B A C K P A C K เดี่ยวไป C E B U , P H I L I P P I N E S

สวัสดีคับท่านผู้อ่านที่น่ารักทุกคน วันนี้กลับมาเขียนบันทึกการเดินทางอีกครั้งกับผม "ล่ามติดเที่ยว" ขอบอกไว้ก่อนนะคับว่าบันทึกการเดินทางนี้ค่อนข้างเยอะและยาวมาก จะเก็บให้ละเอียดที่สุด เพราะเป็นการเดินทางที่เต็มไปด้วยความสนุก ท้าทาย ยังไงถ้าอ่านไม่ไหวดูรูปอย่างเดียวก็ได้นะคับ บ่ว่ากั๋นคับ

ทริปปีแล้วละนะ แหะๆ ช่วงวันหยุดยาว 8-11 July 2017 ที่ประเทศเพื่อนบ้านอาเซียน “ซีบู,ฟิลิปปินส์”กลับมาคับ คิดว่าหลายๆคนอาจจะเคยเห็น เคยได้ยิน ความสวยงามเรื่องธรรมชาติของประเทศนี้กันมาแล้วบ้าง ซึ่งมันก็มีความธรรมชาติแบบธรรมชาติจริงๆคับ ไปในเมืองที่แบบความเจริญยังเข้าไม่ถึง ผู้คนส่วนใหญ่ปลูกบ้านอาศัยอยู่ริมฝั่งทะเล และไม่ต้องสงสัยว่าไปกับใคร ผมไปคนเดียวเฟี้ยวๆเนียะแหละคับ เที่ยวคนเดียว สบายใจ อยากไปไหนก็ไป ทำไรก็ทำ กินไรก็กิน เปลี่ยนแผนได้ตามใจฉัน ไม่ต้องมาปรึกษาคนนั้นทีคนโน้นที ไม่ต้องเครียด นี่แหละสิ่งที่ใช่ที่สุด ฮ่ะๆๆ อีกอย่างช่วงที่ไปฟิลิปปินส์ก็เป็นช่วงที่ท่องเที่ยวประจำปีบริษัทด้วย แต่ผมจองตั๋วไว้ก่อนบริษัทจะมีกำหนดการท่องเที่ยวประจำปีแล้ว ปีนี้เลยต้องอดเที่ยวกับบริษัท เอ๊ะหรือเพราะไม่อยากไปท่องเที่ยวบริษัทกันแน่นะ อันนี้ก็ไม่รู้สินะ 555+

ก่อนจะเลือกไปเที่ยวฟิลิปปินส์นั้น ได้ลองลิสต์อัพชื่อแต่ละประเทศดูแล้วว่ามีที่ไหนที่น่าสนใจบ้าง ไม่ว่าจะ มาเล สิงคโปร์ ฮ่องกง ไต้หวัน ลาว อินโด แต่ลองดูตั๋วเครื่องบินไปแต่ละที่ก็แพงเอาการอยู่เหมือนกัน เลยตัดสินใจเลือกไปฟิลิปปินส์ ซึ่งเคยเห็นIGของพวกฝรั่งที่ติดตามอยู่ไปเที่ยวซีบูกันเยอะมาก บ้างก็ไปน้ำตก Kawasan ไปออกผจญภัย canyoneering (คำนี้ไม่มีความหมายโดยตรงนะ มันเป็นกิจกรรมแบบ เดินป่า ปีนหิน ลุยน้ำ กระโดดน้ำ ว่ายน้ำ คือมาหมดอ่ะ เดี๋ยวไปดูรูปกันว่าเป็นยังไง) ไปว่ายน้ำกับฉลามวาฬ เห็นละก็แบบแม่งน่าไปว่ะ ฉลามวาฬคือไรไม่เคยเห็น 555+

