อุทยานแห่งชาติหยางหมิงซานไม่ได้อยู่ในแพลนการเที่ยวไต้หวันของเราตั้งแต่ตอนแรก เพราะตอนนั้นเคยอ่านรีวิวมาแล้วรู้สึกว่าน่าไปเที่ยวเฉพาะช่วงเวลาที่ดอกไม้บานในฤดูใบไม้ผลิเท่านั้น แต่ด้วยเหตุว่าเราต้องเปลี่ยนแผนเที่ยว คือตอนแรกกะว่าจะไปไทเปช่วงเดือนธันวาคม แล้วจะไปเที่ยวบ่อน้ำพุร้อนเป่ยโถวกัน พอมาได้ตั๋วไปไทเปช่วงเดือนพฤษภาคม คิดว่าถ้าไปเป่ยโถวคงยิ่งร้อนแน่ๆ ก็เลยหาที่เที่ยวใหม่ แต่ใจก็ไม่ได้อยากไปหยางหมิงซานอยู่ดี เพราะช่วงนั้นดูไม่มีอะไร แล้วก็งงกับการเดินทางไปเที่ยวที่นั่น แต่ก็ไม่รู้จะเที่ยวที่ไหน(ตอนนั้นรีวิวไต้หวันมีไม่กี่ที่ที่เขาไปกัน)ก็ต้องกลับมาอ่านรีวิวหยางหมิงซานอีกครั้ง แล้วก็มาเจอรีวิวนึงที่ทำให้หยางหมิงซานดูน่าสนใจสำหรับเรา เพราะถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ช่วงที่ดอกไม้บานแต่ก็มีที่เที่ยวน่าสนใจอื่นๆ อย่างบ่อน้ำร้อน ทุ่งหญ้าที่สวยงาม(หลายรีวิวบอกแค่ว่ามีทุ่งหญ้าเลยไม่น่าสนใจ แต่รีวิวที่เจอเขาถ่ายรูปมา แล้วถ่ายสวยด้วย เลยทำให้อยากลองไปดู)
เมื่อออกมาจากสถานี MRT Jiantan มองไปทางขวามือจะเห็นป้ายรถเมล์ใหญ่ๆแบบนี้ แต่ให้เราเลี้ยวไปทางซ้ายมือ แล้วเดินย้อนขึ้นไปอีกเล็กน้อย ก็จะเจอป้ายรถเมล์เล็กๆ เพื่อขึ้นสาย R5
สำหรับการเดินทางเราเดินทางจาก Mrt Minquan West Road ใกล้โรงแรมที่เราพัก นั่งขึ้นมาตามสายสีแดงมาลงที่สถานี MRT Jiantan(สถานีเดียวกันกับที่มา Shilin Night Market เลย) ให้ออกมาที่ทางออก 1 เช่นเดียวกัน พอออกมาขวามือจะเห็นป้ายรถเมล์ แต่ไม่ต้องไปทางนั้นนะ เพราะป้ายตรงนั้นจะเป็นสุดสายของรถเมล์สาย R5 เราไปมาแล้ว 555 คนขับบอกว่าไม่ใช่ให้ไปขึ้นรถอีกฝั่งนึง ซึ่งก็คือออกจาก exit 1 มาให้เลี้ยวไปทางซ้ายมือแล้วเดินวกขึ้นไปทางซ้ายเล็กน้อย จะเจอจุดรอรถเมล์อยู่(ซึ่งอาจจะดูไ่ม่ชัดเจนเท่าป้ายตรงฝั่งขวามือที่ดูใหญ่มาก) วันนั้นเป็นวันเสาร์มีคนรอขึ้นรถสาย R5 อยู่พอสมควร และฝนเริ่มตกลงมาปรอยๆ แล้วด้วย รอรถเมล์ไม่นาน พอมาเราเลยรีบขึ้นไปเลย แล้วก็ยืนไปตลอดทาง จริงๆ priority seat ยังว่างนะ แต่ก็ไว้ให้คุณลุง คุณป้านั่งดีกว่า บางท่านถือไม้เท้าสำหรับเดินเขามาด้วย แต่ก็ยังยืนนะ(ถ้าเรานั่งไปคงรู้สึกผิดมากเลย) ซึ่งตอนนั้นรีบด้วย กลัวว่ารถเมล์มีไม่เยอะ แล้วฝนก็เริ่มตก ที่ป้ายตรงนั้นก็ไม่มีหลังคาให้หลบเราจึงไม่ได้รอรถเมล์คันถัดไป แต่จะบอกเพื่อนๆ ว่าเท่าที่เราสังเกต รถเมล์สายนี้มีมาเรื่อยๆเลย ถ้าคนเยอะก็รอคันถัดไปได้นะ(เราไปวันเสาร์) จากสถานี Jiantan ไป Yangmingshan ใช้เวลาประมาณ 45 นาที(ตามที่อ่านรีวิวมาเป๊ะ 55) นั่งไปจนสุดสายเลย(ตอนได้นั่งก็เกือบจะสุดสายแระ (T T) )ก็ถึงจุดหมายแรก ที่นี่จะเห็นเป็นลานจอดรถ และมีทางเดินขึ้นไปชมธรรมชาติรอบๆได้ แต่เราเดินขึ้นไปเล็กน้อย เพื่อเข้าห้องน้ำเท่านั้น โชคดีที่ที่นี่ฝนยังไม่ตก จากนั้นก็เดินกลับลงมาเพื่อมารอรถสาย 108 ซึ่งเป็นรถวนภายในอุทยาน ระหว่างที่รอนี่ล่ะเลยสังเกตเห็นว่ารถสาย R5 มาตลอดเลย (- -) ส่วนใครที่จะต่อรถไปทางอื่น เช่น ลานนาฬิกา สาย 108 นี่จะไม่ผ่าน ให้ลงรถเมล์ก่อนหน้านี้(คือรถจะวิ่งขึ้นเขามาสักพักแล้ว ให้เรารู้สึกได้ว่าเริ่มเข้าเขตอุทยาน) ลงตรงที่ฝั่งตรงข้าม 7-11 ก็ได้ แล้วจะบอกว่าอย่าลืมเตรียมเสบียงกันมาดีๆนะจ๊ะ เพราะเราใช้เวลาที่นี่เกินครึ่งวัน ตอนแรกกะจะมาซื้อของที่ 7-11 ตรงนี้ อ่านรีวิวมาว่าไม่ไกลจากจุดรอรถสาย 108 แต่จริงๆแล้วถือว่าไกลพอสมควร เราเลยไม่ได้ย้อนกลับลงไปซื้อ หวังว่าด้านบนคงจะมีอะไรขายบ้าง ที่ Xiaoyoukeng พอมีของขายบ้าง แต่น้อยแล้วก็ไม่น่าสนใจสำหรับเรา ไปสองคนมีแค่แอปเปิ้ลลูกเดียวอยู่ในกระเป๋า ฮือๆ 😭แนะนำเพื่อนๆตุนของกินกันไว้ก่อนเลย อย่าหวังน้ำบ่อหน้าแบบเรา
ตรงบริเวณที่รอรถสาย 108 ตรงนี้มีแผนที่ให้เราดูว่ารถจะวนไปทางไหนก่อน ซึ่งรถจะวิ่งวนทางเดียวตามเข็มนาฬิกา..... ทางที่ดีควรวางแผนไปก่อนจะได้ไปเที่ยวโดยไม่เสียเวลา
ตามหมายเลขด้านบนจุดที่ 1 = จุดที่เรายืนอยู่; 4 = Zhuzihu ; 7 = Xiaoyoukeng;
9 =Lengshuikeng; 10 = Qingtiankang(ปัจจุบันมีการเพิ่มจุดจอดรถบัสอีก 1 จุด ระหว่างจุดที่ 8 กับ 9 ทำให้ป้ายรถบัสหลังหมายเลข 8 ตามรูปอาจจะเลื่อนไป 1 ลำดับ)
รถสาย 108 จะมีลักษณะคล้ายๆรถตู้ มีแถบสีเขียวด้านข้างรถ แต่ด้านในจะทำที่นั่งคล้ายๆกับรถเมล์ เราสามารถใช้ easy card แตะได้(ถ้าจำไม่ผิดจะแตะตอนขึ้นนะ) ครั้งละ 15 NT แต่ถ้าใครจะซื้อพาสก็มีนะแบบ 1 วันราคา 60 NT ตอนแรกเราจะซื้อพาสเหมือนกัน แต่พอมาถึงจุดลงรถมันดูไม่เหมือนที่ซื้อพาสเลยอ่ะ เลยแตะบัตรเอา เพราะเราเองก็ไม่ได้จะแวะลงทุกจุดอยู่แล้ว
