"เชียงใหม่" เป็นจังหวัดหนึ่งทางภาคเหนือของประเทศไทย และถือเป็นจังหวัดในฝันของใครหลายๆคนที่อยากไปสัมผัสอากาศหนาวเย็น และแน่นอนเชียงใหม่เป็นจังหวัดนึงที่เราอยากไปมากๆๆๆ ไม่รู้ทำไม อาจจะเป็นเพราะอยู่ภาคใต้เจอแต่ทะเล อากาศร้อนๆ เลยอยากไปดูทะเลหมอกที่เขาว่าสวยหนักสวยหนา กับอากาศหนาวๆ และถ้าอยากรู้ว่าจะหนาวสักแค่ไหน ก็ไปกันเล้ยยยยยย ^^"


เราเริ่มเดินทางจาก หมอชิต โดยรถทัวร์ "นครชัยแอร์"

รถจอดอยู่ที่ชานชะลาที่ 102 เราจองเป็น รถทัวร์นครชัยแอร์First Class ราคา 759 บาท รอบ 21:45 ไปถึงเชียงใหม่ประมาณ 7โมงเช้า รถสบายมาก เบาะนั่งจะเป็นเบาะนวด แล้วมีอาหาร ขนม น้ำเปล่า โค้ก ผ้าเย็นให้ มีจอให้ดูหนัง ฟังเพลงระหว่างทางแก้เบื่อ เบาะกว้างนอนหลับสบายตลอดทาง


อันนี้เป็นภาพจากอินเตอร์เน็ต กลางคืนถ่ายไม่ชัด

เมื่อถึง บขส.เชียงใหม่ ทำธุระส่วนตัวกันเสร็จก็ตรงไปหาคุณลุงรถแดง บอกจะไปร้านเช่ารถ Bikky คุณลุงใจดีบอกว่าเนี่ยเดินไปนิดนึงก็ถึงแล้ว ไม่ไกล ไม่ต้องเปลืองตังหรอก พอไปถึงรถเช่าหมดแล้ว คือต้องจองกันล่วงหน้าอ่ะ พี่เจ้าของร้านโทรไปอีกสาขานึงก็หมดแล้วเหมือนกัน เราเลยเดินหาร้านอื่นแถวๆนั้น ส่วนมากจะหมดเร็วมาก คือถ้าทุกคนไปก็ต้องจองล่วงหน้านะคะ อย่าพลาดเหมือนเรา5555

สุดท้ายเราก็ไปเจอ ร้านSMILE ก็บอกเขาว่าต้องการรถที่ขับขึ้นดอยได้ ในร้านเหลือแค่ซูเมอร์X ก็เลยเช่ามา เขาจะคิดเป็น 24ชม. เท่ากับเช่า 1 วัน 300บาท น้ำมันเต็มถัง เราทำสัญญาเช่า2วัน ต้องวางบัตรประชาชนเป็นประกัน หรือถ้าไม่วางก็ได้ แต่ต้องจ่ายค่ามัดจำ 300 บาท ก่อนเอารถออกมาต้องตรวจเช็คสภาพรถดีๆนะคะ ถ่ายรูปรอยต่างๆไว้ก่อนด้วย


วันแรกเราไปเช็คอินกันที่ ประตูท่าแพ ก่อนเลย โดยใช้ พี่GPS นำทางเราไป บรรยากาศตอนเช้าสบายมาก อากาศดีเลยทีเดียว ไม่ร้อน และไม่หนาวมากด้วย อากาศกำลังดีเลยแหละ ไป ถ่ายรูปกัน ^^"