ช่วงเดือนมีนาเลยเริ่มต้นหาตั๋วแล้ว มีเว็บอะไรเข้าไปเช็คราคาให้หมด แต่ราคานั้นแพงเอาการอยู่ ก้เช็คไปเรื่อยๆวนไปอย่างไม่ย่อท้อต่อความกระหายอยากออกเดินทาง ตอนนั้นก็ไม่ได้นึกถึงสายการบิน Cebu Pacific Airlines หรอก ดูแต่พวกสายการบินที่ได้ยินชื่อบ่อยๆ แต่ไปจ๊ะเอ๋ เห็นชื่อสายการบินCebu เข้าเลยนึกขึ้นได้ว่า มันเคยมีบินตรง BKK - CEBU นี่หว่า เลยรีบเปิดเว็บไซต์เข้าไปดู สิ่งที่ตรัสรู้มาคือ เขายกเลิกเที่ยวบินตรงไปเรียบร้อยแล้ว เอ่อ ทำไมถึงยกเลิกกันนะ ก็เท่ากับว่าการเดินทางคือต้องเปลี่ยนเครื่องเท่านั้น ก็เปลี่ยนเครื่องตามที่ระบุไว้ในใบกำหนดการเดินทางด้านบนเลยคับ ตอนเปิดเช็คราคาก็เห็นที่ราคา 5250บาท ซึ่งตอนนั้นก็เริ่มมีความหวังขึ้นมาละว่าโอเคจัดไปเลย แต่ก็ยังไม่จอง เพราะคิดว่ามันคงมีถูกกว่านี้แหละมั้ง ใช้เวลาดูความผันผวนของราคาตั๋วอยู่อาทิตย์กว่าๆ ขึ้นๆลงๆ บางวันก็หลักหมื่น บางวันก็ครึ่งหมื่น จึงมาคิดว่าไม่ได้การละ ราคาตั๋ววิ่งไม่คงที่แบบนี้ ถ้าโปรหมดกูก็อด

ดังนั้นจากที่เช็คตั๋วมาหลายวันจึงทำให้จับทางความผันผวนของราคาถูกแพงได้แล้ว เท่านั้นแหละ กดจองและได้โปรตั๋วเครื่องของ Cebu Pacific Airlines สายการบินประจำเกาะ Cebu มาแล้ววววว ไปไม่ไปค่อยว่ากันอีกที ได้ตั๋วโปรโคตรถูกแบบนี้ ไม่ไปก็ไม่เสียดายเท่าไหร่มั้ง

ตองนั้นก็จองตั๋วเครื่อง+ที่พักแล้วรอวันเดินทาง รอแล้วรออีก เห้อออ เมื่อไหร่จะถึงเดือนกรกฎาคมนะ 5555+ รอวนไปช่วงระหว่างรอก็ออกทริปในเมืองไทยวนไป กลัเชียงใหม่ เกาะหลีเป๊ะ เกาะล้าน คีรีวง กลับเชียงใหม่ เห้อออออออ รอวนไปอีกกกก ซึ่งมันตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก เพราะนี่เป็นทริปต่างประเทศทริปแรกของปีนี้ ซึ่งปีที่แล้วไปต่างประเทษบ่อยมากกกก ญี่ปุ่น(เที่ยว), รัสเซีย(เที่ยว), มาเลเซีย(ทำงาน), ญี่ปุ่น(เที่ยว), เวียดนาม(ทำงาน) คือแบบชีพจรลงเท้า

