สวัสดีครับ ครั้งแรกของการรีวิวเมืองกาญแบบจริงจังของผม อาจรีวิวไม่เก่งแต่ขอให้ภาพช่วยบรรยายเรื่องราวและความประทับใจที่เกิดขึ้นจากการเดินทางทริปนี้ไปพร้อมๆกันนะครับ "เดินทางวันที่ 27พ.ย. - 2ธ.ค. 58"


Day 1

วันแรกของการเดินทาง ผมเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว ออกเดินทางช่วงสายๆจากกทม.จุดหมายแรกของจ.กาญจนบุรีคือ ต้นจามจุรียักษ์ ครับ ต้นจามจุรียักษ์อยู่ในกองผสมสัตว์ กรมการสัตว์ทหารบกนะครับ

จากนั้นก็ขับรถมุ่งไปที่สังขละ ระหว่างทางไปสังขละจะมีองค์พระสีขาวใหญ่และเด่นมาก(วัดท่าขนุน) ผมเลยแวะลงไปไหว้พระและถ่ายรูปสักหน่อย

และก็ออกเดินทางต่อ จุดแวะต่อไปคือ ป้อมปี่ ที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมครับ บรรยากาศที่นี่สวยดี ผมไปถึงช่วงบ่ายแก่ๆ อยากรอดูพระอาทิตย์ตกมากๆ แต่ถ้าจะดูพระอาทิตย์ตกก็ต้องไปถึงสังขละดึกแน่ๆ เลยต้องเดินทางต่อ (ผมเพิ่งไปสังขละครั้งแรก ไม่ชินทางด้วย และโดนเพื่อนขู่ว่าถนนไม่ดี 55+)

ปล. โอกาสหน้าต้องแก้มือไปกางเต้นท์นอนเล่นชมพระอาทิตย์ตกให้ได้

จากนั้นก็มุ่งตรงสู่สังขละ ผมไปถึงแถวๆสะพานมอญก็เย็นพอดี หาที่จอดรถได้ผมก็เดินตรงไปถ่ายรูปแถวสะพานมอญเลย 55+ ที่พักค่อยไปติดต่อทีหลังเพราะจองมาแล้ว

ถ่ายรูปเล่นสักพักก็ไปติดต่อที่พักที่จองไว้ คืนแรกผมเลือกที่จะนอนฝั่งมอญ ที่พักชื่อ แคท แอนด์ ออยล์ โฮม https://www.facebook.com/CatandOilhome/ ราคา 1,500-2,000 บาท รูปภายในห้องพักครับ

หลังจากเข้าห้องพัก อาบน้ำเสร็จ ผมก็มานั่งเล่นชมบรรยากาศที่ระเบียง รู้สึกดีและชอบบรรยากาศแบบนี้มาก จากนั้นก็เข้านอนแบบเพลียๆจากการเดินทาง

Day 2

เสียงตั้งปลุกดังขึ้นตอนตี 4 ครึ่ง ผมก็อาบน้ำแต่งตัวเตรียมจะไปรอถ่ายรูป ระหว่างนั้นเจ้าของที่พักก็บอกว่าให้ติดชุดใส่บาตรไปด้วยเจอพระก็ใส่ได้เลยจัดให้ครบหมดแล้ว จากนั้นผมก็ไปปักหลักรอถ่ายรูปอยู่แถวสะพานซองกาเลีย เก็บบรรยากาศสะพานมอญช่วงเช้าๆ

ถ่ายรูปไปเรื่อยจนแสงพระอาทิตย์โผล่ ผมก็เก็บกล้องและไปรอใส่บาตร

ทำบุญใส่บาตรเสร็จก็ไปเดินเล่นแถวๆสะพานมอญเดินหาไรทานครับ

วันนี้ผมตั้งใจจะตะเวนไหว้พระครับ ที่แรกที่ไปก็คือ วัดวังก์วิเวการาม(วัดหลวงพ่ออุตะมะ)

ที่ที่สองก็คือเจดีย์พุทธคยา องค์เจดีย์กำลังบูรณะทาสีใหม่ครับ (กล้องแบตหมดเลยได้รูปมานิดหน่อย)