รูปนี้นักท่องเที่ยวจีนอาสาถ่ายให้ น่ารักไปอีก


เริ่มหิวล่ะ!! เช้านี้เราไปฝากท้องกันที่ร้าน โกเผือกโกดำ ร้านจะอยู่ในซอย4 เชียงใหม่ เข้าซอย The habour จนสุดซอยเจอสามแยก ร้านอยู่ตรงสามแยก พอมาถึงปุ๊บตกใจกันทั้งคู่ คือคิวยาวมากกก ยืนรอกันเต็มหน้าร้านเลย เป็นร้านอาหารเช้าที่คิวยาวที่สุด แต่มาแล้วก็ต้องกินให้ได้อ่ะนะ ก็ไปรอกันค่ะ ได้คิวที่54 รอไม่นานก็ได้กิน เราสั่งข้าวต้มไก่ ขนมปังสังขยา ไข่กะทะ แล้วก็กาแฟค่ะ ทั้งหมดนี่ 180บาท 2คน


อิ่มแล้วก็ไปกันต่อ... สถานที่ต่อไปคือ วัดพระธาตุเจดีย์ศรีจอมทองวรวิหาร เราขับรถจากตัวเมืองมุ่งตรงไปทางถนนเลี่ยงเมืองสันป่าตอง-หางดง โดยใช้GPSเช่นเคย ขับเรื่อยๆ ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.กว่าๆ ไปเจอสี่แยกใหญ่ๆ ก่อนถึงปั๊มน้ำมันบางจาก ถ้าเลี้ยวขวาจะเป็นทางไปดอยอินทนนท์ แต่เราไม่เลี้ยวค่ะ เราขับตรงไปอีกประมาณ 2กิโล ก็จะเจอวัดพระธาตุศรีจองทอง ก็เข้าไปสักการะ ไหว้พระขอพรก่อนขึ้นดอยอินทนนท์ ระหว่างทางจากตัวเมืองมาถึงพระธาตุศรีจอมทอง อากาศหนาวนิดๆ แต่ไม่มีแดด แม้ตอนเที่ยงแล้วก็ยังไม่มีแดดเลยค่ะ คือชอบอากาศแบบนี้มากๆ อยากมาอยู่เชียงใหม่เลยแฮะ ^^"



ไม่รอช้าค่ะ ไปกันต่อ... เราขับรถกลับมาเจอสี่แยกใหญ่ตามที่บอกไปด้านบน ก็เลี้ยวขวาไปทางดอยอินทนนท์ตามป้ายบอกทาง ระหว่างทางเจอปั๊มน้ำมันพอดีก็แวะเติมเต็มถัง เพราะอ่านรีวิวมาเขาบอกว่าระหว่างทางจะไม่มีปั๊มน้ำมันแล้ว ก็จัดซะก่อนเลย ขับไปเรื่อยอากาศเริ่มหนาวล่ะ หน้านี่ชาเลยค่ะ หนาวสมใจ คือยิ่งสูงยิ่งหนาวจริงๆ ขับไปช้าๆไม่รีบคือตั้งใจจะไปนอนบนดอยกัน ทางสบาย ถนนกว้าง โค้งไม่เยอะมาก ชิลๆค่ะ

อันนี้เป็นด่านก่อนถึงอุทยาน เก็บค่าเข้าคนละ 50บาท เจ้าหน้าที่หล่อทุกคนค่ะ อิอิ


เมื่อไปถึง ที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ก็เข้าไปติดต่อรับอุปกรณ์ หมอน ผ้าห่มต่างๆ ที่ได้ทำการจองไว้ล่วงหน้า แล้วขนของนั้นมาลานกางเต็นท์ ต้องขนเองนะทั้งไปและกลับ ซึ่งลานกางเต้นท์จะถึงก่อนอุทยาน ติดต่อเจ้าหน้าที่เสร็จก็วนรถกลับมานิดนึงจะเจอสามแยกใหญ่ๆ ให้เลี้ยวซ้าย แล้วไปเจอแยกที่สอง ไม่ต้องเลี้ยวค่ะ ตรงไป อิอิ สำหรับเต็นท์เจ้าหน้าที่ได้กางไว้ให้เรียบร้อยแล้ว และจะมีลานกางเต็นท์สำหรับคนที่พาเต็นท์ไปเองให้เช่าด้วย จำไม่ได้ว่าเท่าไหร่แต่น่าจะประมาณ 50 บาท ไม่เกิน 100บาทค่ะ สำหรับค่าเช่าเต็นท์พร้อมอุปกรณ์ต่างๆของเรา ราคา 310บาท 2คน

