21st March 2019


ซัมเมอร์ปีนี้จัดเต็มค่ะ เพราะยัดทริปแน่นไป 3 ทริปจนเหนื่อย และหอบกับการเดินทาง หนึ่งในทริปที่อ้างที่ประทับใจ จขบ.มาก คือทริปนี้ "ปีนัง" ทริปที่มองไว้หลายครั้ง กางแผนที่ทำการบ้านหลายหน จนรอบที่จะไปนี้ไม่กงไม่กางมันแล้ว อาศัยข้อมูลเดิม ๆ ที่เคยทำไว้หลายรอบและพับเก็บ "เอามาใช้"
ลงตัวที่ 4 คน เป็นทริปที่เผลอ ๆ เพราะเผลอไปตกปากรับคำ เพราะเผลอไปชวน จนคนร่วมทริปมี 4 คน มันเลยออกตัวไม่ค่อยถนัด แต่ก็พอได้ค่ะ

การเดินทาง


เราจับโปรของนกแอร์ และหางแดงอย่างแอร์เอเชียได้ค่ะเข้าใจว่าเชียงใหม่ปีนังหายากมากคือจะต้อง connect flight หมดเลย กระเป่าของเรามันเซย์เยสตรงนี้ ตรงเชียงใหม่ - หาดใหญ่ ไปกลับค่ะ ผิดที่จับค่ายละรอบเอาที่ถูกที่สุดน่ะค่ะ

ขยายความราคาโปรค่ะ
นกแอร์ : CNX - BKK - HDY 2,038 รวม VAT
แอร์เอเชีย : HDY - CNX 1,408 รวม VAT
ไปกลับทริปนี้เราเสีย 3,446 ต่อหัวค่ะ







เครื่องถึงที่หาดใหญ่ แล้วเรานัดรถตู้จาก KST travel มารับที่สนามบินค่ะ 250 ราคาเสริมจากที่ซื้อที่นั่งไปปีนัง ไป - กลับ 800 บาท/คน (คนเชียงใหม่จะไปปีนังมากองตรงนี้ข้อมูลเน้น ๆ)
ถึงหาดใหญ่ก็ตรงข้าวเที่ยงพอดีค่ะ ข้างหน้าบริษัทเคเอสทีมีข้าวหมูกรอบอยู่ ไม่อยากเดินไกลฝากท้องไว้ตรงนั้นแหล่ะค่ะ เพราะต้องทำเวลารอรถตู้ออกไปปีนังต่อ



รถตู้ออกจากบริษัทตอน 12:30 พอดีค่ะ
รถวิ่งจากหาดใหญ่ไปด่านสะเดาราว ๆ 50 กม. หรือ 1 ชั่วโมงค่ะ โดยที่รถตู้จะจอดให้เราลงทำเรื่องผ่านด่านที่สะเดา 1 ครั้ง และอีกครั้งที่ด่านของปีนังค่ะ ณ จุด ๆ นี้ไม่มีรูปประกอบนะคะเพราะเขาไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปค่ะ
ภาพก็จะตัดมาประมาณนี้
ข้ามด่านทางฝั่งของปีนังมาแล้ว รถจะวิ่งอีกราวสองชั่วโมงกว่า.. มองวิวนาข้าวที่ปีนังไปค่ะ เพลิน ๆ







่และแล้วก็ถึงไฮไลท์ของการเดินทางค่ะ ย้ำเดินทาง
รถเราวิ่งผ่านสะพานเก่าปีนังแห่งที่ 1 ค่ะ สะพานแห่งนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นสะพานเชื่อมที่ยาว และสวยของปีนังค่ะ





สะพานปีนัง (Penang Bridge)
สะพานเก่าปีนังแห่งที่ 1 มีความยาว 13.5 กิโลเมตร โดยที่ความยาวเหนือระดับน้ำทะเล 8.4 กิโลเมตร จำกัดความเร็วอยู่ที่ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สะพานปีนังถูกใช้เชื่อมต่อระหว่างเกาะปีนังและเมือง Butterworth ซึ่งอยู่บนแผ่นดินใหญ่ เป็นหนึ่งในสะพานที่ติดอันดับห้าของสะพานที่ยาวที่สุดในโลก โดยมีสถาปนิกผู้ออกแบบชาวมาเลเซีย Chin Fung Kee งบประมาณก่อสร้างทั้งสิ้น 800 ล้านริงกิตมาเลเซีย ถูกเปิดให้ใช้งานครั้งแรกเมื่อวันที่ 14 กันยายน ปี 1985



