หัวหิน เป็นที่ที่เมื่อก่อนเราไปบ่อยมาก (สมัยที่ยังเที่ยวแบบคุณนาย นั่งร้านกาแฟเกร๋ๆ 555)

แต่หลังๆมานี้แทบจะไม่ได้ไปเลย ไม่รู้ทำไม นี่แหละ รอบนี้ได้โอกาสไปเที่ยวหัวหินอีกที เพราะเรื่องของเรื่อง เรานั่งดูหนังสั้นของ The One Card “จีบได้ แฟนตายแล้ว” แน่ะ! เคยดูกันช่ะ? ดังจะตาย แล้วมันมีฉากที่เค้าไปถ่ายที่บึงบัว เขาสามร้อยยอด เราก็เลย เฮ้ยยย สวยอ่ะ อยากไปๆ

พอลองเข้าไป search ข้อมูลดู โห...ถ้าไม่เอารถไปเองนี่ ไม่มีข้อมูลการเดินทางเข้าไปเลยอ่ะ เราก็เลยไม่เป็นไร ไปแล้วเดี๋ยวก็มีทางไปเอง 555


แรกเริ่มเลยทริปนี้นอกจากเรากับพี่ปุ่นแล้ว เราจะมี พี่ณดา เป็นผู้ร่วมทริปอีก 1 คน เราก็เลยแพลนกันไว้ว่าเราจะไปขึ้นรถไฟรอบ 9 โมงกัน ไปๆมาๆ ผู้ร่วมทริปเราได้ถอนตัวไปอย่างกระทันหัน 555 ละพอดีว่าคืนก่อนออกเดินทางเราต้องนั่งปั่นงานถึงตี 3 โอเค เหลือ 2 คนแล้วนี่ ชิลไป ไปรอบบ่ายโมงละกันนะ 555

Day 1:

ปรากฎว่ากว่าพี่ปุ่นจะลากไผ่ให้ตื่นได้ก็ปาไป 11:30 แล้ว ไปถึงหัวลำโพงนี่เรียกว่าวิ่งกันตับแล่บ แต่แล้ว....ไม่ทันค่า!

เจ้าหน้าที่บอกว่าตั๋วเต็มหมดแล้ว แต่! “เหลือแต่ตั๋วยืนนะ จะเอามั้ย?” จุดนั้นแล้ว ความอยากไปสูงมาก “เอาค่ะ!”

ได้ตั๋วแล้วก็รีบวิ่งมาขึ้นรถไฟต่อ

ลูกไผ่: “ก็มีที่นั่งนี่คะ ทำไมเค้าบอกว่าที่เต็ม หรือว่าที่เค้าบอกว่าเต็มคือ ชั้น 1 กับชั้น 2 แต่ชั้น 3 ก็แล้วแต่ดวงว่าจะได้นั่งรึเปล่าไรงี้ป่ะคะ?”

พี่ปุ่น: “ไม่รู้เหมือนกันแฮะ”

เดินๆไปเจอที่นั่งว่างพอดี เลยถามคุณป้าฝั่งตรงข้ามว่า

ลูกไผ่: “ตรงนี้มีคนนั่งมั้ยคะ”

คุณป้า: “ไม่รู้เหมือนกันว่ามีเจ้ารึเปล่า นั่งไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวเจ้าเค้ามาแล้วค่อยลุก”

ลูกไผ่: “ขอบคุณค่า”

นั่งได้แพพเดียวรถไฟก็ออก เริ่มมีคนมาขายข้าวบนรถไฟ ตอนนั้นหิวกันมาก เพราะยังไม่ได้ทานอะไรกันเลยตั้งแต่เช้า เห็นคนถือข้าวกล่องผัดกระเพราไข่ดาวมาพอดี

พี่ปุ่น: “เท่าไหร่ครับ”

คนขาย: “50”

ลูกไผ่: “กล่องละ 50 เหรอคะ”

คนขาย: “อืม”

เราเพิ่งมารู้ทีหลังว่าโดนหลอก! คือจริงๆมันกล่องละ 25 บาท บางเจ้าขายกล่องละ 20 ด้วยซ้ำ แหมะ พี่ หากินกันอย่างนี้เลยนะคะ (-“-)

พอรถวิ่งมาถึงสถานีบางซื่อ เจ้าของที่เค้าก็มา เง้อออ อ๋อออ เข้าใจแล้ว ตั๋วเต็มจริงๆ แต่ว่าคนจะทยอยขึ้นตามสถานีต่างๆ เราก็เลยมายืนกันตรงช่องตู้ระหว่างรถไฟ ถือเป็นประสบการณ์ใหม่จริงๆ 555

ยืนไปได้ซักพัก มีพี่ขายสร้อยเค้าเดินผ่านมา

พี่คนขายสร้อย: “อ้าว น้องลงไหนกัน”

ลูกไผ่: “หัวหินค่ะ”

