มนต์เสน่ห์แห่งอาหารบนยอดตึกใจกลางกรุง Dining at ZOOM Sky Bar & Restaurant - Anantara Sathorn Bangkok Hotel
-ร่ายมนต์ใส่อาหาร สร้างงานศิลป์แสนอร่อย บนยอดตึกสูง ปล่อยใจสู่ฟากฟ้า ใจกลางกรุง-
ติดตามรีวิว และกิจกรรมต่างๆ ได้ที่ FB ----> My Dining Collection
สวัสดีครับทุกๆ คน วันนี้ผม ภพ จะขอมานำเสนออาหารประเภท Fine Dining กันบ้าง หลังจากที่เราบุฟเฟ่ต์กันรัวๆ ในช่วงที่ผ่านมาครับ ฮา ซึ่งมาครั้งนี้มาแบบไม่ธรรมดา เพราะอาหารมื้อนี้จะทำให้เพื่อนๆ ต้องหลงเสน่ห์ไปกับรูปร่าง หน้าตา แนวคิด รสชาติ และที่มาของอาหารแต่ละจาน ซึ่งมีความละเอียดละออไม่ธรรมดามากๆ แถมสถานที่เป็นที่เปิดโล่ง 360 องศาอยู่บนยอดตึกสูงกว่า 40 ชั้นใจกลางมหานคร ยังชวนให้น่าหลงใหลเข้าไปอีก ได้ยินขนาดนนี้แล้วงั้น ภพ จึงขอเชิญพบกับมื้อค่ำที่ ZOOM Sky Bar & Restaurant โรงแรม Anantara Sathorn Bangkok Hotel กันเลยครับผม!!!
ZOOM Sky Bar & Restaurant - Anantara Sathorn Bangkok Hotel
โรงแรม อนันตรา สาทร กรุงเทพ 36 ถนน นราธิวาสราชนครินทร์ แขวง ยานนาวา เขต สาทร กรุงเทพมหานคร 10120
Anantara Sathorn Bangkok Hotel, 36 Narathiwat-Ratchanakarin Road, Yannawa (13.01 km)
Bangkok 10120
วิธีเดินทาง: สามารถเดินทางได้ง่ายๆ โดย 🚈รถไฟฟ้า BTS ซึ่งโรงแรมตั้งห่างจาก BTS สถานนีช่องนนทรีย์เพียง 5 นาทีเท่านั้น
MAP --------> https://goo.gl/maps/DCGSBCTkz3y
📞สอบถามเพิ่มเติม: 02 210 9000
📩 https://www.facebook.com/AnantaraSathornBangkok/
https://www.facebook.com/ZOOMSkyBar/
ภาพรวมของ ZOOM Sky Bar & Restaurant (ซูม สกายบาร์ แอนด์ เรสเตอรองต์)
- เปิดให้บริการ 17.30-01.00 Last Oder ที่เวลา 22.00 จากนั้นสามารถนั่งชิลล์ไปได้จนกว่าจะถึงเวลาปิด
- บริเวณที่ให้บริการอยู่ที่ชั้น 40 ชั้นดาดฟ้าของโรงแรม ซึ่งบรรยากาศเป็นแบบ Outdoor ท่ามกลางทัศนียภาพของกรุงเทพฯ ที่สามารถชมวิวได้แบบ 360 องศา ทั้งวิวแม่น้ำเจ้าพระยา สะพานต่างๆ อย่างสะพานพระราม 8 และไกลไปถึงไอคอนสยามเลยทีเดียว
- สามารถรับประทานอาหารมื้อเย็นแบบฟูลคอร์ส หรือจะเลือกดื่มเครื่องดื่มชิลล์ๆ แฮงเอ้าท์ ใช้เวลาชมวิวอย่างเดียวก็ได้
- เมนูอาหารเป็นโมเดิร์น-ยูโรเปียนที่ปรุง และรังสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษโดยเชฟผู้เชี่ยวชาญ และเน้นวัตถุดิบพรีเมี่ยมที่หาได้ในประเทศไทยเป็นหลัก รูปแบบ A la Carte รวมถึงอาหารทานเล่น สแน๊กพร้อมกับดริ้งไปด้วยก็มี
- เมนูเครื่องดื่มมีหลากหลาย มีทั้งไวน์ ค๊อกเทลนานาชนิด ม๊อกเทล เบียร์ อย่างน้ำอัดลม และน้ำผลไม้
- ในส่วนของ Indoor ชื่อซูม สกาย เลาจน์ (ZOOM Sky Lounge) อยู่ที่ชั้น 38 สามารถชมวิวได้แบบพาโนรามา ให้บริการเหมือน ซูม สกายบาร์ แอนด์ เรสเตอรองต์ แตกต่างเพียงเมนูเครื่องดื่ม
- ช่วง Happy hour ทุกวันเวลา 18.30 - 20.30 ที่ ZOOM Sky Lounge ลด 50% สำหรับ ค๊อกเทล กับเบียร์บางประเภท และไวน์ที่สั่งเป็นแก้วๆ
ZOOM Sky Bar & Restaurant เป็นอีกหนึ่งห้องอาหาร และสกายบาร์บนยอดตึกสูงที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆ ในกรุงเทพฯ ทั้งจากนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ และชาวไทยด้วยกันเอง
ตัวห้องอาหารตั้งอยู่บนชั้นดาดฟ้าของโรงแรม Anantara Sathorn Bangkok Hotel
ด้วยความโดดเด่นที่มีเอกลักษณ์ ทั้งอาหาร และบรรกาศหรูอย่างมีสไตล์
ทำให้เป็นรูฟท็อปหรูหราแห่งนี้ เรียกได้ว่ามีอาหารหลักร้อย และวิวหลักล้านนั้นไม่เกินจริงเลย
ซึ่งสามารถสร้างความ Exclusive และความประทับใจ ที่ไม่เหมือนใครให้กับแขกผู้มาเยือนได้เสมอ
