เป็นครั้งที่เท่าไรไม่รู้ที่เราได้มีโอกาสไปเยือน "จังหวัดจันทบุรี"

จังหวัดที่ได้ชื่อว่าครบเครื่องในเรื่องการท่องเที่ยวอย่างแท้จริง

ก่อนหน้านี้เราได้รีวิวในส่วนของการเที่ยวในตัวเมืองจันทบุรีไปแล้ว (https://th.readme.me/p/22031)

คราวนี้เรามาดูสถานที่สำหรับพักผ่อนในโซนภูเขากันบ้าง................

ถ้าพูดถึงเรื่องที่พักต่างอากาศบนเขา เราเชื่อว่าคงไม่มีใครนึกถึงจังหวัดจันทบุรีซักเท่าไหร่

แต่ครั้งนี้เราจะพาไปรู้จักกับ Rabbiz Hill Resort รีสอร์ทกระต่ายที่มีแห่งเดียวในจังหวัดจันทบุรี

และยังมีดีกรีเป็นแชมป์สุดยอดบูทีครีสอร์ท

ในโครงการประกวดสุดยอดโรงแรมบูติกไทย (Thailand Boutique Awards)

ครั้งที่ 4 ปี 2559-2560 ในเขตภูเขา ประเภทอนุรักษ์ธรรมชาติสิ่งแวดล้อมอีกด้วย


เราเดินทางมาถึง Rabbiz Hill Resort กันประมาณบ่ายแก่ๆ ก้าวแรกที่เข้ามาถึงภายในบริเวณรีสอร์ทสัมผัสได้ถึงความร่มรื่นเขียวขจีของต้นไม้นานาชนิดๆ จนแอบคิดไม่ได้ว่าตอนนี้เราอยู่เขาใหญ่หรือจันทบุรีกันแน่


นอกจากความร่มรื่นแล้ว อีกหนึ่งความประทับใจก็ Welcome drink นี่แหละ ที่ไม่ว่าไปที่ไหนเราจะสนใจเจ้าสิ่งนี้เป็นพิเศษ เพราะเราว่าตรงนี้แหละที่บ่งบอกความเป็นตัวตนของที่นั่นๆ ได้อย่างดี

สำหรับที่นี่ Welcome drink คือ น้ำเสาวรส ที่ไม่เหมือนที่ไหนๆ เป็นการนำเอาผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวอย่างเสาวรส มาปรุงแต่งกับน้ำหวานให้มีรสชาติหวานนุ่มละมุน แต่ก็ยังคงกลิ่นหอมของเสาวรสอยู่


จากการบอกเล่าของพนักงาน รีสอร์ทแห่งนี้สร้างขึ้นในแนวคิดที่จะอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติ โดยที่ต่างฝ่ายต่างพึ่งพากันไม่ทำร้ายกัน และที่เราชอบมากที่สุด คือ ที่นี่จะใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ที่ทางรีสอร์ททำขึ้นมาเองโดยเน้นวัตถุดิบที่มาจากธรรมชาติ เพื่อลดการใช้สารเคมีให้ได้มากที่สุด เราจึงได้เห็นความสวยงามของธรรมชาติตลอดเส้นทางเดินภายในรีสอร์ทแห่งนี้


เรามาดูทางด้านห้องพักกันบ้าง :

แม้ว่า Rabbiz Hill Resort จะมีพื้นที่มากกว่าห้าร้อยไร่ แต่ที่นี่มีห้องพักเพียงแค่ 15 ห้อง 1 วิลล่า 4 Room Type เท่านั้น เพราะไม่ต้องการให้พื้นที่รีสอร์ทไปรบกวนพื้นที่ป่ามากเกินไป

เราไปดูกันที่ Room Type แรกกัน กับห้อง Ivory Bunny ห้องพักที่เป็น Best Seller ของที่นี่ มีขนาด 40 ตร.ม. ภายในตกแต่งด้วยไม้สักและวัสดุจากธรรมชาติ จุดเด่นของห้องนี้ คือ ห้องน้ำ ที่ถูกออกแบบมาให้ไม่มีประตู มีเพียงผ้าบางๆกั้นไว้ ให้ความรู้สึกโรมานซ์นิดๆ เพราะฉะนั้นห้อง Type นี้จึงถูกใจคู่รักเป็นพิเศษ



