“3 วัน 2 คืน ลำปางเหงายัง ลำพังไม่เห็นเหงาเล้ยยยยย”

สวัสดีอีกครั้งมิตรรักแฟนเพลงทุกท่านของจินนนนน 55555555

กระทู้นี้ไม่พูดมาก เริ่มเลยดีกว่า ฮี่ๆ

ทุกคนอาจสงสัย ว่า เขลางค์นคร คืออะไร?

ใช่ค่ะ มันคือ “จังหวัดลำปาง” หรือที่คนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่คุ้นเคยกันในชื่อ “เมืองรถม้า” ลำปางเป็นจังหวัดเล็กๆ ที่มอบความสุขไม่เล็กให้กับผู้คนที่ได้มาเยือนเพราะ นอกจากจะมีวัฒนธรรมที่หลากหลาย ชนเผ่ากลุ่มน้อยใหญ่มากมาย ผู้คนในจังหวัดลำปางก็แสนจะใจดีและน่ารักยิ่งนัก ทำให้ชะนีตัวน้อยๆอย่างฉันตกหลุมรักและไปเที่ยวลำปางมาแล้วถึง 3 ครั้ง

เหมือนเดิม ไม่เปลี่ยน การเดินทางครั้งนี้ เริ่มต้นจากสถานีรถไฟดอนเมือง(ออกจากสถานีดอนเมือง 22.15น.) ปลายทางสถานีรถไฟนครลำปาง

(นอกจากจะตกหลุมรักลำปางแล้ว ฉันยังตกหลุมรักการเดินทางด้วยรถไฟอีกด้วย)

เวลา 10.10 เราก็มาถึงสถานีรถไฟนครลำปางแล้วววว

ไม่รอช้า เดินออกมาหน้าสถานีจะเจอรถสองแถวสีเหลืองคันเล็กจอดรอรับผู้มาเยือนอยู่มากมาย รอบเวียง(รอบเมือง) 20 บาท ตลอดสาย (นี่แหล่ะแพงสุดในเขตลำปาง 55555555 รถสองแถวนั่งระยะทางไม่ไกลเลยของทางเหนือนี่แอบแพงทุกจังหวัดเลยนะเราว่า) ก็จากสถานีรถไฟไปขนส่งลำปางจ้า เพราะเราจะพักแถวนั้น

วันแรก เราพักที่ ออมสิน & อาร์มเพลส เป็นห้องพักธรรมดา ราคาห้องพัดลม 250 บาทต่อคืน ห้องแอร์ 300 บาทต่อคืน ไม่ได้ถ่ายเบอร์ติดต่อมาให้ แต่ถ้าใครจะพัก ก็นั่งรถเหลืองไปบขส.เดินมาฝั่งด้านหลังเจอร้านซ่อมมอเตอร์ไซส์ด้านซ้ายมือเลี้ยวเข้าซอยก็จะเจอเลยค่ะ

และเมื่อเก็บของเรียบร้อยเดินออกมาหน้าซอยทางเดิมเลี้ยวซ้ายเดินตรงไปนิดหน่อยเจอร้านเช่ารถมอไซส์ด้านฝั่งขวามือ ถ้าเช่าวันต่อวัน คิดวันละ 300 บาท แต่ถ้าเช่าต่อกัน 2 วันขึ้นไป คิดวันละ 250 บาท เราก็จัดเลยครับ 3 วัน 750 บาท (มัดจำอีก 1000 บาทได้คืนในวันที่เอารถมาคืนนะจ๊ะ)

(นี่ขนาดร้านเช่ารถยังแลดูคลาสสิคแล้วอ่ะยูววว)

มาถึงลำปางก็ต้องหาของกินที่ขึ้นชื่อของเขาซักหน่อย ร้านนี้เลยค่ะ “นิยมโอชา ก๋วยเตี๋ยวปู่โย่ง”

ตั้งอยู่ในตัวเมืองเลย ใครอยากไปกินก็เปิด GPS หาทางไปเอาเด้อ 5555555

พอมาถึงเท่านั้นแหล่ะ ปิดจ้า!!! ไม่ได้ปิดวันเดียวนะ ปิดตั้งแต่วันที่เราไปยันวันที่เรากลับ สรุป อด!!! 5555555

ใครที่ได้ไปก็ลองแวะไปทานดูนะคะ แล้วมาบอกเราหน่อยนะว่าอร่อยสมคำร่ำลือเปล่า

เดินทางต่อไปเรื่อยๆตามแพลนที่วางไว้ โดยการประเดิมที่แรก

วัดศรีรองเมือง

วัดศรีรองเมือง ตั้งอยู่ที่บ้านท่าคร่าวน้อย ตำบลสบตุ๋ย ในเขตเทศบาลเมืองด้านทิศตะวันตก เป็นวัดพม่าที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยคหบดีที่ร่ำรวยจากการทำไม้สมัยที่ลำปางเป็นศูนย์กลางการค้าขายและการทำป่าไม้ สถาปัตยกรรมที่สำคัญได้แก่ วิหารไม้ซึ่งมีหลังคาจั่วซ้อนกันเป็นชั้นเล็กชั้นน้อย มียอดแหลม 9 ยอด แบบศิลปะพม่า เพดานเป็นลายไม้แกะสลัก และเสากลมใหญ่จำหลักลวดลายประดับด้วยกระจกสี ฝีมือประณีต วิจิตรสวยงาม

