ครั้งนี้เป็นกระทู้รีวิวเชียงใหม่ครั้งที่ 2 แล้ว เป็นการมาเชียงใหม่ที่ห่างกันไม่กี่เดือน แต่ก็มีอะไรให้เที่ยวเยอะไปหมด วันนี้ก็เลยอยากจะมีรีวิวอีก ซึ่งการไปครั้งนี้เราไปกันทั้งหมด 3 คน ไป 3 วัน 2 คืน โดยสายการบิน Thai Lion Air เพราะว่าช่วงจะไปเจ้านี้ถูกที่สุดแล้ว แต่ความแตกต่างของสายการบินนี้ กับ AirAsia และ NokAir ส่วนตัวคิดว่าต่างเรื่องเดียวคือ เครื่องขึ้นลงเสียวไปนิด ปกตินั่งเครื่องไม่เคยเสียวเลย รอบนี้คือหวั่น ๆ 5555 แต่ก็ถือว่าโอเค ได้ราคามาช่วงโปรก็ถูกดี
ไฟท์บิน 11.30 น. ถึงเชียงใหม่ 12.45 เครื่องไม่ดีเลย์ ถึงตรงเวลา วันแรกเราไม่เช่ารถเลยนั่งแท็กซี่จากสนามบิน 150 บาท ไปลงที่ร้านอาหารเฮือนเพ็ญ ซึ่งเป็นร้านที่อยู่ใกล้กับโรงแรมเลยปักหมุดมากินข้าวก่อน ซึ่งไม่มีรูปให้ดูนะคะ แต่บอกได้คำเดียวว่าอร่อย เคยมากินแล้วเมื่อปีก่อน ก็อร่อยเหมือนเดิม ราคาไม่แพงเลย กินข้าวเสร็จก็เดินไปโรงแรม ซึ่งห่างจากร้านประมาณ 600 เมตร ระหว่างทางร้านคาเฟ่เยอะมากเหมือนกัน และก็ไปสะดุดตาร้านนี้ wan-wan ワンワン ไม่รอช้าเข้าไปเลยจ้าาาาาาา
เข้าไปร้านเปิดเพลงเกาหลีถูกใจมากกกก ฟังวนไป ร้านตกแต่งน่ารักดี ถ่ายรูปสวย เมนูนํ้าก็มีให้เลือกเยอะ เราสั่งชาพีชใส่ไข่มุกแอปเปิ้ลมา อร่อยมากกกกกกกก แก้วละ 45 บาทเอง แต่แก้วใหญ่
กินเสร็จเราก็เดินไปที่โรงแรม ถึงเวลา check in พอดี ช่วงเวลาที่เราอยู่เชียงใหม่เราพักกันที่ Phra Singh Village โรงแรมพระสิงห์วิลเลจ ซึ่งทำเลดีมากกกกกกกกก เราก็เลยเลือกที่นี่ เดียวก่อนอื่นพาไปดูห้องก่อน ภาพแรกที่เห็นคือห้องกว้างมากแบ่งเป็นสัดส่วนระหว่างห้องนอนและห้องนํ้า มีโซนแต่งตัวด้วย เหมาะกับสามคนมากเพราะว่าห้องกว้าง จะบอกว่าปกติได้สองคนนะคะ แต่มาสองเลยซื้อเตียงเสริม
เตียงนอนคือดีมากกกก ดีจริง ๆ นอนหลับแบบไม่อยากตื่น ทำงานมามาเจอการพักผ่อนที่แท้จริง ฟินมากกกก
โซนโต๊ะเครื่องแป้งนี้เหมาะมากกับผู้หญิงอย่างเรา ๆ โดยเฉพาะกระจก เค้าแลดูใส่ใจในการออกแบบมาก ปกติไม่เคยเห็นโรงแรมมีกระจกแบบนี้เลย มีแค่กระจกใหญ่อย่างเดียว ที่สำคัญไดร์เป่าผมที่นี้แรงเว่อร์ ลืมภาพไดร์เป่าผมลมง่อย ๆ ไปได้เลยค่ะ
ส่วนห้องนํ้าถึงกับกรี๊ดดดดดด ชอบมากกกกกกก ใหญ่มาก แช่อ่างอาบนํ้าสบายสุด ไปเที่ยวมาเหนื่อย ๆ ลงอ่างไปเลยจ้าาา และก็อุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่ต้องขนมาเลยค่ะ มีทุกอย่างแปรงสีฟันยังมี
