สวัสดีครับ เพื่อนๆ ทุกคนวันนี้ผมจะมารีวิว ทริปแซงกรีล่า ซึ่งตั้งอยู่ประเทศจีนครับ ผมต้องขอบอกเลยครับว่า ทริปนี้เป็นทริปแรกๆย้อนไปเมือ 3 ปีที่แล้วเลยที่ผมได้ออกเดินทางท่องโลกกว้าง และเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผม รักการถ่ายภาพ มาจนถึงปัจจุบันนี้ หลายๆท่านคงจะแปลกใจว่า การมาที่นี้ มันทำให้ชีวิตของคนคนนึงเปลื่ยนไปได้ขนาดนี้เลยหรอ จากเด็กนึงที่ไม่สนใจเรื่องถ่ายภาพ ไม่สนใจที่จะออกเดินทาง ท่องเที่ยวไปยังสถานที่แปลกใหม่ จากเด็กติดเกมคอมพิวเตอร์ เปลื่ยนเป็นคนที่ชอบเดินทางท่องเที่ยว



ก่อนที่จะไปดูกันเพื่อน ๆ สามารถแวะไปทักทายหรือดูรีวิวสถานที่อื่นๆของพวกเราเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ



https://www.facebook.com/TwinTraveller

http://twintravellerblog.com



หลายๆท่านคงสงสัยว่าทำไมสถานที่แห่งนี้ สถานที่ที่เรียกว่า " แซงกรีล่า " นั้น มันมีมนต์เสน่ห์ขนาดนั้นเลยหรือ ที่ทำให้เด็ก คนนึงเปลื่ยนความคิดได้ถึงเพียงนี้ หากพร้อมที่จะรับชมรีวิวนี้แล้ว เรามาอ่านความหมายของดินแดนแห่งนี้กันก่อนครับ.



แชงกรีล่า คือ ดินแดนแสนมหัศจรรย์สุดของโลก ที่นักท่องเที่ยวต่างประเทศอยากเดินทางไปสัมผัสและพิชิตดินแดนมหัศจรรย์แห่งนี้ แชงกรีล่า ตั้งอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 3,500 เมตร ออกซิเจนค่อนข้างบางเบา การเดินทางก็ไม่ใช่ว่าจะสะดวกนัก ที่พักก็ไม่หรูหรา เพราะยังเป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่ยังไม่ได้เปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการ แต่แชงกรีล่าก็สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เขาไปสัมผัสได้อย่างน่าอัศจรรย์



แชงกรีล่า ได้รับการขนานนามว่าเป็น “ดินแดนที่สันติภาพเบ่งบาน" อันเป็นความใฝ่ฝันของมนุษยชาติ ที่ถูกถ่ายทอดผ่านงานเขียนนวนิยาย เรื่อง The Lost Horizon ที่เจมส์ ฮิลตัน เขียนไว้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1933 และข้อความในจินตนาการของแชงกรีล่าได้ถูกนำมาสร้างเป็นหนังในเวลาต่อมา เขาบรรยายเอาไว้ว่า …ภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้านั้น เป็นทิวทัศน์บนภูเขาที่งดงามตระการตาที่สุดในโลกก็ว่าได้ …ดินแดนแห่งนั้นคือ " แชงกรีล่า "



แชงกรีล่าเป็นดินแดนที่งดงามลี้ลับ ผู้คนมีชีวิตเรียบง่าย มียอดเขาหิมะ หุบเขา ทุ่งหญ้า สายน้ำและทะเลสาบ อันตระการตา…



