รีวิวพลีชีพ รีวิวเส้นทางกลับบ้านเกิดตัวเอง ถ้าใครตามได้ตามมา ถ้ามีเจ้าหนี้ตามไปถูกแน่นวลลลลลล555555


เราเป็นคนต่างจังหวัด เราเป็นคนเหนือ เราเป็นคนจังหวัดพะเยา บ้านเราไม่มีรถไฟ บ้านเราไม่มีเส้นทางรถไฟ บ้านบนดอย บ่มีแสงสี แต่มีทีวีและมีน้ำประปา

มันยังมีอีกหลายจังหวัดที่ไม่มีเส้นทางรถไฟผ่านนะ แต่ถ้าเราอยากนั่งรถไฟไปจังหวัดนั้นๆเราต้องทำยังไง มหากาพย์การต่อรถจึงเกิดขึ้น ยอมเสียเวลาไปหลายชั่วโมงเลย เพราะปกตินั่งรถทัวร์กลับบ้าน555555

ทุกๆจังหวัดเรานั่งรถไฟไปเที่ยวได้ค่ะ ทุกๆจังหวัดมีรถสาธารณะเชื่อมจังหวัดเข้าหากันหมด มันไม่ยากถ้าเราจะนั่งรถไฟไปเที่ยวแต่ละจังหวัด แต่ต้องวางแผนละเอียดกว่าชาวบ้านเขาหน่อย ยอมเหนื่อยกว่าชาวบ้านเขาหน่อย ที่ไปมาก็มี ระนอง แม่ฮ่องสอน น่าน ที่ไม่มีเส้นทางรถไฟ แต่ก็ยังพยายามไปเนาะ ทีนี้มาถึงจังหวัดบ้านเกิดอย่างจังหวัดพะเยาบ้าง มาดูวิธีการต่อรถกัน

หลายคนเคยรีวิวรถไฟใหม่ไปเยอะมากแล้วเนาะ เราจะไม่เน้นข้อมูล เพราะทุกคนติดต่อ 1690 Call Center การรถไฟ ก็รู้ทุกอย่างแล้ว แต่เรามาพูดถึงอีกมุมที่มีรถไฟใหม่ขึ้นมาดีกว่า รีวิวการเดินทางจะใส่ให้ใต้ภาพอีกทีนะ


การเดินทางมาขึ้นรถไฟที่ถูกต้องคือ ควรมาถึงสถานีก่อนเวลาสัก 30 นาที
รถไฟออกตรงเวลามาก ถ้าไม่ทันก็ตกรถไฟ


ตอนเย็นๆ ก่อนขึ้นรถไฟถ้าเวลาเหลือก็ถ่ายรูปเล่นไปก่อน ที่นี่สถานีกรุงเทพ นั่งกินกาแฟ ซื้อขนมและเครื่องดื่มขึ้นไปกินได้


จังหวัดที่มีเส้นทางรถไฟใกล้จังหวัดพะเยาที่สุดคือจังหวัดลำปางกับลำพูน แต่เนื่องจากรถไฟไปถึงเช้ามืด ที่สถานีลำพูน เป็นสถานีเล็กๆ ไม่ใหญ่มาก มีแต่รถมอเตอร์ไซค์รับจ้างไม่กี่คัน แต่ลำปางมีรถสองแถวต่อเข้าเมืองเยอะ เราเลยเลือกลงลำปางค่ะ ราคาตั๋ว 844 บาท อันนี้เราไปซื้อก่อนที่เขาจะปรับขึ้นราคานะ (ตอนนี้ปรับราคาแล้ว เท่าไหร่ก็ให้ติดต่อ 1690 อีกทีนะคะ) ตอนไปซื้อ จนท.ดูแลดีค่ะ บอกว่าถ้าผู้หญิงเดินทางคนเดียว แนะนำให้ไป Ladies & Children Car

เดินทางกับขบวน 9 อุตราวิถี กรุงเทพ-เชียงใหม่ แต่เราลง จ.ลำปาง เวลาถึงประมาณ ตี 5 นิดๆ เผื่อเวลาไว้ ถึงช้าก็ยังถือว่าถึงเช้า

ถ้าใครไปไม่ถูกว่าขบวนไหน ยังไง ไปถาม จนท.ได้ มีเพียบ ที่ยืนๆ อยู่เต็มไปหมด เอ้า! ไม่ได้ถ่ายมา


สะดวก เพราะมีรายละเอียดให้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ บนรถไฟใหม่ ชาวต่างชาติเลยเยอะเป็นพิเศ