พอขึ้นรถมาจุดผ่านที่สำคัญจุดแรก คือป้าย Zhuzihu ตรงนี้จะมีฟาร์มดอกไม้ที่ปลูกไว้ ช่วงเดือนที่เราไปเป็นดอก Calla lily และกลังจากนั้นก็จะเป็นช่วงที่ไฮเดรนเยียออกดอก พูดเหมือนไปแต่เราไม่ได้แวะนะ เพราะที่อ่านรีวิวมาเขาบอกว่าถ้าขึ้นสาย 108 จะไปสวนดอกไม้ที่ Zhuzihu ต้องเดินไกลเป็นกิโลเลย ให้ขึ้นรถเมล์สายอื่นจะเดินใกล้กว่า ตอนรถจอดเห็นคนที่จะขึ้นรถมาถือดอก calla lily มาด้วย ก็เริ่มลังเลจะลงดีไหม แต่ก็กลัวไปไม่ถูก อันนี้เพื่อนๆที่จะไป Zhuzihu ลองหาข้อมูลดูอีกทีนะ
เรานั่งรถขึ้นต่อมาถึงบริเวณที่เรียกว่า Xiaoyoukeng ตรงนี้จะเป็นที่ดูไอร้อนพวยพุ่งขึ้นมาจากพื้นดิน แนะนำว่าเอาหน้ากากอนามัยไปด้วยก็ดี เพราะถ้าไปใกล้ๆกลิ่นกำมะถันแรงเหมือนกัน
วิวบริเวณรอบๆ Xiaoyoukeng มองไปข้างล่างสวยเลยล่ะ เสียดายที่ตอนนั้นฟ้าครึ้มไม่งั้นคงสวยกว่านี้
ใครสาย trail จะเดินเขาขึ้นไปบนยอดเขาฉีชิงก็ได้นะ ยอดเขาจะอยู่ข้างบนของ Xiaoyoukeng ทางขึ้นจะอยู่ข้างๆด้านหลังป้ายรถเมล์
พอเดินดูรอบๆและถ่ายรูปสักพัก เราก็กลับมารอรถที่ป้ายเดิมตอนลง ลืมบอกเพื่อนๆว่า ถ้ามาที่ Yangmingshan วันหยุด มีข้อดีตรงที่รถสาย 108 จะวิ่งถี่กว่าคือตามเวลาจะมาทุก 10 นาที แต่วันธรรมดารถจะมาทุก 30 นาที
หลังจากนั้นเราไปต่อกันที่ Lengshuikeng พอลงรถเดินขึ้นมาหน่อยก็เจอเลย แต่ตอนนั้นเราคิดว่าเป็นห้องน้ำ 555 เลยเดินต่อไปอีกทาง แต่ก็พบสิ่งที่น่าสนใจที่ไม่ได้อยู่ในแพลนเลย เราเดินมาทาง Lengshuikeng visitor center (ลงรถตรงศาลาที่มีลานจอดรถอยู่ข้างๆ แล้วเดินมาตามถนนขวามือ) พอเห็นป้ายตามรูปข้างล่างแล้วก็เลี้ยวเข้าไปได้เลย
พอเดินเข้ามาจะเห็นทางเดินเข้าไป โดยมีต้นสนขนาบสองข้างทางสวยมากๆ เรานี่ชอบทางเดินตรงนี้มากเลย ตอนนั้นไม่ค่อยมีคนรู้สึกสวยสงบ และก็โรแมนติกด้วย ถ้ามาเป็นคู่คงโรแมนติกไม่น้อยเลยล่ะ(เห็นคนข้างหน้าเค้ามาเป็นคู่ด้วยสิ) ถ้าเดินต่อไปเรื่อยๆจะพบสะพานแขวนเล็กๆน่ารัก อ่านรีวิวเขาบอกว่านี่คือ สะพานคู่รัก ถ้าข้ามสะพานไปก็มีทางเดินขึ้นไปถึงทุ่งหญ้า Qingtiangang ได้นะ แต่เรามองดูแล้วเราว่าทางเดินนั้นดูเปลี่ยว แล้วก็ชันและแคบด้วย ไม่เห็นมีใครเดินไปเลย ก็คงจะไกลเป็นกิโลสองกิโลเลยล่ะ กว่าจะถึง Qingtiangangเค้ามีป้ายบอกระยะทางเหมือนกัน แต่จำไม่ได้)