ซึ่งข้อดีของการนั่งรถตู้มาคือ เขาส่งถึงหน้าที่พักค่ะ
โดยวนส่งลูกค้ารายอื่นตามทางที่ผ่านมาก่อน ส่วนกรุ๊ปเรา "สุดท้าย" เพราะดันเลือกที่พักอีกฝั่งนึงของ George Town เลยค่ะ แฮร่
คนขับรถบอกจะจอดเติมน้ำมัน และเชิญเราลง เอิ่ม.. งงไหมล่ะ
ไม่ต้อง-งง-นะคะ ที่พักติดปั๊มค่ะ 555




ถึงที่พักราวสี่โมงกว่า ๆ ยื่นเรื่องที่จองผ่าน booking.com ชำระเงินแล้วเก็บของ
ที่พักของเรา ราคาน่ารัก ห้องพักดี บริการแบบมิตร











ก็บของเข้าที่พักเรียบร้อยแล้ว เราไม่พักต่อเพราะอยากเที่ยวเต็มแก่แล้วล่ะ
เดินทางทั้งวันแล้วนี่เนาะ
เข้าใจว่า.. "ผู้จัด" มักต้องรับผิดชอบเยอะกว่าและแบกอะไรไว้เยอะกว่า มันใช่แหล่ะและมันก็ใช่อีกแหล่ะที่ว่าเดินทางลงซีกโลกใต้เมื่อไหร่ภาษาอังกฤษที่เรียนมาได้ใช้ทุกเม็ด ^^ นี่ต้องขอบคุณผู้ล่าอาณานิคมหรือเปล่าคะ


ที่ counter ทีพัก จขบ.ถาม พนง.ต้อนรับถึงที่ ๆ จะไป
เขาก็ให้แผนที่มา.. ได้สมใจแล้วหลังเสิร์ท ๆ หาในเน็ตมันก็จะไม่ค่อยละเอียดเท่าที่ถืออยู่
ได้ความว่าเรามีตัวช่วยดีมาก

ๆ คือ CAT Bus (Central Area Transit Bus อย่าไปเรียกแคท บัส อย่าง

จขบ.นะคะเขาไม่รู้เรื่องกัน) เจ้า ซี เอ ที บัสนี่แหล่ะค่ะตัวช่วยของเรา

ย่อเมืองและทุกสถานที่ที่อยากเที่ยวของปีนังไว้ในโคจรที่เราจะไปถึง ^^





ซึ่งป้ายที่ใกล้ที่พักที่สุดคือ

ป้ายที่ 8 ค่ะ ออกจาก Islander Lordge แล้วเลี้ยวซ้าย - ซ้าย

อีกทีจนเจอเซเว่นค่ะ ข้ามถนนไปก็นั่งรถที่ป้ายได้เลยค่ะ





ที่ป้ายที่ 8 รอ CAT bus กันค่ะ
มีความหมั่นคนข้างหลังเนาะ ผลักหน้าที่ให้เราอยู่คนเดียว



ที่ป้ายรถเราได้เพื่อนร่วมทางคนใหม่หลายคนเลยค่ะ
จากคนด้านซ้ายมือของ จขบ.ก็ได้เขานี่แหล่ะที่อธิบายการเกาะรถไปยังสถานที่ต่าง ๆ
และอีกวิดีโจากไอจีของจขบ.เองแหล่ะ ลุงทหารพูดได้ 7 ภาษามาคุยกะเราคงเห็นกลุ่มเราเป็นนักท่องเที่ยวน่ะค่ะให้คำแนะนำว่าไปลงป้าย 14 นะหนู

https://www.facebook.com/HimitsuMari/videos/211861...


