"ดอยม่อนจอง"

พื้นที่รับผิดชอบของ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ มีทั้งภูเขา หุบเขาและที่ราบระหว่างภูเขา เป็นป่าที่ยังมีความอุดมสมบูรณ์ เป็นที่อยู่ของสัตว์ป่าน้อยใหญ่และยังเป็นแหล่งต้นน้ำอีกด้วย

ดอยม่อนจอง มีจุดสูงสุดอยู่ที่ยอดหัวสิงห์ สูงประมาณ 1949 เมตร จากระดับน้ำทะเล ซึ่งอยู่ใน Top 10 ของภูเขาในประเทศไทย ทำให้ที่นี่เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวผู้ที่ชอบมาพิชิตขุนเขา เดินเส้นทางศึกษาธรรมชาติพิชิตยอดหัวสิงห์ บางคนเรียกดอยแห่งนี้ว่า ดอยฮิปสเตอร์ เพราะเหล่าวัยรุ่นชอบมาที่นี่มากๆ พร้อมแล้วตามอ้ายกึ่มมาเลยเด้อ

ทริปนี้ผมมากับ "บอย" จากเพจกูเที่ยวไปเรื่อย Uptomego 2 วัน 1 คืน สมาชิกทั้งหมด 3 รถตู้ มุ่งหน้าจาก กทม. - ศูนย์บริการฯชุมชนบ้านมูเซอปากทาง ต.อมก๋อย อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่

ผ่านเส้นทาง ฮ.ฮอด – อ.อมก๋อย เส้นทางสองเลนสวนทาง โค้งและขึ้นลงเขาและขลุขละ ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ

หลังจากเตรียมสัมภาระและลูกหาบ ก็พร้อมเดินทางต่อด้วย รถ 4*4 วีล จากศุนย์บริการฯ ชุมชนบ้านมูเซอปากทาง – จุดเริ่มเดินเท้า ทางลูกลัง ขึ้นลงเขา มีจุดตรวจ ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย จ่ายค่าธรรมเนียม

เด็ก 10 บาท ผู้ใหญ่ 20 บาท ต่างชาติเด็ก 100 บาท ผู้ใหญ่ 200 บาท

ค่าบริการกางเต็นท์พักแรม 50 บาท/ หลัง

จากนั้นก็โยกกันต่อ เอาให้เมื่อยกันไปเลย ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. ก็จะถึงจุดเริ่มเดินเท้า ก็พักกินข้าวกลางวันกันก่อนละกัน เตรียมน้ำดื่มให้พอ เกลือแร่ ลูกอม น้ำอัดลม ใครชอบอะไรก็จัดไป สมาชิกพร้อมแล้ว หน้าตาก็จะสดใสๆหน่อย

ไม้ช่วยชีวิต เจ้าหน้าที่เตรียมไว้ให้พร้อมมากๆ อยากได้ก็หยิบไปเลยครับ พร้อมแล้วลุยๆ เดินไปบ่นไป เดี๋ยวก็ถึงแหละ

จากจุดเริ่มเดินเท้า – ลานกางเต็นท์ ระยะทางประมาณ 4 กม. ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชม. ผ่านเนินที่ท้าทายและจุดพักต่างๆ

-เนินป่าสน

-จุดชมวิวฮ้อยจั่น

-จุดชมวิวเหมือดคนคู่

-ภูหินช่อ

-ลานสองขุนน้ำ

- เนินฮิปหอบ

-สนามกอล์ฟช้าง

เดินเรื่อยๆ ชมนกชมไม้ ในป่าร่มๆ ก็จะเย็นสบาย บางช่วงก็ทุ่งหญ้ามีแดดก็จะร้อนหน่อย ไม่ถึงกับยากมาก วัยรุ่นชอบ

"ภูหินช่อ" จุดพักน่าจะครึ่งทางแล้ว และมีหินให้ปีนขึ้นไปถ่ายรูปเกร๋ๆ ที่ไม่ควรพลาด



จากนั้นก็จะเดินลัดเลาะใต้ร่มไม้เย็นสบาย เดินทางต่อตามไหล่เขาง่ายๆ ไม่ชัน



เดินไปเรื่อยๆ ตามพี่ลูกหาบไป ไม่มีหลง เส้นทางค่อนข้างชัดเจน

มีอะไรให้เที่ยว ให้ชมและถ่ายรูปได้ตลอดเส้นทางไม่มีเบื่อ มีช่วงพฤศจิกายนต้นฤดูกาลแบบนี้ เขียวๆ สดชื่นที่สุดครับ


จนมาถึงเนินฮิปหอบ (ชื่อเดิมคือ เนินหมาหอบ) ยืนทำใจกันสักพัก5555 ดื่มน้ำกันสักหน่อยค่อยตะกายปีนขึ้นไปกับเหนื่อยเฮือกสุดท้าย