แค่ฟังประวัติคร่าวๆ และเรื่องราวของหนังเรื่อง The Lost Horizen ที่เจมส์ ฮิลตัน เขียนไว้แล้ว รู้สึกอย่างไรบ้างครับ เริ่มน่าสนใจขึ้นมาแล้วใช่มั้ยครับทริปนี้เราเดินทาง เริ่มที่คุณหมิง – ต้าลี่ – ลี่เจียง – แชงกรีล่า ครับ การเดินทางจากจุดนึง ไปจุดนึง ใช้เวลาเดินทางนานมาก มีบางช่วงนี่หลับเลย เลยทำให้เราเที่ยวได้น้อย ใน 1 วัน แต่ก็ไมไ่ด้แย่อะไรนะครับ เพราะ ระหว่างทางนั้น วิววิวทิวทัศน์ระหว่างทางนั้น สวยงาม สุดจะบรรยายเลย เป็นดินแดนที่กว้างใหญ่ มองไปภูเขาลูกใหญ่ๆ เรียงตัวกันสลับไปมา ทำให้เห็นภาพที่ดูแปลกทาง บ้านเรือนสมัยก่อนที่อยู่ตามทาง ชีวิตที่เรียบง่าย ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ ใช้ชีวิตแบบคนสมัยก่อน เลยทำให้ระหว่างนั้น มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น จนบางครั้งพวกเราต่างไม่กล้าหลับเลย กลัวจะพลาดบางช่วง บางตอนไป ถนนหนทางนั้น ขอบอกว่าเลยว่า ดีในระดับนึง แต่ก็มีบางช่วงที่มีลูกรัง และทางน่ากลัวมาก ตามไหล่เขา เพราะฉะนั้นใครที่จะเดินทางมาที่นี้ ควรจ้าง รถท้องถิ่น พร้อมคนขับด้วยก็ดีครับ ใครเขาพาเราไปเที่ยวที่ต่างๆ จะได้ปลอดภัยด้วย



อาหารการกิน



อาหารที่นี้จะมีครบหมด หมู เห็ด เป็ด ไก่ ผัก ครบ 5 หมู่ รสชาติมันๆ แบบสไตล์จีนๆ หากเพื่อนๆ คนไทยเคยไปเที่ยวจีน ก็คงจะรู้ว่า รสชาติทั่วไปนั้นเป็นอย่างไร ฮ่าๆ แต่ส่วนมากกินได้ครับ ไม่น่าเป็นปัญหาเท่าไหร่ สำหรับพวกเรา



สถานที่ท่องเที่ยวนั้นมีหลากหลายมากๆ เลย ระหว่างทาง ตามเมืองที่เราแวะไป ชวนให้เราตื่นตามากๆ กับสภาพอากาศด้วย และ อากาศที่หนาวนิดหน่อย ไม่มากสบายๆ ภูมิประเทศส่วนมากเป็นภูเขาลูกใหญ่ๆ อลังกาลจริงๆ เรามาดูสถานที่เที่ยวคร่าวๆ กันเลยดีกว่าครับ



1. ทะเลสาบเอ๋อไห่ ( Er Lake ) (จีน: 洱海; พินอิน: Ěrhǎi)



เป็นทะเลสาบที่มีความสวยงามอย่างยิ่ง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญและมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของมณฑลยูนนาน ฝั่งทะเลสาบมีความยาวโดยรอบ 116 กิโลเมตร ความลึกเฉลี่ย 11 เมตร และความจุน้ำ 2.5 ล้านลูกบาศก์เมตร



สถานที่ที่น่าสนใจมากๆ คือการมาล่องเรือที่ทะเลสาปเอ๋อไห่ ทะเลสาปแห่งนี้ ถูกขนาบด้วยภูเขา ชังซาน ที่ใหญ่โตมากๆ จึงเป็นสถานที่นึงที่สามารถมาสัมผัสกับธรรมชาติที่สวยงามได้ดีเลยทีเดียว ที่แรกประทับใจขนาดนี้ ที่ต่อไปจะขนาดไหนนะ



วันที่เราเที่ยวนั้น มีกรุ้ปทัวร์มากันหลายกรุ๊ปมากๆ เรือในทะเลสาป จึงมีจำนวนเยอะพอสมควร บรรยากาศดีมาก ลมเย็น เรายืนชมวิวกันด้านหน้าของเรือ ยืนถ่ายรุปกันสนุกสนานมากๆ



หน้าตาของเรือที่ใช้เดินทางชม ทะเลสาปแห่งนี้ครับ มีแบ่งเป็นสองส่วน มีทั้งด้านใน และ ด้านนอก เลือกกันได้ตามใจชอบเลย ว่าอยากชมแบบไหน