เดินเข้าไปตามทางเดินในรูปซ้ายจะเจอแนวต้นสนขนาบสองข้างทางสวยมากๆเลย
เดินเข้าไปไม่ไกลก็จะเจอสะพานคู่รักตามรูปขวามือ เห็นคนข้างหน้ามาเป็นคู่ยิ่งรู้สึกเป็นสะพานคู่รักจริงๆ
แม้จะเลยช่วงเดือนมี.ค.ไปแล้ว แต่ก็ยังมีดอกกุหลาบพันปี(RHODODENDRON 杜鵑)ให้ชมอยู่บ้าง
ไฮเดรนเยียจีน CHINESE HYDRANGEA (HYDRANGEA CHINENSIS MAXIM) 華八仙 ของจริงออกดอกบานเต็มต้นสวยมากเลย เราเจออยู่ริมทางเดินไปสะพานแขวน
หลังจากเดินกลับจากสะพานคู่รักแล้ว เราก็เดินกลับมาทางเดิม พอเจอถนนใหญ่ก็เลี้ยวขวากลับมาทางเดิม จะเห็นบ่อน้ำร้อน Lengshuikeng อยู่ทางซ้ายมือ ให้เดินขึ้นไปด้านบนเลย พอขึ้นไปก็จะเจอบ่อน้ำร้อนสำหรับแช่เท้า ซึ่งอุณหภูมิบ่อน้ำร้อนนี้ไม่ได้สูงมาก แค่อุ่นๆประมาณ 40 °C แต่ถ้าใครอยากจะอาบน้ำร้อนที่ด้านบนขึ้นไปอีกก็มีโรงอาบ แยกระหว่างชายและหญิง สำหรับเราไม่ได้เตรียมตัวมาอาบ ได้แค่แช่เท้าที่บ่อด้านล่าง ซึ่งแค่แช่เท้านี่ก็ช่วยผ่อนคลายได้เยอะจริงๆ หลังจากที่วันก่อนหน้าเดินมาเยอะ ที่ข้างๆบ่อจะมีป้ายบอกไว้ด้วยว่าจะมีการล้างบ่อวันไหนช่วงเวลาใด แต่เราไม่ได้ถ่ายรูปมา เพราะตอนนั้นไม่คิดว่าจะได้มารีวิว
ต่อจาก Lengshuikeng จริงๆแล้วกะว่าจะไปที่อื่นต่อ แต่ก็เหนื่อยมากแล้วเลยไป Qingtiankang เลย ตอนมารอรถต่อไป Qingtiankang ให้มารอป้ายฝั่งตรงข้ามกับที่ลงรถ ป้ายจะอยู่ข้างๆป้อมประตู ซึ่งถ้าใครเช่ารถขับมา ไม่ได้ใช้บริการรถสาธารณะก็ต้องเสียค่าผ่านประตูตรงนี้ด้วย
จุดรอรถขึ้นไป Qingtiankang ระหว่างรอรถก็หวั่นใจว่าจะใช่รึเปล่า ดูแล้วเป็นที่นั่งเล็กๆ และก็อยู่คนละฝั่งกับฝั่งที่ลง ทั้งๆที่รถก็วนไปทางเดียวกัน นั่งลุ้นกันสักพักสุดท้ายรถก็มาจอดตามป้าย
พอขึ้นมาถึง Qingtiankang มองขึ้นไปเห็นคนเดินอยู่กลางทุ่งหญ้า ระยะทางมันช่างอีกยาวไกลเหลือเกิน ที่คิดอย่างนั้นเพราะว่าทั้งเหนื่อยและหิว(ไม่ได้เตรียมเสบียงมา ข้าวเช้าก็ไม่ได้กิน😓) เราแวะเข้าห้องน้ำก่อน(อยู่ทางซ้ายมือ ขวามือเป็นทางไปทุ่งหญ้า) กะว่าจะเดินขึ้นไปดูนิดเดียว ก็พอขึ้นไปได้นิดเดียวเท่านั้นล่ะฝนก็ตกเลยจ้า เลยรีบเข้าไปหลบบริเวณด้านหน้าศาลเจ้า รอสักพักฝนยังคงตกอยู่ เลยตัดสินใจหยิบเสื้อกันฝนขึ้นมาใส่แล้วลุยเดิน พอเดินไปได้ไม่นานฝนก็เริ่มเบาลงและหยุดในที่สุด(หลอกให้เราใส่เสื้อกันฝน😒) พอฝนหยุดตกอากาศดีมาก เย็นสบาย วิวก็ดี ฟินนน... มาก ถึงจะเป็นแค่ทุ่งหญ้า แต่ทำไมสวยขนาดนี้ สุดท้ายแล้วด้วยวิวสวยๆของที่นี่ เราก็เดินกันไปจนเกือบสุดทาง(ตามรูปข้างล่าง) ส่วนน้องเราเดินต่อขึ้นไปจนถึงยอดเลย
ตอนเดินกลับลงมาวิวก็สวยไปอีกแบบ
จากนั้นพอเดินกลับมานั่งรอรถตอนแรกกะว่าจะนั่งรอรถสาย 108 กลับลงไปด้านล่าง แล้วก็มองเห็นรถสาย S15 จอดอยู่ แล้วก็มีลุงคนนึงนั่งอยู่ข้างๆ ตรงป้ายรถเมล์ถามพวกเราว่ามาจากไหน แล้วแกก็ชวนคุย แต่เราก็ไม่รู้ภาษาจีนเท่าไหร่ รู้เรื่องที่แกพูดมาแค่ประโยคสองประโยค สักพักแกก็เดินไป ปรากฎว่าแกคือโชว์เฟอร์ขับรถสาย S15 เหมือนแกออกรถเลยเพื่อมาส่งพวกเรา(ไม่ได้เข้าข้างตัวเองนะ แต่รู้สึกได้ ลุงแกดูใจดีมากเลย) แต่ก็มีคนขึ้นมากับพวกเราอีกคนหรือสองคนนี่แหละ ตอนนั้นนึกว่าถ้านั่งรถสายนี้ไปไทเปก็สบายเลยได้นั่งยาวๆกลับ ไม่เหมือนตอนขามา(จริงๆก็แอบแปลกใจเหมือนกันว แต่ที่ไหนได้ลุงแกมาจอดรถตรง Lengshuikeng Visitor Center แล้วก็ให้กระดาษใบสีเหลืองเล็กๆเหมือนเป็น tag ให้คนละใบ ซึ่งกระดาษอันนี้ไว้ใช้ต่อรถบัสขนาดใหญ่เข้าเมือง ลุงแกก็ชี้ให้ไปต่อแถวบนทางเท้าที่เขาต่อแถวกันอยู่ ลุงคนนี้แกดูใจดีมากเลย สำหรับรถสาย S15 นั้นตามความเข้าใจเราคิดว่ารถบัสคันใหญ่วิ่งขึ้นไปถึง Qingtiankang คงลำบาก เลยมีรถสาย S15 คันเล็กแบบรถตู้วิ่งรับ-ส่งอีกต่อนึง แล้วรถบัสใหญ่ค่อยรวมคนจำนวนมากลงไปในเมืองไทเปอีกที พอเรากำลังไปต่อแถวรถคันนั้นก็เต็มแล้วออกไป อีกสักพักไม่นานคันใหม่มาถึงจะใหญ่แต่เล็กกว่าคันเก่า เราได้ขึ้น แต่ก็ยืนกันไปเหมือนขามา😭😭 คือแบบว่าเหนื่อยเต็มที่แล้วต้องมายืนอีก ไม่เหมือนขามาแบบว่ายังมีแรงอยู่ก็ยืนได้ นั่งไปเรื่อยๆ อ่อ..ยืนสินะ 555 รถก็ไปจอดที่สถานี MRT Jiantan แม้จะยืนมาแต่ก็ถือว่าสะดวกๆมากๆเลยกับการไปเที่ยวอุทยานที่เดินทางไม่นานจากตัวเมืองไทเปก็ได้สัมผัสธรรมชาติแบบป่าเขาแล้ว อิจฉาคนที่นี่เหมือนกันนะเนี่ย
ป.ล.ระหว่างทางจะมีกับระเบิดอุนจิอยู่บ้างเดินระวังดีๆล่ะ 555
Mudan Peony
วันอาทิตย์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2562 เวลา 00.36 น.