ทริปนี้ต่อเนื่องจาก หนองเขียว-เมืองงอย พอนั่งรถตู้มาถึงสถานีขนส่งสายเหนือที่นครหลวงพระบาง เรากับเพื่อนตัดสินใจนั่งสามล้อมาที่พักก่อนเลย ค่ารถคนละ 20,000 กีบ (ราคามาตรฐานถ้าเรียกภายในสถานีขนส่ง) เรากลับมาพักที่ กินรี เพลงเฮ้าส์ (Kinnaly Place House) อีกครั้งเพราะชอบความน่ารัก ดูแลดีของพนักงาน มาครั้งนี้ได้อัพเกรดห้องพักเป็นห้องมีระเบียงด้วย
เก็บของเสร็จก็ถึงเวลาออกมาหาของกิน แต่วันนี้มาเป็นวันชาติลาว (2 ธันวาคม) หลายร้านที่เราชอบกินหยุด ก็มาลงเอยกันที่ร้าน Le Banneton สั่งพิซซ่าแซลมอน กับสลัดแซลมอน กาแฟเย็นและลาเต้ร้อนทั้งหมด 163,000 กีบ
อิ่มจนแทบเดินไม่ไหว ตอนสั่งคือหิวมาก มื้อแรกของวันตอนบ่าย 3 โมง แต่ก็ต้องเดินออกมาพาเพื่อนที่มาหลวงพระบางครั้งแรกสำรวจเมืองแบบเบาๆ ด้วยการพาเข้าวัด และโรงเรียนประถมของที่นี่
4 โมงกว่าเตรียมขึ้นพูสีเลยดีกว่า ค่อยๆ ขึ้นไม่ต้องรีบร้อน เพื่อนมาครั้งแรกก็พาขึ้นตรงฝั่งหอพระบางหรือตลาดมืดนี่แหละดีแล้วขึ้นง่าย ถ้าพาขึ้นฝั่งน้ำคานผ่านวัดทางชันกว่าคงโดนบ่นเป็นแน่ เสียปี้คนละ 20,000 กีบ
เดินขึ้นมาถึงก็ต้องตกใจที่เจอผู้คนแน่นขนาดนี้ แน่นกว่าทุกครั้งที่เคยมา
พาเพื่อนดูรอบๆ รอเวลาแสงสวยกันก่อน
แสงสวยแล้ว เราพยายามหามุมที่ดีที่สุด และหามุมที่จะติดคนอื่นน้อยที่สุดแล้ว ได้แค่นี้จริงๆ
เบื้องหลังการถ่ายอาทิตย์ตก (โดนเพื่อนแอบถ่ายมารู้ตอนถึงที่พักแล้ว)
ก่อนแสงหมดก็ต่อคิวขึ้นมาจุดที่ทุกคนต้องถ่ายกัน เราได้มา 2 รูปถ้วน คนรอคิวเยอะก่อนแสงหมดเป็นช่วงเวลาที่ใครๆ ก็อยากได้ภาพ เราก็เลยแบ่งคนอื่นบ้าง
ลงจากพูสิก็ต้องมาเดินตลาดมืด ลงมาถึงร้านตั้งเสร็จหมดแล้ว พร้อมขายแล้ว เป็นอีกจุดที่ถ่ายรูปสวย
ก่อนเดินซื้อของ (เพื่อนซื้อ) ก็แวะจิบชาร้อนที่ร้านโจมากันก่อน เราชอบแนวคิดเอาขวดน้ำมาเติมฟรีมากๆ แล้วเป็นทั่ว สปป.ลาวเลยนะ บางแห่งอาจเก็บเงินขวดเล็ก 1,000 กีบ ขวดใหญ่ 3,000 กีบ ฝรั่งก็เติมแบบนี้ เราก็ด้วย
พาสำรวจซอยบุฟเฟต์ให้ตื่นตาตื่นใจ
มื้อเย็นง่ายๆ กับส้มตำร้านแรก รสมือโอเคสำหรับเรา น้ำจิ้มปลาออกเค็มไปนิด
ถึงเวลาพาเพื่อนมาต่อราคาผ้าทอมือ ใครชอบผ้าทอมือมาดูได้เลย ไม่แพง สวยดีด้วย
พากันกลับที่พัก เข้ารุ่งขึ้นจะต้องพาเพื่อนตระเวนอีกทั้งวัน
เช้าวันสุดท้ายที่นครหลวงพระบาง ตื่นมาก็พาเพื่อนมาดูการใส่บาตรข้าวเหนียว
จากนั้นก็พามาเดินตลาดเช้า สัมผัสตลาดที่มีเสน่ห์ต้อนรับนักท่องเที่ยว
ยังเช้าอยู่ทัวร์ยังไม่เริ่มเข้าวัดเราก็พากันมาวัดเชียงทอง เช้าๆ ก็สบายแบบนี้ เสียปี้ 20,000 กีบ
ได้รูปในวัดจนพอใจก็พาสำรวจเมืองกันต่อ อาคารบ้านเรือนที่ได้การดูแลในฐานะมรดกโลก