จากนั้นก็กลับมาที่พักcheck-out แล้วก็ขับรถไปที่ด่านเจดีย์ 3 องค์

ผมจอดรถไว้ที่ด่านแล้วเลือกที่จะนั่งรถสองแถวเหมากลุ่มข้ามไปไหว้พระฝั่งพม่า ซึ่งผมไปคนเดียวเลยต้องไปหาแจมกับกลุ่มอื่น ถ้าจำไม่ผิดเค้าคิดค่าบริการผม 300 บ. เอกสารใช้บัตรประชาชนอย่างเดียวครับ

วัดแรกที่ไปของฝั่งพม่าคือ วัดเสาร้อยต้น เมืองพญาตองซู

ด้านข้างวัดเสาร้อยต้น จะมีพระพุทธรูปจำนวน 120 รูป ยืนเรียงกันเป็นแนวยาว เห็นคนขับรถเล่าว่าตั้งใจจะสร้างให้ถึง 500 รูป

วัดเจดีย์ทอง อยู่บนเนินเขา คิดถูกแล้วที่นั่งรถสองแถวมา^^

วัดพระนอน

ปิดท้ายด้วยวัดตองไว

ก่อนกลับฝั่งไทยรถได้แวะปั้มน้ำมันผมเลยขอถ่ายรูปเก็บไว้สักหน่อย

เสร็จจากการไหว้พระฝั่งพม่าผมก็กลับเข้ามาที่สังขละเพื่อหาที่พัก คืนนี้ผมตั้งใจนอนฝั่งไทยเพราะมีถนนคนเดิน ที่พักคืนนี้คือ oh dee hostel https://www.facebook.com/OhDeeHostel คืนละ 590 บ. เป็นห้องรวมนอน 4 คน ห้องน้ำรวม ห่างจากถนนคนเดินไม่ถึง 50 เมตร (ส่วนตัวผมชอบที่นี่นะไปคนเดียวนอนแบบไหนก็ได้ที่สำคัญถูกและสะอาดดี ถ้ามีโอกาสไปสังขละอีกผมก็จะกลับไปพักอีก)

หลังจากได้ที่พักเรียบร้อยผมก็สอบถามกับทางที่พักว่าอยากจะไปนั่งเรือดูวัดใต้น้ำแต่ผมมาคนเดียว (ทางที่พักเค้ามีจัดบริการนำเที่ยว) เค้าก็พาผมไปแจมกับพี่ๆอีกกลุ่มที่เค้ากำลังจะไปกันตอนเย็นนี้พอดี สรุปเย็นนี้ผมก็ได้ไปนั่งเรือชมวัดใต้น้ำในราคา 150 บาท. ^^

ช่วงหัวค่ำผมก็ไปที่ถนนคนเดิน เดินเล่นหาของกินแล้วก็กลับเข้าที่พัก หลังจากอาบน้ำเสร็จผมก็ลงมาห้องโถงชั้นล่าง เหมือนเป็นจุดรวมตัวก็ว่าได้ บางคนมาเป็นกลุ่ม บางคนมาเป็นคู่ และบางคนอย่างผมที่มาเดี่ยวๆ แต่ด้วยมิตรภาพทำให้วันนั้นผมได้พบเพื่อนใหม่ๆ ได้แลกเปลี่ยนมุมมอง นั่งกินเบียร์พูดคุยกันไปจนดึก “ขอบคุณมิตรภาพระหว่างการเดินทาง"


Day 3

เช้านี้ผมเลือกที่จะใส่บาตรตอนเช้าแถวๆสะพานมอญ และสายๆก็เก็บของพร้อมที่จะเดินทางไปบ้านอีต่อง จุดหมายต่อไปของวันนี้

ระหว่างทางไปบ้านอีต่องต้องผ่านเขื่อนวชิราลงกรณ์อยู่แล้วเลยขอแวะเข้าไปเยี่ยมชมสันเขื่อนแป๊บนึง‬

