เมื่อฤดูหนาวมาเข้าเยือน บวกกับความต้องการอยากพักและใจอยากเที่ยวจะรออะไรมันต้องหาที่คูลๆ ที่ชิคๆ มีสถานที่ถ่ายรูปสวยๆเยอะๆ มันจะเป็นที่ไหนไปไม่ได้...เชียงใหม่นี่ล่ะ


มาที่การเดินทางของเรากันเลย
การเดินทางของผมเริ่มขึ้นช่วงประมาณเกือบ 2 ทุ่ม ผมเดินทางโดยรถไฟกรุงเทพ-เชียงใหม่ขบวน 109 ผมนั่งชั้น2 พัดลม ราคาจากบ้านผม 290 บาท ขบวนนี้ออกจากกรุงเทพตามเวลาประมาณ 13.45 น.ถึงเชียงใหม่ 04.05 น. ขบวนนี้มีทั้งตู้ปรับอากาศและพัดลม

พอถึงเชียงใหม่ผมอาบน้ำที่สถานีรถไฟ แล้วก็นั่งรถแดง(ค่ารถไม่ควรเกินคนล่ะ30บาท)ไปเช่ารถที่ร้าน Bikky สถานีขนส่งอาเขตผมเช่ายี้ห้อ Yamaha Grand Filano วันล่ะ 300 บาท เช้า 3 วันรวด ไม่เสียค่ามัดจำแต่เค้าจะยึดบัตรประชนเราไว้ พอเอารถมาคืนก็จะได้บัตรคืน น้ำมันคืนเท่าครั้งแรก เช่ารถเสร็จลุยเลยจริงๆไม่รู้ทางหรอกใช้วิธีเปิดGps เอาเอ้าลุยยยยย (ถ้าใครจะไปอินทนนท์เช่าแนะนำเป็นฮอนด้าคลิ๊กหรือฟีโน่ดีกว่าที่ผมเช่าขึ้นเขาอืดมาก)


ที่แรกที่แวะ
วัดพระธาตุดอยคำ มาเชียงใหม่กี่ครั้งก็ต้องแวะวัดนี้ ทริปนี้ก็แวะมาขอพรก่อนเที่ยว อย่างที่รู้กันดี หลวงพ่อทันใจขึ้นชื่อเรื่องการขอพร บนบานด้วยดอกมะลิ เมื่อสมหวังคนก็จะมาแก้บน คนจะเยอะตลอดวัดนี้ (การขอพรให้จุดธุป 3 ดอก แล้วอธิษฐานขอพรเรื่องที่ต้องการ บอกท่านว่าจะมาถวายดอกมะลิ 50 พวงขึ้นไป)



ผาช่อ
เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติ จากที่่อ่านมา เค้าว่ากันว่าที่นี่เคยเป็นแม่น้ำปิงมาก่อน เกิดการแปรสัณฐาน และเกิดจากการกัดเซาะของลมฝน จึงทำให้เกิดผาหินลักษณะสวยงามแปลกตาแบบนี้


การเดินทางเข้าไปยังผาช่อ มีจุดจอดรถ2แห่ง ด้านบนและด้านล่าง ถ้าอยากชมวิวด้านบนให้มาจอดรถที่จุดจอดรถ 1 แต่ถ้าอยากเดินใกล้หน่อยให้ไปจอดที่จุดจอดรถ 3


สวยงามอลังการ



ผมว่าเป็นสถานที่ที่ไม่ควรพลาดเลยนะ สวยงามแปลกตา


ตรงนี้ก็สวย มีชื่อเรียกด้วยนะแต่จำชื่อไม่ได้ 555


จุดชมวิวผาช่อ
แดดเปรี้ยงๆยังสวย ถ้าเป็นช่วงเช้าน่าจะสวย


จากนั้นยิงยาวมาจอมทองเลยครับ มาแวะที่ไหว้พระขอพรที่วัดพระธาตุศรีจอมทอง


สวยมาก



ด้านในสวยงดงามมาก เป็นสีทองเหลืองอร่าม


ที่พักของเราคืนนี้ Touch Star Resort บ้านทรงAเฟรมหลังนี้เป็นไฮท์ของที่นี่



ส่วนห้องที่ผมพัก หลังนี้เลย ชื่อ"บ้านเคียงเดือน" เป็นทรงAเฟรมเล็กๆน่ารักๆ


มาดูในห้องกันบ้าง ผนังห้องจะวาดลวดทายทุกห้องอย่างในห้องผมจะเป็นภาพปลาคาร์ฟ ในห้องก็จะมีทีวี ตู้เย็น มีแอร์ อุปกรณ์อาบน้ำครบ