นึกถึงละครเรื่องงเก้าอี้ขาวในห้องแดง(ซึ่งไม่เคยดู) แต่นี่ เก้าอี้แดงในห้องขาว


สะอาดและสบายตาค่ะ เหมาะกับการพักผ่อนนอนหลับยาวๆ หลับลึกๆ


น้ำดื่ม จนท.แจกให้ฟรีนะคะ ไม่ต้องซื้อ


ชั้น 1 ค่าโดยสารก็เพิ่มขึ้นตามนั้น หลายคนบ่นแพง แต่ตั๋วเต็มตลอด


นึกถึงลิปสติก


เราก็เดินไปเดินมา เล่นกับประตูระบบสัมผัสนี่ตลอดอะ เบื่อ หาของเล่นเฉย


กลายเป็นของเล่นของเราไป เรานี่นิสัยไม่ดีเลย


ห้องน้ำสำหรับคนหัวล้านนะคะ เอ๊ย! ม่ายช่าย ห้องน้ำหญิง


ห้องน้ำสะอาด ไม่มีหน้าต่าง ลมตึง เวลากดน้ำนี่อานุภาพในการทำลายล้างสูงมาก


น้ำกินไม่ได้ ก็คือกินไม่ได้ อย่างอแง
หรือจะกิน ก็แล้วแต๊! / เสียงสูง


มีคำแนะนำการใช้ ข้อควรระวัง ติดเกือบทุกอุปกรณ์


ถ่ายที่สถานีกรุงเทพ


สำหรับใครที่นั่งยาวๆ ไปจังหวัดไกลๆ เอาคอมมาทำงานได้นะ งานเสร็จไปเยอะเลยแหละ
เราก็เอาไป เปิดคอมปุ๊บ หลับปั๊บเลยจ้า


ทำไมเราไม่ค่อยดูเลย ปกติเราจะฟังเสียงประกาศจากสถานี
และนอนเล่นโทรศัพท์ ดู Google maps ส่วนตัว ไม่ก็บางเส้นเดินทางบ่อยก็จำได้เอง


ออกเดินทางกันตอนกลางคืน ข้างทางก็จะค่อยๆมืดลง ไม่เห็นวิวแล้ว สองสามทุ่มก็ปูเตียงนอน


แต่ก็ไม่ค่อยมีคนนอน เพราะมีคนหิวมากกว่าคนง่วง ค่ำๆ ก็มาละ คนก็จะเริ่มเต็มตู้เสบียง นี่ขนาดเดินทางวันธรรมดา


ตู้สะเบียงคนก็จะเยอะเป็นพิเศษ ถ้าจะมานั่งเงียบๆ ชิลๆ ก็ใกล้ๆ เวลาปิดตอนห้าทุ่มนู่นแหละ จำราคาไม่ค่อยได้ รู้สึกสตรอเบอรี่ปั่น 50-60 บาท เกี๊ยวกุ้ง 45-50 ประมาณนี้ กินแล้ว ลืมแล้ว ขี้แล้วด้วย


กินอิ่ม นอนอุ่น เตรียมนอน เวฟร้อน ใช้ได้

นี่พยายามให้แคปชั่นคล้องจองกันแค่นั้นแหละ

ของเยอะค่ะ แต่แป๊บๆ ก็ไม่ค่อยเหลือ ความจริงซื้อจากข้างนอกมาได้นะ เผื่อไว้ วันไหนคนเยอะเสบียงอาจหมด ข้อดีของการเดินทางด้วยรถไฟคือพกอาหารและเครื่องดื่มขึ้นมาได้ แต่กินในที่นั่งตัวเองนาจา


ราคาอาหารก็ไม่แพงมาก บางอย่างแพงกว่าข้างนอกนิดหน่อย ซื้อแล้วก็เอาไปนั่งกิน เล่น wifi ได้
แต่เรื่อง wifi แล้วแต่พื้นที่การใช้ด้วย รถวิ่งอยู่ในป่าในเขาสัญญาณก็หาย คล้ายๆมือถือเรา


เอาหนังสือไปอ่านได้ เอางานไปทำได้ สงบเงียบค่ะ เงียบชนิดที่แทบไม่ได้ยินเสียงประกาศแต่ละสถานี
หลับสบายเลย สำหรับคนที่ต้องการเดินทางด้วยรถไฟและพักผ่อนจริงๆ