ด้วยเส้นทางที่ค่อนข้างมีหลุมเยอะทำให้ผมไปถึงบ้านอีต่องประมาณบ่ายสามกว่า ไปถึงผมก็เดินหาที่พัก ผมเข้าพักที่ Love ปิล๊อกโฮมสเตย์ https://www.facebook.com/Banthantawanhomestaypilok/ จากราคา 1,000 บาท เค้าลดให้เหลือ 800 บาท ผมเลยตกลงนอนที่นี่ ในรูปคือหลังขวาสุดห้องพักสะอาดดีครับ

ได้ที่พักเรียบร้อยผมก็ขับรถไปที่เนินช้างศึก ระยะทางประมาณ 3 กม. ทางค่อนข้างชันนะครับ ผมไปชมวิวพระอาทิตย์ตกและตั้งใจว่าตอนเช้าจะมาดูพระอาทิตย์ขึ้นที่นี่อีกครั้ง

ตกตอนเย็นหลังจากกินข้าวเดินย่อยในหมู่บ้าน อากาศก็เริ่มเย็นลงจนผมต้องเอาเสื้อกันหนาวมาใส่ และบรรยากาศแบบนี้ก็เหมาะที่จะนั่งเล่นกินเบียร์เย็นๆเสพบรรยากาศ ที่นี่ค่อนข้างเงียบสงบหรือเพราะผมไปวันอาทิตย์ ห้องพักก็ว่างเยอะอยู่พอสมควร

คืนนั้นผมได้ร่วมวงพูดคุยกับพี่ที่ขี่บิ๊กไบค์มาพักที่บ้านอีต่อง 2 ท่าน และได้รู้จักคุณพ่อลูก 2 อีก 1 ท่าน คืนนั้นเรา 4 คนร่วมวงพูดคุยกันมีเบียร์เป็นตัวเชื่อมมิตรภาพ “เพียงคำพูดที่ว่า ร่วมวงกันมั้ยครับ ทำให้มิตรภาพก่อตัวขึ้น"


Day 4

เมื่อคืนหลับสนิทมากรู้ตัวอีกทีตี 5 กว่า ผมรีบแต่งตัวขับรถไปเนินช้างศึกที่ไปมาเมื่อตอนเย็น เพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้น

จากนั้นสายๆผมก็บอกลาบ้านอีต่อง และเตรียมตัวไปเล่นน้ำตก

ระยะทางจากบ้านอีต่องประมาณ 2 กม. เข้าไปน้ำตกจะเจอจุดจอดรถ จากนั้นแล้วเดินต่อไปไม่ไกลเท่าไหร่ก็จะพบกับน้ำตกจ๊อกกระดิ่น เป็นน้ำตกที่ใสและเย็นมากๆ ผมถ่ายรูปอยู่สักพักจากนั้นก็นอนแช่เล่นน้ำอยู่พักใหญ่

จากอช.ทองผาภูมิ ผมขับรถยาวๆมุ่งสู่ อ.ศรีสวัสดิ์ นำรถข้ามแพขนานยนต์ที่เขื่อนศรีนครินทร์ และเข้าพักที่ ภูฟ้า อิงน้ำ เลค รีสอร์ท https://www.facebook.com/pufalakeresort/ ผมเลือกพักบนแพครับชื่อแพดงผีเสื้อราคา 1,500 บาท ที่นี่ค่อนข้างเงียบคนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะผมมาวันธรรมดาด้วยมั้งครับ

Day 5

เช้านี้ผมตื่นสายหน่อยเพราะเพลียจากการตื่นเช้ามาหลายวัน หลังจากหาไรทานเสร็จผมก็ออกเดินทางไปที่เขื่อนท่าทุ่งนา ระหว่างทางผ่านไร่ข้าวโพดก็ขอเก็บภาพซะหน่อย

ผมขับรถย้อนลงมาและข้ามแพขนานยนต์ที่จุดเดิม ขับผ่านน้ำตกเอราวัณ(คิดในใจพรุ่งนี้ก่อนกลับกทม.จะมาแวะถ่ายรูปเล่น) แล้วผมก็ขับรถตรงเข้าสู่เขื่อนท่าทุ่งนาจุดหมายของเราวันนี้ “บ้านกกกอด" ครับ https://www.facebook.com/baankokkodpage/