แต่ช่วงก่อนถึงเวลาเดินทางนั้นมีอีเมล์จากทมางสายการบินแจ้งมาว่ามีการเลื่อนเวลาเที่ยวบินไฟท์ MANILA-CEBU ขึ้นมาข้างหน้าจาก 17.30 เป็น 16.15 ตอนนั้นก็กระวนกระวายแล้ว ว่าเอ่างั้นก็เท่ากับว่าเวลาเปลี่ยนเครื่องที่มะนิลาก็เหลือเวลาน้อยลงละดิ เห็นเขาว่ากันว่า ตม.ปินอย เข้มงวดเอาการอยู่นะ ซึ่งก็ถูกใจระบบการให้บริการของสายการบินมาก แจ้งล่วงหน้า แต่ทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปด้วยดี ว่าด้วยเรื่องของการสื่อสาร ประเทศฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่ขึ้นชื่อว่าใช้ภาษาอังกฤษมากเป็นอันดับ3ของโลกและใช้เป็นภาษาราชการด้วย ดังนั้นเรื่องภาษาอังกฤษไม่ต้องห่วงเลย แต่ก็มีบางคนบางกลุ่มที่สื่อสารไม่ค่อยได้ อันนี้ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมกัน ภาษาอังกฤษงูปลาๆอย่างผมก็ ไม่ได้อดข้าว ได้เที่ยว ได้ซื้อของ ได้พูดคุยกับหลายๆ จนมีชีวิตรอดกลับมาได้ก็ถุือว่า สอบผ่าน แล้วในเรื่องของภาษาอังกฤษ 555+

8 July 2017
วันนี้เป็นวันที่รอคอยมานานแสนนานเป็นเวลา 4 เดือนเต็ม จนกระทั่งมาถึงวันหยุดยาว4วัน 8-11กรกฎาคม 2017 ซึ่งได้เวลาเดินทางไปฟิลิปปินส์แล้ว พอถึงวันเดินทางก็ไปขึ้นเครื่องที่สุวรรณภูมิ ซึ่งตอนนั้นก็ยังไม่ได้แลกเงินเปโซนะ เพราะตั้งใจจะไปแลกที่สนามบิน อย่าๆอย่าเพิ่งคิดว่าเรทมันจะแพงกว่าข้างนอก เพราะผมโทรเช็คเรทก่อนแล้ว นั่งแอพอร์ตลิ้งค์ไปสุดปลายทางสนามบิน พอออกสนามบินมาก็เลี้ยวขวา ซึ่งนั่นแหละร้านแลกเงินเยอะมากกกก ก่อนไปแลกก็มีแต่คนแนะนำให้ไปร้าน Super rich ถามว่าผมจะไปตามที่เขาแนะนำไหมก็ไปนะ แต่คนต่อคิวเยอะเกิ๊นนนน ผมเลยหาทางไปต้องต่อคิวยาว โดยการเดินเช็คเรทเงินของแต่ละร้านว่าต่างกันไหม เดินไปดู4ร้าน เอ้าก็เรทเดียวกันหมดเลยนี่หว่า งั้นก็ไปร้านที่คนน้อยที่สุดสิ รอไร คนต่อคิวSuper rich 10กว่าคน ในขณะที่ร้านข้างๆมีเพียงแค่2คน แน่นอนกูไปร้านนี้ 555+ ไม่ต้องเสียเวลา ประหยัดเวลา ได้เรทก็เท่ากัน ไม่แน่ที่คนไปต่อคิวSuper rich เพราะเรทเงินสกุลอื่นอาจจะแตกต่างกันก็เป็นได้นะ อันนี้ก็ไม่รู้!!

เรทราคาสกุลเงินเปโซตอนนั้นอยู่ที่ 0.685 เอ่อ บอกตรงๆ ตรูไม่เข้าใจวิธีการคำนวณเรทเงินพวกนี้จริงๆ เที่ยวเยอะก็จริง แต่ก็ยัง งง อยู่ดี 555+ อ่อนคำนวณโคตรๆ วันนั้นแลกไป 13,000THB ได้เงินเปโซประมาณ 18,000PESO นี่แหละ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะหมดเท่าไหร่ แต่ก็แลกเงินเผื่อๆไว้

แลกเงินเสร็จแล้วก็ได้เวลาไป Check-in คือตอนไปนั้นก็คนเยอะมากกกกกกก แต่ทำเว็บ Check in มาแล้ว ก็ไปช่อง Internet check in คนน้อยมากกกกก สบายไปอีก ไม่ต้องต่อคิวให้เมื่อยขา เย้ๆได้ตั๋วมาแว้วววววววววว ได้ตั๋วมา2ใบ ลืมบอกไปว่าต้องไปต่อเครื่องที่ Manila เพราะไม่มีเที่ยวบินตรงสู่ Cebu ก็จะเป็นแบบนี้คับ BKK > MNL > CEBU ขากลับก็วนกลับคับ ทุกอย่างพร้อมแล้วก็ออกเดินทางกันเล๊ยยยยยยยยยยยยยยยยย !!