พอพ้นเนินฮิปหอบแล้ว ก็จะมองเห็นวิวสวยๆ สุดลูกหูลูกตา

เดินต่อกันอีกนิดก็จะถึงลานสนามกอล์ฟช้าง (ที่นี่คงเป็นที่ตีกอล์ฟของน้องๆ ช้างป่าแน่ๆ) ทุ่งหญ้าสีเขียวกว้างๆ โล่งๆ สวยดีนะ ใครสู้แดดไหวก็ถ่ายภาพเล่นก่อนก็ได้ ก่อนมุดเข้าไปลานกางเต็นท์ในป่า



เค้าบอกว่าที่นี่ เป็นดินแดนมินิมอล จะเห็นคนตัวเล็กๆ เดินลิบๆ ตามเส้นทางเดิน


ลานกางเต็นท์มีอยู่ด้วยกัน 2 จุด ด้านบน (เลี้ยวซ้าย) และด้านล่าง (เลี้ยวขวา) พวกเรากลุ่มใหญ่ 30 กว่าชีวิต เลือกปักหลักกันที่ลานกางเต็นท์ด้านล่าง ติดแหล่งน้ำและมีห้องน้ำอีกด้วย


เข้าห้องน้ำตอนกลางคืนี่ แหงนมองบนฟ้าเห็นดาวล้านดวงมากๆ ใครกลัวก็ลากเพื่อนมาเป็นเพื่อนนะครับ อิอิ

พวกเราปักเต็นท์เก็บสัมภาระ พักเหนื่อยแล้วก็ได้เวลาไปเที่ยวต่อ สำหรับคนที่ยังมีแรง ใครไม่ไหวก็นอนพักผ่อนได้ ตอนเช้าค่อยไปเที่ยวก็ได้ เพราะจุดที่ไม่ควรพลาดที่พวกเราจะไปกันนั้นคือ ยอดหัวสิงห์ เป็นจุดชมวิว 360 องศา จุดที่สูงที่สุดของดอยม่อนจอง สูงประมาณ 1949 จากระดับน้ำทะเล สูงในระดับ Top 10 ของเมืองไทยเลยละ

ระยะทางจากสนามกอล์ฟช้าง – ผาหัวสิงห์ ประมาณ 2 กม. เดินตามสันเขา (ลื่นดีนะ ) ไปเรื่อยๆ มีขึ้นลงเนินให้หอบกันใช้ได้ อย่าลืมไฟฉายละ เสื้อกันหนาวด้วย

ถ้ามาช่วงเดือน มกราคม - กุมภาพันธ์ ภูเขาที่นี่ทุ่งหญ้าจะกลางเป็นสีเหลืองทอง แต่ช่วงนี้เดือนพฤศจิกายน ต้นฤดูกาลเปิดฤดูท่องเที่ยวดอยม่อนจอง ที่นี่ยังเขียวสดชื่น ยังดิบๆ แล้วแต่ชอบเลยละครับ

โน่นไงครับ ผาหัวสิงห์ จุดสูงสุดของดอยม่อนจอง โอ๊ววว สูงใช้ได้

วันนี้โชคดี ฟ้าเปิด มีแสงแดดแบบนี้ พระอาทิตย์ตกดินต้องสวยแน่นอน ปะ เดินกันต่อ

แสงแดดช่วงบ่ายแก่ๆ เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลือง เราต้องเร่งฝีเท้าขึ้นไปให้ทันเเสงเย็นแล้วแหละ มัวแต่แวะถ่ายรูปไปเรื่อยจริงๆ เลยอ้ายกึ่มเอ๊ย

พอถึงยอดหัวสิงห์แล้ว เราสามารถมองเห็นวิวรอบด้าน 360 องศา ถูกใจหลายๆเด้อ

เค้าบอกว่า ตรงยอดเขานั่นคือ ยอดหัวลิง ถ้ามีเวลามากกว่านี้ จะเดินไปให้ถึงเลยละ แต่เวลาไม่พอ แถมเริ่มเมื่อยแล้ว ขอเก็บแสงเย็นที่ยอดหัวสิงห์นี้ละกัน

มองย้อนกลับไปฝั่งที่เราเดินมาจากลานกางเต็นท์และลานสนามกอล์ฟช้าง

แสงแดดเลียขุนเขา สวยงามยิ่งนัก

แสงทองที่รอคอยของพวกเรา นั่งรอชมพระอาทิตย์ตกดิน

ไม่รู้ใครเป็นใคร แต่เราก็สร้างมิตรภาพที่ดีได้ด้วยรอยยิ้ม

เดินเลยผาหัวสิงห์มาหน่อย ก็จะมีจุดชมวิวและถ่ายรูปเกร๋ๆ ลองมากันนะครับ ชันได้ใจเลยละ ไม่ค่อยมีคนเดินลงมากัน

