ไปภูเก็ตมาเกือบสองสัปดาห์เมื่อช่วงคริสต์มาส-ปีใหม่ที่ผ่านมา นอกจากจะไปทำธุระส่วนตัวแล้วก็ตั้งใจจะไปทัวร์ดำน้ำตื้นดูปะการังสัก 2 วันกับ Love Andaman โดยจองทัวร์ไปหมู่เกาะสุรินทร์วันนึง แล้วก็เกาะรอกอีกวันนึง

ก่อนไปนั้นอิชั้นก็ค่อนข้างตื่นเต้นกับการจะไปเที่ยวครั้งนี้พอสมควร กูเกิลหารีวิวกล้องถ่ายภาพใต้น้ำที่พอใช้ได้และราคาถูกกันหลายสัปดาห์ทีเดียว หะแรกอิชั้นตั้งใจจะซื้อเคสกันน้ำให้กล้อง Fujifilm X100s ที่มีอยู่แล้ว (กะจะประหยัด ว่างั้นเหอะ) แต่พอดูแล้วเคสกันน้ำคุณภาพดี ๆ หน่อย ราคามันพอ ๆ กับกล้องถ่ายภาพใต้น้ำราคาย่อมเยาว์เลยทีเดียวนะ แล้วอิชั้นก็ไม่เคยถ่ายภาพใต้น้ำมาก่อน ดำน้ำก็ไม่เก่ง จะถ่ายไปดำน้ำไปไหวหรือเปล่าก็ไม่รู้ ส่วนคุณสามีว่ายน้ำเก่ง ดำน้ำได้ แต่ถ่ายรูปไม่เป็นอีก การลงทุนซื้อกล้องถ่ายภาพใต้น้ำดี ๆ อาจเป็นการเสียเงินเปล่า แถมเราก็ไม่ได้ไปเที่ยวแบบนี้กันบ่อย ๆ (ชอบเที่ยวเมือง ดูคนมากกว่า) ในที่สุดก็ตกลงใจซื้อ FujiFilm Finepix XP80 สีเหลืองอ๋อยถูกใจในราคาถูกเงิน (คือถูกที่สุดในบรรดากล้องถ่ายภาพใต้น้ำราคาย่อมเยาว์ทั้งหลายแล้วอ่ะนะ) ติดตัวไปด้วยในครั้งนี้


วันที่เราจะไปทัวร์หมู่เกาะสุรินทร์กันนั้น เนื่องจากเราพักที่ภูเก็ตดังนั้น Love Andaman เขาก็นัดรับตั้งแต่ไก่โห่เพื่อจะไปให้ถึงท่าเรือทับละมุได้ทันเวลาเรือออก อิชั้นกำลังหัวปั่นกับการแต่งตัวก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น รับโทรศัพท์พร้อมดูเวลามันตีห้าห้าสิบนาที คนขับรถโทรฯเข้ามาถามว่าโรงแรมอยู่ไหน ยังมืดตื๋อแบบนั้น อารมณ์ก็ไม่ค่อยจะดีเพราะต้องตื่นเช้า แต่หัวกำลังแล่นเนอะ ก็บอกคนขับไปว่า “อยู่ในตัวเมืองภูเก็ต ถ.ศักดิเดชน์ 1 ใกล้ ๆ กับบริษัทคุณนั่นแหละค่ะ อิชั้นเป็นนักท่องเที่ยว ทำไมโทรฯมาถามอิชั้นล่ะค้า?" แล้วก็ตัดสาย โอย .. มนุษย์ป้าลมขึ้น