พี่คนขายสร้อย: “น้องเดินไปตู้ที่ 2 ที่นั่ง 36 นะ จะมีแฟนพี่นั่งร้อยสร้อยอยู่ ตรงนั้นว่างนั่งได้ พี่ซื้อตั๋วไว้ถึงปลายทาง แต่เดี๋ยวพี่ลงศาลายา”

เฮ้ยยย พี่เค้าน่ารักมากอ่ะ คือการมารถไฟเราก็ได้พบเจอคนหลายประเภท แล้วก็ได้เจอน้ำใจดีๆระหว่างเดินทางที่เราจะไม่มีทางเจอเลยถ้าขับรถมาเอง

เราก็เลยไม่ต้องยืนเมื่อยยาวเกือบ 5 ชั่วโมง ขอบคุณพี่มากนะค้า (>/l\<)

ประมาณ 6 โมงเย็นเราก็มาถึงสถานีหัวหิน ถึงซักที เย้! เป็นการเดินทางที่ยาวนานมาก หลับไปก็หลายตื่น 555

ที่นี้ก็หาทางไปโรงแรมกันล่ะนะ ป่ะ ไปงมทางไปกันข้างหน้า

คือเรานั่งหาที่พักกันระหว่างนั่งอยู่บนรถไฟ ตอนนั้นเราติดต่อที่ ‘บ้านทองมี’ จาก Airbnb แต่ว่าเค้ายังไม่ตอบจนกระทั่งเรามาถึงหัวหิน เดินออกมาจากสถานีเห็นมีรถประจำทางจอดอยู่เต็มเลย เราเลยเดินเข้าไปถามว่าถ้าไป ‘บ้านทองมี’ เท่าไหร่คะ

เค้าบอกว่าต้องเหมาไป ซึ่งแพงมาก เราก็เลยถามเค้าว่าถ้าไม่เหมามีวิธีเดินทางอย่างอื่นไปมั้ย พี่เค้าก็น่ารักบอกว่า งั้นต้องนั่งมอไซค์ไป ซึ่งวินมอไซค์จอดอยู่ข้างหลังนี้เอง! 555

- ค่าวินมอเตอร์ไซค์ไปส่งที่บ้านทองมี คนละ 30 บาท

พอพี่วินส่งเราตรงหน้าตลาดทางเข้าโรงแรมแล้ว เจ้าของบ้านทองมีก็ chat ตอบเรามาพอดีว่า “ที่พักเค้าเต็มแล้ว” เง้ออออ

อ่ะ ไม่เป็นไร ทางที่ผ่านโรงแรมตรึมเลย เราก็เลยเดินถามโรงแรมแถวนั้น สรุปก็ได้ ‘โรงแรม Les Bobos’ ซึ่งอยู่เยื้องๆกับตลาดโต้รุ่งเล็ก ทำเลดี เดินทางง่ายเหมือนกัน

- ค่าที่พัก คืนละ 990 บาท เราพัก 2 คืน ก็ 1,980 บาท

ห้องพักที่นี่ค่อนข้างเล็กมาก ไม่ค่อยมีที่วางของ ที่สำคัญมีปลั๊กไฟแค่จุดเดียว

เราวางของเสร็จสรรพ ก็พากันออกเดินไปตลาดโต้รุ่งหัวหิน ไปหาอะไรทานกัน เพราะหิวโซกันมากแล้ว ตลาดก็อยู่ใกล้ๆนี่เอง เดินแปปเดียวก็ถึง

วันนี้ตลาดก็คนเยอะเหมือนเดิม เราเดินกันจนสุดตลาดก็ยังไม่ได้ของกิน ไปได้นู้นนน ไก่ย่างตรงปลายตลาด เฮ้ย มันอร่อยมาก ไม่รู้นี่เราหิวกันหรืออะไร 555

ทานเสร็จก็เดินวนกลับไปในตลาด ได้ชุดใส่สบายๆชิลๆมาชุดนึง ที่สำคัญ ราคาแค่ตัวละ 100 เดียวเอง!

ทานของคาวกันมาแล้ว ก็แวะทางของหวานกันซะหน่อย เป็นรวมมิตร ใส่ 3 อย่าง 30 บาท

โอเค ตอนนี้กระเพาะของคาว ของหวานอิ่มกันถ้วนหน้าแล้ว ก็เดินเที่ยวตลาดกันต่อ เดี๋ยวนี้ตลาดเค้าขยายมาด้านข้างๆ มีเป็นตลาดเล็กๆอีกส่วนด้วยอ่ะ หรือปกติเค้าก็มีมานานแล้วแต่เราไม่รู้หว่า

ตรงตลาดเล็กนี้จะมีบ้านไม้ที่ให้คนเดินขึ้นไปถ่ายรูปด้านบนได้ ข้างในก็ตกแต่งด้วยของเก่า คลาสสิคเชียว

เดินตลาดเล็กครบแล้ว เราก็ออกจากตลาดหัวหิน ข้ามถนนกลับมาเจอ ‘ร้านโกทิ’ ซึ่งยังคนเยอะตลอดกาลเหมือนเดิม 555