ซื้อจอยทัวร์ตาดกวางสีคนละ 50,000 กีบ เรียบร้อยก็กลับมากินอาหารเช้าที่ที่พัก ที่นี่เป็นแบบสั่งได้ 1 อย่าง มาพร้อมผลไม้และเครื่องดื่มที่เลือก
อิ่มแล้วก็พาออกมาเก็บตกจุดบรรจบแม่น้ำคานและแม่น้ำโขง สะพานไม้ไผ่กำลังสร้างรองรับนักท่องเที่ยวแล้ว รอบก่อนมาน้ำซัดหายทุกสะพาน
มาเก็บภาพป้ายที่ยูเนสโกมอบให้นครหลวงพระบางเป็นเมืองมรดกโลก
ถึงเวลานัดหมายไปตาดกวางสีกัน ก็เหมือนเดิมมีรถตู้มารับ เสียค่าเข้าอุทยานฯอีก 20,000 กีบ เข้ามาก็เหมือนเดิมผ่านกรงหมีกันก่อน
จุดต่อไปก็น้ำตกแล้ว วันนี้เป็นวันหยุดชดเชยวันชาติลาว ทำให้คนลาวมาเที่ยวเยอะ นักท่องเที่ยวก็เยอะ สนุกสนานกันไป
ขากลับจากทัวร์ก็เอามาทิ้งจุดเดิมหน้าร้านโจมาก็เลยแวะกินของโปรดที่ชอบที่สุดที่ร้านนี้ "พายหม่อน" เมื่อก่อนชิ้นใหญ่เท่ากับปัจจุบัน 2 ชิ้นรวมกัน แต่วันนี้มีโปรซื้อเครื่องดื่ม 1 แก้ว แถม 1 แก้ว
เดินเข้าตลาดพาเพื่อนมาชิมปากหม้อร้านประจำ เรากินตั้งแต่แม่ค้ากำลังท้อง ตอนนี้ลูกสาวมาช่วยขายแล้ว จานนี้ 10,000 กีบ
ถึงเวลาต้องกลับที่พักเตรียมกลับแล้ว มาเจอน้องที่คุ้นเคยกันก็เลยขออาบน้ำก่อนกลับ เราตอบแทนน้ำใจด้วยการวิ่งไปร้าน Le Banneton ซื้อขนม 4 ชิ้น เป็นเสบียงให้น้องกินช่วงทำรายงานและการบ้าน (น้องเรียนปีสุดท้ายที่มหาวิทยาลัยประจำหลวงพระบาง) จากนั้นก็แบกเป้เดินหาสามล้อไปขนส่งสายใต้ ค่ารถคนละ 20,000 กีบ รอบนี้รู้แล้วว่าได้รถนอนแบบเตียงคู่ เบาะกว้างแค่ 1.5 เมตร หมอน 2 ใบ ผ้าห่ม 1 ผืน ความยาวเบาะพอดีคนสูงไม่เกิน 175 ซม. รถนอนเตียงคู่แบบนี้ที่นี่เรียก Sleeping bus แต่แบบเตียงเดี่ยวตอนขามาเรียก Sleeper bus ใครอยากนอนเตียงเดี่ยวก็เช็ควันดีๆ เบอร์อยู่ในบันทึกก่อนหน้านี้
รอบนี้นอนแทบไม่ได้เลย กลัวเบียดเพื่อนตก มาถึงร้านอาหารเดิมตอนขามาก็สั่งเฝอเหมือนเดิม อยากจิบร้อนๆ ได้ชาร์จแบตมือถือเพิ่มด้วย พอมาถึงสถานีขนส่งสายเหนือที่นครหลวงเวียงจันทน์ก็นั่งรถเมล์มาลงตลาดเช้าราคาคนละ 5,000 กีบ ต่อรถไปสะพานมิตรภาพอีกคนละ 8,000 กีบ ขากลับไม่เสียค่าบัตรผ่านประตู (ขามาเสีย 1,000 กีบ)
รถข้ามสะพานเป็นรถแอร์ก็เลยเสียค่ารถเพิ่มเป็นคนละ 20 บาท ข้ามมาฝั่งไทยก็นั่ง Skylab มาร้านแดงแหนมเนือง เพื่อนโอเคกับร้านนี้ เพื่อนกินยากแต่บทจะง่ายก็ง่ายมาก
รถตู้จากหนองคายไปสนามบินอุดรธานีขากลับคนละ 150 บาท มาถึงก็นั่งเสวนากับพี่ที่คุ้นเคยจนถึงเวลากลับ ขากลับก็กลับกับนกแอร์ DD9215 (4 ธันวาคม 2561: 17:30) เที่ยวบินนี้มีรอยยิ้มจริงๆ เจ้าหน้าที่ทุกคนพร้อมให้บริการมากๆ ขอบคุณที่ดูแลกันดี
ติดตามทริปเดินทางอื่นๆได้ที่:
IG : prapat
ตะลุยเดี่ยวแบกเป้เที่ยว
วันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 02.58 น.