มาสอยดาว แต่ไม่เจอดาว
มาภูสอยดาวแต่ไม่เจอดาวเขาว่ามาไม่ถึง
ทริปนี้เป็นทริปพนักงานออฟฟิศที่เหนื่อยล้าจากการทำงาน เลยออกเที่ยวเพื่อชาร์จแบตให้ชีวิต แต่ไปเที่ยวทั้งทีทำไมต้องไปลำบาก? เที่ยวทะเลชิลๆก็มี ทำไมไม่ไป!!! แต่ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าอยากหาอะไรใหม่ๆ ให้ชีวิต ก็เลยจัดใหญ่จัดเต็มที่ "ภูสอยดาว" บางคนไม่เคยเที่ยวแบบนี้มาก่อนและไม่รู้ต้องเตรียมตัวอย่างไร กะไปเซอร์ไพรส์หน้างานเลยทีเดียว ส่วนผมมีประสบการณ์หลายที่แล้วบอกเลยว่าสบายมาก เลยบอกเพื่อนๆว่ามีครั้งแรกแล้วต้องมีครั้งต่อไปนะหรือว่าจะเป็นครั้งสุดท้าย ไม่เอาอีกแล้ว 55+
ข้อมูลทั่วไป
อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว มีพื้นที่ครอบคลุม 2 จังหวัด คืออุตรดิตถ์และพิษณุโลก ยอดสูงสุดของภูสอยดาวสูง จากระดับน้ำทะเล 2,102 เมตร ซึ่งสูงเป็นอันดับ 4 ของประเทศไทย จุดที่ดึงดูดใจของนักท่องเที่ยว คือ ทุ่งดอกไม้สีม่วงที่เรียกว่า"ดอกหงอนนาค" จะบานในช่วงฤดูฝนตั้งแต่เดือน ส.ค. - ก.ย ของทุกปี
การเดินทาง
รถยนต์ จากกรุงเทพมุ่งสู่อำเภอชาติตระการ จ.พิษณุโลก แยกเข้าทางหลวงหมายเลข 1237 ผ่านบ้านบ่อภาคไปบรรจบกับเส้นทางแผ่นดินหมายเลข 1268 ถึงน้ำตกภูสอยดาว อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว
รถไฟ จากหัวลำโพงมาลงสถานีพิษณุโลกแล้วต่อรถสามล้อไป บขส และต่อรถประจำทางไป อ.ชาติตระการ จากนั้นต่อสองแถวเข้าอุทยาน
รถประจำทาง ควรเลือกรอบรถ ที่มาถึงปลายทางก่อนตี 5 เพื่อให้ทันต่อรถไป อ.ชาติตระการ หรือใครสะดวกเหมารถแท็กซี่หรือสองแถวเลยก็ได้
สิ่งที่ควรรู้
- หากเช่าเต็นท์ของอุทยาน ให้ไปติดต่อเช่าที่อุทยานได้เลยไม่ต้องจองผ่านหน้าเว็บ เพราะทางอุทยานเขาจะเตรียมไว้ให้แล้ว เต็นท์ ถุงนอน หมอน แผ่นรองพร้อมค่าหาบขึ้นไป-กลับเรียบร้อย (สภาพเต็นท์อุทยานใช้ได้ 80%)
- ค่าลูกหาบกิโลกรัมละ 30 บาท
- มัดจำขยะ 200 บาท ต่อคณะ
- ข้างบนมีเตาถ่าน เตาแก๊ส(แก๊สกระป๋อง) ตะแกรงปิ้งย่าง หม้อมือถือ หม้อใหญ่ ให้เช่า
- อุปกรณ์ครัวอื่นๆ เตรียมไปเอง(เครื่องปรุง ช้อนส้อม จาน ชาม แก้ว เป็นต้น)
- ค่าเข้าอุทยาน 40 บาท
- รองเท้าควรเป็นรองเท้าที่ใช้เฉพาะสำหรับการเดินขึ้นเขาหรือถ้าไม่มีรองเท้าผ้าใบได้
- สัญญาณโทรศัพท์ ais และ true เท่านั้น
- มีชาบูดอยบริการ ชุดละ 399 บาท ต้องสั่งก่อนขึ้นที่อุทยาน ลูกหาบจะหาบขึ้นไปรับข้างบนและต้องเช่าเตาและหม้อเพื่อใส่ชาบูต่างหากด้วย (จริงๆเตรียมของกินไปเองดีกว่า)
