ทริปนี้เรียกว่าเป็นทริปของแถม แล้วก็อยู่นอกเหนือจากแพลนของเราดีกว่า
เรื่องของเรื่องคือ พอดีว่าเราต้องขึ้นไปงานแต่งน้องสาวเราที่ เชียงใหม่ ตอนนั้นเราจองเครื่องลงที่เชียงใหม่ ละจองขากลับไว้ที่ลำปาง เพราะเราเป๋นสาวลำปางเจ้า ใข่แล้ว บ้านเกิดเราอยู่ลำปาง
หลังจากเสร็จงานแต่งน้องเรา เราแพลนว่าจะกลับไปนอนที่บ้านลำปางเพื่อรอขึ้นเครื่องตอนบ่ายสองของอีกวันนึง
ด้วยความที่ เฮ้ยย ไหนๆก็มาต่างจังหวัดทั้งที มันต้องได้เที่ยวสิ!
จากที่เราบ่นงุ้งงิ้งๆ อยากไปเที่ยวตั้งแต่เครื่องลงที่เชียงใหม่
พี่ปุ่น: “ไปนอนเต๊นท์ที่แจ้ซ้อนมั้ยล่า”
ลูกไผ่: “อ๊า...ไปๆค่า”
นี่ก็เลยเป็นที่มาของทริปแถมทริปนี้
Day1:
บอกแม่ไว้เสร็จสรรพว่าคืนนี้จะไปนอนที่น้ำตกแจ้ซ้อนนะคะ เรากลับมาถึงบ้านที่ลำปางประมาณเกือบ 4 โมง แล้วก็ขับรถออกบ้านกัน ก่อนไปแม่บอกว่า
แม่: “เตรียมของกินเข้าไปด้วยล่ะ เข้าไปข้างในไม่มีอะไรให้กินนะ”
ระหว่างทางเรากับพี่ปุ่นนี่หาร้านของกินกันสุดทาง แล้วก็ไม่ได้แวะซักที จนพอไกลถึงน้ำตก
อ้าว! มีตลาดเมืองปานที่ของกินเพียบ! กับ 7-11 ใหญ่เลย 555
พี่ปุ่น: “ไหนแม่บอกว่าไม่มีของกินไง”
ลูกไผ่: “นั่นสิ 555”
ไอเราก็ตื่นตากับของกินใหญ่เลย บวกกับคำพูดแม่ว่า “ข้างในไม่มีของกินนะ” “ข้างในไม่มีของกินนะ”
สรุปเลยซื้อของกินมาเพียบเลย 555
เราใช้เวลาจากตัวเมืองลำปางขับรถมาไม่ถึงชั่วโมงก็ถึงแล้ววว น้ำตกแจ้ซ้อน
ค่าเข้าน้ำตกแจ้ซ้อน คนละ 40 บาท และรถคันละ 30 บาท
ระหว่างจ่ายเงินก็สอบถามเจ้าหน้าที่เรื่องจุดกางเต๊นท์ และที่ให้เช่าเต๊นท์
ตอนเรามาถึงก็เย็นๆแล้ว กลัวว่า จุดบริการให้เช่าเต๊นท์จะปิดซะก่อน เลยขับไปตรงจุดกางเต๊นท์กันก่อน
โห ที่จุดกางเต๊นท์นี่เต๊นท์เพียบ! ตอนแรกเราก็ เฮ้ย ทำไมคนเยอะจัง!
พี่ปุ่น: “นี่มันเต๊นท์เปล่าไผ่ เจ้าหน้าที่เค้ากางไว้ให้คนมาเช่าอย่างนี้อยู่แล้ว”
ลูกไผ่: “อ้าว เหรอคะ ฮี่ ฮี่ ฮี่”
พี่ปุ่น: “โวยวายก่อนตลอด”
555 พอดีว่าวันที่เราไปเป็นวันอาทิตย์ ก็เลยไม่ค่อยมีคนนอนที่นี่กันแล้ว เห็นมีอยู่แค่ 2-3 เต๊นท์เอง
โชคดีของเรา ที่จุดให้เช่าเต๊นท์ยังไม่ปิด
- เราเช่าเต๊นท์ 1 หลัง
- แผ่นรอนอน 2 อัน
- หมอน 2 ใบ
ทั้งหมดนี้ 250 บาทจ้า
พอได้ของแล้วก็เลือกเต๊นท์ได้ตามใจชอบเลย อยากนอนเต๊นท์ไหนก็สุดแต่ใจจะไขว้ขว้าเลย
เลือกเต๊นท์ได้แล้ว ก็โยนๆของไว้ แล้วก็ขับรถไปที่บ่อน้ำพุร้อนกัน ก่อนออกไป ก็มีคุณป้าขี่มอเตอร์ไซค์เดินมาหาเรา
คุณป้า: “พรุ่งนี้เช้ารับข้าวต้ม กาแฟ โอวัลติน มั้ยคะ”
พี่ปุ่น: “สั่งได้เหรอครับ”
คุณป้า: “ใช่จ่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ 7 โมงเช้า ป้าเอามาส่งให้ที่เต๊นท์”
อ้าว แม่......ไหนว่าไม่มีอะไรกินไง นี่มีบริการส่งถึงเต๊นท์เลยนะ!