บ่อแช่น้ำแร่ธรรมชาติใต้ดิน เราสามารถมานั่งแช่นอนแช่ได้สบายเลย เค้าบอกว่าน้ำแร่ที่นี่ช่วยฟื้นฟูสภาพผิวและประสาทสัมผัสต่างๆได้
พักที่นี่จะได้อาบน้ำแร่ด้วย เพราะทุกห้องจะมีน้ำแร่ธรรมชาติที่กลั่นกรองแล้วส่งถึงห้องน้ำทุกห้องในรีสอร์ท


เก็บของเข้าที่พักเสร็จ
ผมไปที่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงขุนแปะ เพื่อที่จะไปดูดอกไฮเดรนเยียร์และนาขั้นบันได ระหว่างทางจะเจอวิวภูเขาสวยๆตลอดทาง ชอบมากทางค่อนข้างลำบากนิดนึง
การเดินทาง : จากแยกดอยอินทนนท์ ขับตรงไปทางวัดพระธาตุศรีจอมทองตรงไปประมาณ 30 km. แล้วไปเลี้ยวขวาตรงปากทางเข้า มีปั้มน้ำมัน ขับตรงไปทางเดียวกับสำนักสงฆ์ถ้ำตอง ตรงไปอีกประมาณ 22 km. ถ้างงเปิดgpsไปได้เลยครับไม่หลงแน่นอน ทางช่วงแรกเป็นลาดยางขับสบายๆ แต่ช่วงๆหลังๆเป็นทางลูกรังสลับกับคอนกรีต และอยู่ในช่วงระหว่างทำทาง ทางชันเป็นบางช่วง รถมอเตอร์ไซด์ไปได้สบายๆ รถยนต์กับรถเก๋งก็ไปได้ครับ แต่รถที่โหลดต่ำๆไม่แนะนำครับ


ต้องไปจอดรถไว้ที่ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงขุนแปะ จากนั้นต่อรถกะบะชาวบ้านไปยังทุ่งดอกไฮเดรนเยียร์ อีกประมาณ 7 km. ไม่สามารถขับรถไปเองได้เพราะทางโหดมากเป็นหลุมและทางแคป เสียค่าใช้จ่าย 500 บาทต่อคัน ไปได้ครั้งล่ะ 8 คน ตกคนล่ะไม่เกิน 70 บาทเอง ถ้าไปน้อยเราจะรอให้ครบ 8 คนก็ได้เพื่อหารกันหรือถ้าไม่รอก็เหมาไปได้เลย ผมว่าจ่ายไปเถอะถือเป็นการสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านที่นั่นด้วย


ก่อนเข้าชม เราจะเสียค่าเข้าชมสวนอีกคนล่ะ 30 บาท


สวยมาก มองไปเป็นสีฟ้าขาวทั่วทั้งแปลง



ดอกใหญ่สวยมาก เท่าที่เห็นจะเป็นดอกสีฟ้ากับสีขาวเป็นส่วนใหญ่



เห็นเค้าบอกว่าประมาณ 5 ไร่ มองไปก็แน่นอยู่ ถ่ายรูปสวยเลย

ผมว่าโอเคเลย ไม่ต้องไปไกลถึงดาลัด เวียดนามแล้ว เชียงใหม่เราก็มีทุ่งดอกไฮเดรนเยียร์สวยๆให้เที่ยวชม มองไปโคตรคูล ถ่ายรูปไปอวดเพื่อนได้ฟิวเหมือนอยู่ต่างประเทศ