ห้องอาหารเปิดให้บริการตั้งแต่ 17.30-01.00 และ Last Oder ที่เวลา 22.00
และสามารถนั่งชิลล์ไปได้จนกว่าจะถึงเวลาปิดบริการกันได้เลย
ซึ่งก็มีหลากหลายมุมให้แขกได้เลือกนั่งกันเลยครับ
อยากชมวิว ดื่มด่ำกับบรรยากาศ อาหาร และเครื่องดื่มในมุมที่ชอบตรงไหนก็จัดไปเลยครับ
ซึ่งแต่ละมุมก็ให้วิวที่แตกต่างกันไปไม่น่าเบื่อครับ
พื้นที่ของห้องอาหารถูกแบ่งโซนด้วยพื้นยกระดับลดหลั่นกันไปด้วยนะครับ
เลยสร้างความเป็นส่วนตัวให้กับมุมสังสรรค์ต่างๆ ได้
ด้วยพื้นที่ และช่วงเวลาที่เปิดให้บริการ ทำให้แขกที่มาได้รับชมภาพความประทับใจต่างๆ ได้ทั้งแสงทไวไลท์ยามเย็นที่สวยงาม
หรือแม้แต่ช่วงพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน และแสงสียามค่ำคืนของเมืองหลวงที่ยังไม่หลับใหลได้ แบบ 360 องศา
โดยไม่มีอะไรมาปิดกั้นให้ขัดใจ ขัดสายตากันเลย
วิวแม่น้ําเจ้าพระยา และคุ้งน้ำบางกระเจ้าก็สามารถมองเห็นได้เลยล่ะครับ
จะเห็นได้ว่าบรรยากาศดีงามมากๆ ครับ เหมาะกับมาสร้างเวลาพิเศษให้กับทั้งตัวเอง คู่รัก หรือแม้แต่กับครอบครัวก็ยังได้
ถ่ายรูปเก๋ๆ ไปอวดเพื่อนๆ ก็ได้ มาปล่อยใจ ปล่อยกาย สบายอารมณ์
เก็บรูปเท่ๆ เปลี่ยนวันธรรมดาๆ เป็นวันพิเศษๆ กับที่นี่ได้ไม่ยากเลยล่ะครับ
และนอกจากวิวทิวทัศน์ บรรยากาศสุดดีงามนี้แล้ว
อาหาร และเครื่องดื่มที่นี่ก็ไม่ธรรมดาด้วยนะครับ เช่นค๊อกเทลที่ได้รับแรงดลใจจาก "ข้าวเหนียวมะม่วง" เป็นต้นครับ
ส่วนอาหารยิ่งพิเศษ เพราะถูกรังสรรค์ คิดค้น และปรับปรุงมาเป็นปีๆ โดย Executive Chef "เชฟกิ๊บส์" และสรรหาวัตถุดิบคุณภาพจากแหล่งต่างๆ โดยผู้ช่วยเชฟ "เชฟเบนซ์" ก่อนจะนำมาให้บริการครับ โดยเชฟทั้ง 2 และทีม มีรางวัลการันตีมากมายทีเดียว
เชฟได้สร้างงานศิลปะที่ทานได้อย่างปราณีต และชวนหลงใหล คัดสรรวัตถุดิบที่ดีที่สุดจากแหล่งต่างๆ โดยเน้นวัตถุดิบในท้องถิ่น ซึ่งทานแล้วรู้สึกภูมิใจว่าเป็นของๆ ประเทศเราเอง แม้กระทั้งพืชผักบ้างอย่างเชฟก็ปลูกเองนำมาใช้เอง
ซึ่งต้องบอกเลยว่าพิเศษสุดจริงๆ เพราะในบ้างครั้งเมนูที่จัดให้บริการนี้อาจมีเพียงไม่มีกี่จาน หรือไม่มีบริการในวันนั้นๆ เลยเพราะวัตถุดิบบ้างชนิดนั้นหายาก เนืองจากผลิตที่น้อย หรือวัตถุดิบไม่ได้คุณภาพ หรือไม่ใช่ฤดูกาลที่เหมาะสมที่จะนำมาใช้ ทำให้อาจมีการปรับเปลี่ยนเมนูไปตามช่วงเวลาที่เหมาะสมด้วยครับ
ซึ่งก่อนจะเริ่มมื้ออาหารสำหรับวันนี้ ภพ อยากชวนทุกๆ คนมาดูภาพชมบรรยากาศที่ห้องอาหารเพิ่มเติมกันอีกหน่อยย
ช่วงเวลาใกล้พลบค่ำก็สวยไม่น้อยเลยครับ เพราะเราจะได้เริ่มเห็นแสงสีต้องๆ ที่ส่องออกมากันแล้ว
พระอาทิตย์กำลังจะตกดินแล้วล่ะครับ
นานๆ ที จะมีโอกาสได้มองวิวแบบนี้ จากที่สูงๆ ก็สวยงามกินใจ และรู้สึกโรแมนติกมากๆ เลยครับ
แสงสวยมากๆ แสงที่ปล่อยออกมาจากธรรมชาติ
ต้องรีบเก็บภาพของเย็นวันนี้ไว้ไปก่อนจะจางหายไปครับ
สวยงาม~~~
เก็บภาพเหงาๆ ก็ได้ ฮา
ได้อารมณ์ที่หลากหลายมากเลยครับ
สีหวานๆ
เอาล่ะอิ่มเอมใจกับวิวไปแล้ว ขอท้องเราอิ่มบ้างนะ ฮา มาที่โต๊ะกันเลย
อยากบอกว่าที่นั่งกว้าง นุ่ม และสบายมากๆ ครับ
การจัดโต๊ะก็จะมีความเรียบหรูเบาๆ ครับ
งั้นมาเริ่มมื้อเย็นกันเริ่มดีกว่า
เริ่มด้วยเครื่องดื่มครับ มีทั้งหลายตัวให้เลือกทั้ง Alcohol และ Non Alcohol ซึ่งค๊อกเทลเมนูแรก ภพ นำเสนอมากๆ นั้นคือ
[Cocktail] - MANGO TALES – THB 350 ++
- Whisky, Cointreau, Mango Purée, Sugar Palm, Lime Juice
- An enticing twist on Thailand’s most iconic dessert. Discover another side of mango and sticky rice, completed by a wisp of salted coconut cream and a golden flourish.