เราเดินสำรวจตามซอกซอยกันไปเรื่อยๆ ชิลๆ เจอร้านอาหารที่มีแต่ฝรั่งเยอะแยะเลย

ระหว่างทางก่อนกลับโรงแรม ไปเจอน้องหมาไซบีเรียนนอนแลบลิ้นอยู่หน้าร้าน นิ่งมาก 555 อย่างกะตุ๊กตา

Day 2:

วันนี้เราตื่นกัน 10 โมงกว่าๆ เพราะวันนี้กะเที่ยวชิลๆกันในหัวหินเนี่ยแหละ

ก่อนอื่นกองทัพต้องเดินด้วยท้อง เราเดินลงมาทาน Breakfast ที่โรงแรมก่อนออกเที่ยวกัน ข้อดีของ Breakfast ที่นี่คือปิด 11:30 น. เราเลยไม่ต้องรีบตื่นลงมาทานแบบทุกที

อิ่มเรียบร้อยกันแล้ว ก็เดินออกมา กำลังตัดสินใจกันอยู่ว่าวันนี้จะเช่ามอเตอร์ไซค์ดีมั้ย แต่ดูจากที่ๆจะไป เราเห็นตรงกันว่า เช่าเถอะ! เราไปได้ร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ห่างจากโรงแรมเรานิดหน่อย

- ค่าเช่ามอเตอร์ไซค์ 24 ชั่วโมง (ไม่รวมน้ำมัน) 200 บาท

ถือว่าถูกกว่าตอนที่ภูเก็ตกับอยุธยาอีกนะเนี่ย

ร้านกาแฟน่ารักๆที่หัวหินมีเยอะมากกก เลือกไม่ถูกเลยว่าจะไปที่ไหน จนเราไปเจอที่นึงที่ ‘บ้านกาแฟหัวหิน @ อยู่เย็น-หัวหิน เฮ้ย วิวทะเล บรรยากาศดีน่าไป แต่

พี่ปุ่น: “ที่นี่ไกลเหมือนกันนะ เราว่าน่าจะไปตอนเกือบๆเย็นๆหน่อย ตอนนี้แดดร้อนอ่ะ”

โอเค ดับฝันกันไปร้านแรก T^T เราก็เบนมาที่ ‘ร้านชุบชีวา’ ซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนัก ระหว่างทางเราเจอป้าย ‘ร้านอยู่เย็น’ เราก็เลยวกรถเข้าไป ด้านในติดทะเล ขวามือเป็นร้านอาหาร เราเลยรับลมถ่ายรูปกันพักนึง ละก็มุ่งหน้าสู่ ‘ร้านชุบชีวา’ กันต่อ

แพพเดียวเราก็ถึงร้าน วันนี้เงียบมาก แทบจะไม่มีคนเลย ที่ร้านมีทั้งส่วนที่เป็นห้องแอร์และส่วนที่นั่งในสวนด้านนอก

ส่วนด้านขวามือเป็นออฟฟิศ อย่าเผลอเดินไปเปิดประตูเค้าน้า

เรานั่งอยู่ที่ร้านพักใหญ่เลย เลือกหาที่ไปสำหรับวันนี้ สุดท้ายตัดสินใจกันว่า โอเค เดี๋ยวเราไป ‘ร้าน Tea House’ ที่น้องสาวเราแนะนำมา แต่ตอนนี้ยังอิ่มแน่นพุงกันอยู่ เราก็เลยว่าจะไปขี่รถเที่ยวในเมืองกันก่อน ขี่ไปขี่มา

พี่ปุ่น: “เอ้ย นี่ไงร้านป้าเจือ ที่เราบอก”

เราไปเจอร้านป้าเจือโดยบังเอิญ! ร้านป้าเจือเป็นร้านข้าวเหนียวมะม่วงชื่อดังของหัวหิน ที่พี่ปุ่นบอกเราตั้งแต่มาเหยียบหัวหินวันแรกว่าอยากมาทาน แต่จำไม่ได้ว่าร้านอยู่ไหน อ้าว (- -“)

ละโชคดีมาก ตรงที่ปกติร้านป้าเจือเนี่ยเค้าเข้าแถวต่อคิวกันซื้อเลยนะ แต่ตอนที่เรามา ไม่มีคนพอดี ดีใจจุง เราเลยจอดรถข้ามถนนเดินไปถาม

พี่ปุ่น: “ข้าวเหนียวมะม่วงชุดละเท่าไหร่ครับ”

คุณป้า: “120 บาทจ่ะ แต่ว่าข้าวเหนียวหมด กำลังทำอยู่นะ”

แง่วววว

พี่ปุ่น: “อีกนานมั้ยครับ”

คุณป้า: “ประมาณ 20 นาทีจ่ะ”

พี่ปุ่นหันมา “เอาไงดี รอป่าว”

ลูกไผ่: “แล้วแต่เลยอ่ะค่ะ”

พี่ปุ่น: “ไหนๆก็มาแล้ว รอก็ได้เนอะ เดี๋ยวไปเดินเล่นแถวๆนี้รอกัน”

ลูกไผ่: “โอเก!”