ข้อมูลที่ควรรู้เกียวกับ ทะเลสาปเอ๋อไห่



[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้• ทะเลสาบเอ๋อไห่ ซึ่งอยู่ด้านหน้าของเจดีย์สามองค์นั้นเป็นทะเลสาบน้ำจืดบนที่ราบสูง จึงได้สมญานามว่า “ไข่มุกบนที่ราบสูง" น้ำในทะเลสาบแห่งนี้ใสสะอาดจนสามารถมองเห็นถึงทัศนียภาพใต้น้ำ และมักจะมีหมอกควันลอยขึ้นเหนือทะเลสาบอันกว้างใหญ่นี้ ทำให้ทิวทัศน์ตามบริเวณทะเลสาบสวยงามยิ่งนัก2. เมืองโบราณต้าหลี่ ( Dali Ancient City )



เมืองโบราณต้าหลี่ สร้างขึ้นเมื่อกว่า 1,000 ปีก่อน ถึงแม้ได้ผ่านกาลเวลามาช้านาน แต่เมืองโบราณแห่งนี้ก็ยังคงอยู่ในสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ เป็นสถานที่นึงที่มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนกันมาไม่ขาดสาย มีของที่ละลึกเยอะแยะมากมาย ให้เลือกจับจ่ายกันตามใจชอบเลย



ประตูเมืองโบราณต้าหลี่ ที่ยิ่งใหญ่มากๆ หอคอยด้านบน สามารถขึ้นไปชมวิวได้นะครับ



ตอนนี้เรากำลังเดินอยู่บนกำแพงเมือง จากจุดๆ นี้เราสามารถมองเห็นทะเลสาป เอ๋อไห่ที่เราไปล่องเรือได้อย่างชัดเจนเลย



และเมือเราหันเข้ามาในเมือง เราก็จะเห็นวิถีชีวิต (นักท่องเที่ยว) และบ้านเมือง สถาปัตยกรรมสมัยเก่าที่ยังคงอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี ตรงกลางเมืองนั้นที่เราเห็นเป็นหอคอยเราก็สามารถขึ้นไปชมวิวได้เช่นกัน บางที่เก็บตัง บางที่ไม่เก็บตัง ต้องดูดีๆนะครับ



น้อยที่นะครับ ที่เราจะได้เห็นสถานที่แบบนี้สักครั้งในชีวิต



ข้อมูลที่ควรรู้ เกียวกับเมืองโบราณต้าลี่



[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เมืองโบราณต้าหลี่ สร้างขึ้นเมื่อกว่า 1,000 ปีก่อน ถึงแม้ได้ผ่านกาลเวลามาช้านาน แต่เมืองโบราณแห่งนี้ก็ยังคงอยู่ในสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ นักท่องเที่ยวจะเห็นประตูเมืองทั้งด้านใต้และด้านเหนือที่มีสถาปัตยกรรมสอดรับกัน ตามสองฟากของถนนสายเก่าแก่มีบ้านโบราณปลูกสร้างไว้อย่างกระจัดกระจาย มีถนนสายเก่าแก่ที่ตัดผ่านตัวเมืองโบราณสายหนึ่งซึ่งทุกวันนี้ได้กลายเป็นถนนย่านการค้าที่เจริญคึกคัก ตามสองข้างถนนเต็มไปด้วยร้านค้าต่างๆ มีพ่อค้าชาวชนชาติไป๋ที่แต่งชุดประจำชนชาติกำลังค้าขายสิ้นค้าพื้นเมืองต่างๆ เช่น หินอ่อนต้าหลี่ ผ้าพื้นเมืองและเครื่องเงิน เป็นต้น ภายในเมืองโบราณแห่งนี้ยังมีถนนเล็กๆสายหนึ่งจากทางทิศตะวันออกไปสู่ทางทิศตะวันตก ตามสองฟากของถนนสายนี้เต็มไปด้วยภัตตาคารอาหารจีนและอาหารตะวันตก ร้านกาแฟและร้านน้ำชาที่ประกอบการโดยชาวต่างชาติ ถนนสายนี้จึงขึ้นชื่อว่า “ถนนสายต่างชาติ" ถนนสายนี้มีกลิ่นอายของทั้งความเก่าแก่และความทันสมัยผสมผสานกันจึงสามารถดึงดูดชาวต่างประเทศจำนวนมากให้หลั่งใหลกันไปท่องเที่ยว ไม่ขาดสาย นับเป็นทัศนียภาพที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตน
3. วัดซงจ้านหลิน ( Songzanlin Monastery )



