"ย้อนความทรงจำผ่านสิ่งสะสม"


ใช้เวลายามบ่ายในการย้อนหวนกลับไปสู่ห้วงวัยหนึ่งของชีวิต ณ สถานที่ที่รวบรวมสิ่งของสะสมไว้มากมายหลากหลายชนิด ณ สุขสะสมมิวเซียม พิพิธภัณฑ์ที่มีความสุขกับการสะสม ซึ่งผู้เข้าชมก็มีความสุขกับการสัมผัสความรู้สึกนั้นเช่นกัน




พิพิธภัณฑ์นี้ไม่เหมาะกับการมาคนเดียว ! ควรมาเป็นคู่ มากับกลุ่มเพื่อน หรือครอบครัวหรรษา เพราะเราจะเพลิดเพลินมากจนลืมเวลาไปกับการได้มีสนทนาพูดคุยเรื่องราวต่างๆ โดยมี topic ผ่านสิ่งของสะสมเหล่านี้กับคนรอบข้างที่เติบโตมาในยุคที่ใกล้เคียงกัน ได้แลกเปลี่ยนความคิดในความทรงจำนั้น ๆ พร้อมกับย้อนเวลาไปพร้อม ๆ กัน





" ของเล่นและของสะสมต่าง ๆ รอเราไปค้นพบอยู่ ! "



นับเป็นอีกหนึ่งรูปแบบทางความรู้สึกที่หาได้ยากจากการเข้าเยี่ยมชม"พิพิธภัณฑ์" ซึ่งคือความรู้สึกที่อบอุ่นเหมือนบ้านอีกหลังหนึ่ง การต้อนรับที่น่ารักและความรู้สึกเป็นกันเองในการรับชม เราสามารถสัมผัสได้ถึงความใจรักของผู้ก่อตั้ง และความมุ่งมั่นที่จะอนุรักษ์และสืบสานต่อในของสะสมเหล่านี้ และยังส่งต่อมาเป็น Passion ให้กับผู้เข้าชมในเรื่องของการมุ่งมั่นเต็มที่เพื่อสิ่งที่เรารักและไม่ลืมที่จะมีความสุขกับมัน ชื่นชมมันและส่งต่อความรู้สึกนี้ต่อไป !



ค่าเข้าชม :

ผู้ใหญ่ 100 บาท

เด็ก 50 บาท (เด็กความสูงไม่เกิน 140 ซ.ม.)


เปิดบริการ :

ทุกวัน จันทร์ – ศุกร์

11.00 – 18.00 น

วันหยุดนักขัตฤกษ์ เสาร์ – อาทิตย์

10.30 – 18.30 น.

(ปิดทุกวันพุธ)*



พิพิธภัณฑ์สุขสะสม ตั้งอยู่ที่ :

ถนนพุทธมณฑลสาย 2 ระหว่างพุทธมณฑลสาย2 ซอย 19-21 แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ



Website : www.suksasommuseum.com

Facebook : https://www.facebook.com/suksasommuseum








พิพิธภัณฑ์มีร้านอาหารเป็นของตัวเองด้วยนะ !

ชื่อร้านว่า "เจริญ"

หลังจากเดินชมเสร็จเมื่อย ๆ ร้อน ๆ ก็มาจิบชากาแฟพักผ่อนคลายร้อนกันได้




เมื่อเข้ามาในพิพิธภัณฑ์ก็จะพบเจอกับ "สุขสะสมพาณิชย์"

ร้านขายของเก่าขนาดย่อม จำหน่ายทั้งของเล่นสมัยเด็ก ยันของสะสมโบราณให้เลือกสรรกัน






"มีทั้งขายยกแผงและเป็นชิ้นแยกย่อย ซื้อกันให้หนำใจ"




"ภาพถ่ายมุมสูงของมุมสุขสะสมพาณิชย์ ,ตะกร้าที่เต็มไปด้วยของเล่นเรียงรายรอให้เรานำกลับบ้านไปด้วย"




ของสะสมกว่า 300,000 ชิ้น ถูกจัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์

โดยแบ่งออกเป็น 5 ส่วนด้วยกัน


เริ่มต้นกันในส่วนที่ 1 "ชื่นชมวิวัฒนาการของเล่นย้อนยุค"