- ชุดกันฝนและผ้าใบคลุมเต็นท์กรณีฝนตก
- ซอฟเฟลกันตัวคุ่น
- ไฟฉายและตะเกียงไฟ
- มีห้องน้ำและห้องอาบน้ำ แต่ต้องไปตักน้ำจากลำธารมาใช้เอง
- น้ำที่ใช้ดื่มเป็นน้ำฝนที่เจ้าหน้าที่สำรองไว้เฉพาะดื่มเท่านั้น หรือจะซื้อเป็นแกลอนขึ้นไปให้ลูกหาบ หาบก็ได้
- เตรียมน้ำและอาหารมื้อเที่ยงวันที่เดินขึ้นให้พร้อม
- ยอด 2100 เมตร เปิดให้ขึ้น 1 พ.ย. หรือตามสภาพอากาศ
ออกเดินทางจากกรุงเทพ 23.00 ด้วยรถตู้เหมา เพื่อความสะดวกสบายของผู้ร่วมทริปมือใหม่หัดเดินป่า 55
เช้าตรู่ที่ตลาดสดชาติตระการ อ.ชาติตระการ พิษณุโลก เป็นที่รู้ๆกันของคนที่จะมาภูสอยดาว จะต้องแวะซื้อเสบียงอาหารหรือขาดเหลืออะไรก็หาได้จากที่นี่เลย
ฝั่งตรงข้ามมี Lotus Express ของกิน ของใช้หรือของสดแพ็คสำเร็จก็มีพร้อม
จากตลาดถึงที่ทำการอุทยานใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง สัมภาระ 8 คนกับ 2 คืนบนภูสอยดาว เยอะมากมาย 55+
รีบไปติดต่อเจ้าหน้าที่และชั่งสัมภาระที่จะให้ลูกหาบแบก เพราะกลัวลูกหาบหมดแล้วต้องแบกขึ้นไปเอง
กระเป๋าหลากสีเป็นที่สังเกตได้ดี อิอิ
หากต้องการชาบูดอย แจ้งเจ้าหน้าที่ได้ ตอนนี้เลยครับ
เบ็ดเสร็จโดนค่าลูกหาบไปทั้งหมด 6000 กว่า มีค่าหาบเต็นท์ที่เช่าจากเว็บมาด้วย 3 เต็นท์ ก็เอาเรื่องอยู่นะ!
จากนั้นพวกเราก็กินมื้อเช้าที่ร้านสวัสดิการ
เติมพลังกันเรียบร้อยแล้วก่อนจะเดินทางต่อ ต้องถ่ายภาพผู้ร่วมทริปสักหน่อย
ต่อรถกระบะไปน้ำตกภูสอยดาว จุดเริ่มต้นเดินเท้า ทุกคนดูตื่นเต้นเป็นธรรมดา เพราะยังไม่รู้หนทางข้างหน้า
เราจะเดินไปที่ลานสน ระยะทาง 6.5 ก.ม. แต่วัดจากแอพมันมากกว่านั้นเยอะมาก T_T
เริ่มต้นด้วยการเดินไปตามแนวน้ำตกภูสอยดาว แต่ละชั้น
ผ่านป้ายนี้ ทุกคนต้องหยุดเพื่อถ่ายภาพ
ในช่วงแรกบันไดเหล็กเยอะมาก
ข้ามสะพานไม้ไผ่อีกต่างหาก จะมีใครหล่นไหม
บางช่วงเป็นป่ากล้วย ต้นกล้วยเต็มไปหมด
เดินมาเรื่อยจนถึง เนินส่งญาติ จริงๆไม่อยากมาส่งญาติแต่อยากกลับพร้อมญาติเลย 55+
เหลือบไปเห็นตัวบุ้ง สีแดง ถ้าโดนนี่จะเป็นไงหนอ
เดินมาจนถึงเนินปราบเซียน จุดนี้คนจะพักกันเยอะ คุยกันให้กำลังใจกันเอง 55+
พวกเราเดินต่อไปอีกสักพัก ก็กินมื้อเที่ยงที่เตรียมมา
จุดพักของลูกหาบ
เจอป้ายทีนึงก็ดีใจทีนึง
ลูกอะไรใครรู้บ้าง
ถึงเนินที่สาม เดินมาตั้งนานเพิ่งผ่านมาแค่ 3 เนิน ให้ตายสิ!!!