มีม่านเพื่อความเป็นส่วนตัว ไม่ถึงกับดับไฟมืดสนิทนะคะ แต่ดูเหมือนแต่ละคนไม่ค่อยนอนกันหรอก นู่น อยู่ตู้เสบียงนู่น5555 ก็บอกว่าคนหิวเยอะกว่าคนง่ว


ร.ฟ.ท. 2560 ห่มถูกทิศ


ควรใส่ชุดพร้อมนอนกึ่งพร้อมลุย
อย่าใส่ชุดนอนไม่ได้นอนมาเพื่ออ่อยใคร
อ่อยไปเขาก็ไม่เอาแกหรอก


ตี 5 นิดถึง ถึงลำปาง


ถึงลำปางด้วยความงัวเงีย เพราะไม่ค่อยนอน ปกติกลางคืนก็ไม่ค่อยนอนอยู่แล้ว มาบนรถนอนเลยไม่นอนเลย งงมะ? เพื่อนบอกมึงเป็นอมตะ มึงมันคนไม่นอน เออ....แล้วมารถนอนทำไมวะ


เดี๋ยวเขาหาว่ามาไม่ถึงลำปา


ตอนนั้นยังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์อยู่ อันนี้เพิ่งได้ฤกษ์รีวิว


ไม่ได้มาซื้อตั๋วที่ลำปางนานมาก



ถึงลำปางแล้ว โอ๊ยตื่นเต้นกว่านั่งรถไฟมาอีก เพราะนี่คือการนั่งรถไฟมาต่อรถกลับบ้านที่ต่างจังหวัดครั้งแรกของเราเหมือนกัน ไปทางไหนต่อดี (ทำเสียงตอแหลเหมือนไม่รู้)


ดูไปงั้น ขากลับไม่ได้กลับทางนี้ กลับรถทัวร์


รถสองแถวสีเขียวเหลืองเหมือนแท็กซี่ในกรุงเทพเด๊ะ จอดรอ เรียงกันเป็นแถว อยู่ที่สถานีรถไฟ เลือกได้เลย รถเยอะ เรียกไปลง บขส.ลำปาง 30 บาท แป๊บเดียวก็ถึง มากันหลายคนกับคนอื่นที่เพิ่งลงจากรถไฟด้วย ไม่ต้องเหมา


คนก็นอนบนเก้าอี้กันเต็มเลย มานอนรอ รถเที่ยวแรกแน่ๆ เราก็ยังต้องรอ เพราะรถบัสรอบแรกไป จ.พะเยา 7 โมงเช้า มาถึงเร็วไปนิด


เมื่อเรานั่งรถไฟ ไปจังหวัดลำปาง แล้วรอต่อรถบัสไป จ.พะเยา ในเที่ยวแรก เวลา 07.00 น. หิ้วของพะรุงพะรัง หาที่นั่งรอ เห็นพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวง ร.9 เราจึงยืนไหว้ แต่พอเดินออกมาสองก้าวคุณป้าเดินมานั่งตรงจุดที่เรายืน ถอดรองเท้าแล้วนั่งลงไป บรรจงก้มกราบในหลวงอย่างช้าๆ ทำเราอายเลย เพราะเรารู้สึกว่าพื้นมันสกปรกมากนะ ดูในภาพเหมือนสะอาด แต่ไม่เลย ฝุ่นเต็ม นับถือหัวใจที่น่ารัก ทำแบบซื่อๆไปเลย ไม่ต้องคิดเยอะว่าพื้นจะมีอะไรหรือเปล่า ไม่นั่งปัด ไม่กลัวเสื้อผ้าเปื้อน ไหว้และอธิษฐานนานเหมือนไหว้พระเลย



ใช่...เขากำลังไหว้พระอยู่ เพราะพ่อคือพระในบ้าน ในดวงใจ ของคนไทยตลอดไป



สถานที่ : สถานีขนส่ง จ.ลำปาง



กรีนบัสของลำปางที่เราจะเดินทางออกเวลา 07.00 น. ก็ต้องรอ รอไปรอมา อ่านป้ายดู เฮ้ย! มีไปใต้ด้วยนะ นั่งกันยาวเลย ถ้านั่งรถบัสไปใต้ น่าจะเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่


87 บาทเท่านั้นจ้า กรีนบัสเย็นๆ นั่งสบายๆ 2-3 ชม. วิ่งเนิบๆ ก็ถึงพะเยา
เบลอไว้นิดนึงนะ เวลาซื้อตั๋วต้องบันทึกข้อมูล ชื่อ นามสกุล เลขบัตรประชาชนด้วย