สภาพอากาศเช้านี้ก็มีความฝนตกหน่อยๆคับ หืมมมมมม ไม่หน่อยละมั้งงงงงงงง หวังว่าที่ฟิลิปปินส์คงไม่ตกแบบนี้นะ เพราะถ้าฝนตกนี่คงเที่ยวไม่สนุกแน่ๆ

ขอนอกเรื่องแป๊บบ โดยส่วนตัวแล้วคิดว่า สนามบินสุวรรณภูมิเป็นสนามบินที่มีการออกแบบตัวสนามบินได้สวย หรูหรา อลังการมากที่สุด เท่าที่เคยไปเห็นสนามบินต่างประเทศมา ไม่ว่าจะ รัสเซีย ญี่ปุ่น สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ ฮ่องกง ไต้หวัน ก็ยังสวยสู้สุวรรณภูมิบ้านเราไม่ได้อยู่ดี แต่ถ้าพูดถึงระบบต่างๆก็ยังเทียบหลายๆสนามบินในต่างประเทศที่ไม่ได้นะ

ฝนตกก็ยังตกไม่หยุด ฝนตกแบบนี้ก็ไม่เป็นไร เพราะเครื่องลำใหญ่มากกกกกกกกกกกกกกกกกนะ ค่อยสบายใจหน่อย เก็บภาพภายในเครื่องมาฝากนิดหน่อย ภายในถือว่าใหญ่ กว้าง สะอาดมาก

แต่คนไม่เต็ใที่นั่งนะ ว่างเยอะมากกกกกก พอเครื่องขึ้นและนิ่งแล้วเลยย้ายที่นั่งไปนั่งแถวกลางคนเดียว ประมาณว่าพื้นที่นี้เป็นของกูนะงี้ 555+ หลับสบาย ทำไรก็สะดวกสบายมากๆ


นั่ง นอน ฟังเพลง วนนนนนนนนนนนไปยาวๆสัก 3ชั่วโมง ก็บินมาถึงน่านฟ้ามะนิลาแล้วววววววว มองลงไปข้างล่างจะเห็นได้ว่าบ้านเมืองแออัดกันมากกกกกก

พอออกเครื่องมาก็ต้องรีบไปยังเกทเพื่อเปลี่ยนเครื่อง แต่ก่อนไปถึงเกทนั้นก็นะ คือไม่เคยบินจากไทยแล้วไปต่อเครื่องบินในประเทศไง เคยแต่บินจากไทยแล้วบินต่อไปต่างประเทศ เลย งง กับวิธีการเปลี่ยนเครื่องภายในประเทศเล็กน้อย ตอนแรกเดินๆไปตามป้าย Transit ซึ่งก็เดินไปอย่างสบายใจ พอ ตม. ตรวจพาสปอร์ต เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่ใช่ที่นี่ แต่ให้ไปเข้า ตม. เข้าประเทศก่อน แล้วไปต่อเครื่องเพื่อบินภายในประเทศ กว่าจะถึงบางอ้อก็ งง ไปตั้งนาน 5555+ จำไว้มันคือประสบการณ์เลยนะ

พอรู้วิธีการต่อเครื่องแล้วทุกอย่างก็ง่ายขึ้น แต่ ตม.ปินอยนี่ทำหน้าบึ้งเกินไปนะ แม่งกลัวจะไม่ผ่านสุดๆ พอตรวจเสร็จแม่งก็โยนพาสปอร์ตคืนให้แบบไปโกรธใครมาคับเพ่