พี่ปุ่น: “เราเอาข้าวต้มกับโอวัลติน ไผ่เอาไรป่าว”
ลูกไผ่: “ไม่เอาอ่ะค่ะ”
สั่งเสร็จสรรพ เราก็วนรถมาที่บ่อน้ำพุร้อน
เนื่องจากเราเป๋นสาวลำปาง แน่นอนว่าเราต้องเคยมาที่นี่อยู่แล้ว แต่นานนน น๊านนนน นานนนน มาแล้ว ตั้งแต่สมัยเราเป็นเด็กนู้นแน่ะ มาอีกทีรอบนี้ เฮ้ย คนละอารมณ์กันเลย ชอบมาก ได้มาสูดอากาศดีๆ ได้มาถ่ายรูป ได้มานอนเต๊นท์ เฮ้ย มันดีอ่ะ
บ่อน้ำพุร้อนเย็นนี้ยังมีคนมาต้มไข่กันเยอะอยู่เลย
บ่อน้ำพุร้อนที่นี่เค้าจะมีป้ายหินบอกอุณหภูมิของแต่ละบ่อ ละก็มีคำแนะนำด้วยว่า อุณหภูมินี้ต้มไข่แล้วจะได้ไข่แบบไหน
บางจุดในบ่อน้ำพุร้อน เราจะเห็นเส้นสีขาวๆ คล้ายๆไข่ขาว มันคือแบคทีเรีย Chloroflexus aurantiacus ที่สามารถ ดำรงชีวิตอยู่ได้ในสภาพไร้ออกซิเจน ในน้ำอุณหภูมิสูงเกิน 50 องศาเซลเซียส (ขอบคุณข้อมูลจากคุณ sarisari นะคะ)
เราก็เดินเล่นถ่ายรูปกันเรื่อยๆ จนแสงเริ่มหมดก็ชวนกันกลับเต๊นท์ไปทานข้าวกัน ทานเสร็จก็มืดแล้ว ดีนะที่ห้องน้ำอยู่ใกล้ๆเต๊นท์เรานี่เอง ถ้าใครมาอย่าลืมพกไฟฉายมากันด้วยนะแจ๊ะ
ห้องน้ำที่นี่สะอาดมากกก ตั้งแต่เราไปนอนกางเต๊นท์มานี่ เพิ่งเจอที่นี่แหละที่สะอาดขนาดนี้ ประทับใจมาก
วันนี้เราเข้านอนกันตั้งแต่หัวค่ำ เพราะว่านอนน้อย ตื่นเช้ากันมาหลายคืนแล้ว
Day2:
เราคุยกันว่าเช้านี้เราจะตื่นมาถ่ายพระอาทิตย์ขึ้นกันตั้งแต่ 6 โมง
แต่พอเช้าๆ เราก็ได้ยินเสียงน้ำตกลงมาที่เต๊นท์ เปาะ แปะ เปาะ แปะ แงะ ฝนตกอ่ะ ออกไปถ่ายรูปไม่ได้แล้วง่ะ ก็เลยไม่มีใครตื่น นอนต่อ
จน 7 โมงกว่าๆ คุณป้าที่พี่ปุ่นสั่งข้าวต้มไว้เมื่อวาน ก็มาเรียกที่หน้าเต๊นท์ เราที่หลับสะลึมสะลืออยู่ได้ยินเสียงพี่ปุ่นคุยกับคุณป้า
พี่ปุ่น: “อ้าว ฝนหยุดตกแล้วเหรอครับ”
คุณป้า: “ไม่ตกนี่ลูก”
พี่ปุ่น: “อ้าว ผมได้ยินเสียงฝนตกอ่ะฮะ”
คุณป้า: “5555 มันเสียงน้ำค้างจ้า”
อ้าว แง่ววววว 555555
พี่ปุ่น: “อ้าว ไผ่ ลุกไปล้างหน้าเร๊ววว”
ยังดีที่มีคุณป้ามาปลุก เราเลยทันได้มาสูดอากาศเช้าที่บ่อน้ำพุร้อน 555
ตอนเช้าอากาศดีมากกก ได้เห็นอะไรสดชื่นๆเยอะแยะเลย
แสงแดดตอนเช้า
น้ำค้างบนใบ cover
ใยแมงมุมที่มีน้ำค้างเกาะ
สดชื่นนนนน
อ๊ะ ที่นี่ นอกจากคนจะมาต้มไข่กันแล้ว เค้ายังมาแช่บ่อน้ำพุร้อนด้วยนะ อารมณ์แบบออนเซ็นไทยๆไรงี้ 555
สุดทางบ่อน้ำพุร้อน เค้าจะมีบริการห้องแช่น้ำพุร้อนให้ด้วยล่ะ
ส่วนอีกกิจกรรมของที่นี่ก็คือ มาเล่นน้ำตกกัน
ช่ายแล้ว นอกจากที่นี่จะคือ บ่อน้ำพุร้อนแจ้ซ้อนแล้ว ที่นี่ยังรู้จักกันในนาม น้ำตกแจ้ซ้อนด้วย เรากำลังจะพาเดินไปดูนี่ล่ะ แต่!