สถานที่แห่งนี้ขอบอกเลยครับว่า เป็น ไฮไลท์สำคัญมากๆ และเป็นสถานที่นึงที่ผมชอบมากที่สุดในทริปนี้เลย เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นวัดที่ใหญ่ขนาดนี้ วัดทิเบต ที่มีลามะ อาศัยอยู่ ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เลยไม่พลาดที่จะเก็บภาพที่นี้ครับ



ภาพลามะ เดินอยู่ด้านหน้า วัดซงจ้านหลิน ได้กลิ่นอายของ ศาสนาพุทธแบบทิเบต จริงๆเลยครับ



บรรยากาศรอบๆ นั้นไม่ค่อยคึกคักเท่าไหร่ แต่ยังมีนักท่องเที่ยวเดินมาเรือยๆอยู่ครับ



เดินออกมาจากด้านวัดซะหน่อยพวกเราก็เจอกับ ธงมนต์ 5 สี ครับ ตอนแรกก็ยังไม่รู้ว่า มันหมายความว่าอย่างไร จนกลับมาเมืองไทย ถึงได้ศึกษาข้อมูล ในที่สุดก็รู้ว่า ธงนี้เรียกว่า ธงมนตรา " Prayer Flags " ชาวเนปาลเชื่อว่า ธงที่จารมนตรานี้เมื่อโดนลมพัดโบกสะบัด ก็เท่ากับได้สวดมนต์ถวายเป็นพุทธบูชา นับเป็นหนทางแสดงความศรัทธาที่ช่วยให้จิตใจโยงใยเข้าใกล้พระพุทธองค์ได้อย่างชาญฉลาด ส่วนความหมายของสีธงทั้ง 5 ในหนังสือบอกไว้เพียง 4 หมายถึง ดิน น้ำ ลม ไฟ



ความหมายของแต่ละสี



สีแดง หมายถึง พระอาทิตย์

สีน้ำเงิน หรือสีฟ้า หมายถึง ท้องฟ้า

สีขาว หมายถึง เมฆ

สีเหลือง หมายถึง โลก

สีเขียว หมายถึง มหาสมุทร



ระหว่างที่เราเดินดูอะไรรอบๆ เสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็เริ่มเดินขึ้นบันได ไปด้านบนดีกว่า ไหนๆ ก็มาแล้ว ขึ้นไปให้สุด อยากรู้ว่า วิวด้านบนเป็นอย่างไรบ้าง ตอนแรกคิดว่า สบายๆ เพราะอากาศนั้นเย็นอยู่ แต่เอาเข้าจริง ต่อให้อากาศเย็นก็เถอะ แต่เดินขึ้น เป็นร้อยๆ ชั้น ก็ทำให้เหงือตก หายใจไม่เป็นจังหวะเหมือนกันนะ พอเราเดินมาถึงด้านบนแล้ว เราจะเห็นวิว ข้างหน้านั้น กว้างสุดลูกหูลูกตาเลยทีเดียว… สวยมากครับ



เดินด้านบนเรือยๆ ก็เห็นชีวิตของลามะทิเบตเล่นหยอกล้อกัน เป็นภาพที่อบอุ่นมากๆ



ได้ยินมาว่า ก่อนที่เราจะมานั้น มีพาลุถล่มวัดแห่งนี้ รุงแรงเหมือนกัน เราจึงได้เห็นว่า มีบ้านเรือนบางส่วนนั้นเสืยหายอยู่ มีกองไม้จัดรอไว้เพื่อซ่อมแซมอยู่ หลายจุดอยู่เหมือนกัน เราต่างภาวนาให้ทุกสิ่งทุกอย่างผ่านพ้นไป.. และขอให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม.