เรียนรู้วิวัฒนาการของของเล่นในยุคต่าง ๆ ตั้งแต่ยุคแรกเริ่มที่ประดิษฐ์ของเล่นด้วยโลหะ ยุคกระดาษ ยุคที่ทำจากไม้ ไปจนถึงยุคสังกะสี ยาง และพลาสติก โดยของเล่นเหล่านี้ถูกจัดเรียงรายอย่างเรียบร้อยในตู้รอบกายเรา ถ้าจะดูให้ครบทุกชิ้น จะใช้เวลานานมาก เพราะมีจำนวนเยอะมาก !





" ของเล่นจากโลหะ "






" แต่ละมุมจะมีป้ายข้อความติดไว้ให้ได้ศึกษากันเพิ่มเติม "





" เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย "




" ยุคของเล่นที่ทำจากสังกะสี "






" ตุ๊กตาแอนท์ (ANT) "

ผลิตครั้งแรกประมาณ พ.ศ 2498 โดยคุณลุงวสันต์ วิชชุกรมานนท์ โดยคุณลุงรวบรวมต้นแบบจากการ์ตูนญี่ปุ่นและอเมริกามาผลิตเป็นตุ๊กตาเหล่านี้ให้เด็กไทยได้เล่นกัน โดยผลิตจากพลาสติกแข็งและถืออาวุธประจำกายทุกตัว ภายหลังมีการเปลี่ยนวัตถุดิบจากพลาสติกแข็งมาเป็นยางเพื่อความปลอดภัยสำหรับเด็ก ๆ






" ที่มาของเกมส์กด ! "





" ของเล่นเซลลูลอย "





" ชุดแฮปปี้มิล "





มาเที่ยวชมต่อกันใน ส่วนที่ 2 "ปลุกความสุขกับของใช้ร่วมสมัย"
มุมที่เต็มไปข้าวของเครื่องใช้ยุคโบราณ ทั้งที่เคยผ่านตาเราและทั้งที่ยังไม่เคยเห็นมาก่อน
มีการจำลองแต่ละมุมเป็นร้านค้า ห้องเรียน ธนาคาร โรงรับจำนำ เป็นฉากถ่ายภาพสนุก ๆ ได้ด้วย




" ร้านค้าเจริญกรุงพานิช "






" นาฬิกายุคเก่าในโทนสีพาสเทล เรียงรายอยู่บนผนังจำนวนมาก "






" ภาพจำที่เคยคุ้นตา "







" คอมพิวเตอร์ หรือเครื่องคณิตกรณ์ IBM 5120 "

ถูกผลิตในปี พ.ศ 2523 และขายในราคา 600,000 บาท






" ฉากถ่ายภาพเก๋ ๆ ในอดีตบริษัทกับแบงก์สยามกัมมาจล"





" นั่งอ่านหนังสือการ์ตูนเก่าบนโต๊ะนักเรียนไม้ "






" วิทยุที่โคตรคลาสสิค "








มาต่อกันในส่วนที่ 3 สื่อสิ่งพิมพ์บรรยายเล่าเรื่องไทย
เดินขึ้นบันไดสั้น ๆ มาชั้นลอยเพื่อเดินลัดเลาะเรียบผนัง ศึกษาเรื่องราวต่าง ๆ จากสื่อสิ่งพิมพ์เก่าที่เรียงรายกันอยู่





" แปรงสีฟันที่เข้ามาในสมัยรัชกาลที่ 5 "






" ตั๋วหนังสมัยก่อน มีความยูนีคสูงมาก "






" เดินลัดเลาะไปเรื่อย ๆ "






" ตู้เพลงย่อส่วน ( Jukebox ) "

รายละเอียดและการออกแบบส่วนต่าง ๆ น่ารักมาก






" เงินสมัยศรีวิชัย ! "






" ศึกษาและแลกเปลี่ยนความคิดผ่านวัตถุในพิพิธภัณฑ์ "






" เดินตามลูกษรไปเรื่อย ๆ จนเจอบันไดขึ้นไปชั้นที่สอง "

เป็นการเดินชมที่อิสระ แต่เดินตามทางที่จัดไว้ไปเรื่อย ๆ นั่นเอง







" มุมสูงทีมองเห็นตัวอาคารเกือบทั้งหมด พร้อมตะลึงกับสิ่งของที่มากมายเหล่านี้ "





และแล้วเราก็เดินลัดเลาะมาถึงส่วนที่ 4 "ไขสงสัยอาชีพเก่า คนโบราณ"
เปิดมาด้วยคำถามที่ว่า "ทำไมคนจีนชอบทำการค้าขาย ส่วนคนไทยชอบรับราชการ ?"