มีตารางเวลาให้ดูด้วย แถมพร้อมมากับตอนซื้อตั๋ว อยากไปจังหวัดใกล้ๆ ที่เชื่อมกันได้ก็มาขึ้นที่ลำปางได้


หน้าตาเป็นแบบนี้ จอดพะเยาก่อนแล้วไปเชียงรายต่อ น่าจะวิ่งไปทางเชียงคำ


เป้เราใบเล็ก เอาไปไว้บนรถได้เลย ไม่ต้องไว้ข้างล่างก็ได้


ที่นั่งดี ค่อนข้างสะอาดเลย


เอนได้สบาย เราเหรอ หลับตั้งแต่ออกลำปางได้ 10 นาที หลับยาว แอร์เย็น ไปหน้าฝน ฝนตกด้วย


มีแบบรถหวานเย็น รถร้อน เป็นพัดลม ไม่แน่ใจราคา แต่ถูกกว่าแน่นวล


กรีนบัสเดินทางพาเรามาถนนเส้นไหนไม่รู้ เพราะเราหลับ!! กะว่าจะดูข้างทางสวยๆ ต้นหญ้า ใบไม้เขียวๆ แต่หลับลึก หลับนาน อากาศในรถดีและหนาวเหลือเกินค่ะพี่อ้อยพี่ฉอด ฝนข้างนอกก็ปรอยๆ


ในใจได้แต่คิด นี่กูนั่งรถเลยมาเชียงรายป้ะวะ หลับข้ามภพข้ามชาติมากอะ จนต้องรีบดู google maps อ่อ ยังไม่ถึงพะเยา


ถึง ม.พะเยาแล้วอุ่นใจ มั่นใจล้านเปอร์เซ็นต์ว่าไม่หลงแน่ๆ เพราะผ่านตรงนี้มาเป็นสิบๆ ปีตั้งแต่ยังไม่มี ม.พะเยา


พะเยา ดอกคำใต้ จุน เชียงคำ นี่คือรถเมล์น้อยกลอยใจ วิ่งหวานเย็น ขับช้าๆเนิบๆ ยิ่งกว่ากรีนบัสที่นั่งมาจากลำปางเสียอีก เราไปลงกันที่ อ.ดอกคำใต้นะคะรอบนี้ เราถ่ายรูปให้ดูว่า รถคันนี้ผ่านตัวอำเภอดอกคำใต้ที่เราอยู่ แต่ก็ยังไม่ใกล้ตำบลของเรามากพอ ลงแค่อำเภอแล้วต้องหาต่อรถสองแถวเข้าหมู่บ้านอีก สำหรับใครที่จะเดินทางมาแค่อำเภอดอกคำใต้เดินทางด้วยรถคันนี้ได้ค่ะ ไม่มีป้าย บอกคนขับอยากลงตรงไหนก็ลง อย่าชมวิวหรือหลับเพลิน เพราะจะเลยไปถึงอีกอำเภอได้เลย


พะเยา แม่กา คันนี้จะย้อนกลับไป ถ.พหลโยธิน ขาเข้า กรุงเทพ ย้อนไปเส้นม.พะเยาที่เราเพิ่งนั่งกรีนบัสเข้ามานั่นแหละค่ะ ไปส่งละแวก ม.พะเยา ต.แม่ต๋ำ ต.แม่กา


แต่ถ้าจะไปให้ถึงตำบลที่เราอยู่ คือ ต.บ้านถ้ำ นั่งแค่รถเมล์น้อยกลอยใจไม่ได้ จะลงแค่ตัวอำเภอ เราเลยชอบนั่งรถสองแถวในหมู่บ้านมากกว่า ค่อนข้างไกลสำหรับคนอื่น แต่เราเดินชินแล้ว เดินเข้ามาในตลาดตัวเมืองพะเยา ไปหาคิวรถสองแถวบ้านถ้ำ บ้านปิน ตรงข้ามคลินิกหมอพิชญ์(ซึ่งตั้งแต่เกิดมาก็เห็นที่นี่มานานแล้ว) หรือถ้าคนที่ไม่ใช่คนท้องถิ่นก็นั่งวินที่สถานีขนส่งมาส่งที่คิวรถได้