ทำเวลาซักนิด เพราะจากตรงนี้ไปเราจะไปไกล อีกคนละอำเภอเลยค่ะ

วัดพระธาตุจอมปิง

วัดพระธาตุจอมปิง ตั้งอยู่ที่ ม.5 บ้านจอมปิง ต.นาแก้ว อ.เกาะคา จ.ลำปาง เป็นวัดศิลปะแบบล้านนา โดดเด่นเห็นได้ชัดที่ลักษณะตัวของพระธาตุที่สวยงามอร่ามด้วยสีทอง และฐานเป็นลักษณะย่อมุม องค์พระธาตุภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าติโลกราช

จุดเด่นสำคัญของวัดนี้คือ การเกิดเงาสะท้อนเป็นภาพสีธรรมชาติขององค์พระธาตุ ผ่านรูเล็กบนหน้าต่างมาปรากฏบนพื้นภายในพระอุโบสถตลอดเวลาที่มีแสงสว่างทั้งกลางวันและกลางคืน

และหากเราใช้โทรศัพท์ของเราส่องเข้าไปในรูก็จะเจอรูปแบบนี้ค่ะ

นอกจากนี้ ภายในบริเวณวัดยังมีพิพิธภัณฑ์ จัดแสดงโบราณวัตถุต่างๆ เช่น เศษภาชนะดินเผา ตะขอสำริด กำไลหิน กำไลสำริด ใบหอก เป็นต้น ที่ขุดเจอในบริเวณวัดและพื้นที่ใกล้เคียง

บริเวณวัดยังมีร้านกาแฟและร้านขายของเล็กๆไว้บริการนักท่องเที่ยวด้วยนะจ๊ะ

เดินทางกันต่อ ไปยัง

วัดไหล่หินหลวง หรือ วัดเสลารัตนปัพพตาราม

วัดสำคัญเก่าแก่ของจังหวัดลำปางที่มีอายุหลายร้อยปี จากหลักฐานทางด้านโบราณ จารึกและตำนานต่าง ๆ ได้กล่าวถึงวัดไหล่หินในอดีตว่าเป็นวัดที่มีความสำคัญทางศาสนา

ความสำคัญของวัดไหล่หินนอกเหนือจากเป็นวัดสำคัญเก่าแก่ของจังหวัดลำปางแล้วนั้น ยังเป็นสถานที่เก็บคัมภีร์โบราณที่ผู้คนทั้งในและนอกชุมชนเข้ามาศึกษาและคัดลอกกัน ปัจจุบันคัมภีร์ส่วนหนึ่งที่ชำรุดเสียหายไป แต่ยังมีบางส่วนที่คงสภาพดีและได้เก็บรักษาไว้ในโรงธรรมของวัด คัมภีร์โบราณของวัดเป็นหลักฐานสำคัญทางประวัติศาสตร์และศาสนาที่แสดงให้เห็นความสำคัญของวัดไหล่หินในฐานะที่เป็นแหล่งศึกษาพระธรรมในสมัยโบราณ พบว่ามีเอกสารโบราณที่มีอายุเก่ากว่า 700 ปีเศษ จารึกเป็นภาษาบาลี ตัวอักษรล้านนา ซึ่งจารึกไว้เมื่อปี จ.ศ.601 (พ.ศ.1782 ชื่อคัมภีร์ “สกาวกณณี” มีทั้งสิ้น 7 ผูก จำนวน 364 หน้า)

ในวัดไหล่หินยังมีโบราณสำคัญต่าง ๆ มากมาย อาทิ วิหารโถง โบสถ์ เจดีย์ ซุ้มประตูโขงและโรงธรรม ซึ่งนับเป็นโบราณสถานสำคัญทั้งในด้านความเก่าแก่และมีคุณค่าทางด้านศิลปะที่แสดงออกถึงความสามารถในเชิงช่าง การสร้างสรรค์ความงามในด้านโครงสร้างสถาปัตยกรรมและการประดับตกแต่งตามคติความเชื่อและการใช้ประโยชน์ของชุมชน

ตอนที่เราอยู่วัดไหล่หิน เจอชาวลำปางคนหนึ่งแนะนำว่าให้เราลองมาที่วัดนี้ดู (พี่เขาขับรถนำเรามาส่งที่วัดด้วย ใจดีแถมยังมีน้ำใจอีก บอกทั้งบุญ บอกทั้งทาง)

วัดสันตินิคม

วัดสันตินิคม เดิมชื่อ “วัดสันตินิคมสามัคคีธรรม” เริ่มก่อตั้งเมื่อ วันที่ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๒๕ ในที่ดินของสหกรณ์นิคมห้างฉัตร มีเนื้อที่ ๑๕ ไร่ ๘๕ ตารางวา โดยเริ่มก่อสร้างเป็นสำนักสงฆ์ขึ้นมาก่อน