Room Type ที่ 2 : ห้อง Brownie Bunny

สำหรับ Type นี้มีพื้นที่การใช้สอย 42 ตร.ม. การตกแต่งจะออกโทนสีน้ำตาลนิดๆ ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย กลมกลืนไปกับธรรมมชาติ เหมือนได้หลบภัยไปอยู่ในบ้านโพรงกระต่ายจริงๆ ด้านหลังห้องมีพื้นที่ระเบียงเล็กๆ ให้ได้นั่งเล่น หรือนั่งดูดาวยามค่ำคืน จึงเหมาะสำหรับคู่รักหรือครอบครัวขนาดเล็ก


Room Type ที่ 3 : ห้อง Snowie Bunny

ห้องนี้เป็นห้องที่เราพัก การตกแต่งก็จะเน้นความเรียบง่าย และยังคง Concept ความกลมกลืนไปกับธรรมชาติเช่นเดิม จุดเด่นของห้องนี้ คือ จะไม่มีเตียง แต่จะเป็นพื้นไม้ยกสูงและใช้ฟูกปูบนนั้นแทน สามารถปูฟูกได้มากถึง 4 ที่ จึงเหมาะสำหรับผู้เข้าพักเป็นครอบครัว


ถ้าถามว่าในห้องพักเราชอบส่วนไหนมากที่สุด คำตอบก็คงเป็นผ้าเช็ดหน้านี่หละ ที่เขาบรรจงพับไห้ออกมาเป็นเจ้ากระต่ายน้อยแสนซนนี่ไง

และRoom Type สุดท้าย : ห้อง Sweetie Bunny

ห้อง Sweetie Bunny เป็นวิลล่าหลังเดียวของที่นี่ ที่มาพร้อมกับสระจากุซซี่ส่วนตัว ภายในมีห้องพัก 2 ห้อง และพื้นที่ส่วนกลางจึงเหมาะสำหรับครอบครัวใหญ่หรือกลุ่มเพื่อน

หลังจากที่เราเก็บของและสำรวจห้องพักกันเรียบร้อยแล้ว ในตอนเช็คอินพนักงานได้แนะนำเราว่า ที่นี่มีอ่างเก็บน้ำที่เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามมาก เราจึงไม่พลาดที่จะไปเก็บบรรยากาศนั้นกัน จากห้องพักเราเดินทางมาอ่างเก็บน้ำไม่ไกลเท่าไหร่ แต่สำหรับผู้สูงอายุหรือผู้ที่เดินไม่สะดวกทางรีสอร์ทก็มีรถกอล์ฟบริการรับ-ส่งฟรีด้วยนะ

ตรงนี้จะเป็นสนามหญ้าและอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่พอสมควร มีพื้นที่สำหรับนั่งพักผ่อน มีชิงช้าสำหรับเด็กๆ และมีเรือถีบให้เล่นฟรีอีกด้วย


ระหว่างที่รอพระอาทิตย์ตกดิน สายเซลฟี่อย่างเราก็ไม่พลาดที่จะเก็บภาพบรรยากาศสวยๆไว้ใน Story ของเรา โดยมีสาวน้อยจอมซนทั้งสองคนเป็นนางแบบให้



และแล้วเวลาที่เรารอคอยก็มาถึง สวยงามตามคำบอกเล่าจริงๆ เราว่าที่นี่เหมาะกับคู่รัก หรือ คู่แต่งงานใหม่ที่หาสถานที่สำหรับฮันนีมูนมาก ทั้งสวย ทั้งโรแมนติก ทั้งเงียบสงบ และเป็นส่วนตัว



เล่นสนุกจนเหนื่อย ก็ถึงเวลามื้อค่ำของเรา วันนี้เราก็ฝากท้องเอาไว้ที่ห้องอาหารของรีสอร์ทนี้ซะเลย และก็ไม่ผิดหวังนะ อาหารรสชาติดี และด้วยความที่รีสอร์อยู่บนเนินเขาทำให้อากาศดีไปอีก