เราอยู่ ต.บ้านถ้ำ ถ้าใครขึ้นสองแถวสีเหลือง พะเยา-บ้านถ้ำ ก็ให้คนขับรถวนเข้าซอยได้สบาย แต่บ้านเราอยู่ติดถนนใหญ่ เรามักจะชอบขึ้น พะเยา-บ้านปินมากกว่า (บ้านปินเป็นตำบลที่อยู่ถัดตำบลเราไปอีกประมาณ 2-3 กม.) รถวิ่งผ่านถนนหน้าบ้าน เลยชอบขึ้นคันนี้ และสภาพใหม่กว่าเยอะ ค่ารถ 40 บาท ถึงหน้าบ้านเราเลย ระยะทาง 20 กว่ากิโลเมตร


กว๊านพะเยาแหล่งชีวิต
ศักดิ์สิทธิ์พระเจ้าตนหลวง
บวงสรวงพ่อขุนงำเมือง
งามลือเลื่องดอยบุษราคัม



เป็นคำขวัญที่ท่องมาตั้งแต่เด็กๆ จริงๆ
รถสองแถวออกมาจากท่าจอด วิ่งบนถนนใหญ่ก็จะผ่านป้ายนี้


วิ่งผ่านแยกแม่ต๋ำ (ตำบลแม่ต๋ำ) ก็จะเริ่มเข้าสู่ทุ่งนา จะเป็นทุ่งนาก่อนนะ แล้วเข้าสู่ตัวอำเภอดอกคำใต้อีกที จากตัวเมืองพะเยา ไป อ.ดอกคำใต้ก็อีกสิบกว่ากิโลเมตร


พอถึงตัวอำเภอดอกคำใต้ จะมีสามแยกเลี้ยวขวาถนนข้างที่ว่าการอำเภอดอกคำใต้ เลี้ยวขวา ตรงไปเลย เป็นทางบังคับ ไปอีก 13 กม.เข้าตัว ตำบลบ้านถ้ำ



ถ้าไปช่วงฤดูฝน แล้วฝนเพิ่งตกใหม่ๆ ก็จะเจอหมอกบนเขาแบบนี้ แต่บ้านเราไม่ได้อยู่บนเขาน


ต้นสักที่เห็นตั้งแต่เด็กๆ ถ้าตายเขาก็จะหามาปลูกใหม่ จนโตขนาดนี้แหละ ไม่ได้กลับบ้านนาน โตเร็วมาก สูงเลย


เป็นไง อากาศดีไหม ทางเข้าหมู่บ้านเรา


เจอรถของหมู่บ้านพอดี เลยนั่งรถ พะเยา-บ้านถ้ำมา
เราไม่ค่อยรู้จักคนบนสองแถวหรอก แต่ส่วนใหญ่บางทีเขาจำเราได้ คนในตำบลส่วนใหญ่จะรู้จักกันหมด รู้จากแค่ถามว่าคนนี้ลูกใคร จำหน้าไม่ได้ แต่พอบอกว่าลูกใคร รุ่นใคร เขาก็จะจำได้ คนบนรถสองแถว หรือคนขับรถเก่าแก่ ก็จะจำเราได้ เห็นมาตั้งแต่เด็กๆ นั่งสองแถวสีเหลืองมาตั้งแต่เด็กๆ


สองข้างทางเป็นต้นสัก สวยไหมบ้านเรา


พอเห็นป้าย อุทยานแห่งชาติดอยภูนางแล้ว เจอสามแยกใหญ่ก็เลี้ยวขวาเลย ไปอีกประมาณ 1 กม. ก็ถึงบ้านเราแล้ว บอกไม่ได้ว่าหลังไหน 55555

บอกนิดนึงว่า ห่างจากบ้านเราอีกประมาณ 20 กม. เส้นทางนี้ไป อ.เชียงม่วน ที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติ ดอยภูนางนั่นเองค่ะ


ตลอดทั้งชีวิตเพิ่งมานั่งรถไฟเที่ยวจริงจังตอนอายุเลขสามแล้ว เพราะโอกาสน้อยที่เราจะได้นั่ง เพราะบ้านเราไม่มีรถไฟ

บอกแม่ว่าจะขึ้นรถไฟกลับบ้านนะ ไม่ต้องห่วง ทันทีที่คุยกับแม่บนรถไฟ ประโยคแรกที่แม่คุยกับเรา แม่ถามว่า "นี่อยู่บนรถไฟจริงๆ เหรอ แม่ไม่ได้ยินเสียงเลย รถไฟปู๊นๆจริงๆเหรอ" แค่นี้แหละ ในหัวเราก็คิดอะไรต่อมิอะไรไปไกลหมด สิ่งที่หายไปของรถไฟใหม่บางทีอาจจะเป็นเสน่ห์ของเสียง ปู๊นๆ ฉึกฉัก ที่ควรจะได้ยินตลอดเวลา ที่ทุกคนเคยรู้จัก หรือแม้แต่คนที่ไม่เคยขึ้นรถไฟอย่างแม่เราก็ยังเห็นจากในโทรทัศน์ว่า รถไฟต้องมีเสียงปู๊นๆนะ