ซึ่งทางวัดมีการสร้างดินแดนนรกขึ้น เพื่อสอนให้คนทำความดี ไม่ประพฤติชั่ว โดยการจำลอง เปรต กระทะทองแดง ต้นงิ้ว พร้อมระบบแสงสีเสียง ที่ดูแล้วน่ากลัว สะท้อนชีวิตหลังความตาย ที่มีความเชื่อว่า คนทำดีได้ไปสวรรค์ แต่คนทำความชั่วต้องไปชดใช้กรรมที่นรก

แนวคิดดังกล่าว เป็นของหลวงปู่สะอาด กุสลจิตโต ซึ่งทางวัดต้องการสร้างเมืองนรกจำลอง ที่มีทั้งแสงสีเสียง เพื่อสอนให้คนงดเว้นกระทำความชั่ว และ ต้องใจรักษาศีล 5

ส่วนนี้เป็นทางขึ้นไปสวรรค์ แล้วก็สวรรค์ตอนนี้ยังมีแค่นี้อยู่ค่ะ

สร้างไปได้กว่า 50 เปอร์เซนต์ แล้ว คาดว่า จะใช้เวลาอีกนาน จึงจะเสร็จสมบูรณ์

จากวัดสันตินิยม ขับย้อนกลับมาที่

วัดพระธาตุลำปางหลวง

วัดพระธาตุลำปางหลวง ตั้งอยู่ในเขตตำบลลำปางหลวง อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง อยู่ห่างจากตัวเมืองลำปาง ไปทางทิศตะวันตก เฉียงใต้ประมาณ 18 กิโลเมตร วัดพระธาตุลำปางหลวง เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองลำปางมาแต่โบราณ ตามตำนานกล่าวว่ามีมา ตั้งแต่สมัย พระนางจามเทวี ในราวพุทธศตวรรษที่ 20 ตอนปลายเป็นวัดไม้ที่สมบูรณ์ที่สุด แห่งหนึ่งของไทย งดงามด้วยสถาปัตยกรรมเก่าแก่ มากมายพระธาตุลำปางหลวง เป็นพระธาตุประจำปีเกิดของ คนปีฉลู ด้วยเริ่มสร้างในปีฉลูและเสร็จในปีฉลู เช่นกัน ฐานเป็นบัวลูกแก้ว ส่วนองค์เป็นทรงกลมแบบล้านนาภาย นอกบุด้วยทองจังโก ยอดฉัตรทำด้วยทองคำ มีลายสลักดุนเป็นลวดลายประจำยามแบบต่างๆ ลักษณะเจดีย์ แบบนี้ได้ส่งอิทธิพลให้พระธาตุหริภุญไชย และพระบรมธาตุจอมทอง ภายในองค์พระเจดีย์บรรจุพระเกศาและ พระอัฐิธาตุ จากพระนลาฎข้างขวา พระศอด้านหน้าและด้านหลัง ที่รั้วทองเหลืองรอบองค์พระธาตุมีรูกระสุนปืนที่ หนานทิพย์ ช้างยิงท้าวมหายศปรากฏอยู่

ที่วัดพระธาตุลำปางหลวงก็มีร้านขายของฝากมากมาย และก็มีถ้วยเซรามิกตราไก่ด้วยเด้อ อย่าลืมแวะซื้อของฝากกันนะคะ

เร่งทำเวลากันซักนิดค่ะ เพราะจากจุดนี้ไปเราจะไปอีกอำเภอหนึ่งเลย เร่งเครื่องบินตรงไปยัง

วัดพระธาตุดอยพระฌาน

วัดพระธาตุดอยพระฌาน ตั้งอยู่ ตำบลป่าตัน อำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปาง เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนยอดเขาอันเงียบสงบภูเขาที่เรียกว่าดอยพระฌาน สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์และทัศนียภาพที่สวยงามของอำเภอแม่ทะ เห็นทิวเขาต้นไม้ที่เขียวขจีได้รอบทิศ ในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาวในช่วงเวลาเช้าสามารถเห็นทะเลหมอกอันงดงามได้อีกด้วย(ย้ำนะคะว่าช่วงเช้า ถ้ามาช่วงเย็นแบบเราก็เจอแต่แบบนี้แหล่ะค่ะ อิอิ)

เมื่อถึงวันขึ้น 8 ค่ำ เดือน 7 (เดือน 9 ของทางเหนือ) ประมาณเดือนพฤษภาคม ของทุกปี พุทธศาสนิกชนชาวตำบลป่าตันและตำบลใกล้เคียงจะพากันเดินขึ้นดอยไปสักการะพระธาตุบนดอยพระฌาน โดยมีผู้นำของชุมชนที่สำคัญคือ อดีตหลวงพ่อปัญญา วัดนาคตหลวง พระสงฆ์ผู้เป็นศูนย์รวมศรัทธาของพระ เณร และสาธุชนทั้งหลาย ซึ่งมรณภาพไปแล้ว ท่านเป็นผู้นำคณะศรัทธาชาวตำบลป่าตัน มาสักการะพระธาตุเป็นประเพณีประจำทุกปี มีการจุดบั้งไฟบูชาพระธาตุและการแข่งขันบั้งไฟด้วย และได้รับการสืบทอดต่อมาจนถึงปัจจุบันนี้

ก่อนกลับถ่ายกับเจ้าถิ่นเขาหน่อย

เจ้าถิ่นตัวนี้ยังไม่ได้โฟกัสเลย บินมาจะจิกหัวน้องงง ฮ่าๆๆๆๆ ไม่ได้ๆๆ เราต้องรีบหนี