เก็บของเสร็จยังมีเวลา เราก็เลยไปต่อกันที่ สถานีเกษตรหลวงดอยอินทนนท์ ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับลานกางเต็นท์ ขับรถลงมาเจอแยกแรกจากลานกางเต็นท์ให้เลี้ยวขวาค่ะ ขับตรงไปอีกนิดก็เจอทางเข้าสถานีเกษตรหลวงดอยอินทนนท์ เก็บค่าเข้าคนละ20บาท

สถานีเกษตรหลวงดอยอินทนนท์ เป็นสถานีวิจัยไม้ดอกไม้ประดับเมืองหนาว พืชผัก ไม้ผลเมืองหนาวรวมถึงสัตว์น้ำบนพื้นที่สูง อากาศเย็น 17 องศาเซลเซียส โครงการหลวงดอยอินทนนท์ ยังมีบ้านพักให้บริการอีกด้วย




มาถึงเชียงใหม่ ไม่กินสตรอเบอร์รี่ไม่ได้ เลยซื้อสตรอเบอร์รี่ในโครงการหลวงดอยอินทนนท์ สดมาก กรอบมาก อร่อยมากๆๆๆ ^^" เราซื้อกล่องขนาดกลาง 140บาท ลำแต๊ๆเจ้า

ออกจากสถานีเกษตรหลวงก็มืดพอดี แวะหาอะไรร้อนๆทานกัน เพราะอากาศเริ่มหนาวมากแล้ว รีบเข้าเต็นท์นอนกันก่อนตัวจะแข็ง ^^"


วันต่อมา เราตื่นกันตี 5 รีบขับรถไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ยอดดอยอินทนนท์ ระหว่างทางหนาวมากๆๆๆๆ สั่นตลอดทางอ่ะ มือชา หน้าชา ปากแข็ง จนต้องใส่หน้ากากกันเลยทีเดียว หนาวได้ใจจริงๆ

ขับเรื่อยๆ สโลว์ไลฟ์เพราะหนาว ระหว่างทางดาวสวยมาก ดาวเต็มท้องฟ้าเลย ฟินสุดๆ อยากให้ทุกคนไปเห็นด้วยตาตัวเอง จริงๆนะ เราใช้เวลาจากอุทยานไปยอดดอยอินทนนท์ประมาณ 40นาที ไปถึงคนเยอะมากๆๆๆ เต็มถนนแล้วอ่ะ นี่เรามาช้าไปใช่มั้ย ฮ่าๆๆๆ


ไปถึงพระอาทิตย์ขึ้นพอดี คิดว่าจะไม่ทันซะแล้ว เป็นแสงแรกยามเช้าที่สวยมากที่สุดตั้งแต่เคยเห็นมาเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นที่แรกอ่ะที่ตื่นมาดู อิอิ


ทริปนี้ตั้งใจจะขึ้นไป กิ่วแม่ปาน ด้วย แต่คงไม่ทัน เพราะมีเวลาน้อย รวมถึงระยะทางไปกลับ 6กิโล ใช้เวลาประมาณ 3ชม. ลังเลกันอยู่พักนึง เลยตัดสินใจไม่ไปดีกว่า ก็เสียดายนะ เลยไปถ่ายรูปกับป้ายแทน อิอิ


แล้วก็หาอะไรรองท้องร้อนๆทานกัน เป็นข้าวต้ม กับขนมจีบซาลาเปา ด้านบนจะมีร้านขายของและห้องน้ำไว้บริการนักท่องเที่ยว พร้อมทั้งรถ รับส่งด้วย


แล้วเราก็นั่งรถรับส่งฟรี ซึ่งจอดอยู่บริเวณลานจอดรถ คอยบริการนักท่องเที่ยวขึ้นไปชม พระมหาธาตุนภเมทนียดล และพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ เพราะเขาห้ามไม่ให้ขับรถขึ้นไป จะไม่มีลานจอดรถ ต้องนั่งรถบริการหรือไม่ก็เดินขึ้นไปเท่านั้น เก็บค่าเข้าชมคนละ 20บาท