ตั้งกล้อง ยืนเกร๋ๆ 10 วินาที วิ่งแทบไม่ทัน ฮ่าๆๆ พรุ่งนี้เช้าจะมาอีกครั้งลุ้นทะเลหมอกกันเนอะ

พอตะวันตกดินแล้ว เราต้องรีบกลับลานกางเต็นท์นะครับ เพราะถ้ามืดมากจะอันตรายและระวังถนนลื่นมาก เตรียมไฟฉายมาด้วยละ

ที่นี่จะมีเจ้าหน้าที่ป่าไม้ประจำการอยู่ลานกางเต็นท์ จะคอยดูแลและอำนวยความสะดวก คอยเดินมานับจำนวนนักท่องเที่ยว ว่าใครติดค้างอยู่ตรงไหนบ้าง กลับลานกางเต็นท์กันครบหรือยัง มาเที่ยวที่นี่ทั้งประทับใจและอุ่นใจกลับไปแน่นอน

ระหว่างเดินกลับก็เก็บแสงสวยๆ มาฝากครับ

มีไอหมอกปุดๆ ขึ้นมาเฉยเลย ถ้ามาเป็นทะเลหมอกเต็มหุบเขาคงสวยไม่น้อย

พอถึงลานกางเต็นท์ พวกเราก็ชำระร่างกาย เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วมารวมตัวกัน ทานข้าว พูดคุย ดื่มด่ำกันพอหอมปากหอมคอ ทำความรู้จักกัน เล่าเรื่องราวการเดินทางขแงแต่ละคน ก่อนแยกย้ายกันเข้านอน คืนนี้เรามีนัดดูดาวกันประมาณ ตี 3.00 น. เพราะคืนนี้เค้าบอกว่าจะมีฝนดาวตก (มันคงตกยังกับฝนแน่เลย)


พอเอาเข้าจริงๆ กว่าจะร่วงแต่ละดวง ปั๊ดโธ่ แหงนจนปวดคอ ถ่ายก็ไม่ทัน ฮ่าๆๆ คุณหลอกดาวอะ แต่ก็ไม่เป็นไร แค่เห็นฟ้าเปิดและได้เห็นดาวล้านดวง ท่ามกลางลมหนาวอ่อนๆ ก็มีความสุขแล้ว

ถ่ายดาวง่ายๆ ผมจำเค้ามา ตั้งค่า iso 1600-3200 ค่ารูปรับแสงหรือ f ต่ำที่สุดของเลนส์เรา ผมใช้เลนส์ 24-70/ f2.8 หน่วงเวลาไปที่ 25-30 วินาที พร้อมแล้วก็กดๆกันต่อ ได้ดาวพุ่งมาด้วยแหละ

พอถึง ตี 5.00 น. เรามีนัดกันไปชมทะเลหมอกและตะวันขึ้นกันที่ผาหัวสิงห์ (แหม่ะ ระยะทางก็ใช่น้อยเลยละ ไปกลับ 2 รอบ ก็ปาไปเกือบ 8 กม.เลยหรอเนี่ย) วันนี้แสงสวยมากครับ แอบเดินเก็บภาพระหว่างไปด้วย

มัวแต่ถ่ายรูป ผมคงเดินขึ้นผาหัวสิงห์ไม่ทันแสงสวยๆ แน่เลย

วันนี้มีทะเลหมอกด้วยละ เป็นรางวัลสำหรับนักเดินทางอย่างพวกเรา ถึงแม้จะไม่เยอะเท่าไหร่ แต่บรรยากาศ วิวสวยๆ อากาศดีๆแบบนี้ หน้าแต่ละคนเปลื้อนรอยยิ้มและเต็มไปด้วยความสุขในวันหยุดสัปดาห์แบบนี้แน่นอน

ผมเดินเลยผาหัวสิงห์ เพื่อไปถ่ายรูปจุดเดิม ที่เป็นผายื่นๆ นั่นอีกครั้ง หันหลังกลับไปมองเพื่อนๆ ที่ผาหัวสิงห์เพียบเลย

ส่องหมอก ซูมหมอกกันต่อ

และแล้วเจ้าตะวันดวงโต ก็ขึ้นมาโผล่ให้เห็นตามนัด

แสงทองของเจ้าตะวัน ก็สาดส่องไปทั่วบริเวณ

มุมที่เรากลับมาอีกครั้ง เหมือนเดิม ตั้งกล้องตั้งเวลาไว้ 10 วินาที แล้ววิ่งเข้าเฟลมแบบมาราธอนกันเลย โอ๊ยหอบ กว่าจะได้ภาพนี้

เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ เป็นการเดินทางที่มีความสุขอีกครั้งของอ้ายกึ่ม

น้ำค้างบนยอดหญ้า ธรรมดาแต่ชอบไม่น้อย

นั่งเล่น รับลมให้หายเหนื่อย ถ่ายรูปเกร๋ๆ ซิคๆคูลๆ ไว้ไปอวดเพื่อนให้หนำใจ ว่าเราคือผู้พิชิตยอดดอยม่อนจอง

ดอกไม้ป่า กำลังบานสดสวย

แสงเริ่มจ้า แดดเริ่มร้อน พวกเราก็เดินกลับ มีหมอกให้ดูตลอดเส้นทาง ฟินเว่อร์

หมอกไม่เยอะ ก็ซูมๆ เจาะเข้าไป ฮ่าๆๆ

เส้นทางที่พวกเราเดินมาชมวิว ริมผากันเลยทีเดียว ระมัดระวังกันด้วยเด้อ ถนนมันลื่นนนนนนนน

ป่าไม้คือชีวิต

ถึงลานสนามกอล์ฟช้าง เจอพี่บอยออกมาตามสมาชิก ฮ่าๆๆ ไปกันนานจังพวกมรึง ก็วิวมันสวยนิพี่บอย

ได้เวลาเก็บแคมป์ กินข้าวแล้วโยนเป้ขึ้นหลัง เติมพลังด้วยกาแฟแล้วอำลาดอยม่อนจอง

พร้อมแล้วก็เดินกลับ ถ่ายรูปรวมกันที่ลานสนามกอล์ฟช้าง ก่อนจะรีบหลบแดด เดินลงเนินหมาหอบ หรือ เนินฮิปหอบ ขากลับง่ายๆ สบายๆ ใช้เวลาประมาณ 1 -1.30 น. ก็ถึง

ขามาก็ขึ้นมาแบบฮิปหอบ ขากลับก็ต้องลงแบบฮิปหอบ

เราเป็นกลุ่มแรกที่ถึงที่หมาย เก่งปะละ มีเจ้าปีเตอร์วิางมาต้อนรับด้วย (เราตั้งชื่อให้มันเอง อิอิ)

ชุดแรกที่มาถึง ครบ 12 คน ก็ขึ้นรถเดินทางกลับ ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า

กินข้าวกลางวันและดื่มอะไรเย็นๆ

ให้หายเหนื่อย

จากนั้นก็อำลาทริป เดินทางกลับกทม. ระยะทางไกลพอสมควร กว่าจะถึงกทม.ก็ประมาณตีสาม

ทริปนี้จบลงด้วยดี พร้อมมิตรภาพใหม่ๆ หนุ่มสาวชาวออฟฟิส ที่ต่างที่มา ต่างสาขาอาชีพ มารวมตัวกันอย่างสนุกสนาน ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนครับ (จำชื่อไม่ครบ ต้องขอโทษด้วยนะ)

ขอบคุณ บอยและทีมงานสตาฟ จากเพจ กูเที่ยวไปเรื่อย Uptomego และพี่ๆลูกหาบจากหมู่บ้านมูเซอ ที่ดูแลเป็นอย่างดีและพามาเที่ยวกับสถานที่สวยๆ ที่น่าจดจำแบบนี้

ที่นี่เดินง่าย บรรยากาศและอากาศโคตรดี แล้วข่อยสิกลับมาใหม่เน้อ เจอกันใหม่ช่วงฤดูหนาว ทุ่งหญ้าสีทอง


สำหรับใครที่สนใจ มาเดินเส้นทางศึกษาธรรมชาติ พิชิตผาหัวสิงห์ดอยม่อนจอง สามารถติดต่อสอบถามข้อมูล จองรถ 4*4 วีลและลูกหาบได้ที่

ศูนย์บริการท่องเที่ยวดอยม่อนจอง 092-5597201 บริหารจัดการโดยชุมชน เพื่อชุมชน


หากเพื่อนๆ อยากถามข้อมูลที่ผมพอจะช่วยได้สามารถสอบถามมาได้เลยนะครับ ยินดีแบ่งปันข้อมูลต่างๆ


-----------------------------------------------

"ประสบการณ์ใหม่ ไม่ออกไปหา ไม่มีทางเจอ" Life is a journey
#อยม่อนจอง #มก๋อย #ดีแต่เที่ยว #Thailand #เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย #Chiangmai #เชียงใหม่










อ้ายกึ่มมักเล๊าะ

 วันพฤหัสที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 เวลา 10.22 น.

ความคิดเห็น