เราก็เลยจอดรถทิ้งไว้ที่หน้าร้านแล้วก็ไปเดินเล่นตามตรอกซอกซอยแถวนั้นกัน เอร้ย เพลินกว่านั่งอยู่ร้านกาแฟตั้งเยอะ

เดินๆไปก็ไปเจอตรอกๆนึง เป็นช่องลมพอดี ลมโกรก พัดมาชิลมาก มีโต๊ะร้านอาหารร้านนึงตั้งอยู่ริมกำแพง น่านั่งสุดๆ

เดินไปจนสุดทางถึงรู้ว่า อ้อ นี่มันทางเดินมาทะเลนี่นา ด้านบนทางเดินนั้นเป็นโขดหิน เห็นวิวทะเลกว้างๆ มีศาลเจ้าแม่กวนอิมอยู่ด้วย

ตอนเราเดินขึ้นไปเจอคุณลุงคนนี้นั่งตากแดดวาดรูปอยู่ หูย ไม่ร้อนใช่มั้ยคะนี่ เราแอบเหล่ๆดูรูปที่คุณลุงวาด สวยเลยอ่ะ!

เดินไปเรื่อยๆเราก็เจอชายหาดหัวหินที่มีม้า เฮ้ย หัวหินมีหาดด้วย! เอ่อม...ขอโทษนะที่เราไม่เคยรู้มาก่อน

เรามาทีไรนะ ก็เจอแต่แบบที่เป็นโขดหิน ไม่เคยเดินมาเจอที่เป็นชายหาดงี้เลย

ตรงนี้มีฝรั่งนอนอาบแดดกันเต็มเลย คาดว่าคงเป็นฝรั่งที่เค้าพักโรงแรมริมหาดแถวนี้แหละ

แต่ที่เด็ดสุดคือนี่! คุณลุงคนนี้!

เอ่อม ตอนที่เราไปนี่ก็แดดร้อนไม่ใช่เล่นนะ แต่คุณลุงนอนหลับอาบแดดอย่างสบายใจเฉิบเลย เห็นแล้วนี่นึกถึงปลาตากแห้งเลย

ชายหาดนี่เดินถ่ายรูปชิลใช้ได้เลย เราก็ไปปีนๆโขดหินถ่ายทะเลงี้ ซักพัก็ได้ยินเสียง


พี่ปุ่น: “ไผ่ติดแฟรมอ่ะ”

แล้วก็ยิ้ม ทำหน้าบอกประมาณว่า “ออกไป เราถ่ายคุณลุงฝรั่งอยู่!”

ลูกไผ่: “โอเคๆ ออกไปก็ได้ค่า!”

ตาหลอดดด เห็นฝรั่งพุงพลุ้ยใส่กางเกงว่ายน้ำเป็นไม่ได้ ชิชะ!

ตรงนี้เป็นชายหาดเล็กๆ เราเดินได้ซักพักก็ชวนกันกลับ ณ จุดนั้นเริ่มหิวกันนิดๆ เพราะว่าทานไปแค่ข้าวเช้าที่โรงแรมเอง เราก็เลยชวนกันนั่งทานข้าวตรงตรอกลมโกรกเนี่ยแหละ เฮ้ยย มันดีอ่ะ

เราสั่งข้าวผัดจานเดียวมาทานด้วยกัน เพราะต้องเหลือกระเพาะไว้ทานนู้นนั่นนี่อีกเย๊อะ

- ข้าวผัดจานละ 50.- ถูกกว่าที่คิดไว้แฮะ เพราะตอนแรกเราเห็นมีแต่ฝรั่งนั่ง นึกว่าจะเป็นราคาขายฝรั่งไรงี้ ใครอยากนั่งชิลๆ ลมเย็นๆ เราแนะนำร้านนี้เลย เราชอบมาก!


ทานเสร็จก็พากันเดินกลับไปร้านข้าวเหนียวมะม่วง เพราะนี่ก็พากันเดินเพลินเกิน 20 นาทีละ

ลูกไผ่: “ข้าวเหนียวเค้าจะหมดอีกรอบมั้ยคะนี่พี่ปุ่น”

พี่ปุ่น: “ไม่รู้เลยแฮะ เค้าขายดีมากอ่ะ”


พอเดินกลับไปถึงร้านข้าวเหนียวมะม่วง

พี่ปุ่น: “ยังเหลือมั้ยครับ”

คุณป้า: “เหลือจ้า”

เย้! ได้ทานซักทีข้าวเหนียวมะม่วงงงงงง

อร่อยดีนะ แต่มะม่วงแอบเปรี้ยวนิดนึง เราว่ามะม่วงนี่ขึ้นกับหน้ามันจริงๆแหละ เจ้าประจำที่เราชอบทานที่พัทยา เค้าเคยบอกเลยว่า “มะม่วงจะติดเปรี้ยวนิดนึงนะคะ มันไม่ใช่หน้ามัน”