รีบแต่งตัวต่อจนเสร็จ อีกห้านาทีจะได้เวลาหกโมง (เวลานัด) ก็ลงจากห้องเดินไปล็อบบี้กัน คนขับมารออยู่แล้ว (นั่นแน่ะ!!) อิชั้นรีบมุดขึ้นรถไปนอนต่อ คนขับแวะรับแขกอีก 3 คนที่โรงแรมใกล้ ๆ กันแล้วก็ขับตรงจากภูเก็ตไปท่าเรือทับละมุเลย ไม่ต้องไปรับแขกคนอื่นที่หาดต่าง ๆ อย่างที่นึก (และกลัว) ไว้ในตอนแรก ก่อนรถจะเลี้ยวเข้าไปยังท่าเรือทับละมุ คนขับยังแวะปั๊มน้ำมันให้เข้าห้องน้ำห้องท่ากันก่อนด้วย ทุกคนพร้อมใจลงรถไปเข้าห้องน้ำกันหมด ไปถึงท่าเรือทับละมุโดยสวัสดิภาพ คนขับขับรถดีมาก รถไม่ติด มนุษย์ป้าแฮปปี้ค่ะ

ไปถึงท่าเรือแล้วพวกเราเริ่มเช็คอินกันเป็นกลุ่มแรก ได้สายคล้องข้อมือสีเขียวเป็นสัญลักษณ์ว่าเราจะไปหมู่เกาะสุรินทร์ มีเวลากินขนม ข้าวต้ม ดื่มนม ดื่มกาแฟรองท้องกันก่อนด้วย อาหารของเขาค่อนข้างอลังการราวกับบุฟเฟต์ของโรงแรมระดับ 2-3 ดาวเลยทีเดียวค่ะ ไกด์ทอมมี่เข้ามาทักทายและเรียกให้ไปเข้ากลุ่ม อิชั้นขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลงน้ำก่อน เปลี่ยนเสร็จก็ได้เวลาบรีฟครั้งสุดท้ายก่อนถอดรองเท้าทิ้งไว้ที่ท่าเรือ ถ่ายรูปครอบครัวเป็นที่ระลึก (สามารถแวะซื้อตอนขากลับ) แล้วก็ลงเรือไปหมู่เกาะสุรินทร์กัน

คุณไกด์บอกให้ฟังว่าขาไปเรือเราจะแล่นโต้คลื่น ดังนั้นเรือจะกระเด้งกระดอนกว่า (ชวนให้คายของเก่าเป็นอย่างยิ่ง) และจะใช้เวลานานกว่า ขณะที่ขากลับเรือจะแล่นตามคลื่นดังนั้นความกระเด้งกระดอนจะน้อยกว่าและใช้เวลาเดินทางน้อยกว่านิดนึง

เราไปแวะหมู่บ้านมอแกนเป็นที่แรก ที่นี่มีห้องน้ำให้เข้าด้วย ใครอยากเปลี่ยนเสื้อผ้าสำหรับลงน้ำก็ทำได้ตรงนี้ (โปรแกรมว่าจะไปจอดตรงจุดไหนก่อน อะไรยังไง แล้วแต่การตัดสินใจของไกด์และกัปตันเรือล้วน ๆ) ได้ถ่ายภาพหมู่บ้านกับชาวยิปซีทะเลที่นี่กันพอหอมปากหอมคอค่ะ


หลังจากนั้นเราก็ไปแวะจุดดำน้ำแรกของวันนี้ อิชั้นยื่นกล้องให้ไกด์ทอมมี่ ฝากอนาคตของกล้องตัวนี้ไว้ในมือไกด์เลยล่ะค่ะ ก็ได้ภาพและคลิปของปะการังและปลาที่น่าสนใจมาหลายภาพหลายคลิปเลยทีเดียว ขอขอบคุณคุณไกด์มา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ



ต่อจากนั้นเราก็ไปหมู่เกาะสุรินทร์ แวะกินข้าวกลางวันกันที่นี่ อาหารเขาน่ากินดีค่ะ แต่ครอบครัวอิชั้นชินแต่การกินอาหารร้อน ๆ เคยมากินอาหารที่เขาปรุงแล้ววางทิ้งไว้แบบนี้ทีไร ก็จะท้องเสียท้องเดินกันเป็นประจำ แต่หิวเนอะก็ตักกันคนละนิดละหน่อยพอรองท้อง พร้อมกับทำใจไว้เลยว่าคืนนี้ต้องเกิดอาการแน่ ๆ