พอมาถึงเกทก็นั่งรอวนไป

ป่ะขึ้นเครื่องกันต่อ นั่งไม่นานก็ถึงที่หมายแล้ว พอไปถึงสนามบินก็ติดต่อหาคนขับรถที่จองไว้ ตอนแรกเขาบอกว่าจะถือป้ายชื่อมารอ แต่หาแล้วก็ไม่เจอ และซิมเน็ตที่ซื้อก็สามารถโทรได้เพียงแค่10นาที เอาแล้วไง กลัวว่า10นาทีจะต้องคุยกันไม่รู้เรื่องแน่ๆ แต่ก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีอีกเช่นเคย นั่งรถยาวววววววววววววววววววววไป นานมากกกกกก เพราะคืนนั้นรถติดมากถึงมากที่สุด กว่าจะไปถึงโรงแรมก็ปาเข้าไป10.30PM แล้วววว ถามว่าได้กินไรยัง ยังนะ

ตอนไปถึงโรงแรมพนักงานก็ยังคงรอรับเช็คอินอยู่ คือ คนสสุดท้ายของวันเลยนะ พอเก็บของเสร็จ ก็หิวเลยไปหาพนักงานว่ามีไรขายไหม สรุปอาหารมื้อแรกคือ มาม่าคัพ อิ่มอร่อย 555+

หน้าตารีสอร์ทก็จะเป็นแบบนี้ ถือว่าเป็นรีสอร์ทที่ค่อนข้างดีเลยล่ะ ติดทะเล เงียบสงบมาก

ตอนเย็นมาบรรยากาศแถวนี้แลดูจะโรแมนติกมาก เหมาะแก่การนั่งชิลๆ

และนี่คือรูปเต็มๆขอวรีสอร์ทที่ถ่ายด้วย GoPro ไม่ได้ใหญ่มาก แต่ถือว่าสวยใช้ได้

Day 2 : 9 July 2017
วันนี้มีทริป Canyoneering ที่น้ำตก Kawasan ซึ่งตอนแรกก็เข้าใจว่านัดคนขับรถกันไว้ตอน 8โมงเช้า แต่ที่ไหนได้ดูเวลาผิด เวลาที่นัดกันคือ6โมงเช้า แต่กูตื่นเกือบ6.30AM หืมมมมมม งานขอโทษคนขับรถก็มา ถามเขาว่ามารอตั้งแต่กี่โมง เขาตอบว่ากลัวจะมาสายเลยมารอตั้งแต่ 05.30AM แล้ว ป๊าดดดดดดดดดดดคือมาเช้าแถ๊ะ ตื่นสายแบบนี้ก็ทำได้แค่ล้างหน้าแปรงฟันแล้วเก็บของออกเดินทาง โอเคพร้อมแล้วไปกันเลย

วันนี้แลดูท้องฟ้าครื้มฝนนะ ภาวนาอย่างเดียวว่าอย่าตกเลยนะ อุตส่าห์มาเที่ยวไกลทั้งทีขออากาศดีๆนะ สุดท้ายแล้วก็ไม่ตกจริงๆด้วย พอไปถึงก็เตรียมตัวแว๊นมอไซไปยังที่หมาย นั่งมอไซประมาณ20นาทีได้ คือต้องขึ้นไปบนเขาเลยนะ และเดินเข้าไปอีกประมาณเกือบกิโลเลยล่ะ ถึงแล้วไปลุยกันเล๊ยยยยยยย

จุดนี้จะเป็นจุดพัก ซึ่งจะมีพวกบาบีคิวต่างๆขาย แต่ไม่ได้เตรียมตังค์ไปเลยยอมอด แล้วไปกินข้าวเที่ยงที่น้ำตกเอาทีเดียวละกัน โดดน้ำวนไปเรื่อยๆ