เนื่องด้วยเวลาที่จำกัด เราไม่ควรอยู่ที่ใดนานๆค่ะ ใกล้จะค่ำมืดแล้วเด้อพี่น้อง ฟ้าวไปต่อทะแม๊ะ(รีบไปต่อสิ)

วัดพระธาตุสันดอน (สะพานบุญวัดพระธาตุสันดอน)

หรือขัวแตะ ตั้งอยู่ที่ บ้านวังเงิน อำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปาง เป็นสะพานไม้ไผ่ที่ทอดยาว 360 เมตร ผ่านทุ่งนาของชาวบ้าน ถ้าจะมาที่นี่ แนะนำให้มาช่วงฤดูทำนา หรือฤดูใกล้เก็บเกี่ยวก็จะดีนะคะ จะได้วิวสวยๆกลับบ้านไปชม

ตรงนี้มีร้านก๋วยเตี๋ยวราคาชาวบ้านที่ได้เยอะมากๆตั้งอยู่นะคะ ใครที่หิวก็แวะกินกันก่อนเน้อเจ้า

เดินต่ออีกนิดก็ถึงตัววัดแล้วค่ะ

เรามาถึงที่นี่ค่อนข้างจะเย็นมากๆแล้ว พระท่านกำลังทำวัตรเย็นพอดีเลยไม่กล้าเดินถ่ายรูปเยอะ แต่แนะนำเพื่อนๆเลยนะคะ ถ้าได้ไปลำปางอย่าลืมไปไหว้พระทำบุญที่วัดพระธาตุสันดอนกันด้วยนะจ๊ะ

ช่วงเย็นเมื่อกลับมาถึงที่พัก อาบน้ำแต่งตัวรีบออกไปเดินกาดกองต้า หรือถนนคนเดินของผู้คนในจังหวัดลำปาง ตั้งอยู่บนถนนเส้นตลาดจีน แต่เดิมก่อนถนนเส้นนี้เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของจังหวัดลำปาง ย้อนกลับไปเป็นร้อยปีได้ ถนนเส้นนี้เป็นถนนคหบดีพ่อค้าไม้ หลากหลายเชื้อชาติ เนื่องจากเป็นถนนเศรษฐกิจเก่า ผนวกกับความโชคดีที่ชุมชนอนุรักษ์กันมา ทำให้มีสถาปัตยกรรม ตึกรามบ้านช่องสวยๆบนถนนคนเดินเส้นให้พวกเราได้เห็นกันอยู่

กาดกองต้ามีเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ เวลาราว 16:30-22:00 น. โดยประมาณ

รูปค่อนข้างเยอะหน่อยนะคะ55555 เชื่อเลยว่าถ้าใครได้ไปลำปางก็อยากจะถ่ายรูปมาเหมือนเรานี่แหล่ะ สวยจริงหรือสวยหลอก อยากรู้ไหม? ต้องไปเองจ้า

เช้าแล้วววว ตื่นเช้าๆไปดูวิถีชีวิตของคนที่นี่กัน (จริงๆเราแค่ไปนั่งเล่นที่สะพานนี้เฉยๆหน่ะ ฮ่าๆๆ นั่งมองคนที่นี่ว่าเขามีกิจกรรมอะไรกันบ้างในยามเช้า ดูสบายจิตสบายใจสบายตาดี)

นั่งเพลินจนลืมดูเวลา เวลาสายเข้ามาทุกที เราต้องรีบออกจากที่พักเพื่อมุ่งหน้าไปยังจุดหมายที่เราตั้งใจจะมาที่นี่ ไปกันเล้ยยยยย

วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์ หรือวัดพระบาทปู่ผาแดง

(ถ้าเปิดใน GPS มันจะขึ้นว่า วัดพระบาทสุทธาวาส คือทีเดียวกันนะ) เป็นวัดที่สวยมากๆเลย ตอนขึ้นก็จะเหนื่อยนิดหน่อย แต่พอขึ้นไปถึงแล้วรู้สึกเหมือนยืนอยู่บนสวรรค์ (พูดเหมือนเคยไปสวรรค์5555555)

วัดเฉลิมพระเกียรติฯ ตั้งอยู่บนภูเขาใหญ่ใน อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง อยู่ในพื้นที่ของเขตห้ามล่าสัตว์ป่าดอยพระบาท บนยอดเขาแห่งนี้มีรอยพระพุทธบาทประดิษฐานอยู่ ภายในบริเวณวัดจะแบ่งออกเป็น ๓ ส่วนหลักๆ หรือ ๓ ชั้น

ส่วนการขึ้นไปกราบสักการบูชารอยพระพุทธบาทบนเขา จะมีรถสองแถวที่ทางวัดจัดเตรียมไว้รับส่งขึ้นไปบนยอดเขาเป็นระยะทาง ๓ กิโลเมตร ราคา 25 บาทต่อคนไป-กลับ ก็จะถึง “ภูผาหมอก” หรือ “ดอยจิหมอก” (จิหมอก เป็นภาษาท้องถิ่น หมายถึง จับหมอก) ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาท โดยเดินตามป้ายบอกทางจากลานจอดรถรับส่งไปประมาณ ๓๐๐ เมตร