และก็ลงที่ป้าย 14 ตามคำแนะนำของลุงทหาร
จริง ๆ จะลง 14 15 หรือ 16 ก็ได้แต่ลุงแนะนำว่า
14 ดีสุดเดินดูอะไรได้เยอะกว่า เชื่อเจ้าถิ่นว่างั้น ตามค่ะตาม



ข้ามถนนมาอย่างนักท่องเที่ยว เดาท่าเอานะคะ
เจอตึกเก๋นี้ ๆ เด่นเตะตามาก เก็บภาพ ๆ





เข้าซอยนี้ไป เลี้ยวซ้ายตรงมัสยิด
เจอวัดจีนเลี้ยวขวาจะเจอสตรีท อาร์ทนะคะ
จริง ๆ วันแรกก็ยังไม่สังกัปขนาดนี้นะคะ มันต้องมีแผนที่ช่วยนะคะ










เริ่มเจอค่ะ













ตรงแยกวัดจีนนี้เราเห็นวิถีชีวิตคนชัดเจนค่ะ ที่ ๆ เราเข้าใจว่า
คนจีน คนมุสลิม และ อินเดีย อยู่ร่วมกันได้
และที่

ๆ เราเริ่มหิวข้าวเย็นค่ะ เลขออกที่ร้านแขก ณ ตอนนั้นยังจำแนกแขกไม่ได้ว่า

มุสลิม หรือ อินเดีย แฮร่ เข้ามั่วอาหารที่สั่งก็จะมั่วไปด้วย กระซิบว่า

เข็ดเลยค่ะ



หมี่ที่สั่งไป คือสั่งตามพันทิปนะคะ
ใครที่บอกว่าอร่อยดี อย่าไปเชื่อค่ะ ทั้งเค็ม ทั้งเผ็ด (แหว่ะ) ดีอย่างเดียว กุ้งเยอะคต ๆ นี่คงอิ่มกุ้งมั้งคะ
อิ่มหรือเปล่านี่ยังไม่แน่ใจค่ะ แน่ใจอย่างเดียว ไม่มีอีกแน่นอน ไม่สั่งค่ะ 5555



พอค่ะ พอ
ไม่อิ่มท้อง ขอออกไปอิ่มใจข้างนอกดีกว่านะ
ความวินเทจจ๋า เธออยู่หนายยยย


















ยอมรับว่าเราเดินอย่างไม่มีแผนที่ที่เขาเรียกว่าลายแทงล่าภาพศิลป์ของปีนัง
เราก็เดินสะเปะสะปะ ของเราจนไปเจอภาพนี้เข้าให้ ดีใจค่ะตอนนั้น
แต่กว่าจะว่าง









จนมืดจนค่ำ หน้ามันและเหนื่อยแต่ก็ยังไม่อยากกลับที่พัก
ยังอยากตามหาภาพศิลป์ให้ครบ ๆ
ที่นี่ก็ปิดแล้วเช่นกันค่ะ ค่ำแล้วดัน iso ไปสุดโน่นแต่ก็ยังสนุกกับการเก็บภาพอยู่


เลี้ยวขวาแล้วเดินเรื่อย ๆ แล้วเจอกำแพงปูนสูง ๆ ให้เลี้ยวซ้าย
ตามคำของหนุ่มตุรกีเสื้อเขียวที่เดินทางมาเที่ยวตามลำพังบอกเรา เราก็ตามสิคะรออะไร เพราะเขาบอกว่ามีเด็กนั่งมอร์ไซด์รอเราอยู่ ไปตำๆ





.
.
.




อย่างน้อยคืนนี้ก็ได้รูปที่เป็นสัญลักษณ์ของปีนังไปตั้งสองรูปแหน่ะ เหนื่อยแล้วอยากกลับที่พักละ
เดินดุ่ม

ๆ ไปโผล่ Little India ได้ยินเพลงแขกนี่แทบจะลุกเต้น

และวิ่งข้ามเขาหรือแอบที่ต้นไม้ แหม่ะ !! ลืมตัว...

เราเดินแบบไม่ค่อยหลงแต่ยืน-งง อยู่ในดงอินเดียสักพักแล้วกลับค่ะ

เพราะแลแล้วไม่ใช่ทางตัวเอง --"





..............


จาก little India เราลากขาผ่าความมืดและเสียงสวดของชาวมุสลิมไปเกาะ CAT bus ที่ป้าย 16 ค่ะ
ส่วนตัวแล้วมันส์ชิบหาย คือห่างจากการลุยอะไรอย่างนี้มานานแล้ว
กลับที่พักอย่างเปรมเพราะรูปเต็มกล้อง
หลับค่ะ หลับเก็บแรงไว้วิ่งตามแพลนอีกรุ่งค่ะ

...............




ลาด้วยภาพนี้ค่ะ ที่แรกเจ็บใจที่เราถ่ายเพื่อนสวย แต่ดู๊ที่มันถ่ายเราสิ
หลัง ๆ รักอ่ะ รูปนี้
I'm faded ++




ขอบคุณที่แวะมา

ความคิดเห็น