พระมหาธาตุนภเมทนียดล และพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ เป็นพระมหาธาตุคู่พระบารมีของ รัชกาลที่ ๙ และพระราชินี ซึ่งพระมหาธาตุทั้ง 2 องค์นี้ เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุอยู่บนยอด และพระพุทธรูปบูชา ถือเป็นพระมหาสถูปเจดีย์องค์แรกที่ตั้งอยู่บนแผ่นดินที่สูงที่สุดในประเทศไทย


กลับลงมาลานจอดรถ แล้วขับรถไปที่ยอดดอย สูงสุดแดนสยาม ห่างจากลานจอดรถจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น 3กิโล ไม่ไกลมาก ขับรถขึ้นไปเองได้ ไปถึงนี่แบบโอ้วโหววว หนาวมากหนาวจริงๆ หนาวจนขาชาไปเลย ยืนสั่นกันเลยทีเดียว ยิ่งสูงยิ่งหนาวของจริง คนเริ่มเยอะจนต้องต่อคิวถ่ายรูปอ่ะ ฮ่าๆๆๆ

ตอนแรกหาป้ายทางขึ้นยอดดอยไม่เจอ คิดว่ามาผิดที่เดินวนไปมาจะขึ้นรถกลับละ แว๊ปไปเห้นป้ายทางขึ้นพอดี รีบวิ่งเลยจ้าาา คนเยอะมาก


หลังจากนั้นก็ลงมาลานกางเต็นท์ เก็บของคืนอุทยานและเก็บกระเป๋าไปเช็คอินที่โรงแรมในเมืองเชียงใหม่ วันนี้ขอเป็นเด็กเมืองบ้างเน้อออ ^^"

ใช้เวลาเกือบ 3 ชม. กว่าจะถึงโรงแรม เพราะรถติดหนักมาก เมืองเชียงใหม่ไฟแดงเยอะมากจริงๆ เราก็หลงเข้าไปเส้นในเมือง ไม่ได้กลับทางเดิม เจอรถติดวนไปจ้าาา เสียเวลาตรงนี้แหละ บวกกับวันนี้แดดร้อนมากๆ แต่ยังมีลมหนาวอยู่นิดๆ

เราจองที่พักโรงแรม ARCH39 Art and Craft ราคา600บาท / 2 คน เป็นห้องนอนรวมเตียงสองชั้น ชั้นนึงนอนได้ 2คน ห้องน้ำรวม ชั้นละ 3ห้อง ทุกคนจะมีคีย์การ์ดบาร์โค้ดเปิดประตูห้อง ห้องสะอาดมาก สบายมาก พนักงานบริการดี มีผ้าขนหนูให้คนละผืน มีมินิบาร์เล็กๆตอนเช้า ต้องจองเป็นเดือนอ่ะ เต็มเร็วมาก มีสาขาอยู่ในนิมมานด้วยแต่เราจองไม่ทัน เลยต้องมานอนสาขานี้ใกล้ๆวัดโลกโมฬี

เก็บของเสร็จขึ้นดอยต่อจ้าาา อ้าวเป็นเด็กเมืองได้ไม่กี่ ชม. เป็นเด็กดอยอีกละ ไปจ้าา ขับรถขึ้นดอย ลงดอยกันเหมือนไม่เหนื่อยอ่ะ ไปเอาพลังมาจากไหน ฮ่าๆๆๆ

สถานที่ต่อไปคือ สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ตั้งอยู่อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เป็นสถานที่อนุรักษ์และรวบรวมพรรณไม้เป็นหมวดหมู่ตามวงศ์สกุลต่างๆ นับเป็นสวนพฤกษศาสตร์แห่งแรกของประเทศไทย ที่มีการบริหารจัดการตามมาตรฐานสากล เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัยที่ชอบศึกษาพรรณไม้ธรรมชาติ ค่าเข้าชมคนละ 40 บาท นำรถมอเตอร์ไซต์เข้า 30 บาท