อากาศด้านบนเย็นสบาย ลมพัดและมีไอหมอกบางๆตลอดเวลา นั่งพักกินลมชมวิวซักพักก็เดินทางกลับลงมาเพื่อไปยังสถานที่ที่ 2 อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้ เป็นที่ที่ถ้าใครมาลำปางต้องได้มาที่นี่

อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน

ตั้งอยู่หมู่ที่ 8 ตำบลวังเงินถนนลำปาง-เดินชัย บริเวณอุทยานฯมีธารน้ำแร่ ที่เต็มไปด้วยโขดหินธรรมชาติ ที่สวยงามแทรกกอยู่ท่ามกลางแอ่งน้ำร้อน น้ำแร่ที่มีอุณหภูมิสูง ถึง 70 – 80 องศาเซลเซียส สามารถแช่ไข่ให้สุกได้ภายใน 15 นาที ไข่จะมีลักษณะไข่แดงสุกไข่ขาวสุกไม่แข็งจะ เหมือนมะพร้าวอ่อน ไม่ต้องพูดมาก ณ ตรงนี้ เอาเป็นว่า ถ้ามาฤดูร้อนจะร้อนมากๆ ถ้ามาฤดูฝนจะเจอหมอกบ้างสองข้างทาง ลุ้นฝนหน่อย แต่ถ้ามาฤดูหนาวในช่วงตอนเช้าก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ที่นี่จะสวยมากกกกกก สวยมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ต้มไข่ไว้แล้วก็อย่าลืมไปเอาไข่ต้มเด้อ ไข่ยางมะตูมที่นี่อร่อยสุด (รีบกินเกินเลยไม่ได้ถ่ายรูปไว้ ฮ่าๆๆๆ)

ที่อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อนมีห้องพักไว้บริการนักท่องเที่ยวด้วยนะคะ สำหรับใครที่สนใจ ติดต่อได้ที่เบอร์นี้เลยค่ะ 093 137 5533 นอกจากนี้ยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติแล้วก็น้ำตกหลากหลายมากมายให้นักท่องได้เยี่ยมชม(เสียดายวันที่เราไปฝนตกลงมาเลยไม่กล้าขึ้นไปคนเดียว แฮร่ๆ)

ไปต่อกันดีกว่าค่ะ

เขื่อนกิ่วลม

เราอยู่ที่นี่ไม่นาน เพราะวันที่ไป ทางเขื่อนกำลังปรับปรุงอะไรหลายอย่างมาก แต่ก็นักท่องเที่ยวก็สามารถไปล่องแพได้เหมือนเดิมนะคะ ส่วนราคาล่องแพต้องไปติดต่อทางแพเองเด้อ มีให้เลือกเยอะมากกกกกก

ลาที่นี่ก่อนละเพราะว่าฝนตั้งเค้าอีกแล้วววว มุ่งหน้าต่อไปยังอ.งาว ที่ที่เราอยากไปมากๆๆๆๆ (ก็เห็นอยากไปทุกที่อ่ะ)

จุดจอดรถที่แรก วัดจองคำ

วัดจองคำ ศิลปะแบบไทยใหญ่ที่สวยงามตั้งอยู่ตำบลบ้านหวด วัดจองคำเป็นวัดเก่าแก่แห่งหนึ่งในจังหวัดลำปาง สถาปัตยกรรมก่อสร้างโดดเด่นเป็นสง่า เป็นศิลปะแบบไทยใหญ่ ไม่ปรากฏหลักฐานการสร้างที่แน่ชัด ตัววิหารชัยภูมิศิลปะแบบไทยใหญ่หลังเดิมถูกรื้อย้ายมาไปไว้ ณ เมืองโบราณ จังหวัดสมุทรปราการ

วิหารไม้หลังที่เห็นปัจจุบันเป็นศิลปะที่สร้างขึ้นมาใหม่ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2549 สืบเนื่องจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ได้มีการยกวัดราษฎร์ขึ้นเป็นพระอารามหลวง วัดจองคำได้รับคัดเลือกให้เป็นพระอารามหลวงแห่งใหม่ในจังหวัดลำปาง และเป็นโรงเรียนสอนพระปริยัติธรรมแผนกบาลีประจำจังหวัดลำปาง

โอเคทุกคน ทุกคนจะเห็นว่าเราพูดถึงวิหารโบราณแต่ทำไมไม่มีรูปวิหารเลย เราจะบอกว่าวันที่เราไปอ่ะ เราไม่รู้ว่าวัดมีทางเข้าอีกทางไหม เห็นประตูวัดตรงวิหารอ่ะถูกปิดไว้ เลยเข้าใจว่าเขาปิดปรับปรุงวิหาร เลยถ่ายมาได้แค่นี้ (อยากบอกว่าเสียใจมากกกกก)

ที่ถ่ายมาได้เป็น พระมหาเจดีย์พุทธคยา ณ วัดจองคำ

ไปต่อกันดีกว่า และแล้วก็มีถึงที่ที่เราอยากจะเสนอให้ทุกคนได้เห็นได้ชมกันเป็นอย่างมากกกกกกกกก