ค๊อกเทลข้าวเหนียวมะม่วงครับ! ใครรักข้าวเหนียวมะม่วงต้องชอบ~ ค๊อกเทลที่จำลองรสชาติของข้าวเหนียวมะม่วงมาอยู่ในแก้วๆ นี้ครับ โดยมีส่วนผสมของ Whisky, Cointreau, Mango Purée, Sugar Palm และ Lime Juice ครับ
เป็นค๊อกเทลรูปแบบของหวานที่แปลกแตกต่างเป็นซิกเนเจอร์นึงของที่นี่ครับ โดยโฟมขาวๆ ข้างบนนั้นทำมาจาก ข้าวเหนียวมูน ครับ มีความเป็นกะทิ นุ่ม ละมุมๆ และหอมครับ ดื่มพร้อมกับส่วนของชั้นสีส้มทองที่ทำจาก มะม่วงสด ที่ถูกทำให้เป็นของเหลวแล้วยิ่งกลายเป็นข้าวเหนียวมะม่วงเลยล่ะครับ
ปล. โดยบาร์เทนเดอร์จะแนะนำให้จิบทานแทนใช้หลอดนะครับจะได้ฟิล และอร่อยมากกว่า
[Cocktail] - YOUNG COCONUT DELIGHT – THB 340 ++
- Whisky, Young Coconut, Water Pomegranate, Lime, Mint
- A flirtatious homage to traditional tastes of Thailand, this tropical delight is paired with fresh young coconut.
เครื่องดื่มถัดมาคือค๊อกเทลที่มีความเปรี้ยวของน้ำทับทิมชัดเจนมาก หวานน้อย ดื่มแล้วตื่น สดชื่น แต่ตัวทับทิมกลบกลิ่นมะพร้าวไปมากพอควร ทำให้ค๊อกเทลแก้วอาจไม่เป็นตามที่คาดไว้สักหน่อย (โดยส่วนตัวหวังได้กลิ่นมะพร้าวชัดๆ เพราะชอบมะพร้าวตามชื่อของเมนูครับ) แต่โดยรวมก็ยังอร่อย ใช้ได้อยู่ครับ คนที่ชอบเปรี๊ยวๆ หวานๆ น่าจะชอบ
และถ้าสังเกตดีๆ ความดีงามอีกอย่างคือหลอดครับ เขาใช้หลอดกระดาษด้วยล่ะ เป็นมิตรกับโลกมากขึ้นด้วย
ระหว่างรออาหารมาก็ยังสนุกกับหารเก็บภาพต่างๆ ได้อีก~
ถึงเวลาโพล้เพล้ๆ แสงสีต่างๆ ยิ่งเด่ดชัด และสวยงามขึ้น เป็นบรรยากาศเปลี่ยนไป ดีสำหรับอาหารค่ำมื้อนี้เลย
*[Complementary] - Homemade Bread with Butter
จนขอเริ่มด้วยขนมปังโอมเมดที่ห้องอาหารทำมาเป็นพิเศษ อบสดใหม่ในทุกๆ วัน มาคู่กับเนย เป็นอภินันทานการจากห้องอาหารสำหรับแขกทุกคนที่มาใช้บริการครับ แต่ต้องมาแบบทานอาหารมื้อค่ำนะครับ
ซึ่งตัวขนมปังนั้นมีส่วนผสมของถั่ว และเผือก ทานแล้วมีความเหนียวนุ่ม ทานพร้อมเนยจะมีความหอม อร่อยมากๆ เลยครับ
และขนมปังนี้สามารถขอเพิ่มได้ตลอดครับ แน่นอนว่า ภพ ต้องจัดเพิ่มครับเพราะเป็นคนชอบขนมปังอยู่แล้ว แถมของที่นี่อร่อยมากๆ อีกด้วยเรียกว่าแค่เริ่มมาก็ฟินไปแล้วครับ ฮา
*[Complementary] - AMUSE BOUCHE
- Duck Liver Pate with Mixed Nuts (Left)
- Cobia Ceviche (Middle)
- Potato Bravas (Right)
ต่อมาเป็นอาหารเรียกน้ำย่อย 3 ชนิดครับ เป็นอภินันทานการจากห้องอาหารเช่นเดียวกันกับขนมปังครับ
โดยอาหารเรียกน้ำย่อยทั้ง 3 ตัวนี้ ทางเชฟแนะนำให้เรียงลำดับการกินตามนี้ครับ
เริ่มทานจาก Duck Liver Pate with Mixed Nuts คือตับเป็ดบดผสมกับถั่วอัลมอนด์ และถั่วพิสตาชิโอครับ ความรู้สึกแรกที่ได้ทานคือมันเนียนละมุนมาก และไม่มีคาวเหมือนตับเป็ดทั่วๆ ไป เพราะเชฟปรุงมาอย่างดี และการที่มันเนียนได้ขนาดนี้เพราะเชฟได้ทำการนำตับไปกรองซ้ำอีกด้วยครับ ทานแล้วเหมือนจะละลายในปากเลย ความเนียน นุ่ม ตัดด้วยถั่ว กรุบๆ เคี้ยวเพลินๆ ปรุงไม่ได้หนักมาก ได้รสชาติธรรมชาติๆ จากวัตถุดิบ มาเป็น POP พอดีคำ
ต่อมาคือ Cobia Ceviche หรือเนื้อปลาช่อนทะเลดิบที่นำไปหมักกับกรดมะนาว และมีส้มโอผลไม้ของไทยคุลกเคล้ามาด้วย
เวลาทานรสเด่นๆ ที่ออกมาคือรสเปรี้ยวๆ ครับ ผสมกับรสสัมผัสที่เด้งๆ ของเนื้อปลาเย็นๆ และความชุ่มฉ่ำของน้ำที่ออกมากจากส้มโอ ความเปรี้ยวทำให้น้ำลายในปากถูกเรียกออกมาให้พร้อมจะเริ่มมื้ออาหารต่อไปเลยล่ะครับ
สุดท้ายตามด้วย Potato Bravas เป็นเมนูมันฝรั่งได้รับแรงดลใจมาจากขนมของสเปน ราดด้วยมายองเนสที่มีส่วนผสมของกระเทียม และแคปซิคัมเจล (สีส้มๆ) พอนำเข้าปากแล้วส่วนผสมทั้งหมดจะถูกผสมรวมกันเป็นเนื้อเดียวกันก็นัวๆ หน่อย
[Starter] - SALMON AND QUINOA” – THB 490 ++
- 40 Degree Salmon / Red Quinoa / Sea Lettuce / Coriander / Black Garlic / Pickled Baby Beet Avocado / Wasabi / Preserved Lemon
- Tender sous vide salmon is layered with superfoods like red quinoa, sea lettuce and avocado for a burst of flavours. A splash of wasabi rounds out this healthy dish in a mouthwatering combination.