นอกจากนี้ก็ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายเหมือนที่โรงแรมอื่น ๆ มี ทีวี เครื่องชงกาแฟ ตู้เซฟ อะไรก็มีหมด แต่ไฮไลท์ของที่นี่ ที่ชอบเลย และคิดว่าโรงแรมอื่นน่าจะน้อยที่มีแบบนี้คือ Welcome drink มีตั้งแต่ check in มาแล้ว 1 รอบ และก็ขนมของทุกอย่างในห้องกินได้หมด ฟรี แบบยํ้าว่าฟรี !! ไม่ได้มีแค่นํ้าเปล่านะจ๊ะ มีแบบ full option เลยจ้า ยังไม่พอ พนักงานมาเคาะห้อง เอากล้วยกับส้มมาให้อีก OMG !! เท่านี้คิดว่าเริสแล้ว สิ่งที่ตกใจพนักงานบอกว่า ช่วงบ่าย จะมี afternoon tea นะคะ กินได้ฟรีทุกอย่างที่ห้องอาหาร คือราคาห้องขนาดนี้กินแบบนี้จะเกินราคาล่ะ 5555555
วิวรอบ ๆ โรงแรมก็สวย มีฟิตเนส มีจักรยานให้ขี่ไปเที่ยวได้ด้วย เพราะโรงแรมอยู่ใกล้ที่เที่ยวเยอะ วัดแถวนี้เยอะ โดยเฉพาะวัดพระสิงห์ เป็นวัดดังมาก และก็มีสระว่ายนํ้า ห้องอาหาร indoor outdoor ส่วนใหญ่แขกที่พักจะเป็นต่างชาติ มีหลายชาติเหมือนกัน แต่ต่างชาติมีความน่ารักมากกกก ไม่โวกเวกโวยวาย ทำให้บรรยากาศเงียบ สงบดี มาเป็นคู่หรือครอบครัว ไม่ต้องกลัวทัวร์จะลง
จริง ๆ ที่พักโรงแรมมีสปาด้วย พักโรงแรมได้ส่วนลด 20 % ก็เลยว่าจะทำสปาแต่ว่าวันไปคนเยอะมาก เนื่องจากเป็นวันเสาร์ ก็เลยจะออกไปเที่ยวก่อน ค่อยทำวันพรุ่งนี้ เราก็เลยมุ่งตรงไปประตูท่าแพ เดินจากโรงแรมประมาณ 1 โล เหนื่อยเหมือนกัน 55555 ใครจะโบกรถแดงมาก็ได้นะคะ ก็ไม่มีอะไรมากประตูแค่มาถ่ายรูป และก็จะมาหาคาเฟ่นั่งแถว ๆ
ถ่ายรูปเสร็จหาข้อมูลก็ไปเดินไปอีกไม่ไกล ไปคาเฟ่ที่ชื่อว่า Gateway Coffee Roasters ตามจากรีวิวมาอีกที ตอนไปคนไม่เยอะมากยังพอมีโต๊ะอยู่ ร้านฮิปดี เห็นตาหล้องมาถ่ายรูปเพียบ
ข้อดีของร้านนี้คือถ่ายรูปออกมาแล้วฮิปมากกกกกก ออกมาดูดีมากก แต่สำหรับความรู้สึกตัวเองคิดว่าราคาสูงไปมากเหมือนกัน และก็ไม่ได้ฟินมากขนาดนั้น แต่ก็เป็นแค่ความรู้สึกส่วนตัวนะคะ ยังไงไปลองกันได้ แค่เฟลนิดหน่อยว่ามาร้านนี้ราคาแพงกว่ากินข้าวที่เฮือนเพ็ญอีก 55555
เสร็จจากคาเฟ่เราโบกรถแดงไปเดินถนนคนเดินวัวลาย จริง ๆ วันอาทิตย์เค้าจะไปตั้งอยู่แถวโรงแรมพระสิงห์เลยนะคะเดินมาได้ ใกล้ ๆ แต่เรามาวันเสาร์เลยต้องมาที่นี่ จะบอกว่าใครจะมาเดินพวกถนนคนเดินเชียงใหม่ไม่ว่าจะถนนคนเดินที่ไหน โปรดเตรียมกำลังขาให้พร้อม เพราะยาวววววววววมากกกกกก กลับตัวเดินกลับก็ไม่ได้ ไม่รู้สิ้นสุดทางไหน เดินจนปวดสน 5555555555
แต่ของที่นี่เค้าชิคมากกก มีทั้งของกิน ของใช้ ของแฮนเมดเต็มไปหมด ตลอดทางเดิน เดินดูจนตาลายไปหมด