สวยเลย ถ้ามีนางแบบไปแจ๋วเลย หรือใครจะพาแฟนไปโคตรเหมาะ
เราสามารถเดินถ่ายรูปให้จุใจเลย เค้าให้เวลากลุ่มล่ะประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ มีทางให้เดินพยายามเดินตามทางที่เค้าให้เดินนะ ไม่งั้นผมว่าคนไปทีหลังจะเละ ช่วยกันๆเราจะได้มีสถานที่สวยๆไว้ให้เราชมนานๆ


ใกล้ๆยังมีจุดชมวิวภูเขา มีนาขั้นบันได แปลงผักชาวบ้านสวยๆด้วย


ขากลับพี่คนขับมาแวะนาขั้นบันได้ สวยมาก ช่วงที่ผมไปข้าวกำลังเหลืองเลย ชอบมุมนี้สุด มองไปเป็นขั้นๆโค้งสวยเลย


มุมนี้ก็สวย ขนาดแดดช่วงบ่ายๆ ถ้ามาช่วงเย็นแสงคงสวยกว่านี้ จากนั้นผมก็กลับที่พักพรุ่งนี้ลุยต่อ

เช้าแล้ว ออกมาเดินเล่นสูดอาการบริสุทธิ์ยามเช้า
ท้องฟ้าตอนเช้าสวยมาก
ผมเช็คเอ้าท์แต่เช้า ได้เวลาไปลุยกันต่อ


ผมมาที่นี่ครับ น้ำตกแม่ยะ

จากจุดจอดรถต้องเดินเข้าไปประมาณ 600 เมตร
บริเวณจุดจอดรถมีอาหารขายสามารถซื้อไปนั่งทานบริเวณน้ำตกได้


สวยงามสมชื่อ เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่สวยงามอลังการจริงๆ แอบเสียดายตอนไปฝนตกน้ำเลยขุ่น


แต่บรรยากาศเย็นๆนะ คูลๆเลย


แล้วผมก็มาแวะที่นี่ small farm โดยเสียค่าเข้าชมคนล่ะ 50 บาท เด็ก 30 บาท โดยบัตรสามารถแลกตะกร้าผักเลี้ยงสัตว์ได้ ด้านในมีร้านอาหาร มีที่พัก มีฟาร์มเลี้ยงสัตว์


มีรถม้า นั่งได้ 4 คน ราคา 150 บาทต่อเที่ยว
แล้วก็มีม้าแคระด้วย สามารถขี่ได้รอบล่ะ 20 บาท ราคาม้าใหญ่ก็เท่ากัน


มีแกะด้วย พอเดินเข้าไปเท่านั้นแหละกรูเข้ามาหาทันที ยังไม่ทันได้ป้อนเจอแย่งหมดตะกร้า 555


ลูกหมูน่ารักมาก ตอนเดินเข้าไปตอนแรกเห็นพี่เค้าใล่จับ วิ่งกันหัวซุกหัวซุนเลยทีเดียว เห็นตัวเล็กวิ่งอย่างเร็ว 5555+ นึกแล้วยังขำ แต่มันน่ารักมากยิ่งตอนดูดน


จริงๆที่นี่มีที่พักด้วย มุมถ่ายรูปก็เยอะเลย เหมาะกับเด็กๆแต่โตๆแบบเราก็ได้อยู่นะ 555
ลองแวะไปกันดูครับ ค่าเข้าไม่แพงเลย


น้ำตกวชิราธาร สวยมาก

แค่เดินเข้าไปใกล้ๆละอองน้ำก็กระเด็นใส่หน้า เตรียมขาตั้งกล้องไปอย่างดี สรุปไม่ได้ตั้งหรอก ละออกน้ำเปียกชุ่มเลยหน้าเลนส์555 รีบถ่ายรูปนึงแล้วเช็ด จริงๆโทรศัพท์ถ่ายง่ายสุดนะผมว่า

สวยจริงๆนะ มองไปมองมาเหมือนน้ำตกขนาดใหญ่ในต่างประเทศเทศเลย เสียงน้ำกระทบพื้นบวกกับละอองที่กระเด็น บอกเลยเปียก 5555 ล้อเล่นอย่างฟินอ่ะ