เพราะว่ามันสวยมากๆๆๆๆๆ (ในรูปอาจจะดูไม่สวยเท่าไหร่ แต่ในสถานที่จริงสวยมากๆ)

และมันก็ยังเดินทางมาถึงลำบากมากๆๆๆๆๆด้วย

หล่มภูเขียว (Unseen ลำปางที่แท้ทรูนะจ๊ะทุกคน)

"หล่มภูเขียว" คือสถานที่ท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท มีลักษณะเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่คล้ายปล่องภูเขาไฟตั้งอยู่บนภูเขา

สภาพโดยรอบของหล่มภูเขียว มีลักษณะเป็นป่าดิบแล้ง รายล้อมไปด้วยหน้าผาที่เกิดจากภูเขาหินปูน มีความเงียบสงบ และมีสัตว์หลายชนิดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ส่วนภายในหลุมหรือแอ่งจะมีแหล่งน้ำที่มีความใส นิ่ง และลึกมากจนไม่สามารถระบุได้ และสามารถมองเห็นพื้นน้ำเป็นสีฟ้าไปจนถึงสีเขียวมรกตได้อีกด้วย แถมยังเป็นที่อยู่อาศัยของปลาหลายชนิด ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวสุดอันซีนที่น่าแวะไปชื่นชมความสวยงามของธรรมชาติ ที่แอบซ่อนอยู่ได้เป็นอย่างดี

เมื่อมาถึงหล่มภูเขียวแล้ว แนะนำว่าควรไปต่อที่ น้ำตกแม่แก้และน้ำตกเกาฟุนะคะ เป็น Unseen ลำปางอีกที่ที่สวยมากๆ

น้ำตกแม่แก้

ต้องบอกก่อนว่า ถนนหนทางที่ไปลำบาก ค่อนไปทางลำบากมาก เหมือนเราขับมาไกลแล้วแต่มันก็ไม่ถึงซักที ฮ่าๆๆๆๆ

ขับออกมาจากหล่มภูเขียวแล้วเลี้ยวขวาขึ้นไป แรกๆถนนก็ดีอ่ะ หลังๆนี่หืมมมม เมื่อไหร่จะถึง เมื่อไหร่จะถึง (คิดในใจกันเลยทีเดียว)

เจอป้ายแรก ดีใจจ

ขับมาซักพักนึกว่าถึงแล้ว ที่ไหนได้ ด่านตรวจเฉยๆ(แวะเข้าห้องน้ำกันก่อนได้ เพราะเชื่อว่าระหว่างทางใครที่มาต้องมีการกระอักของอาหารที่กินเข้าไปในท้องแน่ๆ)

ขับไปก็จะเจอกับถนนประมาณนี้ (ซึ่งยาวอย่างกับกำแพงเมืองจีน)

ขับมาเรื่อยๆเจอทางแยกแบบนี้ให้ไปเส้นขวามือนะคะ ขึ้นไปก็จะมีหมู่บ้านอยู่ (ไม่อยากจะคิดเวลาเดินทางเลย ถนนแบบเดียวกันเป๊ะ!!!)

และแล้วก็ถึงแล้ววว น้ำตกแม่แก้ที่เราตามหา จะบอกว่าน้ำตกสวยมากๆๆๆๆๆๆ น้ำตกที่นี่สามารถลงเล่นน้ำได้นะคะ แต่ต้องช่วยกันรักษาความสะอาดด้วย เพราะวันที่เรามาน้ำตกดูสะอาดหูสะอาดตามากเวอร์ สะอาดจนเราไม่กล้าลงเล่นเพราะกลัวว่าน้ำจะขุ่นแล้วน้ำตกจะดูไม่สวย(พูดดูดี)

โอบกอดธรรมชาตินี้ไว้ สูดเอาโอโซนดีดีนี้ไว้นานๆ

เอาละค่ะ นั่งฟังเสียงน้ำตกแม่แก้ได้ซักพัก เราก็ต้องไปต่อได้แล้ว เพราะใกล้ค่ำและตอนที่ไปถึงก็มีแค่เราคนเดียวด้วย(สวนทางกับคนอื่น เพราะตอนที่เราไปคือทุกคนกำลังกลับ) ถ้ามาถึงแม่แก้แล้วต้องไปเกาฟุต่อนะคะ ถึงแม้จะเป็นน้ำตกสายเดียวกัน แต่ความสวยงามก็ไม่แพ้กันเลยค่ะ

น้ำตกเกาฟุ

ที่นี่บรรยากาศก็เงียบสงบอีกเหมือนเคย ได้ยินแค่เสียงน้ำตกกับเสียงนกร้องอย่างเก่า (ขออภัยที่มือสั่น มีขาตั้งกล้องนะแต่ไม่ได้กางออกมาเพราะว่าฝนตั้งเค้าตลอดเวลาเลย กลัวเก็บไม่ทัน ฮ่าๆๆๆๆ)

จากตรงนี้ขับรถออกไปหาที่พักกัน ถ้าใครไม่ติดว่าต้องพักที่สวยๆ สะดวกสบายมากมายอะไร แค่เอาไว้นอนกับอาบน้ำ ที่นี่ก็น่าสนใจดีนะคะ บ้านน้ำหนาว ราคาห้องพัดลมคืนละ 300 บาท ห้องแอร์คืนละ 350 บาท อยู่ไม่ไกลจากหล่มภูเขียวเท่าไหร่เปิด GPS หาก็เจอค่ะ