มาถึงด่านนี้ ด่านที่ต้องหันหัวและไหลถอยหลังลงน้ำ ตอนแรก็แอบกลัวอยู่ว่าข้างล่างจะมีหินไหม แต่เห็นคนอื่นทำแล้วไม่บาดเจ็บก็เท่ากับว่าไม่มีอะไรให้กลัว ลุยเลยละกัน

ต้แงลงไปในน้ำก่อนเพื่อจัดเตรียมท่าก่อนปล่อยตัวไหลลงน้ำ แต่น้ำค่อนข้างเชี่ยวนะ ต้องประคองตัวเองดีๆไม่งั้นไหล

จัดท่าพร้อมแล้ว เขาบอกให้ปิดจมูกด้วย น้ำจะได้ไม่เข้าจมูก

แต่เอาเข้าจริงปิดจมูกได้แป๊บเดียว พอถึงจุดที่จะสไลด์ลงก็ปล่อยมือฟรีสไตล์เลย เพื่อรูปจะได้ออกมาเท่ร์ๆ 555+

จากนั้นก็มาถึงด่านที่เรียกว่าสูงที่สุดของการกระโดดลงน้ำในครั้งนี้เลย ครั้งแรกโดดจากพื้นธรรมดา ซึ่งก็ถือว่าสูงมาก กว่าจะโดดได้ก็ต้องมีคนส่งเสียงเชียร์ให้กำลังใจ 555+

แต่พอโดดจากพื้นธรรมดาเสร็จปุ๊บก็ติดใจ กะจะไปโดดอีกครั้ง ครั้งนี้ไกด์บอกลองโดดจากต้นไม้ดูไหม สนุกนะ ลองดูๆ กูนี่แบบ โอ้โหหหหห แค่พื้นธรรมดานี่ก็สูงละ ให้โดดจากต้นไม้อีกนี่หัวใจวายตายพอดี ไกด์ก็ยุให้โดดโดยการบอกว่า ไหนๆก็มาถึงนี่แล้วลองสักครั้งเลย ก็เลยตัดสินใจโดด แต่กว่าจะโดดได้นี่ทำใจบนต้นไม้นาทีกว่าๆเลยนะ

ก่อนกระโดดนี่คิดแต่ว่าลงท่าไหนดีวะ ลงยังไงไม่ให้เจ็บ ก็เลยโดดไปงั้นพร้อมกับตะโกนเสียงลั่นป่าเลย 555+

พอลงถึงน้ำก็แบบรู้สึกโล่งและภูมิใจกับตัวเองที่กล้าโดดจากที่สูงขนาดนี้ มันสูงแบบโคตะระสูงเลยนะจะบอกให้

จากนั้นก็ไปนั่งพักผ่อน แต่ก็ไม่ได้พักหรอกเห็นเขาโหนเชือกเล่นกันก็อยากเล่นบ้าง ฮ่ะๆๆ

และนี่ก็เป็นด่านสุดท้ายของการกระโดดน้ำสำหรับทริปวันนี้แล้ว ซึ่งก็สูงใช่เล่นเช่นกัน แต่ก็โดดได้แบบสบายๆชิลๆ

แต่ แต่ เดี๋ยวก่อน นึกว่าหมดแล้วสุดท้ายไกด์ก็บอกว่ามาโดดจากสะพานกันแล้วจะว่ายกลับไปยังจุดที่จอดรถ อื้มหืมมม ก็ยังจะให้โดดอีกนะ ทั้งที่สามารถเดินไปได้ 555+ แต่ก็โดดเพราะอยากลองเหมือนกัน แต่เหนื่อยตรงว่ายน้ำกลับไปนี่แหละ ฮ่ะๆๆ

สำหรับวันนี้ก็หมดแล้ว กลับที่พักไปนอนเก็บแรงกันต่อ พรุ่งนี้มีทริปต่อ อาหารที่นี่ก็จะไม่ค่อยถูกปากเท่าไหร่นัก เมนูก็ไม่มีรูปให้ดู ต้องจินตนาการภาพเอา และของจริงก็จะไม่เหมือนกันที่จินตนาการไว้ ฮ่ะๆๆ กินเพื่ออยูเนอะ กินๆไป

