สวัสดีค่ะ วันนี้ ทราย จะชวนเพื่อนๆ ไปเที่ยวใกล้ๆ กทม. ทริปนี้ใช้เวลา 2 วัน 1 คืน หรือเพื่อนๆ จะเอาเป็นแนวทางแบบไปเช้า - เย็นกลับ ก็ได้นะคะ ทริปนี้ เราเดินทางไปที่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจังหวัดอ่างทองกัน
จุดหมายแรกของเรา คือ "ปราสาทนครหลวง"
ปราสาทนครหลวง เริ่มสร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง โดยทรงโปรดให้ช่างไปถ่ายแบบมาจากปราสาทเมืองพระนครหลวง ประเทศกัมพูชา เพื่อเป็นที่พักร้อนก่อนที่จะเสด็จไปนมัสการรอยพระพุทธบาทจังหวัดสระบุรี ปราสาทนครหลวงสร้างไม่แล้วเสร็จในสมัยนั้น ต่อมาราวปี พ.ศ. 2352 ตาปะขาวปิ่น ได้สร้างวัดนครหลวงขึ้นโดยเอาปราสาทนครหลวง เข้าไปไว้ในเขตของวัดด้วย และมีการสร้างพระพุทธบาทสี่รอย ประดิษฐานไว้บนลานชั้นบนของปราสาท จากการดำเนินงานทางโบราณคดี ได้พบว่าวัตถุประสงค์แรกเริ่มของการสร้างปราสาท เป็นการสร้างเพื่อให้เป็นศาสนสถานในพระพุทธศาสนา มิใช่ที่ประทับระหว่างทางในการเสด็จไปนมัสการพระพุทธบาทดังที่เข้าใจกันมาแต่เดิม
ปราสาทนครหลวง ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน ตามประกาศกรมศิลปากร เรื่อง กำหนดจำนวนโบราณสถานสำหรับชาติ ในชื่อ พระนครหลวง
ปราสาทนครหลวง ได้รับการขึ้นทะเบียนโบราณสถานและประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 52 ตอนที่ 75 วันที่ 8 มีนาคม 2478 ลักษณะของสถาปัตยกรรมเป็นองค์ปราสาท เป็นพุทธสถานจตุรมุขทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า มี 3 ชั้น ชั้นที่ 2 เป็นซุ้มระเบียงล้อมรอบ ชั้นบนมีมณฑปประดิษฐานพระพุทธบาทสี่รอย สร้างในสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง (ประมาณ พ.ศ. 2174)
พิกัด : ปราสาทนครหลวง หรือ พระนครหลวง ตั้งอยู่หมู่ที่ 1 ตำบลนครหลวง อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เครดิต : https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E...
จุดหมายที่ 2 "พิพิธภัณฑ์หัตกรรมอรัญญิก"
ความเป็นมา
"มีดอรัญญิก" เป็นภูมิปัญญาที่สืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรษของชาวบ้าน โดยชาติพันธุ์เดิมนั้น เป็นชาวลาวเวียงจันทน์ที่อพยพเข้ามาอยู่ในประเทศสยามช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ โดยตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน ทั้งสองหมู่บ้านก็ได้ยึดอาชีพทำมีดเป็นอาชีพหลัก
พิกัด : บ้านต้นโพธิ์ หมู่ 6 และบ้านไผ่หนอง หมู่ 7 ต.ท่าช้าง อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา จากถนนสายเอเชีย (ทางหลวงหมายเลข 32) ที่จะมุ่งหน้าขึ้นไปยังภาคเหนือ เมื่อขับถึงหลักกิโลเมตร ที่ 26 ให้ชิดซ้าย และกลับรถใต้สะพานข้ามแม่น้ำป่าสัก (จุดสังเกต : ร้านอาหารซุ้มป่าสัก) แล้วจึงเลี้ยวซ้าย วิ่งไปตามทางหลวงหมายเลข 3063 และ 3008 อีกประมาณ 15 กิโลเมตร ก็จะถึงทางเลี้ยวเข้าสู่ชุมชนอรัญญิก (จุดสังเกต : แพล้นปูน)
มุ่งหน้าสู่ จังหวัดอ่างทอง จุดหมายที่ 3 ของเราคือ "อินทร์โตฟาร์ม"
ทราย เป็นหนึ่งคนที่ชอบกลิ่นหอมๆ ของเมล่อนมาก เลยไม่พลาดที่จะเเวะมาที่นี่
พิกัด : 5/2 หมู่ 1 ตำบลศรีพราน อำเภอแสวงหา จังหวัดอ่างทอง
โทรศัพท์09-2729 – 4433
กิจกรรมภายในฟาร์ม มีให้ปลูกต้นอ่อนของเมล่อน ด้วย
สามารถเดินเข้าไปถ่ายรูปในฟาร์มได้นะคะ เดินชมรอบๆ จนเหนื่อย ถึงเวลาหาของอร่อยๆ ทานแล้ว จุดหมายที่ 4 "วัดบ้านพราน"
"วัดบ้านพราน" ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยใด หลวงปู่ชัยมงคล เล่าให้ฟังว่า ผู้ที่สร้างวัดบ้านพราน คือ สองสามีภรรยาและบุตรชาย ชื่อ นายพาน นางเงิน และนายกระปุกทอง ในปี พ.ศ. 1826-1870 (ปลายสมัยกรุงสุโขทัย) จากนั้นวัดถูกทิ้งร้างไว้เป็นเวลากว่าร้อยปี ต่อมามีพวกนายพรานมาตั้งถิ่นฐานในบริเวณดังกล่าวจึงได้ช่วยกันบูรณะวัดขึ้นมาใหม่
พิกัด : ที่ตั้งอยู่บริเวณด้านหลังโบสถ์ตั้งอยู่ที่ตำบลศรีพราน อำเภอแสวงหา จากอ่างทองใช้ทางหลวงหมายเลข 3064 (อ่างทอง-แสวงหา) ประมาณ 21 กิโลเมตร
ที่พักของเราคืนนี้จร้า >>> โรงแรมกรุงศรี ริเวอร์ (Krungsri River Hotel)
ถือว่าเป็นโรงแรมที่ดีโรงแรมหนึ่งในอยุธยาเลยนะคะ การเดินทางสะดวกสบาย ห้องกว้างไม่อึดอัด อาหารเช้าอลังการมากๆ (ขออภัยไม่ได้ถ่ายมาให้ชม) มีความสะดวกสบายครบครัน เหมาะกับวันสบายๆ
ก่อนกลับ กทม. ทริปนี้ เราขอแวะหาของอร่อยๆ ทานสักหน่อย
เราแวะที่ "Sala Ayutthaya" นอกจากเป็นโรงแรมที่สวยมากๆ แล้ว ยังเป็นร้านอาหารด้วยแหละ เราใช้เวลาอยู่ที่นี่นานพอสมควร เพราะชอบบรรยากาศ และก็มีเมนูที่น่าทาน น่าทานทั้งนั้นเลย
S Travel My Story
วันศุกร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2561 เวลา 11.24 น.