อิชั้นว่าบนเกาะไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจนะ เคยอ่านจากรีวิวเขาว่าทางหาดด้านหลัง บางครั้งก็เห็นลูกฉลาม อิชั้นก็แวะไปดูเหมือนกันค่ะ แต่ไม่เห็น เขาคงจะมากันเวลาอื่น อยู่ที่นี่ได้ชั่วโมงกว่า ๆ เข้าห้องน้ำห้องท่ากันเสร็จ ก็ได้เวลาเดินทางไปจุดดำน้ำอีก 2 จุด ช่วงบ่ายทาง Love Andman เขาก็มีอาหารว่างเป็นขนมปังไส้กรอกกับผลไม้สด (ใส่ถังน้ำแข็งมา) ให้พวกเราได้รองท้องกันอีกหน่อย เลิศมาก


หลังจากปิดท้ายกันด้วยจุดดำน้ำอีก 2 จุดก็ได้เวลาเดินทางกลับกันค่ะ หนุ่มใหญ่เริ่มออกอาการเมาเรือตอนขากลับ ส่วนหนุ่มน้อยเห็นคนข้าง ๆ คอพับคออ่อนก็เริ่มออกอาการบ้างราวกับโดนสะกดจิตหมู่ มีมนุษย์ป้านี่แหละที่ทรหดอยู่คนเดียว นั่งลูบหลังลูบไหล่คุณสามีมือนึง อีกมือก็ควานหายาดมยาอมยาหม่องมาให้ลูกชายไป


เรามาถึงท่าเรือโดยสวัสดิภาพ ไม่มีใครคายของเก่าหรือให้อาหารปลากันแต่อย่างใด น้อง ๆ ในเรือขอสายรัดข้อมือคืน เจ้าลูกชายตาละห้อยเลยสิ เธอชอบมากนึกว่าเขาจะให้เป็นที่ระลึกเนอะ เห็นแล้วก็สงสารปนขำมาก

ขึ้นจากเรือแล้วอิชั้นรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ส่วนสองคนพ่อลูกแวะซื้อภาพครอบครัวที่ถ่ายไว้ก่อนขึ้นเรือซึ่งเขาเอามาใส่กรอบไม้ให้ด้วย แล้วก็เข้าไปดูของที่ระลึกในร้านอีกหน่อย เจ้าลูกชายเห็นเขาขายสายรัดข้อมือก็ดีใจใหญ่ ซื้อกลับมาเป็นที่ระลึก 1 ถุง (มี 5 สี) ส่วนอิชั้นก็มาต่อแถวรับไอศกรีมกะทิที่อร่อยที่สุดในสามโลก (คุณไกด์เขาว่าอย่างนั้น) ก็อร่อยจริง ๆ สำหรับคนที่ไม่ได้กินไอติมกะทิมาสิบกว่าปีแล้วอย่างอิชั้นนะ เจ้าลูกชายก็ชอบค่ะ


นั่งรถเดินทางกลับภูเก็ตกัน อารมณ์ดีกว่าเมื่อเช้าเหมือนเป็นคนละคน ไม่ลืมให้ทิปคนขับ (คนเดิม) พร้อมกล่าวคำขอบคุณ “ไม่มีอะไรขัดข้องหมองใจกันนะคะคุณพี่ เช้า ๆ ผียังไม่ออกเท่านั้นเอง"


กลับมาดูภาพและคลิปใต้น้ำที่ได้จากกล้อง Fujifilm XP80 ถึงแม้สีสันที่ได้จะไม่สวยสดใสเท่าไหร่ แต่สำหรับกล้องในระดับราคาเท่านี้ ได้ขนาดนี้ก็แฮปปี้มากแล้วค่ะ โดยอิชั้นปรับ Level ของภาพถ่ายและวิดีโอเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เจ้าลูกชายช่วยตัดต่อวิดีโอให้โดยใช้ Adobe Premiere Pro ค่ะ



ขอขอบคุณเพื่อนสมาชิกทุกท่านที่แวะเวียนเข้ามาชมและฝากคอมเมนต์ไว้นะคะ สวัสดีค่ะ

ป้าเดซี่

 วันพฤหัสที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 12.58 น.

ความคิดเห็น