นั่นคือยอดที่พวกเราต้องไปให้ถึง
ไต่ระดับถึง 1000 เมตร แล้วโว้ยยยย
อีกใกล้ๆ แค่ 1 ก.ม. เอง
พักกันอีกรอบ ก่อนสู้กับเนินสุดท้าย
ถึงจะโหดแต่วิวก็โหดเช่นกัน
และแล้ว...
แต่ยังไม่จบแค่นั้น ยังต้องเดินต่อไปอีกประมาณ 500 เมตร
เดินมาติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อรับของที่เช่าไว้และรอรับสัมภาระจากลูกหาบ จากนั้นหาพื้นที่ที่ถูกใจแล้วจัดการตั้งแคมป์ได้เลย
สร้างแลนด์มาร์คเรียบร้อย เต็นท์อุทยาน 3 หลังและเต็นท์ที่นำมาเอง 1 หลัง
มาดูห้องน้ำบนภูบ้าง
ที่ตักน้ำไว้อาบ ห้ามใช้ล้างจานเด็ดขาด
คืนนี้ปิดท้ายด้วย ชาบูดอยที่สั่งไว้ กินอะไรก็อร่อยไปหมด 55+
วันที่ 2
พระอาทิตย์ขึ้นก็ไม่ได้ไปดู มัวแต่นอนโง่ๆในเต็นท์ ตื่นมาอีกทีก็ได้เวลาเตรียมมื้อเช้าล่ะ เสบียงในกระเป๋าเอามาเพียบ
หมูแดดเดียว เนื้อแดดเดียว ทั้งปิ้งทั้งทอด ถ้าไม่ปิ้ง ทอดตอนนี้น่าจะกินไมไ่ด้ล่ะ เพราะหมูเริ่มมีกลิ่น
เสริมด้วยต้มผักกาดดอง
หลังจากนั้นจะไปเดินรอบภูสอยดาว ฝนก็เทลงมา เป็นชั่วโมง จนต้องซุกตัวอยู่ในเต็นท์ และสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เต็นท์รั่วน้ำทะลัก เลยไปขอเจ้าหน้าที่เปลี่ยนเต็นท์ แต่ก็ไม่มีเต็นท์ไหนไม่รั่วเลย
ฝนซาก็ได้เวลาออกไปแรลลี่รอบภู ดอกหงอนนาคที่ทุกคนอยากให้เห็นกับตา แต่มันเหลือน้อยแล้ว
เดินทะลุ จากหลังที่ทำการอุทยาน
ลานสนกับวิวยอดภูสอยดาว ที่เต็มไปด้วยมวลเมฆ
ธีมเสื้อกันฝนก็มา
หลักกิโล
เดินมาจนสุดทางจะพบกับป้ายนี้ เลี้ยวซ้ายไปดูพระอาทิตย์ตก
ยอด 2100 อีกสักภาพก่อนกลับเต็นท์
ส่วนมื้อเย็นวันนี้ เสบียงเหลืออะไรก็เอามาทำให้หมดและเตรียมไว้มื้อเช้าพรุ่งนี้
คืนที่ 2 แล้วก้ยังไม่เห็นดาว T_T
ตี 4 แล้วดาวก็ยังไม่มี มาเสียเที่ยวเลยเว้ย มาภูสอยดาวไม่เห็นดาวเขาว่ามาไม่ถึง ก็จริงนะ หึหึ
วันที่ 3
เตรียมมื้อเช้าและเก็บข้าวของลงภู
ขาลงน้ำหนักก็จะเบาๆหน่อย
สบายพี่ลูกหาบเลย
และพลาดไม่ได้กับเสาแสดงอุณหภูมิ
ลงกันเถิดพวกเรา
และวิวที่ต้องถ่าย(ถ้าตอนขึ้นไม่ได้ถ่าย) ก็ถ่ายซะเลยตอนนี้
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและสนุกไปกับการเดินทางของเรา ฝากไลค์ฝากแชร์ฝากแคร์กันด้วยนะครับ
ติดตามเรื่องราวของผมได้ที่เพจ "เที่ยวออกเดิน" by Fun_O
Facebook : https://www.facebook.com/TiewOkDern/
Readme : https://th.readme.me/id/funotravel
Pantip : http://pantip.com/profile/244347
Fun_O
วันพุธที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2561 เวลา 16.03 น.