รถไฟใหม่ดีมาก ดีทุกอย่าง ทั้งความปลอดภัย เวลา การได้พักผ่อนร่างกายบนรถนอนที่สะอาด ห้องน้ำสะอาด แต่หลายคนมักจะบ่นถึงราคานี่แหละ ที่ค่อนข้างสูงไม่เหมาะกับค่าครองชีพของคนไทยเลย แถมบางคนบอกว่าเดินทางสายการบินโลวคอสยังถูกกว่าอีก กดตั๋วศูนย์บาทได้สบายเลย อะอันนั้นเราไม่ว่ากัน

สำหรับคนชอบนั่งรถไฟจริงๆเราอยากให้มีโอกาสมาลองนั่งดู แต่ไม่ต้องนั่งบ่อย นั่งตลอดเวลาก็ได้ สำหรับคนที่รู้สึกว่าแพง แพงก็อย่าฝืน เราเดินทางด้วยชั้นอื่นได้ในราคาที่ถูกกว่า

รถไฟไทยในความคิดของคนส่วนใหญ่ภาพไม่ค่อยดีอยู่แล้ว ดังนั้นเป็นการยากที่จะให้หันมานั่งด้วยราคานี้ สำหรับคนที่ยังไม่ค่อยมีกำลังจ่ายตั๋วราคานี้ทุกรอบ (ส่วนคนที่เขามีกำลังจ่าย เขาถนัดแบบนี้ก็ไม่ต้องไปว่าเขาเน้อ) อยากให้ลองนั่งชั้นโดยสารอื่น ประเภทอื่นก่อน เรารู้สึกว่าแค่ลองเปลี่ยนมานั่งรถไฟในการเดินทางบ้าง ไม่ว่าจะนั่งรถไฟแบบไหน คุณก็ได้เปิดใจยอมรับรถไฟไทยมาครึ่งหนึ่งแล้ว หลังจากนั้นค่อยๆขยับขึ้นมานั่งหลายๆ ชั้นเรื่อยๆ ไม่อยากให้เห่อแค่รถไฟใหม่นะ รถไฟประเภทอื่นก็ยังมีเสน่ห์ในตัวเองเหมือนกัน

เหมือนอย่างที่แม่เราบอก รถไฟมันต้องปู๊นๆนะ ทำไมเงียบจัง น่าคิดมากเรื่องนี้ เรายังรู้สึกว่า อือ มันเงียบเนาะ มันสบาย หรือมันไม่เหมาะกับเรา ที่เราชอบนั่งรถไฟอาจเป็นเพราะเสียงปู๊นๆ ฉึกฉักที่ได้ยินตลอดเวลาของการเดินทางมากกว่า เพราะเวลารถไฟวิ่งเราจะหลับ จากเสียงกล่อมพวกนี้ แต่เวลารถไฟจอดเราจะตื่น

แต่ถือว่านี่ก็เป็นพัฒนาการของรถไฟไทยที่ถ้าใครมีโอกาสก็อยากให้มาลองนั่งกันค่ะ

เคยนั่งรถไฟชั้นสาม เจอบ่อยที่หลายๆคนบนนั้น เช่น ตา ยาย ชาวบ้านเจ็ด ลูกเล็กเด็กแดง เขาเกาะขอบหน้าต่างเวลาที่รถไฟใหม่สวนทางมาว่า "ชาตินี้เราจะมีโอกาสได้นั่งรถไฟใหม่ไหมนะ?"


มีการก่อสร้างรางใหม่ มีรถไฟใหม่เพิ่มขึ้น แต่ถึงอย่างไร ก็ไม่อยากให้ลืมรถไฟเก่าและยังหวังว่าจะพัฒนาของเดิม เช่นความสะอาด คุณภาพชีวิตของคนที่ยังเลือกเดินทางรถไฟแบบเก่าอยู่ เพราะหลายขบวน ยังเป็นราคาที่คนทั่วไปส่วนใหญ่เข้าถึงง่าย และผูกพันกับอะไรหลายๆ อย่างที่ยังคงเสน่ห์ของความเป็นคนไทยไว้

Boe_Stories

 วันอังคารที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 เวลา 14.16 น.

ความคิดเห็น