แซลมอน กับควินัวเป็นเมนูซิกเนเจอร์อีกตัวสำหรับสตาร์เตอร์ ซึ่งเชฟอยากนำเสมอเนื้อแซลมอนที่ทำให้สุกด้วยวิธีการซูวี หรือเรียกว่าทำให้สุกอย่างช้าๆ ที่อุณหภูมิ 40 องศา แล้วเสิร์ฟคู่กับออแกนิคควินัวที่เป็นชั้นอยู่ด้านล่าง
โดยมีซอสที่ทำจากเลมอนดอง Preserved Lemon ทำเป็นเจลรูปทรงกลมวางไว้ตรงกลาง ซึ่งเมนูเรียกว่าเป็นการรวมตัวกันของซุปเปอร์ฟู้ดก็ว่าได้ แถมวิธีทำคือการซูวีที่จะกักเก็บความชื่น คุณค่าทางอาหารไว้อย่างครบถ้วน รวมถึงรสสัมผัสที่นุ่มของเนื้อด้วย ทำให้เป็นเมนูสุขภาพ เหมาะสำหรับที่ต้องการคุมน้ำหนัก รวมถึงคนที่ชอบอาหารคลีน คงจะชอบมากๆ (ภพ ก็คนนึงที่ชอบครับ)
เวลาทานก็ให้ใช้มีดหั่นลงไปเพื่อเจาะให้เจลซอสแตกออกไปผสมกับวัตถุดิบอื่นๆ แค่นี้จานนี้ก็พร้อมทานแล้วครับ ส่วนรสชาตินั้นจะไม่จัดจ้านนนะครับ เน้นเป็นรสชาติของวัตถุดิบธรรมชาติ และความเปรี้ยวอ่อนๆ กลมกล่อมของซอสเลมอนดอง พร้อมรสสัมผัสของแซลมอนคู่กับควินัวที่นุ่มๆ หนึบๆ เป็นเม็ดๆ เคี้ยวเพลินๆ เพิ่มเข้ามา
สำหรับใครที่กลัวทานเนื้อดิบไม่ได้ ไม่ต้องกลัวนะครับ ที่เห็นเนื้อแซลมอนสีคล้ายๆ ปลาดิบแบบนี้แต่ในความเป็นจริงคือมันสุกแล้วนะครับ สามารถทานได้ ซึ่งรสสัมผัสจะนุ่นมากๆ และไม่แห้งครับ
[Starter] - PLANT COLONY” – THB 590 ++
- More than 30 Plants Food / Orange Dressing / Rhubarb Gel / Cashew Nut Hummus / Truffle Oil
- Enjoy fresh flavours with a harvest basket of more than 30 plant-based foods. All ingredients are sourced from Chef Gibb’s favourite local farmers, including James Noble figs and sun dried tomatoes complete with a creamy homemade cashew nut hummus.
อาณาจักรพืชเป็นเมนูจานสลัดเมนูนึงที่มีความพิเศษอย่างมากคือเมนูนี้เราจะได้ตื่นตาตื่นใจไปกับการจัดจานแบบสดๆ โดยเชฟจะขึ้นมาจัดจานให้เราที่โต๊ะกันเลยทีเดียว
และในระหว่าจัดจานเราจะได้ความรู้เกี่ยวกับชื่อ และที่มาของพืชทานได้ชนิดต่างๆ ที่เรากำลังจะได้ทานในจานนี้ไปด้วย เป็นการรังสรรงานศิลปะที่ทานได้ให้เราชมกันสดๆ กันเลย
ซึ่งพืชที่ทานได้ในอาหารจานนี้มีมากกว่า 30 ชนิดกันเลยทีเดียว วัตถุดิบส่วนใหญ่จะใช้แบบออแกนิค และถูกปรุงมาแล้วบ้างบางส่วน
ตัวอย่างพืชทานได้ที่มีคือ เบบี้แครอทที่อบบแบบแห้งคู่กับกาแฟ และเกลือ, เห็ดไมตาเกะจากญี่ปุ่่น, เปลือกแตงโม, เรดิสสีแดง, ถั่วลันเตา, แตงไทย, มะเขือเทศญี่ปุ่นอบแห้ง, ก้านบล๊อกเคอรี่, กระเจี๊ยบแห้ง, อะโวคาโดสด, สาหร่ายทะเลน้ำลึก, ดอกไม้ทานได้, พืชทานได้อื่นๆ และวัตถุดิบพรีเมี่ยมแปลกๆ ต่างๆ อย่าง มอลโต้กับน้ำมันมะกอดำ และอีกมากมารวมกันในจานนี้
พอจัดวางแล้วก็ตามด้วยซอส 3 ชนิดคือ Orange Dressing, Rhubarb Gel และ Cashew Nut Hummus แล้วยังออนท้อปด้วย Black Truffle จนได้จานที่ออกมา Colorful สวยงาม
พอจัดจานเสร็จก็จะได้งานศิลปะสวยๆ ชิ้นนึงออกมาแล้วล่ะครับ สวยจนไม่กล้าทานเลยยย แต่ก็เป็นของกินนะครับ ก็ต้องกินล่ะ ซึ่งวิธีการทานเมนูนี้เปิดกว้างอิสระเลยครับไม่ว่าจะทานละเมียดละมัยไปแบบทีละชิ้นๆ ค่อยลิ้มรสพืชทานได้ชนิดต่างๆ ไปทีละชนิด จิ้มซอสไปด้วยก็ได้ หรือจะคลุกผสมรวมกันเป็นสลัดก็ได้ ซึ่งเชฟบอกว่าวิธีกินเมนูนี้ที่ดีที่สุดคือคลุกเป็นสลัดเนี่ยล่ะครับ เพราะเบสเขามาเป็นสลัด สุดท้ายจึงจบลงที่ให้น้องสตาฟมาคลุกเคล้าให้เราได้ทานกันครับ
สำหรับรสอาหารของจานนี้ก็มีความสนุก และฟินไม่น้อย เพราะตอนแรก ภพ เลือกลองทานแบบเยกเป็นชิ้นๆ ชนิดๆ ไป ทำให้สามารถรับรู้รสต่างๆ ของพืชทานได้แต่ละอย่างที่แตกต่างกัน แต่อย่างที่บอกไปว่าจานนี้เริ่มไม่ถูกกันเลยทีเดียวว่าจะเริ่มจากตรงไหนดี สุดท้ายจึงให้น้องสตาฟมาคลุกให้ และพอคลุกเคล้ากันแล้ว รสชาติของพืชทานได้ทั้งหมด จะถูกเคลือบน้ำซอสรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ทำให้เวลาทานมีความกลมกล่อมเพิ่มเข้ามาด้วย
[Starter] - SNOW WHITE (and The Seven Dwarfs) – THB 450 ++
- Burrata Cheese / White Balsamic Espuma / White Tomato / Parmigiano
- Embrace the essence of purity with this stunning white culinary masterpiece. White tomato gel, exotic white balsamic espuma and fresh Burrata cheese handcrafted by a local farmer in Hua Hin create a divine combination of flavours.