แต่ว่าเราไม่ได้กินอะไรในตลาดเลย ซื้อกินนิดหน่อยเพราะอยากไปกินไก่ทอดเที่ยงคืน เลยโบกรถแดงไป แต่ปรากฏว่าลืมดูว่าร้านเปิดสี่ทุ่มจ้าาาา ด้วยความหิวมาก รอไม่ไหว ก็เลยนั่งกินร้านพี่เพ็ญหมาล่า ที่อยู่ข้าง ๆ กัน อร่อยมากกกกกกกกก ใครชอบหมาล่าควรมาโดน ไม้ละ 5 บาท
กินเสร็จก็ดึกแล้วเลยเรียกรถ grab ให้ไปส่งที่โรงแรม ที่เชียงใหม่เรียกรถ grab ได้นะคะ ดึก ๆ รถแดงไม่ค่อยมีหรือชอบให้เหมา
วันที่ 2
ตื่นมากินข้าวเช้าที่โรงแรม มีหลากหลายเมนูให้เลือกมากกก พี่ ๆ ที่ไปด้วยที่เค้าชอบกินกาแฟบอกว่ากาแฟอร่อยมาก ดีงามกว่าร้านคาเฟ่บางร้านอีก ที่สั่งมาคือลาเต้ แต่ที่ทุกคนลงความเห็นว่าอร่อยมาก คือครัวซ็อง ดีงามมากกกก ชอบสุด กินไปสามชิ้นจ้าาา 55555
กินข้าวเช้าเสร็จจากที่เมื่อวานพลาดสปาไป ก็ไปต่อที่สปาอยู่ข้าง ๆ กันเลย ชื่อว่า Makkha Health&Spa เข้ามาเป็นสปาที่เก๋เว่อร์ อันนี้จะออกโมเดิร์นหน่อย อันนี้เป็นสาขาสอง สาขาแรกก็อยู่ใกล้กันเป็นไทย ๆ ฝรั่งไปสาขานั้นเยอะ
สมัยก่อนเห็นแม่ชอบนวด ชอบสปาก็ไม่ค่อยเข้าใจ โตมาจึงรู้ว่า ควรแค่แก่การเสียเงินมากกกกก เพราะทำงานมาเหนื่อย ๆ การมาพักผ่อนและทำสปาคือสวรรค์มากกกกกกกก และที่นี่คือดีตอบโจทย์ ลด 20 % ให้ด้วยจ้าาาา พนักงานก็น่ารัก ตอนแรกก็กังวลว่าถ้าเค้าเห็นเป็นคนไทยจะต้อนรับไม่ดีเท่าต่างชาติ แต่ผิดคาด ดีมากกก พนักงานของโรงแรมก็เหมือนกัน ไปอ่านรีวิวส่วนใหญ่ก็จะชมเรื่องพนักงาน
มี Welcome drink ด้วย น่ารักกกกกก ก่อนจะไปทำก็เก็บบรรยากาศรอบ ๆ มาฝาก สวยมากกกกกกกก
ภายในห้องก็คือหอมมากกกกกกกกก ทำไปนี้จะหลับไป สบายยยมากเว่อร์ แบบนี้ซิถึงเรียกว่าพักผ่อนนน สวรรค์ของฉันนนน
สบายตัววววววเรียบร้อยแล้ว พร้อมลุยออกเดินทางกันต่อ เราเช่ารถจากเจ้าเดิมเจ้าประจำเลย มัดจำง่าย ส่งรถง่าย ราคาไม่แพงที่ร้าน omg car rent เชียงใหม่ ซึ่งสายชิคอย่างเราก็ต้องไปคาเฟ่ ร้านมีชื่อว่า Forest Bake เป็นร้านเล็ก ๆ เล็กมากจริง ๆ 555 แต่มีมุมนั่งข้างนอก ร้อนนิดหน่อย แต่ไฮไลท์เลยคือ ขนมน่ารักมากกกกก สวยมากกก ที่สำคัญรสชาติดี ส่วนตัวชอบมาก ให้เป็นหนึ่งในคาเฟ่ที่ชอบเลย
ก็แนะนำว่าให้มาก่อนเที่ยง เพราะที่นั่งจะได้อากาศไม่ร้อนมาก และก็ถ้ามาช้าอ่านจากรีวิวเค้าบอกว่าขนมจะหมดเร็ว ยังไงควรมามากกกกกกถัดมากินกันต่อจากขนม เราไปต่อที่ ครัวอาจารย์สายหยุด&หมอทราย ซึ่งมีคนแนะนำมาว่าต้องมากิน และพอได้กินคืออร่อยมาก อยากจะห่อกลับบ้าน ดีงามมทุกสิ่ง ใครชอบอาหารอะไรแบบนี้ต้องชอบ มีของหวานให้กินฟรีด้วย อร่อยทุกอย่างที่สำคัญไม่แพงเลย ต้องมาา รับรองว่ามาเชียงใหม่จะมากินอีกแน่นอน