อิ่มทั้งของคาวของหวานแล้ว แดดเริ่มร่มขึ้นนิดๆละ ได้เวลาไปเก็บร้านไอพลับละ (น้องสาวเรา) ‘Tea House’ อยู่ห่างจากตัวเมืองหัวหินออกไปประมาณ 20 นาที เราต้องขี่ไปทางถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ ลมนี่ตีหน้าพั่บๆๆเลย 555

ร้านอยู่ตรง FN Outlet เลย เดินเข้าไปจนสุดทางก็จะเจอร้าน ร้านดูไฮโซ (ตามสไตล์พลับ) มาก พนักงานต้อนรับอย่างดีตั้งแต่ยังไม่เข้าร้าน คนเยอะใช้ได้เลย

พี่ปุ่น: “เอา มาร์โค โปโล ครับ”

ลูกไผ่นั่งเปิดดูขนมวนไปวนมา หันไปยิ้มให้พนักงาน “มีเค้กอะไรแนะนำบ้างมั้ยคะ”

พนักงาน: “ลอง เฟอร์ยองทีน มั้ยคะ จะเป็นเค้กมูสกรุ๊บๆ คล้ายๆเฟอร์เลโร่อ่ะค่ะ”

ลูกไผ่: “งั้นเอาอันนี้แหละค่ะ”


พอพนักงานเดินไป

ลูกไผ่: “มาร์โค โปโล นี่มันชาอะไรอ่ะคะ พี่ปุ่นชอบทานเหรอ”

พี่ปุ่น: “ไม่รู้เหมือนกัน เห็นเป็น signature ของร้านเลยลองสั่งดู”

ลูกไผ่: “อ้อออออออ”


ซักพักใหญ่ พนักงานก็เอาชากับเค้กมาเสิร์ฟ ชาหอมอ่อนๆ กำลังดีเลย ส่วนเค้ก เฮ้ยยย อร่อยจริงๆแฮะ ตอนแรกเราก็หวั่นๆอยู่ว่าเนื้อมูสมันจะโอเคเหรอว้า คือเราไม่ชอบทานมูส แต่อันนี้มันคล้ายเฟอร์เลโร่จริง อร่อยอ่ะ

นั่งๆทานอยู่ พนักงานที่อยู่หลังเคาท์เตอร์ก็ออกมาเดินเป่าแซคโซโฟนให้ฟังทั่วร้านเลย


Mission Complete มาเก็บแล้วส่งรูปยั่วน้ำลายพลับเรียบร้อย พลับบอกต้องมาตามรอยแน่ๆ

อ๊ะ ร้านเค้าบอกว่าเดี๋ยวเค้าจะมาเปิดสาขาที่กรุงเทพเร็วๆนี้ด้วยนะ

เป้าหมายต่อไปของเราก็ Cicada ตลาดจักจั่น ตลาดฮิต ฮิปๆที่ใครมาหัวหินก็ต้องมา

ก่อนถึงเราแวะจอดถามคุณลุงคนขับรถตู้ที่จอดอยู่ตรงหอนาฬิกาว่า ถ้าจะไป ‘เขาสามร้อยยอด’ ไปยังไงได้บ้าง คุณลุงแกบอกว่าต้องนั่งรถตู้ไปต่อรถที่ปราณบุรี

ลูกไผ่: “แล้วต้องขึ้นรถตู้ตรงไหนอ่ะ”

คุณลุงรถตู้: “ตรงหอนาฬิกาเนี่ยแหละ เค้ามีวิ่งมาเรื่อยๆเลย”

ลูกไผ่: “เค้าวิ่งกันตั้งแต่กี่โมงอ่ะคะ เช้าสุดอ่ะค่ะ”

คุณลุงรถตู้: “โอ้ย เช้าเลย 6-7 โมงก็วิ่งกันแล้ว”

ลูกไผ่ + พี่ปุ่น: “อ้อ โอเค ขอบคุณมากนะค้า”


แล้วเราก็มุ่งสู่ Cicada กันต่อ ตอนเราไปถึงฟ้ายังไม่มืดเลย บางร้านก็เพิ่งจัดๆของกันอยู่เลย

เดินกันจนฟ้ามืด เดี๋ยวนี้เค้ามีลานคอนเสิร์ตขยายออกมาจากเมื่อก่อนด้วย เราคงไม่ได้มานานมากแล้วจริงๆ

จริงๆวันนี้เรากะว่าจะไปทานร้านอาหารทะเลที่ริมทะเลกัน แต่เริ่มหิวนิดๆแล้ว

พี่ปุ่น: “ทานอะไรที่นี่รองท้องไปก่อนละกันเนอะ”

ลูกไผ่: “โอเคค่า”