อาหารจานนี้ได้ชื่อว่า Snow white เพราะแนวคิดของเชฟที่อยากได้อาหารจานนี้มีสีขาวทั้งจาน จนได้นำนางเอกอย่าง ชีสบูรราต้าที่มีสีขาวนวล (ชีสสดที่มีความคล้ายชีสมอสซาเรลล่าแต่ทำจากนมวัวหรือกระบือก็ได้) มาประดับด้วยแผ่นชีสพาเมซานสีเหลืออ่อนๆ พร้อมกับ White Balsamic Espuma Gel และWhite Tomato Ketchup สีขาวสลับเหลืองนั้นเอง
ซึ่งตามมาด้วยกิมมิคเล็ก ๆ and The Seven Dwarfs หรือคนแคระทั้ง 7 นั้นคือมะเขือเทศญี่ปุ่นอบสมุนไพร 7 ลูกที่สดสวยถูกปรุง และอบมาอย่างพอดี เสิร์ฟคู่กันกับใบกระเพรากรอบครับ
แน่นอนว่าเป็นเมนูที่ ภพ กริ้ดสุดๆ เพราะเมนูชีส แถมไม่ได้เป็นชีสธรรมดาๆ แต่เแป็นชีสบูรราต้าสด ที่ผมคิดว่าใครที่ชอบ ชีสมอสซ่าเรลล่า อยู่แล้วก็คงจะชอบชีสตัวนี้เช่นกัน ชีสตัวนี้มีถิ่นกำเนิดจากประเทศอิตาลี่ ในแคว้น Puglia ครับ ซึ่ง ภพ เคยทานมาก่อนครับ แต่ที่นี่สดมากๆ สดสุดๆ เพราะผลิตในไทยที่จังหวัดหัวหินนี่เอง!
ซึ่งโดยปกติชีสมีลักษณะคล้ายขนมถุงทอง เนื้อชีสคล้ายไข่ขาวแต่เนื้อเหนียว และด้วยอายุของชีสอยู่ได้เพียงประมาณ 3 วัน ทำให้เราจะหาทานอร่อยๆ และสดได้ยาก (ความจริงก็อยู่ได้นานกว่านั้นแต่มันจะไม่อร่อย และแห้งๆ) แต่สำหรับที่นี่นั้นคุณภาพดีงามมากครับ เพราะด้วยเป็นของในประเทศจึงสดมาก และไม่แห้ง คุณภาพไม่ได้ด้อยไปกว่าของนำเข้าเลย ต้องขอบคุณ ชื่นชมเชฟมากๆ ที่เซาะหาวัตถุดิบแบนนี้มาได้ น่าสนับสนุนของไทยเราจริงๆ ครับ
สำหรับจานนี้เมื่อตัดออกมา ภายในจะมีครีมเป็นน้ำข้นๆ ไหลออกมา แสดงถึงคือสดครับ
เนื้อชีสหนา รสชาติจะออกไปทานจืดๆ หน่อย มัน หอมกลิ่นนม และชีสตัวนี้ไม่มีรสเปรี้ยว ถ้าเจอรสเปรี้ยวคือเสียแล้วนะครับ
ให้ทานคู่กับพาเมซ่าชีสกรอบๆ เค้มๆ และมะเขือเทศฉ่ำๆ ใบกระเพรากรอบ ซอส ทำให้ได้ฟิลเหมือนทานสลัดมอสซ่าเรซ่ากับมะเขือเทศเลยครับ แต่ดีงานกว่ามาก~
สำหรับมะเชือเทศเองก็ไม่ธรรมาดาครับ เพราะเป็นมะเขือเทศสายพันธุ์ญี่ปุ่น ที่คนญี่ปุ่นเป็นคนปลูกเอง แต่ปลูกที่ภาคเหนือของไทย และถือเป็นโครงการหลวง ปลูกได้ปริมาณก็ไม่เยอะ แต่ได้คุณภาพสุดๆ ครับ
ลูกกลม เต่งตึง แน่น แดงสด
หั่นดูข้างในก็จะเห็นถึงความสมบูรณ์ ความแน่นชุ่มฉ่ำของมะเขือเทศ รสชาติก็จะหวานไม่เหมือนมะเขือเทศทั่วๆ จะหวาน และฉ่ำกว่ามะเขือเทศเชอรี่เสียอีก
เสร็จไปจากสตาร์เตอร์กันแล้ว ก่อนจะเริ่มจานหลักเราก็ต้องมาล้างปากกันก่อนครับผม
ด้วย กรานิเต้ (Granita) น้ำแข็งใสสไตล์อิตาเลียนเนื้อนุ่ม ฟู เปรี้ยวๆ หวานๆ
เพราะครั้งนี้คือ กรานิเต้มะขาม นั้นเอง ทานแล้วเย็นชื่นใจ~ เคลียร์รสชาติในปากได้ดีเลยครับ
[Main Course] - POMFRET – THB 800 ++
- Grilled Pomfret Fish / Morel Mushroom / Green Pea / Purple Artichoke / Juice of Cooking
- Invigorate your senses with the mild yet succulent taste of pomfret fish, full of nutritional value, and low in calories and fats. The flavours of the freshly cooked juices exquisitely combine with parmesan whey
เนื้อปลาเต๋าเต้ยหรือปลาจาระเม็ดขาวย่างถ่านจากมหาชัย 2 ชิ้นใหญ่ๆ มาพร้อมน้ำสต๊อกจากกระดูกปลา และเห็ด Morel Mushroom หรือ เห็ดมอเรล ราชินีเห็ดป่า ที่หอมหวาน และที่ ภพ ชอบมากๆ คือโฟมขาวๆ มันๆ หอมๆ ที่เรียกว่า พาเมซานเวย์โฟม ที่สกัดมาจากเวย์ของนมในกระบวนการทำชีสครับ
เป็นเมนูจานปลาที่ตกแต่งอย่างสวยงามจากนึงเลยล่ะครับ เนื้อปลาย่างแบบเสียบไม้เหมือนย่างปลาไหลเลยครับ(จะเห็นรูที่เสียบได้เลย) สุกกำลังดี สีสวย ชิ้นหนา
เนื้อปลานุ่น แต่หั่นไม่เละนะครับ เพราะปลาสดมาก ซึ่งจริงๆ ทานเปล่าๆ จากที่เชฟย่างแล้วปรุงมานิดหน่อยก็อร่อยมากแล้ว ยิ่งทานคู่กับความเข้มข้นของซอสเห็ดได้ด้วย หรือคู่กับความหอมมันจากโฟมชีสก็อร่อยไปอีกแบบเลยครับ ทำให้อาหารจานนี้มีความหลากหลายของรสชาติไปด้วย