ข้อมูลที่ควรรู้เกียวกับวัดลามะซงจ้านหลิน



[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้วัดลามะซงจ้านหลิน (Songzanlin) เป็นวัดใหญ่ที่สำคัญของเมืองแชงกรีล่า อยู่ห่างจากตัวเมืองจงเตี้ยนไปทางเหนือประมาณ 5 กิโลเมตร วัดนี้สร้างในสมัยทะไลลามะองค์ที่ 5 ในช่วงศตวรรษที่ 18 สมัยจักรพรรดิ์คังซี แห่งราชวงศ์ชิง สร้างจำลองแบบจากพระราชวังโปตาลา (Potala) ในกรุงลาซา (Lhasa) มาไว้ เป็นวัดนิกายลามะแบบธิเบตที่ใหญ่ที่สุดในมณฑลยูนนาน อายุเก่าแก่กว่า 300 ปี และในยามเทศกาล ชาวทิเบตที่นี่ยังคงรักษาประเพณีที่จะจัดขึ้นตามวัดสำคัญๆ เหล่านี้ ด้วยการเต้นระบำหน้ากากและเป่าแตรงอน



4. ภูเขาหิมะมังกรหยก ( Jade Dragon Snow Mountain )



ไฮไลท์อีกแล้ว สำหรับทริปนี้ เราจะขึ้นภูเขาหิมะกัน โดยการขึ้นไปนั้น เราต้องขึ้นไปโดยกระเช้าครับ แต่ก่อนขึ้นนั้น ด้านล่างจะมีคนขายกระป๋องออกซิเจนด้วย ได้ยินครั้งแรกตกใจเลย เอ๊ะแค่ขึ้นไป ต้องใช้ด้วยหรอ เขาบอกว่า ด้านบนนั้น สูงมาก สูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 4,506 เมตร เลยทีเดียว เจอคำขู่แบบนี้แล้ว จะเหลือหรอ พวกเราเลยจัดกัน คนละอัน ก่อนขึ้นไป เผือไว้ดีกว่าขาดอะเนอะ.



ระหว่างทางเดินทางไป ภูเขาหิมะมังกรหยก



เมื่อเราเดินทางมาถึง กำลังเดินทางไปตู้ขายตั๋ว และขึ้นกระเช้าขึ้นไปด้านบน ชมภูเขาหิมะกัน



ตัดมาด้านบนเลย เพราะตอนขึ้นกระเช้ามานั้น วุ่นวายมาก ทัวร์จีนเยอะเกิน แย่งกันขึ้น ไม่ต่อคิว ดันไปดันมา จนไมไ่ด้ถ่ายขาขึ้นเลยครับ ฮาาา พอเราขึ้นมา ก็พบกับจำนวนที่เยอะมาก โชดดีมากครับ สำหรับวันนี้ อากาศเปิด ไม่มีหมอกปกคลุมเลย เราเลยได้ภาพสวยๆ



ยอดเขานั้นสวยงามมากๆ วันที่เราไปนั้นหิมะยังไม่ปกคลุมมากเท่าไหร่ คงเพราะเป็นปลายหนาวแล้วรึเปล่า ไม่ทราบเหมือนกัน