เติมพลังเสร็จเราก็มีมติกันว่า จะไปเที่ยวกันที่ไร่ชาลุงเดช ฮิตมาก ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงกว่า ลังเลสองจิตสองใจจะยังไงกันดี เพราะกุมภาคือร้อนมากกกกกก และไปจะฟินเหมือนรีวิวมั้ย แถมรีวิวบอกทางชันอีก สรุปก็คือทางชันมากกกกกกกจริง ๆ ใครขับไม่แข็งไม่ควรมาเลยนะ ทางโหดอยู่ จะอ้วกเลย5555 แต่มาถึงก็ไม่เลวนะ สวยอยู่ถึงแม้ไม่ใช่หน้าหนาวก็ตามซึ่งทางขึ้นมาก่อนถึงร้อยเมตรเป็นทางที่ชันสุด ๆ เลยเดินขึ้นมา แค่ 100 เมตรแต่เหมือนเป็นกิโล แถมไม่มีชาเขียวเย็นด้วย มีแต่ร้อน และอากาศก็ร้อนเหงื่อก็ออก 555555555 แต่นั่งพักสักแปปก็โอเคได้อยู่ มาผิดฤดูเอง55555
เราใช้เวลาอยู่ที่นี่สักพักใหญ่ ๆ ก็กลับเพราะกลัวว่าจะมืดจะอันตราย และก็ด้วยความที่มันร้อนด้วยแบบชาของที่นี่มีแต่ชาร้อน ร่างกายต้องการอะไรที่สดชื่นจ้าาา ยังไม่ต้องการความร้อนเพิ่ม 55555 เพราะเชียงใหม่หน้าร้อน ร้อนมากกก นี้ขนาดยังไม่เมษานะ ตามทางก็แวะ family mart ซื้อนํ้า ซื้อขนมกิน ขับไปพักไป ชมวิวระหว่างทาง เมาท์กับเพื่อนไปก็เพลินดี
และก็ความที่จะอ้วกกับทางเลยหาอะไรที่มันสดชื่น ก็หยิบมั่ว ๆ มา แต่ปรากฎดีมากก แก้มึนหัวได้เลย @sowaterth ซื้อมาจาก family mart อร่อยดี 28 บาทสดชื่น 0 แคลด้วย ใครไปก็ซื้อพกได้ มันเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ ดี ชอบบติดใจมากกก หายมึนเลย เพราะทางขึ้นแบบโครตชันของความชัน ไม่ชินด้วยมั้งไม่ได้ขึ้นเขาบ่อย 555555 แต่เหมือนเพิ่งเคยเห็นไม่น่าจะมีใน 7-11 ปล. จริง ๆ ควรซื้อพวกนํ้าเย็น ๆ ก่อนขึ้นไปไร่ชานะคะ เอาที่ตัวเองชอบ ช่วยได้มาก เพราะว่าทางขึ้นชันและเราจะเหนื่อย ต้องเดินอีกข้างบนที่ไร่ก็มีแค่ชาร้อนกับนํ้าเปล่า ไปถึงเราก็เหนื่อย กระหายนํ้ามากตอนนั้น มีความเข็ดกับไร่นิดนึง 55
ใช้เวลาไม่นานก็ถึงตัวเมือง เราไปกันต่อที่ตลาดวโรรส กาดหลวงต่อ ตอนไปร้านก็จะปิดหมดละ แต่ก็ได้มาอยู่ จากนั้นก็จะไปกินไก่ทอดเที่ยงคืนหลังจากพลาดวันแรก ผลปรากฏคือ ร้านปิดวันอาทิตย์ 555 เลยได้กินหมาล่าร้านพี่เพ็ญเหมือนเดิม แต่อร่อยจริงกินสองวันติด 5555555
จากนั้นเราก็เอาของไปเก็บที่โรงแรม เอนตัวลงนอนพักสักแปป ก็ออกไปหาร้านนั่งชิว ไปเจอร้าน Toeyrichness