เมนูนี้อาจเสียดวงกันสักหน่อยเพราะว่าปลาจาระเม็ดขาวเป็นปลาตก ที่หายากหน่อย ถ้าทางห้องอาหารวันนั้นไม่ได้มาเมนูนี้ก็จะถูกปิดไปครับ
[Main Course] - BEEF TENDERLOIN – THB 1300 ++
- Beef Tenderloin / Taro Beef Shank / Mushroom / Crispy Sun Dried Beef / Porcini Sauce
- A true indulgence for beef lovers. Chef Gibb combines the choicest cuts of beef into a delectable combination. The meaty flavours are perfectly balanced with earthy notes from local mushroom ketchup and a rich jus.
สันนอกของวัว US อบคลุกด้วยผงถ่านที่ทำจากผัก เสิร์ฟมาพร้อมเนื้อสวรรค์โฮมเมดที่เชฟได้ทำการปรุง และซันดรายเองที่โรงแรมเลยล่ะ ข้างๆ กันเผือกทอดที่มีไส้เป็นเนื้อหน้าขาของวัวอยู่ภายใน และมันฝรั่งบด
ราดด้วยซอสเห็ด Porcini แถมยังตกแต่งด้วย Potato Glass หรือ ฟองมัน (ลักษณะเดียวกันฟองเตาหู้) ที่ทำจากน้ำของมันฝรั่งบดที่ความเข้มข้น นำมาทำให้แห้งเป็นแผ่นใส่ๆ สวยงาม
เมนูนี้เชฟนำเสนอด้วยความรู้สึกที่ว่า อยากให้ได้ลองเนื้อหลายๆ แบบครับ จึงทำให้มีทั้งเนื้อสวรรค์ เนื้อสันนอก เนื้อหน้าแข้ง แม้กระทั้งในซอสเองก็มีน้ำเนื้อผสมอยู่ด้วยครับ
เนื้อสีสวยก็มาแบบ Medium Rare นะครับ ซึ่งนุ่ม ชุ่ม กำลังดีเลยครับ
ปล. สามารสั่งระดับความสุกตามชอบได้นะครับ
หั่นง่ายมาก
ชิ้นหนาไม่น้อย
ภายในเผือกทอดก็มี เนื้อหน้าขาของวัว หรือ Shank ปรุงแบบบาบีคิวอยู่นั้นเอง
[Main Course] - FROM HEAD TO TAIL – THB 800 ++
- King Prawns / Zucchini / Shrimp Mousse / Squid Ink / Black Garlic Bisque / Yuzu Air
- Choose this delightful juxtaposition of textures. Fresh sous vide king prawns balance perfectly with Black Garlic Bisque, Yuzu Air and baby zucchini.
กุ้งลายเสือที่นำไปซูวีเช่นเดียวกับเมนูแซลมอนกับคีนัวครับ เสิร์ฟคู่กับแผ่นหมึกดำที่ผสมกับเนื้อกุ้ง (แผ่นที่เหมือนสาหร่ายด้านล่าง) โดยมีโฟมที่ทำจากส้มยูสุของญี่ปุ่นเรียกว่า ยูสุแอร์ เพิ่มรสชาติด้วย ซอสกระเทียมดำ และมูสมันกุ้งสีส้มหอมมัน มีซูกินี่ที่เขียวเล็กๆ ตัดกับสีส้มของกุ้ง
ซึ่งตัวกุ้งแกะเปลือก และสุกมาแล้วห่อด้วยชั้นแป้งราโด้บางใส่ ทำให้เห็นลายของเนื้อกุ้งน่าทาน และยังมีค้างกุ้งทอดมาประกบกลับเข้ามาอีกทีครับ เมนูจานนี้จึงยังสามารถทานได้ตั้งแต่หัวจรดหาง จนหมดจานเช่นเดียวกับเมนูอื่นๆ ครับ
ซึ่งเมนูจานนี้เป็นหนึ่งในจานที่ถูกปรับปรุงมาแล้วถึง 4 ครั้ง! จึงเรียกได้ว่าน่าจะใกล้เคียงกับคำว่าดีที่สุดของเชฟสำหรับจานนี้ครับ อย่างเรื่องวัตถุดิบถ้าใช้กุ้งเลี้ยง กับกุ้งที่ตกมาก็จะต่างกัน ซึ่งที่นี่เลือกใช้กุ้งตกจากธรรมชาติ ส่วนขนาดของกุ้งเองก็สำคัญ ใหญ่ไป หรือเล็กไปก็ไม่ดี ฤดูกาลของกุ้งก็ด้วย ซึ่งเชฟคิด และคัดสรรมาอย่างดีครับ
เห็นเนื้อออกใสนิดๆ นี้สุกแล้วนะครับ เพียงการซูวีนั้นใช้ความร้อนต่ำ ทำให้สุกอย่างช้าๆ ทำให้โปรตีนของสัตว์ไม่เปลี่ยนแปลงไปมากเท่าโดนความร้อนสูงๆ และยังรักษาความนุ่มชุ่มชื้นได้อย่างดี
ส่วนรสชาติของเมนูนี้ต้องเรียกได้ว่า โคตรกุ้ง! มีความเป็นกุ้งอย่างที่สุด~ ความกรอบเด้งของเนื้อกุ้ง หอมมันกุ้ง เป็นเมนูของคนรักกุ้งเลยก็ว่าได้ เพราะเชฟจับเอกลักษณ์ทุกอย่างของกุ้งรวมไว้ในจานๆ นี้หมดแล้ว ได้อารมรณ์ประมาณว่าได้นั่งกินกุ้งเผาอยู่ริมน้ำที่อยุธยายังไงอย่างงั้นเลยครับ ฮา
[Dessert] - WIND – THB 330 ++
- Blond Chocolate / Banana / Popcorn
- Revel in this exquisite dessert as light and fluffy as a cloud. Gourmet blond Valrhona chocolate, popcorn and banana form an unforgettable elemental feast.