ผมได้จองบ้านวิวริมเขื่อนเอาไว้ ราคา 1,300 บาท ต้องบอกเลยว่าห้องพักและบรรยากาศที่นี่ทำให้ผมอยากหยุดเวลาไว้ที่นี่จริงๆ

ห้องพักที่ผมจองเป็นแบบห้องน้ำรวมแยกชายหญิงคนละฝั่งชัดเจน ก่อนเข้าต้องถอดเปลี่ยนรองเท้าด้วยนะครับ

จากนั้นผมก็เดินถ่ายรูปเล่นไปเรื่อย บรรยากาศรอบๆบ้านกกกอด


จุดเด่นของที่นี่คือ สะพานทางเดินไม้ไผ่ที่ยกตัวสูงบริเวณรอบๆป่ากก ทอดยาวไปจนถึงริมเขื่อน เป็นจุดเดินเล่นพักผ่อนและจุดถ่ายรูปที่ผมชอบมากๆ

จากนั้นช่วงเย็นหลังจากผมทานข้าวอาบน้ำเสร็จ ผมก็รอให้มืดสักหน่อยแล้วก็ออกมาเดินเล่นดูดาว “หากคืนนี้..มีดาวอยู่ล้านดวง" บรรยากาศสวยมากเลยครับดาวเต็มท้องฟ้าไปหมด

ถ้าไม่ออกเดินทาง..เราก็คงไม่ได้เจอกัน


Day 6

สวัสดีเช้าวันใหม่ที่บ้านกกอด ผมตื่นตั้งแต่เช้ามืดเพื่อที่จะไปถ่ายรูปเล่นตอนเช้าๆ อากาศและบรรยากาศที่นี่ช่วงเช้าๆดีมากๆ คิดในใจถ่ายแต่รูปคงอธิบายถึงบรรยากาศได้ไม่หมด เลยอัดวีดิโอสั้นๆมาฝากด้วยครับ



ช่วงสายๆผมบอกลาบ้านกกกอด และเดินทางต่อย้อนกลับไปที่น้ำตกเอราวัณ ตั้งใจปิดทริปนี้ด้วยการไปถ่ายรูปน้ำตกทั้ง 7 ชั้น

ชั้นที่ 1 : ไหลคืนรัง

ชั้นที่ 2 : วังมัจฉา

ชั้นที่ 3 : ผาน้ำตก

ชั้นที่ 4 : อกนางผีเสื้อ

ชั้นที่ 5 : เบื่อไม่ลง

ชั้นที่ 6 : ดงพฤกษา

ชั้นที่ 7 : ภูผาเอราวัณ

และแล้วผมก็ทำสำเร็จ ใช้เวลาเดินขึ้น 2 ชั่วโมงกว่า เพราะแวะถ่ายรูปตลอดทาง ขากลับลงมาใช้เวลา 1 ชั่วโมง จากนั้นก็เดินทางกลับกทม.แบบเพลียๆ 55+

ทริปนี้ผมมีความสุขและสนุกกับการเดินทางมากๆ ประทับใจกับมิตรภาพระหว่างการเดินทางที่เกิดขึ้น ขอบคุณ"ถุงเงิน"ที่พาไปเที่ยวไม่งอแงเลย สุดท้าย "ขอบคุณที่ทำให้เราได้เจอกัน…ธรรมชาติ"


วีดิโอเส้นทางกาญจนบุรี - สังขละ - บ้านอีต่อง

เส้นทางในทริปนี้คร่าวๆครับ ในช่วงท้ายคลิปเป็นเส้นทางขึ้นไปจุดชมวิวเนินช้างศึก ทางค่อนข้างชันและโหดหน่อยสำหรับรถเก๋งนะครับ แต่ขับขึ้นได้ครับใช้ความระวังนิดนึง

ทริปวันว่าง

 วันเสาร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 07.23 น.

ความคิดเห็น