เป็นร้านเล็ก ๆ แต่มีที่จอดรถให้ ดีมากกกกกกก และก็เจ้าของร้านไนซ์มาก ราคาก็ไม่แพงเลย ใครสายดื่มก็ควรมา ดื่มแบบเก๋ ๆ แต่ใครไม่ดื่มก็มีเมนูพวกโซดาให้ ราคาแก้วละ 48 เอง ถูกเว่อร์
วันที่ 3
เช้าวันสุดท้ายไม่อยากกลับเลยยยยยยยยย และก็ไม่อยากตื่นด้วย นอนสบายมากกกกก แต่เนื่องจากเราต้องไปถึงสนามบินบ่ายสองเพื่อกลับ และก็อยากใช้เวลาให้คุ้ม เลยรีบตื่นไปกินข้าว ตลอดเวลาที่อยู่โรงแรมพระสิงห์วิลเลจคือ กินอิ่ม นอนหลับ ที่แท้จริง ใครมาเชียงใหม่แนะนำเลย โดยเฉพาะพนักงานทุกคนฝากชื่นชมเลยว่าบริการดีเว่อร์
ไม่รอช้าไปกันต่อแม้จะวันสุดท้าย ไปกันต่อที่คาเฟ่ the baristro at ping river เป็นคาเฟ่ที่คนแชร์เยอะมาก มาหลายครั้งยังไม่เคยมาเหมือนกัน ก็ไปสักหน่อย
จะบอกว่าคาเฟ่ที่นี่มุมถ่ายรูปล้านแปดดดดดดดดมาก เยอะมาก ชิคเก๋ทุกมุม รสชาติอาหารเครื่องดื่มไม่รู้เลยรสเป็นไง เพราะมัวแต่อินกับการถ่ายรูป 5555555555
ส่วนมุมนี้ก็ฮิตมากเว่อร์ ร้อนแต่ก็สู้ ใครมาและไม่ถ่ายมุมนี้ถือว่ามาไม่ถึงแน่นอน ขนาดมาวันธรรมดายังมีความต้องรอจังหวะถ่าย ถ้ามาเสาร์อาทิตย์ก็ไม่รู้จะได้ถ่ายมั้ย ยังไงก็แนะนำมาวันธรรมดาดีกว่าค่ะ
ถัดมาไม่รอช้าเพราะไม่มีเวลาแล้ว เรามุ่งหน้าต่อไปกินข้าวเที่ยงก่อนไปสนามบิน เราเลยเลือกไปกินร้านดังอย่าง โอ้กะจู๋ สาขา นิ่มซิตี้เดลี่ ซึ่งเป็นสาขาที่ใกล้สนามบินที่สุด แนะนำเลย เค้าเปิดมาตั้งนานยังไม่เคยกินเลย มาเปิดที่กรุงเทพก็คนเยอะ ไหน ๆ ก็มาเชียงใหม่ล่ะ เลยจัดซะหน่อย ผลที่ได้คือ อร่อยยยยยยยมากกก ไม่ได้อวยนะ แต่จากใจคนชอบกินผักคือผักสดอร่อยมาก และคิดว่าคนที่ไม่ค่อยชอบผักถ้าได้มากินร้านนี้ต้องชอบแน่
อาหารแต่ละจานราคาสูงนะแต่ถ้าเทียบคุณภาพและปริมาณ ถือว่าคุ้มมากอิ่มมาก
กินเสร็จก็ได้เวลาคืนรถเราก็ขับไปสนามบินเชียงใหม่ ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากร้านเลย แปปเดียว ถึงสนามบินมีเวลาเหลือก็เดินซื้อของฝากอีกนิดหน่อย และก็ ขากลับมีความดีเลย์อยู่ วุ่นวายนิดหน่อยกับสายการบินนี้ แต่ก็ถือว่าโอเคอยู่ สิ่งที่พีคคือลงเครื่องดอนเมือง คนรอต่อ taxi เกือบร้อยคิวจ้าาาาาาา 55555 แต่ก็ถือว่าเป็นทริปที่แฮปปี้มาก อาหารการกินทุกร้านประทับใจมากกกกกกก ที่หลับที่นอนสบาย มาเชียงใหม่กี่ครั้งก็ยังแฮปปี้ทุกครั้ง : )
https://www.facebook.com/puifaikamonblog
Puifaikamon
วันศุกร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2562 เวลา 17.38 น.