ปิดคอร์สด้วย 1 ใน 5 เมนูของหวาน พรีเซ็นใหม่ของเชฟ ซึ่งมีคอนเซ็ปต์คอมเซ็ปต์เป็นธาตุต่างๆ ของจีนครับ อันได้แก่ ดินกับไม้ น้ำ ลม ไฟ และทอง ส่วนเมนูนีคือ ลม ครับ
โดยมีฐานเป็น บลอนด์ ช็อกโกแลต ลูกครึ่งระหว่างไวท์ และมิลค์ ช็อกโกแลต แล้วออนท้อปด้วย ไอศกรีมวานิลา เชอรรี่มูส และกล้วยหอมที่เบิร์นน้ำตาลเครือมาด้านบน แล้วยังมีสายไหม และป๊อปคอนรสคาราเมล มาประกอบด้วย
โดยตัวบอร์น ช็อกโกแลตจัดแต่งมาเป็นเกรี้ยวๆ เหมือนการเคลื่อนไหวของลมครับ แถมมีร่องๆ ไว้รองรับการละลายของไอศกรีมให้ไหลมาตามร่องด้วย ทำให้ตัวไอศกรีมผสม กับช็อกโกแลต ทานคู่กันได้เลย ช็อกโกแลตมีความหนืบๆ หวานๆ ไม่มากครับ ทานคู่กันแล้วเย็นๆ หวานๆ มีความหนักของเนื้อช็อกโกแลตดีครับ ซึ่งตัดด้วยความเปรี้ยวของเชอรรี่มูสแล้วลงตัว
ส่วนสายไหม กับป๊อปคอนปกติๆ นะครับ แต่เป็นส่วนเติมเต็มที่ดีสำหรับจานนี้ครับ
เป็นยังไงกันบ้างครับทุกคน หลังจากที่ได้เสพศิลปะทานได้ รวมถึงเรื่องราว และฟินกับรสชาติอาหารคุณภาพหลากหลายจานกันไปแล้ว
เราก็ยังดื่มด่ำกับบรรยากาศบนลูฟท้อปแห่งนี้ไปได้จนถึงตี 1 กันเลยครับ ซึ่งเวลาตอนนี้ก็ราวๆ 21.00 ได้แล้วครับ
ด้วยบรรยากาศกลางคืนที่สวยงาม อาหารดีๆ มันชิลล์ มีความสุข และเพลิดเพลินจนลืมเวลาเลยครับ
แสงสียานค่ำคืนของกรุงเทพฯ จากห้องอาหารแห่งนี้
และยังโชคดีมากเลยครับ วันที่ ภพ ไปเข้ามีจัดงานแถวๆ ริมแม่น้ำด้วยครับ
จุดพลุรัวๆ เลยครับ
ซึ่งน่าจะมีงานฉลองอะไรสักอย่างพอดีเลยครับ
เลยได้ชมการแสดงพลุฟรีๆ เลยครับ ฮา
อย่างงามเลยครับ
มาชมมุมอื่นๆ จากที่นั่งในเวลานี้กันบ้าง
แบบส่วนตัวๆ นิดนึง
ด้านหน้าช่วงกลางคืน
ช่วงพื้นที่ต่างระดับนะครับ
ส่วนคืนนี้นอกจากพลุแล้วยังเป็น Super Moon ครับ!!! กลมมาก ถ่ายสวยมากๆ ครับ แต่เสียดายนิดหน่อยที่ ภพ ไม่มีเลนส์ที่สามารถซูมพระจันทร์จนเห็นชัดๆ นะครับ TT ซึ่งตอนนี้เป็นพระจันทร์สีแดงครับ
พอเวลาผ่านไปก็จะขึ้นสูงจนเป็นสีปกติที่เราๆ เห็นกัน ซึ่งถ่ายเป็นฉากหลังก็สวยไม่ใช่น้อยเลย
เปลี่ยนฟิลถ่ายมุมนี้บ้าง เท่ๆ ครับ ฮา
นี่ละครับกับประสบการณ์ที่ ZOOM Sky Bar & Restaurant ห้องอาหารที่เปิดกว้าง 360 องศา
ที่ทำให้เราได้เพลิดเพลินไปกับวันธรรมดาๆ ที่ไม่ธรรมดาครับ
อ้อ แล้วก็ตั้งแต่เวลา 21.00 น. – 00.30 น. จะมีดีเจมาสร้างเสียงเพลงฟังสบายๆ ให้แขกได้เพลิดเพลินกัน
ในทุกวันอังคาร ถึงวันเสาร์กันด้วยล่ะครับ (แต่ช่วงเวลาก่อนดีเจจะมา ห้องอาหารเองก็จะมีการเพลงไว้ตลอดเช่นกันครับ)
คิดดูว่าได้ขึ้นมาทานอาหารในที่ๆ มีบรรกาศแบบนี้สักครั้งนึกจะดีงามขนาดไหน สำหรับภพแล้วฟินมากครับ ด้วยความโชคดีในวันที่ฟ้าเปิด วันที่มีงานจุดพลุพอดี แถมยังเป็นคืนจันทร์เต็มดวงอีก ยิ่งทำอยากกลับไปอีกครับ
สุดท้ายนี้เป็นภาพในส่วนของ ซูม สกาย เลาจน์ ที่อยู่ที่ชั้น 38 นะครับ
ซึ่งให้บริการคล้ายๆ ZOOM Sky Bar & Restaurant แต่อยู่ในร่มครับ แตกต่างแค่เมนูเครื่องดื่มบ้างชนิดเท่านั้น
สไตล์บาร์นั่งชิลล์ๆ ห้องอาหารแต่งหรูหราพอควรเลยครับ
ตรงนี้เป็นส่วนเลาจน์ด้านนอกในชั้นเดียวกันครับ ได้มองวิวใกล้เคียงกับลูฟท้อปข้างบนเลย
ยังไงก็ลองไปให้ได้นะครับเพราะ ภพ คิดว่าเป็นลูฟท้อปที่ไม่ได้ไกลเกินเอื้อมครับ กับอาหารดีๆ ขนาดนี้ วิว และบรรยากาศที่ดีมากขนาดนี้เมื่อเทียบกับมูลค่าที่เสียไปถือว่าคุ้มค่ากับประการณ์ที่ได้รับกลับมามากครับ See You next...