สำหรับเมนูมื้อค่ำของเรา :

- ปีกไก่ทอดน้ำปลา

- ยำหิมพานต์

- หมูย่างใบชะพูล

- แกงหลน

- หมูชะมวง

- แกงจืดวุ้นเส้น หมูสับ







บรรยากาศยามเช้าของที่นี่มันก็จะสดชื่นหน่อยๆ ถ้าไม่บอกว่าที่นี่จันทบุรี คงคิดว่าเป็นรีสอร์ทบนยอดเขาทางภาคเหนือแน่ๆ นี่ขนาดเราเข้าพักในช่วงเดือนเมษายน ที่เป็นเดือนที่อากาศร้อนที่สุดของประเทศไทยแล้วนะ ยังชิลได้ขนาดนี้ ถ้าเป็นช่วงฤดูหนาวคงไม่ต้องไปเที่ยวไกลถึงภาคเหนือหรอก


สำหรับอาหารเช้า มีบริการแบบไม่อั้นเลยจริงๆ ทั้งชา กาแฟ ซีเรียล ขนมหวาน ข้าวต้ม ก๋วยจั๊บยวน และAmerican breakfast


จุดเด่นของที่นี่ นอกจากจะมีจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามแล้ว "บ้านกระต่าย" ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เรียกได้ว่าเป็น signature ของที่นี่เลย และกระต่ายบางตัวยังออกมาเดินอวดโฉมนอกกรงให้อุ้มเล่นลยก็มี เช้านี้เด็กๆเลยตื่นเช้าเป็นพิเศษ เพื่อที่จะมาป้อนอาหารกระต่ายน้อยกัน ตอนเช็คอินเราจะได้รับถุงของชำร่วยมา 1 ถุง ด้านในจะมีอาหารกระต่ายและคำแนะนำสำหรับการเข้าใกล้เจ้ากระต่าย



และอีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าสนใจของที่นี่คือ DIY Workshop ที่มีทั้งการทำผ้าบาติก การทำสลับ และการทำสบู่ ซึ่งวันนี้เราเลือกให้เด็กทำสบู่ไว้ใช้กัน เด็กๆก็จะสนุกและตื่นเต้นกับสบู่ที่มีส่วนผสมมากจากธรรมชาติของตัวเองเป็นพิเศษ ซึ่งกิจกรรมต่างๆนี้ จะมีพนักงานคอยดูแลให้อย่างใกล้ชิด




กิจกรรมนันทนาการ :

นอกจากกิจกรรมต่างๆที่กล่าวมานี้ ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ให้ได้ใช้บริการอีก เช่น สระว่ายน้ำ จักรยานเสือภูเขา และห้องซาวน่า



สำหรับการเดินทาง :

Rabbiz Hill Resort ตั้งอยู่ ณ รอยต่อ 2 จังหวัด ระยอง-จันทบุรี การเดินทางจากกรุงเทพ ใช้ทางหลวงหมายเลข 7 (กรุงเทพฯ - ชลบุรีหรือมอเตอร์เวย์) ถึงอำเภอเมืองชลบุรี (ผ่านด่านตรวจพานทอง) เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 344 (ชลบุรี - แกลง) ผ่านอำเภอบ้านบึงวังจันทร์และแกลงเลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 3 ประมาณ 18 กิโลเมตร จนถึงอำเภอแกลง แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 3406 ขับไปประมาณ 9 กิโลเมตร เลี้ยวขวาเข้าซอยเขาวงกตขับต่อไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตรก็จะถึง แรบบิท ฮิลล์ รีสอร์ท รวมระยะทางประมาณ 198 กิโลเมตร

พิกัด GPS : https://goo.gl/maps/fGWg6r34yK976B258


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ :

Websites : www.rabbizhillresort.com

Facebook : www.facebook.com/rabbizhillresort

Line ID : @rabbizhillresort


อยากเที่ยวต้องได้เที่ยว Want To Travel

 วันพุธที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2562 เวลา 20.47 น.

ความคิดเห็น