หลังจากนั้น เปิดพี่GPS เพื่อไป... Pongyang Jungle Coaster Zipline Camp and Resort เราตั้งใจขึ้นดอยมาเพื่อเล่น Jungle Coaster โดยเฉพาะจ้าา ค่าเครื่องเล่น คนละ150บาท สนุกมากๆๆๆ มีโอกาสอยากไปเล่นอีก

จากที่นี่ถ้าขับรถขึ้นไปอีก 3กิโล ก็จะถึงม่อนแจ่ม แต่ก็ไม่ได้ไปเพราะจะมืดแล้ว ทางขึ้นมาอันตรายและแคบกว่าดอยอินทนนท์ บวกกับหิวแล้วด้วยเลยลงไปหาไรกินในเมืองดีกว่า

ขับลงมาก็มุ่งตรงไปหาของกินกันทันที หิวมากไม่ไหวแล้ววว ร้านที่เราจะฝากท้องกันวันนี้คือ...

ต๋องเต็มโต๊ะ จ้า ไปถึงคือคนเยอะมากๆๆ คิวยาวมาก เราได้คิวที่ 60 ต้องรออีก 26คิว คิดว่านาน เลยไปหาร้านสระผมกันก่อน กลับมาคิวเลยไปสิบกว่าคิวแล้วอ่ะ โหวว ผิดที่ไม่รอเอง ฮ่าๆๆๆไหนๆก็มาล่ะ เอาคิวใหม่ ได้124 รออีกประมาณ 20กว่าคิว คือบางครั้งอาจจะได้เร็วเพราะลูกค้าบางคนไม่รอ แล้วบางทีลูกค้ากินเสร็จพร้อมๆกันหลายๆโต๊ะ เราก็จะได้เข้าไปเร็ว ต้องใจเย็นๆนะคะ ฮ่าๆๆ


นี่เลยค่ะเมนูแนะนำ แกงฮังเล ไส้อั่ว แกงผักหวานไข่มดแดง ลำแต้แต้ลำขนาดเจ้า สั่งกันด้วยความหิวสุดๆ ถามว่ากินกันสองคนหมดมั้ย ก็ไม่ 5555


เช้าวันต่อมา ตื่นตี 5 กันเช่นเคย วันนี้ตั้งใจจะขับรถไปสักการะไหว้พระขอพร พระธาตุดอยสุเทพ ก่อนปิ๊กบ้านเน้อเจ้า เพื่อเป็นสิริมงคล ไปกันเล้ยยยย ^^"

ระหว่างทางแวะพักจุดชมวิว วิวสวยมากมองเห็นเมืองเชียงใหม่ทั้งเมืองเลยค่ะ


เครื่องบินกำลังขึ้นพอดี ^^"

ขับไปเรื่อยๆระหว่างทางมีผู้คนวิ่งและปั่นจักรยานตลอดทาง ถนนทางขึ้นดอยสุเทพกว้างค่ะ แต่จะมีโค้งเยอะ มีโค้งนึงก่อนถึงวัดพระธาตุดอยสุเทพอันตรายมาก ต้องขับระวังๆหน่อย สำหรับคนที่ไม่ชินเส้นทาง

เราใช้เวลาประมาณ 1 ชม.ครึ่ง ก็มาถึงหน้าวัดพระธาตุดอยสุเทพ จะมีร้านขายของฝากเต็มสองข้างทาง


ทางขึ้นไปวัดพระธาตุดอยสุเทพจะมีสองทางค่ะ มีทางบรรไดกว่า 300ขั้น กับอีกทางนึงคือรถรางค่ะ สำหรับค่าบริการรถรางคนละ 20บาทใช้ได้ทั้งขึ้นและลง ตอนขึ้นเราใช้บริการรถรางกัน อิอิ