ในเช้าวันที่ 3 มุ่งหน้ากลับไปยังอ.เมืองลำปาง (ต้องตื่นเช้าๆเด้อ เพราะเรายังมีที่สวยๆในตัวเมืองลำปางอีกเยอะเลยที่ยังบ่ได้เลาะ)

ก่อนกลับ แวะที่นี่ก่อน (จริงๆตรงนี้จะถึงก่อนทางไปหล่มภูเขียวนะคะ แต่วันที่เราไปทางอุทยานไม่อนุญาตให้เข้าชมเพราะว่าฝนตก จะทำให้เวลาเข้าไปในถ้ำจะหายใจไม่ออกเพราะเหม็นขี้ค้างคาว)

อุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท

ที่นี่จะมีไกด์นำชม(ไม่คิดค่าบริการ) ส่วนใครจะให้เป็นสินน้ำใจแก่ไกด์ก็ได้นะคะ มีไกด์ตั้งแต่อายุ 10 ขวบเลยเด้อออออ

อยากรู้ข้อมูลอะไรให้ไปเที่ยวเองเนาะ ข้อมูลมันเยอะขี้เกียจพิมพ์ 55555555555

แต่กฎของการเข้าชมที่นี่คือ ห้ามแตะต้องหิน!! รู้เรื่องเนาะ

ตรงนี้คือจุดไฮไลท์ของที่นี้คือ ถ้าเวลาเที่ยงตรง แสงจะลอดผ่านเข้ามาจากตรงนี้ได้สวยงามมากๆค่ะ (ช่วงที่เราถ่ายคือประมาณ 09.00 น)

จากถ้ำผาไท กลับรถมุ่งหน้าไปยังอ.เมือง ใช้เส้นทางลำปาง-งาว ระหว่างทางแวะกราบไหว้ศาลเจ้าพ่อประตูผา และหากใครมีเวลาก็สามารถขึ้นไปดูแหล่งภาพเขียนสีประตูผาได้นะคะ อยู่ใกล้ๆกับศาลเจ้าพ่อประตูผา (น่าเสียดายที่วันที่เรากลับฝนมาอีกแล้วววว โอ๊ยยยยจ๊อสสสสส เราเลยได้แค่ไปไหว้ศาลแล้วขับรถตากฝนเข้าตัวเมืองเลย เดี๋ยวไม่ทันซื้อตั๋วกลับ)

และเมื่อเรามาถึงตัวเมือง ไม่มีฝนเลยซักเม็ด(อันนี้ถือว่าโชคดี) ถึงปุ๊ปไปจองตั๋วที่สถานีรถไฟกันก่อน ได้รอบ 18.10 ยังมีเวลาอีกยาวนานกับรอบเมืองของฉัน

เริ่มแรกจาก วัดศรีชุม

วัดเก่าแก่ที่มือชื่อเสียงของจังหวัดลำปาง ตั้งอยู่ที่ถนนทิพย์วรรณ ตำบลสวนดอก อำเภอเมือง จังหวัดลำปางเป็นวัดพม่าเก่าแก่ สร้างด้วยไม้จากป่าฝั่งพม่าทั้งสิ้นมีความสวยสดงดงามเป็นอย่างมาก มีพระบรมธาตุซึ่งเป็นพระบรมธาตุสีทองศิลปะแบบพม่าและมอญ ภายใน บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่อันเชิญจากพม่าเป็นที่ เคารพสักการะ ของชาวเมืองลำปางมาช้านาน ภายในวิหารมีภาพจิตรกรรม ฝาผนังเรื่องพุทธประวัติและภาพจำลองแผนผังของวัด ส่วนหลังคาวิหารทำเป็นไม้เครื่องแกะสลักยอดแหลมสลักเป็นลวดลายสวยงามมาก เป็นวัดพม่าที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาวัดพม่าที่มีอยู่ใน ประเทศไทยทั้งหมด 31 วัด

และวันที่เราไปก็นั่นแหล่ะค่ะ ปรับปรุงกันไปเลยถ่ายมาได้แค่ที่เห็นเลย

ไปต่อไม่รอแล้วนะ....

บ้านเสานัก

เป็นบ้านที่มีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นมากหลังหนึ่งในจังหวัดลำปาง เป็นบ้านไม้ที่มี เสาไม้สัก มากถึง 116 ต้น จึงเรียกว่าบ้านเสานัก ตามภาษาพื้นเมือง “นัก” มีความหมายว่า “มาก สร้างด้วย ศิลปะพม่าผสมล้านนา ประกอบด้วยเรือนใหญ่ซึ่งเป็นเรือนหมู่ มีเสาไม้สักรองรับน้ำหนักบ้านถึง 116 ต้น โดยแบบระเบียงบ้านได้รับอิทธิพลสถาปัตยกรรม แบบพม่า ในขณะที่หลังคาและโครงสร้างโดยทั่วไปเป็นแบบล้านนา

