สวัสดีค่ะ ทริปนี้ เราเน้นเที่ยวแบบชิวๆ ไม่รอช้า ตามมาเลยจร้า

เราเริ่มกันที่ " วัดข่อย " ถือเป็นศาสนสถานที่มีการนำงานศิลปะชั้นสูงของช่างเมืองเพชร หรือเรียกว่า ช่างสิบหมู่มาเป็นส่วนร่วม จนเรียกได้ว่าเป็น " พุทธสถานศิลป์ " หนึ่งเดียวในโลก

แนวคิดในการก่อสร้าง เริ่มจากปี 2548 โดยพระวัชรวิชญ์ สิริปัญโญ ในสมัยนั้นยังเป็นฆราวาสได้มีโอกาสเห็นผ้ายันต์ฉิมพลีของ วัดท่าไชยศิริ อ.บ้านลาด จึงจินตนาการต่อว่าภาพบนผืนผ้ายันต์เสมือนวิมานบนสวรรค์ หากมีโอกาสสร้างให้เป็นจริง

ต่อมาในปี 2554 จึงได้เริ่มแนวคิดที่ว่านี้สร้างถาวรวัตถุแห่งนี้ขึ้น เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ พร้อมกับเป็นสถานที่ปฎิบัติธรรมเจริญจิตภาวนา โดยมูลค่าการก่อสร้างกว่า 24 ล้านบาท สถาปัตยกรรมของพระธาตุฉิมพลีพระเศรษฐีนวโกฎิ ดูแตกต่าง เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

" พระธาตุฉิมพลีพระเศรษฐีนวโกฏิ "เป็นทรงอาคารสี่เหลี่ยมจัตุรัสมีลักษณะคล้ายผ้ายันต์ที่ผนังอาคารเต็มไปด้วย อักขระพิเศษ มีพระพุทธรูปประจำอยู่ 4 ทิศ ขนาดฐานยาวด้านละ 18 เมตร ความสูงจากฐานถึงยอดพระธาตุ 27 เมตร มีจำนวน 3 ชั้น ด้านชั้นบนสุดเป็น ที่ประดิษฐานของพระบรมสารีริกธาตุ

การเดินทาง : พระธาตุฉิมพลีพระเศรษฐีนวโกฏิ วัดข่อย ถ.คีรีรัถยา ติดกับเขาวังด้านทิศตะวันออก ข้อมูลเพิ่มเติม:ททท. สำนักงานเพชรบุรี http://www.tourismthailand.org/phetchaburi

" พระรามราชนิเวศน์ " หรือ " วังบ้านปืน " ตั้งอยู่ที่เขตบ้านปืน ริมแม่น้ำเพชรบุรี จ.เพชรบุรี เป็นที่ประทับแปรพระราชฐานที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อเสด็จประพาสจ.เพชรบุรี

การก่อสร้างพระที่นั่งแห่งนี้ มาสำเร็จในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อ พ.ศ.2461 และพระราชทานนามว่า “พระที่นั่งศรเพ็ชรปราสาท” และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามที่ประทับแห่งใหม่ว่า “พระรามราชนิเวศน์”

นอกจากนี้ พระองค์ยังโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเชตอุดมศักดิ์ ทรงดำเนินการหล่อรูปปั้นพระนารายณ์ทรงปืนเพื่อนำมาประดิษฐานไว้ยังหน้าพระที่นั่ง

(ปัจจุบัน รูปปั้นนี้ย้ายมาไว้ยังหน้าพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร)

แต่คนทั่วไปจะเรียกติดปากว่า "วังบ้านปืน" ตาม ชื่อเดิมของถิ่นที่อยู่นั่นเอง แม้ว่าพระรามราชนิเวศน์จะสร้างเสร็จในรัชกาลที่ 6 แต่พระองค์ก็มิได้เสด็จประพาสมายังพระราชนิเวศน์แห่งนี้บ่อยนัก จะเสด็จมาประทับเพื่อทอดพระเนตรการซ้อมเสือป่าบ้าง แต่ก็น้อยครั้งมาก วังนี้จึงเริ่มทรุดโทรมลงเรื่อย ๆ

ครั้นมาถึงรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์โปรดฯ ให้ปรับพระราชนิเวศน์แห่งนี้เป็นสถานศึกษาของเหล่าครูในแขนงวิชาชีพต่าง ๆ มาจนกระทั่งวิชาชีพเหล่านี้แข็งแกรงขึ้นจนย้ายออกไปตั้งอยู่ที่อื่นได้ พระราชนิเวศน์แห่งนี้จึงถูกปล่อยให้ทรุดโทรมลงอีกครั้ง