สักพักก็มาถึงวัดพระธาตุดอยสุเทพแล้วค่ะ

มีท้าวเวสสุวรรณสองข้างประตูด้วย สามารถแสกนบาร์โค้ดอ่านประวัติของท้าวเวสสุวรรณได้ด้วย


วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร นับเป็นวัดเก่าแก่ที่มีความศักดิ์สิทธิ์มากวัดหนึ่งของประเทศไทย ซึ่งมีความสำคัญในแง่ประวัติศาสตร์ เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองที่ห้ามพลาดเมื่อมาถึงจังหวัดเชียงใหม่ ภายในเป็นที่ประดิษฐานขององค์เจดีย์ทรงมอญ ที่ใต้ฐานพระเจดีย์มีพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบรรจุอยู่ ซึ่งจัดได้ว่าเป็นปูชนียสถานที่แสดงออกถึงศิลปกรรมล้านนาไทยที่สำคัญคู่เมืองเชียงใหม่มาช้านาน

ไหว้พระธาตุสะสมบุญ เวียนรอบพระธาตุ 3รอบ แล้วมาถ่ายรูปกัน


ตอนกลับ เดินลงบรรไดกัน ระหว่างทางเจอหนูน้อยใส่ชุดดอย เลยขอถ่ายรูป ถ่ายแล้วไม่ฟรีนะคะต้องให้ค่าขนมน้องด้วย5555 น้องๆน่ารักดีค่ะ พูดเก่งมาก


เสร็จแล้วก็แวะซื้อของฝากเล็กๆน้อย แล้วก็ขับรถลงจากดอยกลับโรงแรม แต่ซอยทางเข้าโรงแรมจะมีวัดเก่าแก่วัดนึงสวยสะดุดตามาก เลยแวะเข้าไปซักหน่อย คือ วัดโลกโมฬี เป็นวัดเก่าแก่แห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ อายุกว่าห้าร้อยปี สร้างในสมัยอาณาจักรล้านนา ซึ่งตั้งอยู่บริเวณทิศเหนือของตัวเมืองเชียงใหม่ ใกล้แจ่งหัวริน บรรยากาศร่มรื่นดีค่ะ แต่ช่วงที่เราไปเขากำลังบูรณะวัดอยู่ เลยไม่ค่อยได้เก็บรูปมาเท่าไหร่


เที่ยงแล้วโน๊ะ นึกขึ้นได้มาเชียงใหม่ยังไม่ทานข้าวซอยเลย ก็ไปหาอะไรทานกัน มาถึงเชียงใหม่ ไม่ทาน ข้าวซอย แสดงว่ายังมาไม่ถึง ก็จัดซะเลย หาร้านทานข้าวซอยกัน ไปเจอร้าน ข้าวซอยเสมอใจฟ้าฮ่าม ร้านข้าวซอยเจ้าดังอยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง ที่นี่มีเมนูหลากหลาย รสชาติไม่จัดมากอร่อย ไม่เลี่ยนจนเกินไป เสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียง 1 จาน เราสั่งมาสามอย่าง ข้าวซอยหมู ขนมจีนน้ำเงี้ยว และหมูสะเต๊ะ แล้วก็น้ำสตรอเบอร์รี่ปั่นสดๆ ทั้งหมดราคา 120บาท ไม่รวมน้ำสตรอเบอร์รี่แก้วละ 40บาท รวม 200 บาท หาร 2 คน ตกคนล่ะ 100 ถือว่าไม่แพงเลยค่ะ




ทานของคาวแล้วก็ต้องทานของหวานใช่มั้ยล่ะ อิอิ ไป ไปต่อกันที่ ร้านStyle Me ซอยนิมมาน 17 เป็นร้านไอศกรีมน้องหมา น่ารักแทบไม่กล้ากิน ใครมาก็ต้องจัด ไอศกรีมรูปน้องหมานี่แหละค่ะ เขาทำออกมาน่ารัก เหมือนจริงสุดๆ ในร้านก็มีมุมถ่ายรูปสวยๆ จัดร้านได้น่ารักมากๆเลยค่ะ