อาหารใน Cicada แพงใช้ได้เลย จะซื้ออะไรก็รู้สึกเสียดายตังค์ T^T

ก็เลยได้หมูปิ้ง บาร์บีคิว ขนมครก ละก็น้ำอ้อยสด มารองท้อง (สาบานว่านี่รองท้อง)

เดินวนจนทั่วตลาดละ ก็เลยเดินอ้อมออกไปทางด้านหน้า เค้ามีวงดนตรีไทยเล่นข้างนี้ด้วยนะ เล่นกันมันส์มากอ่ะ

พอจะกลับไปที่จอดรถ ก็เดินผ่านตลาดข้างๆ Cicada ที่ตอนนี้จัดของเต็มหมดแล้ว เลยเดินแวะเข้าไปดูหน่อย

โหหหห ของกินเยอะกว่า Cicada อีก และที่สำคัญราคาถูกกว่าเยอะเลย

ลูกไผ่: “พี่ปุ่นคะ ไผ่ไม่ทานร้านอาหารทะเลแล้วก็ได้นะ”

พี่ปุ่น: “ของกินเยอะใช่มั้ย 555”

ลูกไผ่: “ใช่ค่า ละลานตามาก!”


ที่นี่ชื่อ “ตลาดมะขาม” ใครมาเราแนะนำให้มาฝากท้องที่นี่ ที่นั่งอาจจะแน่นกว่า Cicada เพราะคนคงหนีมาทานที่นี่กันเยอะ แต่อากาศโล่งโปร่งกว่า Cicada เยอะเลย แถมของกินก็เยอะละถูกกว่าด้วย

เราปิดท้ายด้วยน้ำแตงโมเนื้อแน่นๆ ก่อนกลับไปนอนผึ่งพุงกันที่โรงแรม

Day 3:

เราพยายามลากตัวเองตื่นมาตอน 7 โมงเช้า เก็บของ เตรียมตัวลงไปทานข้าวเช้า แล้วก็ check-out

แล้วก็พากันเดินไปที่หอนาฬิกา เช้านี้ถนนยังโล่งอยู่เลย ชอบอะไรอย่างนี้จุง ดูไม่วุ่นวายดี

นั่งรอแปปเดียวก็มีรถตู้วิ่งมา

ลูกไผ่: “เอ้ย พี่ปุ่นๆๆ รถไปปราณอ่ะค่ะ”

พี่ปุ่น: “เหรอ”

วิ่งสิค้า รออะไร!


พี่ปุ่น: “ลงสามร้อยยอดครับ”

ระหว่างทางเราก็นั่งก้มหน้าอยู่ google map กันแล้วก็เริ่มไม่แน่ใจ

พี่ปุ่น: “พี่ครับ ถ้าไปเขาสามร้อยยอดนี่ต้องลงตรงไหนอ่ะครับ”

คนขับ: “น้องจะไปไหนอ่ะ”

พี่ปุ่น: “เข้าไปเขาสามร้อยยอดเลยอ่ะครับ”

คนขับ: “มันไม่มีรถเข้าไปนะ ต้องไปเหมารถไป”


คุณป้าในรถได้ยิน แกก็เลยโทรไปหาเพื่อนถามว่าต้องไปยังไงให้

คุณป้า: “มันต้องไปลงที่สามแยกปราณ แล้วไปเหมารถต่อไปนะ”

พี่ปุ่น: “แล้วที่นั่นมันมีมอเตอร์ไซค์ให้เช่าขี่ไปมั้ยครับ”

คุณป้า: “ไม่มีนะ ส่วนใหญ่พวกฝรั่งก็เช่าจากหัวหินแล้วขี่ไปกัน”

คนขับ: “เดี๋ยวๆๆ น้องจะไปไหน”

ลูกไผ่: “เขาสามร้อยยอดที่เป็นบึงบัวอ่ะค่ะ”

คนขับ: “โอเค เดี๋ยวจัดการให้”

แล้วพี่เค้าก็ยกหูโทรหาเพื่อน คุยตกลงอะไรกันไม่รู้ แล้วเค้าก็พาเราไปจอดที่หน้าวินมอเตอร์ไซค์

คือพี่เค้าโทรหาเพื่อนที่เป็นวินมอเตอร์ไซค์ว่ามีคนอยากเข้าไปที่เขาสามร้อยยอด พาไปหน่อย


สรุปวิธีไปคืองี้นะฮ้า

นั่งรถตู้จากตัวเมืองหัวหินมาลงที่ ‘ตลาดไร่ใหม่’ 50 บาท

นั่งวินมอเตอร์ไซค์เข้าไปข้างใน (ไกลอยู่เหมือนกันนะ) 80 บาท แนะนำว่าเข้าไปถึงข้างในแล้วให้ขอเบอร์พี่วินไว้ เผื่อตอนจะออกมาจะได้โทรเรียกพี่เค้ามารับได้

และแล้วเราก็ค้นพบการเดินทางด้วยรถสาธารณะมาเขาสามร้อยยอด ด้วยการงมแบบงูๆปลาๆ !!!!!! 55555