แม่โทรเข้ามา: “นังหนู แม่ฝากซื้อไข่มาแช่ให้หน่อยสิ ป้ารวยชอบกิน”
นั่นไง โดนแม่สะกัดดาวรุ่ง
เราก็เลยเดินไปซื้อไข่ที่จุดบริการ ที่นี่เค้ามีขายทั้งชะลอมเล็ก ชะลอมใหญ่ หรือใครจะซื้อยกแผงเค้าก็มีให้นะ
อ๊ะ ทำภารกิจต้มไข่ให้แม่เสร็จ เราก็ได้เวลาเดินไปน้ำตกกัน ทางขึ้นน้ำตกเราขับรถขึ้นไปได้ถึงจุดนึง แล้วก็ต้องลงเดินต่อไปเอง
หน้าทางเข้า จะมีร้านขายของ ละก็ร้านอาหาร แต่ตอนนี้คงจะเช้าเกินไป เลยยังไม่มีร้านอาหารร้านไหนเปิดเลย 555
ทางเดินไปน้ำตกวันนี้ก็เช่นกัน มีแค่เรากับพี่ปุ่นสองคน เงียบสงบสุดๆ 555
เราเดินเลาะธารน้ำตกเข้าไปข้างในเรื่อยๆ เดินกันสบายๆ อากาศเย็นๆ มีต้นไม้ให้ร่มเงาตลอดทาง ไม่ร้อนเลย
เดินไปได้ซักพักเราก็มาถึงน้ำตกชั้นที่ 1
น้ำตกแจ้ซ้อนมีทั้งหมด 6 ชั้น ทางอุทยานทำบันไดทางขึ้นไว้ให้เดินขึ้นได้ง่ายๆ สะดวกเลยทีเดียว
แต่ว่าเราเดินมาถึงแค่ชั้นที่ 2
พี่ปุ่น: “ไม่ค่อยมีอะไรแล้วเนอะ ข้างบนนี้ไม่ค่อยเห็นอะไรเลย”
ลูกไผ่: “นั่นสิคะ ถ่ายรูปไม่สวยเลยอ่ะ มันไม่ค่อยน้ำตก”
พี่ปุ่น: “ปะ เดินกลับกัน เดี๋ยวกลับไปขึ้นเครื่องไม่ทัน”
ลูกไผ่: “โอเค”
และแล้วก็ได้เวลาขับรถกลับกันแล้ว
แต่ยังไม่จบทริปนี้นะ
เรามีอีกสถานที่เที่ยวที่เราเห็นกันตั้งแต่ตอนขับรถมากันแล้ว กะว่าขากลับจะมาแวะ
ที่นี่ชื่อว่า ‘Harvest Moon’ แหมะ ก๊อปชื่อเกมส์กันมาเลยทีเดียว 555
ทีนี่เป็นไรสตอเบอร์รี่ ที่มีทั้งร้านอาหารและร้านกาแฟอยู่ด้านใน
จริงๆก็อารมณ์ไร่ที่ทำเป็นสถานที่ท่องเที่ยวให้คนเข้ามาถ่ายรูปสวยๆ นั่นแหละ
แต่ตอนที่เราไปถึงก็เป็นช่วยช่วงเที่ยงๆ แดดเลยออกจะแรงไปซักหน่อย
เราเลยแอบหลบแดดมาซื้อชานั่งกินรอพี่ปุ่นเดินไปถ่ายทุ่งด้านหลังสวนนู้นนน
เอาล่ะ เราต้องรีบกลับไปขึ้นเครื่องแล้ว ขอปิดทริปนี้ด้วยชาเย็นของ Harvest Moon ละกันน้า
เห็นมั้ย เวลาน้อยนิดก็เที่ยวได้น้า 5555
เข้ามาพูดคุยกันได้ที่นี่นะค้า https://www.facebook.com/wherewegopage/
Where We Go
วันพฤหัสที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 เวลา 11.28 น.