ต่อมาแวะที่น้ำตกสิริธาร น้ำตกใหญ่เหมือนกันแต่ไม่สามารถลงไปถ่ายรูปข้างล่างได้ แต่จะมีจุดชมวิวให้ถ่ายรูป


สวยนะ ถ้าลงไปข้างล่างได้นะแจ่ม


นาขั้นบันไดแม่กลางหลวง เห็นคนจอดถ่ายเยอะเลยจอดมั่ง อิอิ



สวยดีนะ นาขั้นบันไดท่ามกลางหุบเขา


ใกล้ๆมีที่พักด้วยนะ


คืนที่2
ผมพักที่นี่เลยแคมอินทนนท์
ที่พักสไตล์แคมป์ปิ้ง เป็นเต็นท์กระโจม วิวภูเขา มองเห็นน้ำตกสิริภูมิจากหน้าเต็นท์ บรรยากาศคูลๆเหมาะกับการพักผ่อน ยามเช้าบรรยากาศสดชื่นมีหมอกบางๆ กลางคืนจะมองเห็นไฟจากโรงดอกไม้สวยมาก มีหมูกะทะส่งถึงหน้าเต็นท์ ในเต็นท์มีปลั๊กไฟให้ มีผ้าเช็ดตัว ห้องน้ำมีเครื่องทำน้ำอุ่น ห้องที่ผมพักคืนล่ะ 1000 บาท เต็นท์มี 3 แบบ มีเต็นท์vip , supervip แล้วก็ thegang สำหรับกลุ่มเพื่อนๆและครอบครัว


เต็นท์ vip มีทั้งโซน A และ โซน B อยู่ใกล้ๆกัน วิวไม่ต่างกันมาก โซนAวิวดีกว่านิดหน่อย แต่โซนBเป็นส่วนตัวกว่า(ความรู้สึกส่วนตัวนะ) ภายในเต็นท์มีปลั๊กไฟ มีผ้าเช็ดตัว มีลานเล็กๆหน้าเต็นท์ ห้องน้ำแยกมีเครื่องทำน้ำอุ่น



บรรยากาศรอบๆที่พัก

เต็นท์ supver vip มีห้องน้ำในตัว มีทีวี มีลานหน้าเต็นท์ วิวดี เป็นส่วนตัว


เต็นท์ the gang สำหรับ 4 คน เหมาะกับกลุ่มเพื่อนๆและครอบครัว เพิ่มได้ 1 คน มีห้องน้ำในตัว


ภายในเต็นท์จะประมาณนี้


จากที่พักประมาณ 1 km. มีสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ ด้านในมีพันธุ์ไม้นานาชนิด เยอะมาก


จุดถ่ายรูปมุมสวยๆเพียบเลย


ดอกไม้สวยๆทั้งนั้น กล้องสักตัวไปกับแฟนโคตรดี


มุมถ่ายรูปชิคๆ เท่ๆก็มีเยอะเลย


ดอกไม้สวยๆมีทุกสี


อยู่ท่ามกลางหุบเขาเลย มีแอ่งน้ำเล็กๆมีหงษ์สีดำด้วยคู่นึง


สวนดอกโป๊ยเซียน สวยมาก มองไปเป็สีอทชมพูเลย



สวนกุหลาบก็มี จะแบ่งเป็นโซนๆเลย โซนไม้ดอกไม้ประดับ ดอกไม้อะไรไม่รู้เยอะแยะจำชื่อไม่ได้ 555+ มีแต่สวยๆ


ขนาดผมเป็นผู้ชายยังชอบเลย เสียดายไม่มีนางแบบไปด้วย


โซนป่าๆก็มีนะ 555


จริงๆถ่ายรูปไว้เยอะมาก อยากโพสทุกรูปแต่เกรงกว่ารีวิวจะยาวไป 555


มาต่อกันที่จุดชมวิวดอยผาตั้งหรือที่เรียกกันว่า ม่อนน้องแกะ แต่เอ๊ะแกะหายไปไหน ตอนแรกก็สงสัยนี่ตูมาผิดที่เปล่าวะ