หลังจากนั้น พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้ใช้พระราชนิเวศน์ฯเป็นโรงเรียนฝึกหัดครูกสิกรรม โรงเรียนฝึกหัดครู ผู้กำกับลูกเสือในพระบรมราชูปถัมภ์ และโรงเรียนประถมวิสามัญหญิง จนกระทั่งโรงเรียนเหล่านี้ย้ายออกไป พระราชวังบ้านปืนจึงถูกทิ้งให้รกร้างอีกครั้ง

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล เมื่อเกิดสงครามมหาเอเชียบูรพา ฝ่ายทหารได้ใช้พระราชวังนี้เป็นที่ตั้งกองบัญชาการทหาร

ปัจจุบัน โปรดเกล้าฯ พระราชทานให้เป็นที่ตั้งของจังหวัดทหารบกเพชรบุรี และต่อมาได้เป็นมณฑลทหารบกที่ 15 และได้จัดเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์และศิลปะของ จ.เพชรบุรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 โปรดฯ ให้ใช้พระรามราชนิเวศน์นี้เป็นหน่วยบัญชาการของทหารบก และเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ศิลปะของจังหวัดเพชรบุรีด้วย

**ค่าเข้าคนละ 20 บาท** ณ วันที่ไป สามารถเข้าชมด้านในได้นะคะ แต่ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ

เวลาทำการ : จันทร์ – ศุกร์ 8.30 – 16.00 น. // เสาร์ – อาทิตย์และวันหยุดราชการ 8.30 – 16.30 น.

การเดินทาง : จากแยกเข้าตัวเมืองเพชรบุรี ใช้ถนนเพชรเกษม ตรงมาประมาณ 3 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเข้าถนนราชดำริ และเลี้ยวซ้าย อีกครั้งเข้าถนนราชดำเนิน เลี้ยวขวาเข้าถนนดำรงรักษ์ พระราชวังบ้านปืนจะอยู่ในค่ายทหาร ค่ายรามราชนิเวศน์ จะต้องแลกบัตรกับทหารที่ทางเข้า

มื้อกลางวัน เราฝากท้องไว้ที่ " ครัวไทย " ตั้งอยู่บนถนนราชวิถี ตำบลคลองกระแชง อ.เมือง จ.เพชรบุรี ดูภายนอกอาจจะธรรมดา แต่พอเห็นหน้าตาอาหารพร้อมกับได้ชิม แต่ละเมนูแล้ว บอกได้เลยว่า ต้องมาซ้ำแน่นอนจร้า อาหารรสชาติดี ปริมาณสมราคา มีเมนูให้เลือกมากมายหลากหลาย

หลังจากเสร็จสิ้นจากของคาวแล้ว เรามาต่อกันที่ของหวานกันค่ะ เราไม่ต้องไปไหนไกล แค่เดินไปไม่กี่ซอยก็จะเจอ " กนกพร ลอดช่องน้ำตาลข้น " เจ้าดังแห่งเมืองเพชร

เมนูจร้า บอกได้เลยว่าไม่แพง แถมอร่อยด้วย

ท้องอิ่มแล้ว เราก็เดินทางกันต่อ จุดหมายของเราคือ

" วัดห้วยมงคล " เป็นที่ประดิษฐานรูปเหมือนหลวงพ่อทวดองค์ใหญ่ที่สุดในโลก แต่เดิมใช้ชื่อว่า “ วัดห้วยคต ” ตั้งอยู่ในชุมชนบ้านห้วยคต ต.ทับใต้ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานนามใหม่จากห้วยคต เป็นห้วยมงคล เนื่องจากครั้งที่เสด็จมายังวัดนี้ได้มีดำริให้สร้างถนนใหม่ จากถนนดินเป็นถนนลาดยาง โดยพระราชทานนามให้เช่นเดียวกับชื่อวัด

ต่อมาพระครูปภัสรวรพินิจ หรือพระอาจารย์ไพโรจน์ ปภัสสโร เจ้าอาวาสวัดห้วยมงคลองค์ปัจจุบัน ซึ่งเป็นพระนักพัฒนาที่มีศีลจารวัตที่ดีงามเป็นที่เคารพของคนในชุมชนบ้านห้วยมงคล และพลเอกวิเศษ คงอุทัยกุล รองสมุหราชองครักษ์ได้มีดำริที่จะสร้าง “หลวงพ่อทวด” องค์ใหญ่ที่สุดในโลกเพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ รวมทั้ง เผยแพร่และสืบทอดพระพุทธศาสนาอีกทั้งให้เป็นที่เคารพสักการบูชาและเป็นที่พึ่งทางใจของเหล่าพุทธศาสนิกชน