เที่ยวจนเพลิน ก็ได้เวลากลับบ้านบ้างล่ะเนอะ งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา5555 สำหรับทริปนี้คุ้มมาก ได้เที่ยวเกือบทุกที่ที่วางแพลนไว้ ถึงแม้จะมีบางที่ที่ไม่ได้ไปเพราะเวลาจำกัด ก็ถือว่าคุ้มค่ะ

ต้องขอบคุณรถ Zoomer X คันนี้ค่ะ ที่ไม่ดื้อไม่ซน พาเราไปทุกที่ที่อยากไป สะบัดสะบอมกับการขึ้นดอยลงดอย 3วัน 3ดอยของเรามาก รักนาง ถึงแม้จะตามเพื่อนไม่ทันก็เถอะ55555 เรื่อยๆจ้าเรื่อยๆ


ไปๆๆ ไปสถานีรถไฟขึ้นรถกลับกัน เราจองรถไฟไว้ล่วงหน้าเป็นเดือน คือรถเต็มไวมาก เหลือแค่2ที่นั่งพอดีเราจองเป็นชั้น 1 ปรับอากาศ นอนได้ หลับสบายตลอดทางจนถึงกรุงเทพ แล้วแยกย้ายกันกลับบ้าน

และที่ขาดไม่ได้ ขอบคุณผู้ร่วมทริปนี้ที่พาคนอกหักมาเที่ยว คือตัดสินใจกันเร็วมากวันเดียวคือตกลงกันแล้ว จองตั๋ว จองโรงแรมกันก่อนมาเป็นเดือน เกือบไม่ได้มาหลายรอบมากเพราะเราเองติดอบรมบ้างไรบ้างแบบเฉียดฉิว อบรมเสร็จอีกวันวาร์ปมาเที่ยวจนเพื่อนตกใจ5555 ถ้าทริปล่มคงเสียดายแน่ๆ

นางขับรถคนเดียวตลอดทริปจ้าา เพราะเราขับรถไม่เป็น5555 ไว้จะไปหัดขับแล้วขับพาเที่ยวคืนล่ะกัน

จบทริปนี้มีต่อแน่นอนค่ะ ขอเก็บตังค์ก่อนเนอะ อิอิ เจอกันทริปหน้าจ้าาา

สรุปค่าใช้จ่ายทริปนี้

ค่ารถทัวร์VIPหมอชิต-เชียงใหม่ 759 บาท/คน

ค่ารถไฟ เชียงใหม่-หัวลำโพง 801 บาท/คน

ค่าเช่ามอเตอร์ไซต์ 48ชั่วโมง 300 บาท/คน

ค่าน้ำมัน 140 บาท หารสอง

ค่าเข้าอุทยานต่างๆ คนละ205บาท

ค่าที่พักรวมทั้งเต็นท์ 305 บาท

ค่ารถแดงไปสถานีรถไฟ 20 บาท/คน

รวมทั้งหมด 2460บาท ต่อคน ไม่รวมค่าอาหารนะคะ

#ใครไม่ใหม่แต่เชียงใหม่เจ้า

#ทริปแว๊นๆของคนบ้าๆ

#ปิดเทอมแล้วไปไหน




จบแล้วค่ะทริป 3วัน 3ดอย กับ 15 จุดเช็คอินของเรา คุ้มมากจริงๆ ผิดพลาดประการใดสามารถติชมได้นะคะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับหลายๆคนที่อยากไปเชียงใหม่เหมือนเรา ไว้เจอกันใหม่ทริปหน้าค่ะ บ๊ายย ^^"

"เที่ยวเท่าทีคุณอยากเที่ยวให้ไกลที่สุดเท่าที่คุณต้องการ ชีวิตเราไม่ได้ถูกกำหนดให้อยู่แค่ที่ที่เดียว"




จะไปป่ะ | Ja Pai Pa

 วันพฤหัสที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2561 เวลา 11.27 น.

ความคิดเห็น