พอมองได้านในอ๋อ เค้าต้อนแกะเข้าที่พักเรียบร้อย โถ่ตั้งใจจะมาหาน้องแกะซะหน่อย อดทักทายเพื่อนๆเลย 5555(ผมไปช่วงประมาณ4-5โมงเย็นยังไงถ้าใครจะไปควรไปก่อนเวลานี้เด้อ เดี๋ยวอาจจะเจอแบบผมหรือว่าตอนไปฝนตกด้วยเค้าอาจจะตอนแกะเข้าที่พักเร็วก็ไม่รู้นะ)


วิวสวยอยู่นะ เสียดายเมฆบังไปหน่อย


กลับมาที่พักด้วยความหิวโหย ค่ำพอดี หมูกะทะจะเยียวยาทุกสิ่ง อากาศเย็นๆมันต้องหมูกะทะนี่แหละฟิน
แต่............เดี๋ยวก่อน โชคร้ายไฟดับครับพี่น้องครับ ผมเลยได้แต่นั่งกินหมูกะทะภายใต้เสียงและไฟโทรศัพท์ พอกินแหมไปมาพอดีมัน่าป่ะล่ะ 5555



บรรยากาศช่วงเช้ามืด อากาศเย็นๆฟินมาก ฝนก็ตก55


บรรยากาศยามเช้าโครตคูลเลยมึงเอ้ย จะไม่คูลยังไงเล่าฝนตกแม่มทั้งคืนยันเช้าก็ไม่ยอดหยุด เออแต่สวยจริงๆ เต็นท์ทุกเต็นท์จะมองเห็นน้ำตกสิริภูมิได้จากหน้าเต็นท์เลย
คือวันไปเซ็งมาก ฝนไม่ยอมหยุด 9 โมงก็แล้ว เลยฝากกระเป๋าที่พักลุยฝนแม่มเลย


มาที่นี่เลย พระมหาธาตุนภเมธนีดล และพระมหาธาตุนภพลภูมิศิริ เป็นพระมหาธาตุคู่พระบารมี ของ ในหลวงรัชกาลที่ 9 และพระราชินี


ฝนก็ตกเลยเก็บกล้องไว้ใต้เบาะรถใช้โทรศัพท์


ที่นี่สวยมาก มุมถ่ายรูปสวยๆเพียบ ขนาดใช้โทรศัพท์ถ่ายยังสวย


มีสวนดอกไม้ มุมถ่ายรูปเยอะมาก มีจุดชมวิวด้วยนะ


เสียดายหมอกฟุ้งไปหน่อย ถ้าฟ้าเปิดสวยมากแน่ๆ


แล้วเราก็ฝ่าดงฝนจนสำเร็จ ขึ้นมาถึงจุดสูงสุดดอยอินทนนท์จนได้ คนเรียงคิวถ่ายรูปกันเพียบเลย กว่าจะถ่ายรูปได้ยากมาก 5555


เดินเลยจากป้ายจุดสูงสุดแดนสยามมาก็จะเจอกับสถูปบรรจุอัฐิของเจ้าอินทวิชยานนท์ ผู้ครองนครเชียงใหม่สมัยก่อ


วันที่ผมไปอุณฆภูมิช่วงหกโมงเช้า 9 องศา แต่ตอนผมขึ้นไปประมาณ 10 โมงเช้า อุณหภูมิ 12 องศาแต่รู้สึกว่ายังไม่หนาวเท่าไรนะ


ใกล้ๆกันมีเส้นทางเดินธรรมชาติอ่างกา
อีกที่นึงที่ไม่ควรพลาดกิ่วแม่ปาน ตอนผมไปปิดเสียดายมาก แต่ตอนนี้เปิดแล้วนะครับ
เปิดวันที่ 1 พฤศจิกายนของทุกปี