สำหรับทริปวันนี้ก็ ว่ายน้ำดูปลาฉลามวาฬ น้ำตกTumalog และ Sumilon Island

เริ่มกันที่ว่ายน้ำดูปลาฉลามวาฬที่ Oslob whale shark watching กันก่อนเลย ต้องตื่นเช้าหน่อยเพราะทริปนี้เริ่มกันแต่เช้าเลยและช่วงเช้าคนจะเยอะมากกกกกกกกก ทัวร์มาลงเยอะมากมาย กลางน้ำก็มีแต่เรือเต็มไปหมดเลย พอถึงคิวก็ขึ้นไปนั่งเรือไม้ขนาดเล็กที่ไม่คิดว่าจะสามารถจุคนได้หลายสิบคน

พอนั่งไปกลางน้ำก็เตรียมตัวลงน้ำและรอโอกาสปลาฉลามวาฒว่ายมากินอาหารที่คนพายเรือเตรียมมา เห็นปลาแว๊บแรกนี่คือแบบตกใจมากกกกก มันตัวใหญ่มากกกกกกก กลัวมันจะกัดเอา ทั้งที่รู้ว่ามันไม่กัด 555+ แต่ก็แอบกลัว

ก่อนจะลงน้ำ ทางไกด์ก็จะแนะนำเกี่ยวกับวิธีการต่างๆ เช่น ห้ามจับต้องปลา ระยะที่ต้องอยู่ห่างจากปลา แต่บางทีปลามันก็พุ่งมาจากทางไม่รู้แบบมาประชิดใกล้ตัวเลย 555+ อย่างรูปข้างล่างนี้คือมาแบบใกล้มากและตกใจมากจากนั้นก็ไปต่อกันที่น้ำตกตูมาล็อก เป็นน้ำตกที่ใหญ่และสูงมาก แต่น้ำไหลไม่เยอะนะ ไม่เหมาะแก่การเล่นน้ำเท่าไหร่ แต่เหมาะสำหรับถ่ายรูปนี่แหละ ได้มาไม่กี่รูปเอง ก็เลยแวะที่นี่แป๊บเดียวแล้วไปต่อพอช่วง9โมงก็ไปนั่งเรือข้ามไปเกาะซูมิลอน ซึ่งเป็นรีสอร์ทส่วนตัวที่เปิดให้คนนอกซื้อทัวร์มาเที่ยวแบบเดย์ทริปได้ แล้ะสามารถใช้บริการทุกอย่างได้เหมือนลูกค้าที่พักในรีสอร์ทเลย เพียงแค่ไม่มีห้องพักให้ 555+

มาถึงเกาะก็สายๆหน่อย คนก็เลยเยอะ จะถ่ายรูปมุมไหนก็ติดคน คนจีนก็ยังครองทุกพื้นที่เช่นเคย 555+

ก่อนข้ามเรือมายังเกาะ ตรงจุดเช็คอินเขาจะติดข้อมือแบบนี้ให้ มีเครื่องดื่ม อาหาร เรือ หน้ากากดำน้ำ ผ้าเช้ดตัวให้ฟรี ง่ายๆคือฟรีทุกอย่างอ่ะ มันดีมาก แต่ทริปก็แอบแพงอยู่นะ

เรือที่นั่งข้ามฟากก็จะเป็นลักษณะแบบนี้ เหมือนแมงมุมมากๆ แปลกดี ไม่เคยเห็น แต่เจ๋งดีนะฮ่ะๆๆ

กินข้าวเที่ยงเสร็จก็นอนพักที่เปลริมทะเลแป๊บๆแล้วตื่นมาเล่นน้ำต่อ แต่รอบนี้ว่ายน้ำจากฝั่งมาเล่นน้ำที่แพ ซึ่งอยู่กลางทะเล ระยะห่างจากฝั่งก็ประมาณ 100 เมตรกว่าๆได้ ตอนแรกก็คิดว่าจะไม่ไปละ มันไกลไป แต่อีกใจก็อยากไปมาก เลยตัดสินใจค่อยๆว่ายไปยังแพกลางน้ำ ซึ่งมันไกลมาก เหนื่อยมากด้วย