เราเข้ามาถึงเขาสามร้อยยอดตอนประมาณ 10 โมงกว่าๆ เงียบมากก ไม่มีคนเลย

ด้านหน้าจะมีที่ขายบัตรเข้าไป ค่าเข้าคนละ 40 บาท

เจ้าหน้าที่บอกว่า ช่วงที่ผ่านมามันแล้งมากจนบัวตายไปหมดแล้ว เง้ออออ

ที่นี่ลมโกรก เย็นสบายเลยตอนเราไปถึง เป็นทางเดินไม้ยาวๆ กว้างสุดลูกหูลูกตาเลย แต่ไม่มีบัวอย่างที่เค้าว่าจริงๆ มีแต่กอบัวลอยอยู่ใต้น้ำเต็มไปหมด

ที่นี่มีนกด้วยนะ มีหลายพันธุ์ด้วย แต่ถ่ายไม่ค่อยจะทัน

นกนี่การรับรู้เร็วมาก เราแค่เดินไประยะไกลเกือบ 5 เมตร บินหนีแระ! ใครคิดจะถ่ายนี่คงต้องพกเทเลระยะไกล ไกล๊ ไกล ไกลเลย

จริงๆเราก็กะเดินวนให้ทั่วทางเดินไม้นั่นแหละ แต่เดินไปได้ระยะนึง แงะ เค้าปิดซ่อมปรับปรุงทางข้างหน้าอยู่อ่ะ เลยต้องพากันเดินกลับทางเดิน

ขากลับนี่เริ่มไม่ชิลละ แดดเปรี้ยงเลย แล้วเป็นที่โล่งมีร่มเลย รับแดดเต็มๆฮ้า ถ้ามีคลอโรฟิลล์ในตัวนี่คงสังเคราะห์แสงอยู่ได้เป็นปีๆ 555


ข้างในอุทยานมีร้านข้าวด้วยร้านนึง เราเดินกันจนท้องเริ่มหิว ฝากท้องกันในนี้เลยละกัน จะได้นั่งพักด้วย

ร้านนี้เค้ามีอาหารให้เลือกสั่งเป็นกับๆ เยอะอยู่นะ แต่ราคาแพงเกินหน้าตาร้านมาก เราเลยสั่งเป็นอาหารจานเดียวยอดนิยมมาแทน ผัดกระเพราไข่เจียว พี่ปุ่นสั่ง คะน้าไข่เจียว ตกจานละ 60 บาท

ผลที่ได้ คือทานเพื่อประทังชีวิตไปเถิดดด เค็มทุกอย่าง 555


ระหว่างรอไผ่นั่งผึ่งพุง และก็โทรเรียกพี่วิน พี่ปุ่นก็เดินไปเล่นกับของรักเค้าล่ะน่ะ

เจ้าแมวอ้วน!

พี่วินพาเราไปส่งที่คิวรถตู้ฝั่งตรงข้ามถนนกับวินมอเตอร์ไซค์พี่เค้า ตอนแรกเราก็คิดว่าจะใช้เวลางมหาทางมา แล้วก็อยู่ในนี้เป็นวันๆ เดินเสร็จก็จะนั่งรถตู้จากที่นี่กลับกรุงเทพเลย แต่! ผิดคาดค่า เราใช้เวลาแค่ครึ่งวันเอง เหลือเวลาอีกตั้งเยอะ เราก็เลยตัดสินใจนั่งรถตู้กลับไปที่ตัวเมืองหัวหิน ไปเดินเที่ยวเตร็ดเตร่กันต่อ

คิวรถตู้มาจอดส่งเราตรงตลาดโต้รุ่งหัวหิน ใกล้โรงแรมที่เราพักนิดเดียวเอง เราเลยเดินกลับไปโรงแรม จะขอไปฝากของเค้าไว้แล้วค่อยออกเดิน แบกกระเป๋าไปด้วยหลังหักกันพอดี ระหว่างทางเดินกลับโรงแรม เราก็ถ่ายรูปกันไปเรื่อย แล้วก็มีผู้ชายวัยกลางคนคนนึงเดินผ่านมาเห็นเราถ่ายรูปกันพอดี เค้าก็ทำท่าถือกล้องกดชัตเตอร์

ผู้ชาย: “take photo you 2 you 2”

แล้วชี้มาที่เราสองคน ประมาณว่า ถ่ายรูปคู่มั้ย เดี๋ยวเค้าถ่ายให้

เราก็งงๆ แล้วก็หันไป “อ๋อยยย ขอบคุณค่ะ”

ผู้ชาย: “อ้าว คนไทยเหรอ”

55555


และแล้วเราก็เดินมาถึงโรงแรม ที่โรงแรมน่ารักมาก เค้าก็ให้เราฝากของอย่างเต็มใจเลย แถมคุณป้า (ที่คิดว่าน่าจะเป็นเจ้าของ) ก็มาคุยด้วย ยิ้มแย้ม อัธยาศัยดีเลย ฝากของไว้แล้วก็ออกไปเดินเล่นกันต่อ ก่อนอื่นเราแวะคิวรถตู้ซื้อตั๋วกลับกรุงเทพเตรียมไว้ก่อน เราได้รอบ 18:10 น. สบ๊ายย มีเวลาเดินเที่ยว ละก็กลับถึงกรุงเทพไม่ดึกเกินไปด้วย