ด้านบนนั้นมีกิจกรรมให้เล่นด้วยเหมือนกัน เจ๋งมากๆ 555 ใครอยากลอง เชิญเลยครับ



บางก็มีคนแต่งชุดโบราณขึ้นมาถ่ายรูป กัน สวยงามมากจริงๆ ครับ



จำนวนคนยังหลั่งไหลเข้ามาเรือยๆ เต็มทุกพิ้นที่ไปหมด แต่คึกคักดีครับ ไม่เหงาครับ



ข้อมูลที่ควรรู้ เกียวกับ ภูเขาหิมะมังกรหยก



[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้• ภูเขาหิมะมังกรหยก หรือ อวี้หลงเซี่ยซาน ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองเก่าลี่เจียง เป็นภูเขาสูงที่ตั้งตระหง่าน ซึ่งมีหิมะปกคลุมอยู่ตลอดทั้งปี ทิวเขาแห่งนี้ประกอบไปด้วยสภาพแวดล้อมต่างๆ ทั้งหุบห้วย ธารน้ำ แนวผา และทุ่งหญ้าน่าซี ทิวเขาแห่งนี้เมื่อมองจากระยะไกล จะเห็นเป็นลักษณะคล้ายมังกรกำลังเลื้อย สีขาวของหิมะที่ปกคลุมอยู่นั้นดูราวกับหยกขาว ที่ตัดกับสีน้ำเงินของท้องฟ้า คล้ายมังกรขาวบนฟากฟ้า ทิวเขาแห่งนี้จึงได้ชื่อว่า ภูเขาหิมะมังกรหยก JADE DRAGON SNOW MOUNTAIN นักท่องเที่ยวสามารถนั่งกระเช้าไฟฟ้า ขึ้นสู่จุดชมวิวบนยอดเขาที่ความสูงกว่า 3,356 เมตร และสูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 4,506 เมตร เพื่อชมวิวทิวทัศน์และธรรมชาติบนจุดที่สวยงามที่สุด ตลอดสองข้างทางที่ขึ้นยอดเขา ชื่นชมและดื่มด่ำกับความหนาวเย็นของธรรมชาติ อีกทั้งภูเขาหิมะมังกรหยกแห่งนี้ ยังเป็นที่มาของตำนาน ชนเผ่าน่าซี ที่อาศัยอยู่ในเขตที่ราบแถบนี้มานานนับพันปี ทิวเขาแห่งนี้มีพัมธุ์พืชปกคลุมอย่างหนาแน่น ช่วงฤดูใบไม้ผลิ ดอกไม้ป่าจะผลิบานมีสีสันตระการตา ผู้คนจะพากันต้อนสัตว์เลี้ยง พวก แพะ แกะ และจามรีเพื่ออกมากินหญ้า



5. เมืองโบราณลี่เจียง ( Lijiang Old Town )



เรามาถึงเมืองเก่าโบราณลี่เจียง ตอนกลางคืนพอดี แสงไฟในเมืองนั้นเปิดเรียบร้อย รอพวกเราอยู่แล้ว มีบรรยากาศที่สวยงามมากๆ สถาปัยกรรมเก่าๆ ยังคงอยู่ ไม่หายไปไหน ผู้คน นักท่องเที่ยวเยอะแยะมากมาย มีดนตรีเปิดหมวกเล่น เพื่อสร้างบรรยากาศอยู่ ไม่ขาดสาย บางก็มีกลุ่มคนออกมาออกำลังกายกันตอนกลางคืน



กำแพงมีลวดลายสวยงาม ยามค่ำคืน



กังหันน้ำเก่าแก่ขนาดใหญ่ยามค่ำคืน เป็นจุดที่มีคนถ่ายรูปเยอะเหมือนกันถือว่า เป็น Landmark ของที่นี้เลย



นักท่องเที่ยวมากมาย มาถ่ายรูปคู่กับกังหันน้ำขนาดใหญ่แห่งนี้ ยามค่ำคืน



แสงสีในเมืองยังคงเปิดสว่างไสว ร้านขายของที่ละลึก ร้านอาหาร ภัตตาคาร เยอะแยะมากมาย มีจนไปถึง บาร์เลยทีเดียว ใครที่รัก การท่องราตรีเมืองแห่งนี้เหมาะมากๆ ที่จะเดินออกมาชม ความงามยามค่ำคืน