ภาพบรรยากาศอื่นๆ
💵Price/ราคา
- ขึ้นกับรายการอาหาร และเครื่องดื่มที่เราสั่ง
- Up to the Oder.
- มีช่วง Happy hour ทุกวันเวลา 18.30 - 20.30 ที่ ZOOM Sky Lounge ลด 50% สำหรับ ค๊อกเทล กับเบียร์บางประเภท และไวน์ที่สั่งเป็นแก้วๆ
- Happy hour (ZOOM Sky Lounge) 50% off a select range of cocktails, local beer and wines by the glass Daily: 6.30 pm – 8.30 pm
⏱Time/เวลา
ทุกวันเวลา 17.30 - 01.00 น. (Last Oder 22.00 น.)
Everynight 17.30 - 01.00 hrs. (Last Oder 22.00 hrs.)
📊My Score (In my opinion)
ข้อเสนอแนะ และปัญหาที่พบสำหรับห้องอาหาร (ไม่มีเจตนาในการทำให้เสียเครดิตแต่อย่างใด)
Suggestions and problems found for the restaurant. (DO NOT for DISCREDIT)
The Food ⭐⭐⭐⭐⭐
ไ่ม่พูดมากเจ็บคอ พูดไปในรีวิวหมดแล้ว ฮาๆ อาหารคือดีมากๆ ครับ อาหารแต่ละจานถูกคิดมาหมดแล้ว ทุกจานมีที่มา มีเรื่องราว เป็นศิลปะที่ทานได้ เป็นอาหารที่ถูกคัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน ถูกปรุงก็ใส่ใจในลายละเอียดต่างๆ รสชาติ ส่วนประกอบ หน้าตาที่สวยงาม การนำเสนอ และถ้าสังเกตอาหารทุกจานที่รีวิวไปนั้นเราสามารถรับประทานได้หมดจด ไม่เหลืออะไรไว้ในจานเลยด้วยครับ เป็นลักณะของการใช้ทุกส่วนของอาหารมาปรุง ซึ่งอยากให้ไปลองด้วยตัวเองครับ
Note:
- สนับสนุนการใช้ของท้องถิ่นมากๆ ครับ
- ชื่นชมเชฟ และทีมมากๆ ครับ
- ขนมปังขอได้เรื่อยๆ นะครับ
The Atmospheres ⭐⭐⭐⭐+
บรรยากาศเองก็ไม่ต้องพูดถึงให้ภาพมันเล่าได้เลยครับ : ) ใครชอบบรรยากาศแบบนี้พูดได้ว่าถ้าได้ขึ้นไปแล้วจะหลงรักแน่นอนครับ (ยกเว้นคนกลัวความสูงนะ ฮาๆ)
- มีจุดที่ควบคุมไม่ได้อย่างนึงคือธรรมชาตินะครับ ก่อนไปอาจลองเช็คพยากรณ์อากาศล่วงหน้าเสียก่อนจะได้ไม่พลาดประการณ์ดีๆ
- มีราวกั้นที่สูง มีความปลอดภัยครับ
The Service ⭐⭐⭐⭐+
สตาฟยิ้มแย้มแจ่มใส สุภาพ และเป็นกันเองมากครับ พูดคุยสนุก น้องสตาฟจะคอยอธิบายเรื่องเมนูอาหาร เครื่องดื่มให้เราอย่างล่ะเอียดครับ ทั้งก่อนสั่ง และเมื่อนำมาเสิร์ฟแล้ว ทั้งแนะวิธีการทานที่เชฟได้แนะนำมาได้เป็นอย่างดี
The Worthiness ⭐⭐⭐⭐+
ราคาไม่ไกลเกินเอื้อมถึงเลยครับ เดินทางก็ไม่ยาก ได้ทานอาหารที่คุณภาพดี ใส่ใจ สร้างสรรมาเพื่อให้คนได้ทาน พิถีพิถันในส่วนต่างๆ และไหนจะบรรยากาศ และการบริการที่ดีจากตัวสถานที่เองอีก คุ้นมากกกกกกกกกกก~ รอได้เลยครับจะหาโอกาศกลับไปอีกแน่นอน
ขอบคุณที่ติดตามครับผม
Thank you for enjoying my blog!
My Dining Collection เพราะอาหารเชื่อมโยงคน
Because People Can Be Connected By Food.
------------------------------------------------------------------------------------------------
ทุกคนสามารถติดตาม/Please Follow
My Dining Collection ช่องทางอื่นได้ที่
หมายเหตุ : บทความนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผมเท่านั้นนะครับ ซึ่งคนอื่นๆอาจมีความคิดเห็นที่แตกต่างไปตามวันเวลาที่ไปใช้บริการ
ภพความสุข - World's Delight
วันเสาร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2562 เวลา 09.09 น.