วันนี้เราลองเดินตามตรอกซอกซอยที่เมื่อ 2 วันที่แล้วไม่ได้เดิน

เดินเข้าไปใน “วัดหัวหิน” ไม่มีอะไรเลย 555

เดินผ่าน Walking Street เพิ่งรู้ว่าที่นี่ก็มี

เดินไปเดินมาก็ไปเจอทางเดินลงชายหาดหัวหินอีกที่นึง ที่ข้างหน้าจะเป็นร้านขายของยาวๆ เดินไปอีกนิดก็จะเจอทางเข้า

Centara หัวหิน แอบมองเข้าไปกว้างและใหญ่มากกก อยากจะพักซักครั้งจริงๆ T^T

เดินไปเรื่อยๆก็จะเริ่มเห็นทางเดินลงหาด ที่ก็มีร้านขายของข้างทางเหมือนกัน

ที่หัวหินนี่เค้าจะมีป้ายติดเรทราคาของกิน ของขายที่นี่ไว้เลยนะ เพื่อไม่ให้ร้านค้าขายราคาแพงเกินควร เฮ้ย ดีมากอ่ะ น่าจะทำอย่างนี้ที่ภูเก็ตด้วยนะ ของกินแพงมากกกที่นู้นอ่ะ

อ๊า ชายหาดฝั่งนี้กว้างกว่าที่เราไปเมื่อวานเยอะเลย ม้าก็เยอะกว่า ฝรั่งนอนอาบแดดก็เยอะกว่า

เดินรับลมทะเลกันเต็มอิ่มเลย พลังงานเริ่มหมด ป่ะ ไหนๆวันนี้ก็เหลือเวลาละ เราตั้งใจว่าจะทานข้าวเย็นที่นี่ ที่ร้านอาหารทะเลชื่อ “ร้านชาวเล” ร้านที่เราตั้งใจจะมาเมื่อวานแต่ว่าโดนตลาดมะขามสกัดดาวรุ่งไว้ก่อน

ตอนเราไปถึงก็เกือบๆ 5 โมง เสียดายเค้ายังจัดโซนที่ยื่นออกไปทะเลยังไม่เสร็จ เราเลยต้องนั่งโซนใต้หลังคา เห็นวิวทะเลไกลออกไปหน่อย

ตอนเปิดเมนู เราก็ โห ร้านนี้แพงจุง แต่พอสั่งไปเท่านั้นแหละ ไป 2 คน สั่งแค่ 2 อย่างพอ เชื่อเรา เค้าให้เยอะมาก!!! สมราคาเลยอ่ะ อร่อยด้วย

ระหว่างนั่งทานมองออกไปที่ทะเล ก็เห็นสะพานยาวๆยื่นออกไปในทะเล

พี่ปุ่น: “นั่นสะพานอะไรอ่ะ เดินไปยังไงหว่า อยู่ใกล้ๆนี้เองอ่ะ”

ลูกไผ่: “จริงด้วยแฮะ เมื่อคืนเดินๆผ่านก็ไม่เห็นทางเดินเข้าไปเลยอ่ะค่ะ”


ก่อนออกร้านเราเลยถามพนักงานว่าสะพานนั่นอยู่ตรงไหน เค้าก็บอกทางเรามา

ทางเข้าไปสะพาน เป็นที่ๆเค้ากำลังก่อสร้างอะไรซักอย่างอยู่ทำให้มองไม่เห็นทางเข้า

พอเดินไปถึงเท่านั้นแหละ เฮ้ยยยยย เราพลาดที่นี่ได้ไง ทำไมเราต้องมาเจอที่นี่ตอนที่เหลือเวลาไม่ถึงชั่วโมงก็ต้องกลับไปขึ้นรถแล้ว

พี่ปุ่น: “โห รอบหน้าต้องกลับมาซ้ำ”

สะพานนี้วิวดี ลมดี อากาศดีจริงๆ มีซากเรือที่เป็นสนามเด็กเล่นพี่ปุ่นเค้าล่ะ ละก็มีคนมานั่งตกปลา มีนกบิน

แถมเห็นฟ้าตอนพระอาทิตย์ตก สวยมาก

รอบหน้าต้องกลับมาถ่ายรูปที่นี่ซ้ำจริงๆ

ว้า ถึงเวลาต้องกลับแล้ว ไม่ทันไรก็อยากเที่ยวอีกแล้ว 5555


เจอกันทริปหน้าจ้า


มาคุยกับไผ่และพี่ปุ่นได้ที่นี่นะค้า => https://www.facebook.com/wherewegopage/

Where We Go

 วันศุกร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 เวลา 10.57 น.

ความคิดเห็น