คือว่ายมาแบบไม่ได้ใส่เสื้อชูชีพนะ ถ้าเป็นไรขึ้นมานี้เรียบร้อยแน่ๆ เท่ากับว่าเล่นแพนี้อยู่คนเดียว เพราะส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีใครกล้าว่ายน้ำข้ามมายังแพนี้ คนที่จะว่ายมาคือต้องแข็งแรงมากๆนะ เพราะกระแสน้ำก็แอบแรงเบาๆ คนที่เล่นตรงนี้บางคนก็จะนั่งเรือข้ามมา แต่สีน้ำฟ้าใสมากๆ

กลางทะเล แปลว่า อยู่กลางแดด โอ้โหหหหห แดดดดดดนี่คือแบบแรงม๊ากกกกกกก ต้องลงน้ำบ่อยๆไม่งั้นร้อน โดด ดำน้ำ ว่ายน้ำวนไป ถ่ายรูปก็เยอะเช่นกัน เอาไม้โกโปรเสียบตรงช่องไผ่แล้วตั้งเวลาถ่ายได้เลย 55

พอตอนขาว่ายกลับฝั่ง ตอนนี้แหละคือกลัวที่สุด เพราะแรงเริ่มไม่มีละ ใช้แรงหมดไปกับการว่ายน้ำ ดำน้ำเล่นที่แพนี่แหละ กลัวมากกกกกกกก็เลยค่อยๆว่ายกลับฝั่งแบบไม่รีบ ให้ช้าและใช้แรงว่ายน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้

พอว่ายกลับมาถึงฝั่งก็ยังคงไปเล่นน้ำต่อรอบๆ เล่นไม่รู้เหนื่อยกันเลยทีเดียว เล่นคนเดียวก็สนุกได้นะ เพราะดูเวลาก็ใกล้เวลากลับไปฝั่งแผ่นดินใหญ่แล้ว เล่นให้เต็มที่ไปเล๊ยยยย ฮ่ะๆๆๆ

พอถึงเวลาเรือเที่ยวสุดท้ายตอน5โมงก็รีบมาต่อคิวขึ้นเรือเพื่อกลับฝั่งแผ่นดินใหญ่ กลับรีสอร์ทแล้วต้องไปเก็บของเตรียมตัวเดินทางไปสนามบิน เพื่อเดินทางกลับไทยแลนด์คืนี้ถึงพรุ่งนี้เช้า

ไหนๆก็ไหนๆละ ขอให้เขาถ่ายรูปคู่กับเรือแมงมุมนี้หน่อย ถามว่าอายไหมก็อายนะ แต่เราไม่รู้จักกันเจอกันครั้งเดียวแล้วก็จาก ดังนั้นทิ้งความอายทั้งหมดลงไปในทะเล ฮ่ะๆๆ

หลังจากกลับถึงรีสอร์ทก็อาบน้ำแต่งตัว เก็บของแล้งนั่งรอเวลารถมารับ ออกจากรีสอร์ทก็ประมารทุ่มกว่าๆ จากนั้นก็นั่งรถยาววววววไปถึงสนามบินซีบูเลย และของขึ้นชื่อฟิลิปปินส์ก็นี่เลย มะะะะะะะะม่วววววงงงงงง

เช็คอินได้ตั๋วเครื่องบินมาแล้ว ต้องไปต่อเครื่องที่เมืองหลวงมะนิลาก่อนแล้วบินกลับกรุงเทพ

กลับบ้านกันเถอะ เจอกันไทยแลนด์ที่รัก เจอกันใหม่ทริปหน้า :)

ล่ามติดเที่ยว

 วันจันทร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 เวลา 09.07 น.

ความคิดเห็น