มีเส้นทางเดินชมธรรมชาติ


เดินเข้าไปด้านในจะรู้สึกถึงความชุ่มชื้นและความเขียวชอุ่ม บรรยากาศคูลของแท้


มีเส้นทางให้เดินสองข้างทางก็จะมีพันธุ์ไม้ต่างๆ ส่วนใหญ่จะเป็นพืชที่ชอบความชื้น



สายเขียวไม่ควรพลาด เอ้ยคนที่ชอบธรรมชาติเขียวๆไม่ควรพลาดนะบอกเลย


ตอนไปฝนตกตลอด กล้องนี่ชุ่มฉ่ำ ต้องรีบเดินเลยไม่ค่อยได้ถ่ายอะไรมาก


ชอบอยู่ต้นนึง เนี่ยในรูป มันขึ้นอยู่กับพื้น มองไปอย่างสวย


พวกมอสอะไรพวกนี้จะเกาะตามต้นไม้ตามพื้นเยอะมาก
จากอินทนนท์ผมตั้งใจจะไปสวนดอกเก็กฮวยที่บ้านอมลอง อ.สะเมิงที่ระยะไปอย่างไกล555 แต่อยากไป
ไปจนเกือบจะถึงแล้วแต่ฝนตกหนักมากสู้ฝนไม่ไหวเลยย้อนกลับไปตัวเมือง สรุปขับรถไปเสียเที่ยว


ที่พักคืนที่ 3 ผมพักที่ Lanna Dusita Riverside Boutique Resort รีสอร์ทติดริมแม่น้ำปิง

มีบ่อน้ำอยู่น้าที่พัก มีเรือให้พายเล่น


ที่พักที่นี่จะเป็นสไตล์ล้านนา เข้ากับบรรยากาศทางเหนือๆ บรรยากาศโดยรวมโอเคเลย



ห้องนอนกว้างมีอ่างอาบน้ำ มีระเบียงชมวิว มีจักรยานให้ยืมขี่ด้วยนะ


มีสระว่ายน้ำติมริมแม่น้ำ


แม่น้ำปิง หลังรีสอร์ท บริเวรรับประทานอาหารตอนเช้าติดริมน้ำเลย


ช่วงหัวค่ำผมวาร์ปมาที่นี่ one nimman ตั้งอยู่แถวถนนนิมมานเหมินท์ กลางเมืองเชียงใหม่เลย ถือว่าเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ที่ไม่ควรพลาด


สไตล์การตกแต่งเหมือนอยู่ต่างประเทศ มุมถ่ายรูปเท่ๆ เก๋ๆ ชิคๆเพียบ จะมีช่วงเวลาฉายหนังสั้นเป็นการ์ตูน ฉายตรงหอนาฬิกา

ฟิวเหมือนอยู่ต่างประเทศ


ด้านในมีร้านค้า ร้านอาหาร คาเฟ่ และอีกมากมายรวมอยู่ที่นี่ จากวันนิมมานผมแวะไปเดินกาดหน้าม.แล้วก็กลับที่พักนอน

Day 4 ผมเช็คเอ้าท์แต่เช้า เอารถมาคืนที่ร้านBikky สถานีขนส่งอาเขต จากนั้นก็นั่งรถทัวร์กลับ รอบประมาณ 9 โมงเช้า รถทัวร์มีหลายเจ้ามีรถออกเกือบตลอด แต่ถ้าจะกลับรถไฟ จะมี 6.30 น. 8.50 น.5.30 น. 17.00 น. 18.00น.ประมาณนี้
ทริปนี้อุปสรรคหลักๆเลยคือฝน หลายที่ที่ตั้งใจจะไปพลาดไปเยอะเลย


สำหรับจังหวัดเชียงใหม่ผมมองว่าเป็นจังหวัดที่ยังไงก็น่าเที่ยวยังน่าค้นหาเสมอ เที่ยวยังไงก็ไม่ครบสักที ที่ผมไปก็เป็นเพียงส่วนนึงของเชียงใหม่ ยังไงหนาวนี้ใครกำลังวางแพลนไปเชียงใหม่ก็ลองดูรีวิวนี้ไว้เป็นแนวทางได้นะครับ เชียงใหม่ 4 วัน 3 คืนนั่งรถไฟ เช่ามอเตอร์ไซด์เที่ยว

ถ้าชื่นชอบการเดินทางของเราเข้าไปติดตามกันได้ที่นี่
..................... อยากเที่ยวก็เที่ยว...........................
เข้ามาดูรูปสวยๆพูดคุยทักทายกันได้น๊า










อยากเที่ยวก็เที่ยว

 วันอาทิตย์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 เวลา 13.56 น.

ความคิดเห็น