ด้วยเรื่องราวปาฏิหาริย์ของหลวงพ่อทวด พุทธศาสนิกชนในภาคใต้ให้ความเคารพเลื่อมใสมาเป็นเวลานาน และรู้จักกันเป็นอย่างดี จึงก่อเกิดการร่วมมือร่วมใจจากหลายองค์กรทั้งทางภาครัฐและเอกชนในการสร้างประติมากรรมองค์จำลองหลวงพ่อทวดองค์ใหญ่ที่สุดในโลก โดยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตร เททองหล่อองค์หลวงพ่อทวด เมื่อวันที่ 27 ส.ค. 2547 และพระราชทานพระราชานุญาตให้คณะกรรมการจัดสร้างอัญเชิญพระนามาภิไธยย่อ ส.ก. ขึ้นประดิษฐาน ที่หน้าองค์รูปหล่อองค์หลวงพ่อทวดโดยรูปหล่อ หลวงพ่อทวดองค์ใหญ่ที่สุดในโลกมีขนาด หน้าตักกว้าง 9.9 เมตร สูง 11.5 เมตร บนฐานสูง 3 ชั้น ชั้นล่างกว้าง 70 เมตร ยาว 70 เมตร โดยภายใต้ฐานยังเป็น ห้องโถงขนาดใหญ่ไว้เพื่อปฏบัติศาสนกิจในวันสำคัญทางศาสนา

นอกจากนี้ที่วัดห้วยมงคลแห่งนี้ยังมีหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืดแกละสลักจากได้ตะเคียนทองขนาดใหญ่อายุกว่าพันปี ที่ฝังอยู่ในทรายใต้แม่น้ำยม จังหวัดแพร่ลึกกว่า 10 เมตร ชาวบ้านเชื่อกันว่าต้นไม้ที่มี แก่นสูง 1 คืบขึ้นไปจะมีรุกขเทวดาสถิตอยู่เพื่อดูแลปกป้องคุ้มครองคนที่มาสักการบูชา เมื่อนำต้นตะเคียนทองมาทำรูปเคารพ เช่นแกะเป็นหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืดจึงมีอนุภาพและความศักดิ์สิทธิ์เป็น ทวีสิทธิ์ ดลบันดาลให้ทุกท่านประสบแต่ความสุขความเจริญปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ

ทริปนี้ เราพักกันที่ " โรงแรมรีเจ้นท์ ชะอำ หัวหิน "

ตั้งอยู่ บนริมชายหาดชะอำ-หัวหิน บนพื้นที่กว่า 50 ไร่ เปิดให้บริการมามากกว่า 36 ปี มีห้องพัก จำนวน 559 ห้อง ห้องประชุมสัมมนา 19 ห้อง และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน สามารถรองรับลูกค้าได้ครอบคลุมหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ครอบครัว คู่รัก ตลอดจนกลุ่มสัมมนาขนาดใหญ่

ในปี 2015 โรงแรมฯ ได้ทำการปรับปรุงภูมิทัศน์ บริเวณรอบๆ สระว่ายน้ำ ให้ร่วมสมัยและเป็นส่วนตัวมากขึ้น บรรยากาศสบายร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่และต้นลีลาวดีหลากหลายสายพันธุ์ ทำให้ โรงแรมรีเจ้นท์ ชะอำ เหมาะเป็นสถานที่พักผ่อนได้ในทุกโอกาส

" SUPERIOR ROOM " ตกแต่งในแบบร่วมสมัย ในพื้นที่ใช้งาน 32 ตารางเมตร สำหรับห้องสุพีเรียพร้อมกับวิวภูเขา หรือสวนต้นไม้นานาพรรณ เพียบพร้อมไปด้วย สิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องพัก รวมถึงอินเตอร์เน็ตไร้สาย ตู้เซฟ ไดร์เป่าผม โต๊ะทำงาน และชา กาแฟ

บริเวณโดยรอบ

มุมสบายๆ มุมถ่ายรูปเยอะมากจร้า

แสงยามเช้าริมหาด หน้าที่พัก อยากแนะนำว่า "ห้ามพลาด" นะคะ

" Kid's Club " ห้องคิดส์คลับที่น้องๆ สามารถมาทำงานศิลปะ เล่นเกมส์สนุกสนานได้ตลอดวัน

ก่อนกลับ กทม. เราแวะทานข้าวที่ " ป้าหยัน ร้านอาหารไทยเพชรบุรี " การเดินทาง : จากตัวเมืองเพชรบุรี ใช้ถนนที่มุ่งหน้่าไปหาดเจ้าสำราญ ผ่านมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรีไปประมาณ 3 กิโลเมตร จะเจอป้ายบอกทางเข้าร้านอยู่ซ้ายมือ ขับเข้าไปตามป้ายอีก 700 เมตร

ร้านเปิด 11.00-22.00 โทร.032-598-229, 089-474-5238


S Travel My Story

 วันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 เวลา 15.56 น.

ความคิดเห็น