วยรสเค็มและเผ็ดพอซ่าลิ้น กินแก้เลี่ยนได้ดี กับทั้งสเต็กเนื้อ และสเต็กหมู

"น้ำจิ้มแจ่ว"

จบจากของคาว สาว ๆ ก็ร้องหาของหวานกันแบบอัตโนมัติ เลยได้บูลเบอร์รี่ชีสเค็ก มาล้างปากกันอีกหนึ่งชิ้น บอกได้เลยว่ามาถูกที่ ถูกเวลาจริง ๆ เนื้อชีสเค็กนิ้ม ๆ ออกรสชาติหวาน ๆ เค็มนิดหน่อย กับพายกรอบด้านล่างตัดด้วยรสเปรี้ยวของบลูเบอร์รี่ กินกับชาร้อน ๆ ช่วยเรียกความหวานหอมในช่องปากได้อย่างละเมียดละไม

บูลเบอร์รี่ชีสเค็ก

อาหารมื้อนี้จบลงด้วยความประทับใจ และได้รับการจดจำในฐานะ ร้านสเต็กที่ให้รสชาติแตกต่าง และสดอร่อย ถ้าเวลาและโอกาสอำนวย จะแวะเข้ามาลองชิมเมนูอื่น ๆ อีกอย่างแน่นอน


ร้านสเต็ก ARNO'S

โรงแรม Silom Serene

7 ซอย สีลม 3 แขวง สีลม

เขต บางรัก กรุงเทพมหานคร 10500

หมายเลขโทรศัพท์ 02 636 6599

Arno's Silom Serene Hotel

สายลม ที่ผ่านมา

 วันอังคารที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2561 เวลา 18.27 น.

ความคิดเห็น