วัดประตูป่อง

วัดประตูป่อง ตั้งอยู่ที่ถนนป่าไม้ ตำบลเวียงเหนือ เจดีย์วิหารสร้างเมื่อ พ.ศ. 2409 โดยเจ้าญาณรังษี ผู้ครองนครลำปาง โบสถ์เป็นฝีมือช่างสิบสองปันนา มีศิลปะลายจีนผสม วัดนี้มีสิ่งสำคัญทางประวัติศาสตร์ คือ ประตูเมืองโบราณ (ประตูป่อง) มีซากหอรบสมัยพระยากาวิละครองนครลำปาง เป็นปราการต่อสู้ทัพพม่าครั้งสำคัญ เมื่อ พ.ศ.2330 ในฝั่งเมืองด้านเหนือนี้เป็นที่ตั้งค่ายพม่าที่ยกพลมาล้อมเมือง

วัดพระแก้วดอนเต้า

เป็นที่ตั้งของพระบรมธาตุดอนเต้า ซึ่งเป็นพระเจดีย์องค์ใหญ่ บรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า มณฑปศิลปะพม่า ลักษณะงดงาม ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ใหญ่ และวิหารประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ ซึ่งมีอายุเก่าแก่ พอๆกับการสร้างวัดนี้ นอกจากนี้ยังมีวิหารหลวงพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติล้านนา และวิหารพระเจ้าทองทิพย์

สถานที่สุดท้ายก่อนลาเขลางค์นคร วัดปงสนุก

วัดปงสนุก หรือวัดปงสนุกเหนือ ตั้งอยู่ในเขต ต.เวียงเหนือ อ.เมือง จ.ลำปาง เป็นวัดสำคัญคู่กับจังหวัดลำปางมาช้านาน สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยที่เจ้าอนันตยศ ราชบุตรของพระนางจามเทวีแห่งหริภุญไชย (ลำพูน) เสด็จมาสร้างเขลางค์นคร (ลำปาง) เมื่อ พ.ศ.1223 หรือ 1,328 ปีก่อน

สิ้นสุดการเดินทางของฉัน ณ เมืองเขลางค์นครแล้ว

หลายคนอาจสงสัยว่า 3 วัน 2 คืน มันเที่ยวได้หมดนี่จริงๆหรอ ต้องขอบอกก่อนนะว่าเรามาลำปางครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้ว บางสถานที่เราก็ไปซ้ำ(เราเลยอยู่ที่ไหนไม่นานมาก แค่ไปถ่ายรูปเดินเล่น พักผ่อนมือในการขับรถเฉยๆ) บางสถานที่เคยไปในทริปแรกกับทริปสองเราก็ไม่ได้เอามาเขียน(จริงๆแค่เฉพาะตัวเมืองลำปางก็ใช้เวลาเที่ยวเกือบทั้งวันแล้วกว่าจะทั่วเมือง) และเวลาที่เราไปเที่ยวคนเดียว เราจะวางแผนการเที่ยวมาเป็นอย่างดี ศึกษาข้อมูลทั้งการเดินทาง ที่พัก สถานที่เที่ยวนั้นๆมาด้วย มันจะทำให้เราประหยัดเวลาในการเที่ยวไปได้เยอะเลยค่ะ และอีกอย่างเราจะเป็นจำพวกประเภทว่า ได้มาแล้วอ่ะ ลำบากแค่ไหนก็ต้องไปดูให้ได้ ไปแค่ดูก็เอาไรงี้ 555555555555 ลุยให้สุดแล้วหยุดที่คำว่า ปวดดาก

มาสรุปค่าใช้จ่ายในทริปนี้กัน

ค่ารถไฟ ไป-กลับ 504 บาท

ค่าห้อง 2 คืน รวม 550 บาท

ค่าโดยสาร 40 บาท

ค่าเช่ารถ 3 วัน 750 บาท

ค่าน้ำมัน 366 บาท

ค่ากินทุกอย่างรวมค่าเข้าอุทยานต่างๆ(ส่วนมากกินแต่ก๋วยเตี๋ยว) 756 บาท

รวม 2,966 บาทถ้วนนนนนน

ปล.ขออภัยในความปรับแสงไม่เป็นของเรา

ปล.รูปทั้งหมดไม่ได้ผ่านการแต่งโดยโปรแกรมใดๆ อาจทำให้ภาพบางภาพมัว ดำ หรือไม่ชัด ขอโทษด้วยเด้อออ อิหล่าแต่งรูปบ่เป็น อิอิ

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและอ่านจนจบนะคะ รูปและข้อความอาจจะเยอะไปหน่อยต้องขออภัย

เราไม่ขอเรียกกระทู้นี้ว่า กระทู้รีวิว แต่เราขอเรียกมันว่า “บันทึกจากฉัน นัก(ชอบ)เดินทาง”

ขอให้ทุกคนโชคดีกับทุกๆการเดินทางนะคะ

ลำปางที่รัก ฉันรักเธอ

ลองกินก๋วยเตี๋ยวแล้วค่ะ

อร่อยจริงๆ ลูกชิ้นอร่อย

แต่ไปกินที่สาขาที่ดชียงใหม่5555

เพราะไปลำปางทีไร ปิดทุกทีเลยค่ะ

หนูนา จะไปไหน?

 วันอังคารที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 เวลา 23.39 น.

ความคิดเห็น