ซึ่งเป็นชั้นที่เราจะพบกับแหล่งรวมของจิ๋ว คนที่ชอบของจิ๋วไม่ควรพลาดเลย ! มีของจิ๋วเกือบทุกรูปแบบตั้งแต่ต้นไม้ ดอกไม้ พระเครื่อง เสื้อผ้า ไปจนถึงอาหารคาวหวาน ซึ่งเราจะต้องอุทานว่าน่ารัก ตลอดทุกตู้ที่จัดแสดงอยู่ | อีกทั้งยังมีการจัดแสดงข้าวของอุปกรณ์ในการประกอบอาชีพของผู้คนสมัยก่อนไว้อีกด้วย







" เพื่อนผู้หลงไหลในของประดิษฐ์จิ๋ว ต่างมีความสุขที่ได้ถ่ายภาพของจิ๋วเหล่านี้ "









" ร้านขายรองเท้า "

ทุกอย่างช่างดูละเอียดละออ น่ารักไปหมดเสียทุกอย่าง !






" ร้านขายขนมปัง "






" ร้านเสื้อผ้า "





" ร้านข้าวแกง "






" แผงพระเครื่องย่านท่าพระจันทร์ "





" ผัดสด "

มีความคลับคล้ายคลับคลากับลูกชุบ





"อุปกรณ์ รถเข็นหาบเร่ต่าง ๆ"









" มุมโต๊ะที่ทำให้รู้สึกอยากสั่งน้ำชาจีนมาจิบ "





และแล้วก็มาถึงส่วนสุดท้ายของสุขสะสมมิวเซียม ซึ่งก็คือ ส่วนที่ 5 " คืนวันวาน ตลาดเก่าเมื่อร้อยปี "
เป็นอาคารเปิดที่ตั้งอยู่หลังอาคารหลัก จัดแสดงเป็นการจำลองตลาดเก่าที่เต็มไปด้วยวัตถุสิ่งของเครื่องใช้โบราณ เราสามารถเดินชมลัดเลาะไปได้ในแต่ละห้อง ซึ่งแต่ละห้องก็มีการจัดแสดงที่แตกต่างกันไป




" โรงเรียน "






" ร้านขายยา "






"ร้านขายแผ่นเสียง"








" เราสามารถเป็นเจ้าของร้านทองได้ง่าย ๆ "






" หรืออยากถ่ายรูปแบบสไตล์จีนก็มี"






" นอกจากจะมีทั้งร้านอาหาร ทั้งมิวเซียม แล้วยังมีเธียเตอร์ด้วยนะ "







" ร้านขายอุปกรณ์เครื่องเขียนเก่า "









" ปิดท้ายด้วยความรู้สึกดี ๆ กับการพบเจอและเพลิดเพลินกับสิ่งของเหล่านี้ "







แนะนำให้เป็นอีกหนึ่งสถานที่ดี ๆ ที่ควรมาเยี่ยมเยียนสักครั้ง เพื่อเพลิดเพลินและปลดปล่อยความคิดของตัวเองให้หวนคืนสู่อดีต และย้อนนึกถึงมัน พร้อมบทสนทนาดี ๆ ผ่านสิ่งของเหล่านี้กับผู้คนรอบข้าง ที่จะทำให้เรายิ้มและมีความสุขกับมันได้แน่นอน : )

เมื่อเดินชมเสร็จหมดแล้วก็อย่าลืมแวะร้านขายของสุขสะสมพาณิชย์ด้านหน้า เพื่ออุดหนุนและเป็นกำลังใจให้พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ด้วยนะคะ

ความคิดเห็น