เมืองนี้ยังได้รับการขนานนามว่า “เวนิสแห่งตะวันออก" อีกด้วย



ข้อมูลควรรู้เกียวกับเมืองโบราณลี่เจียง



[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เมืองโบราณลี่เจียง เมืองเก่ากว่า 800 ปี ที่มีสถาปัตยกรรม ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมแตกต่างไปจากเมืองโบราณอื่นๆของจีน เนื่องจากเป็นเมืองที่เป็นที่ตั้งรกรากของชาวหน่าซี หรือนาซี มาตั้งแต่สมัยโบราณ เมืองนี้ยังได้รับการขนานนามว่า “เวนิสแห่งตะวันออก" และเป็นเมืองมรดกโลกอีกด้วย และเมืองโบราณลี่เจียงเองก็ยังคงรักษาความงามในอดีตไว้ได้เป็นอย่างดี มีทางเดินที่ปูด้วยหินอัดแน่น อาคารไม้แบบจีนโบราณ ลำธารที่ไหลผ่านเกือบทุกหลังคาเรือน สะพานโค้งหินเก่าแก่ ต้นหลิวริมลำธารที่กิ่งใบลู่ไหวไปตามสายลม ถนนแต่ละสายในเขตเมืองเก่าจะมาบรรจบกันที่ตลาดสี่เหลี่ยม “ซื่อฟางเจีย" ศูนย์กลางการซื้อขายสินค้า6. “Impression Lijiang" การแสดงอลังการ ผลงานจาง อี้ โหมว ( Impression Lijiang, Culture Show in Lijiang Ancient Town )



เป็นการแสดงโชว์ที่ประทับใจมากๆ ความยิ่งใหญ่ของเวที ทั้งผู้ชมที่มากมาย หลายร้อยคน และนักแสดงที่ เยอะแยะมากมาย เพลงประกอบที่กระหึ่ม ทำให้พวกเราต้องตื่นตา ชมการแสดงชุดนี้ แบบละสายตาไมไ่ด้เลย และกับฉากหลังที่เป็นภูเขาหิมะมังกรหยก ที่ช่วยเสริมเรื่องราว ของการแสดงโชว์นี้เป็นอย่างดี



ข้อมูลที่ควรรู้เกียวกันการแสดงโชว์



[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้IMPRESSION LIJIANG โชว์อันยิ่งใหญ่ โดยผู้กำกับชื่อก้องโลก จาง อวี้ โหมว ได้เนรมิตให้ภูเขาหิมะมังกรหยกเป็นฉากหลังและใช้ทุ่งหญ้าเป็นเวทีการแสดง โดยใช้นักแสดงกว่า 600 ชีวิต แสง สี เสียง การแต่งกายตระการตา เล่าเรื่องราวชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเผ่าต่างๆ ของเมืองลี่เจียง



7. ไป๋สุ่ยเหอ (白水河)



เป็นสถานที่ท้ายๆ ที่เราได้เห็นน้ำใส เป็นมรกตสวยงามมากๆ โดยมีฉากหลังเป็นภูเขาหิมะมังกรหยกเช่นเคย เป็นสถานที่พักผ่อนที่ดี หลังจากที่เที่ยวมาตลอดหลายวัน สวยงามจริงๆ



ธรรมชาติยังคงสวยสดงดงามอยู่ ประเทศจีนเป็นอีกประเทศนึงที่ยังมี ความน่าสนใจ และความหลากหลายให้เยื่ยมชม เพราะมีขนาดประเทศที่ใหญ่มากๆ สัญญาว่า ครั้งหน้าต้องกลับมาเที่ยวอีก สักแห่งในประเทศจีน ถ้าตัดเรื่อง มารยาท หรือเรื่อง สุขา ออกไป ทุกอย่างจะสุดยอดมากจริงๆ เรื่องธรรมชาติ เรื่องสถาปัจกรรมสมัยก่อน



ขอจบรีวิวไว้เพียงเท่านี้ครับ ขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนที่ติดตามกันนะครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่เพื่อนที่สนใจไม่มากก็น้อยนะครับ



หากเพื่อนมีข้อสอบถามหรือ อยากติดตามเรื่งอราวเพิ่มเติมก็สามารถแวะเข้ามายังเพขของพวกเราได้ครับ



https://www.facebook.com/TwinTraveller



Twin Traveller

 วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 16.51 น.

ความคิดเห็น